Skip to content

สู่วิถีอสุรา 1013

ตอนที่ 1013 ซู เซวียน อี!

ชั่วขณะที่ซูหมิงหลับตาลง เส้นเลือดพลันปรากฏขึ้นแน่นขนัดบนตัวเขา เส้นเลือดเหล่านี้กระจายไปทั่วร่างเขาในพริบตา กลิ่นอายชั่วร้ายและประหลาดปะทุมาจาก ตัวเขา

กลิ่นอายพลังนี้เป็นของเอ้อชาง

เขาในยามนี้ให้ร่างแยกเอ้อชางลงมาหลอมรวมแล้ว ตอนที่ลืมตาอีกครั้ง เส้นเลือดทั่วร่างยืดยาวออกมาจากในร่างกายราวกับกิ่งไม้ พลังแก่กล้าแผ่กระจายออกมาเมื่อ ซูหมิงก้าวเดินหนึ่งก้าว

‘วงแสงสองวง สิทธิ์เพียงสองคน เช่นนั้นข้าอยากรู้นักว่าหากครั้งนี้เหลือเพียง ข้าคนเดียว การแข่งขันของเจ้าจะดำเนินต่อไปอย่างไร’ ขณะซูหมิงก้าวเดิน ยอดเขาพลันสั่นสะเทือน เขากระโดดขึ้นพร้อมยกมือขวา ทันทีที่ทวนสิ้นสูญเปล่งแสงสว่างพร่างพราว ก็ถูกซูหมิงตวัดลงไปข้างล่าง

เสียงอื้ออึงดังขึ้น ทวนเล่มนี้กลายเป็นสายรุ้งยาวฉีกมวลอากาศ พริบตาเดียวก็เข้าไปอยู่ตรงหน้าวิญญาณร้ายตนหนึ่ง วิญญาณร้ายตนนั้นร้องคำราม ยกสองมือขึ้นคว้าไปยังทวนสิ้นสูญ

ทว่าทันทีที่สองมือปะทะกับทวนยาว แขนสองข้างพลันระเบิดกระจายออก ระหว่างที่มันร้องโหยหวน ทวนสิ้นสูญทะลวงผ่านหน้าอกมัน เกิดเสียงครึกโครมดังขึ้น ทวนยาวปักร่างมันไว้กับตัวภูเขา เมื่อทวนยาวส่งเสียงหึ่งๆ วิญญาณร้ายตนนั้นก็ร้องโหยหวนดังขึ้นกว่าเดิม จนกระทั่งเงียบหายไป

‘ยังเหลืออีกห้า’ ซูหมิงพุ่งไปข้างหน้า กลายเป็นร่างสีม่วงพุ่งไปหาวิญญาณร้ายเหล่านั้นอย่างรวดเร็ว เดิมทีวิญญาณร้ายพวกนั้นกำลังเข่นฆ่ากันอยู่ ไม่ได้สนใจการตายของวิญญาณร้ายตนหนึ่งแม้แต่น้อย ขณะที่พวกมันวนเวียนรอบวงแสงและเข่นฆ่ากัน ซูหมิงก็พลันเห็นอีกครั้งว่า…

ในวงแสงหนึ่งในนั้น มีวิญญาณร้ายที่ตรงยอดศีรษะมีขนสีขาวหย่อมหนึ่ง ข้างกายมันไม่มีใครมาแย่งชิง มันเดินเข้าไปในวงแสงอย่างสงบนิ่ง ตอนที่ยืนอยู่ตรงนั้น วิญญาณร้ายรอบๆ ต่างไม่มองมัน เหมือนกับว่า…จุดที่มันอยู่คือแดนต้องห้ามของวิญญาณร้ายตัวอื่น

มันมีสีหน้าสงบนิ่ง เหมือนไม่มีเรื่องใดที่ต้องสนใจ ต่อให้เป็นซูหมิง มันก็เพียงสบตาครู่หนึ่งก่อนหน้านี้เท่านั้น ก่อนจะเมินเฉยไป

วิญญาณร้ายที่ส่งผลกระทบรุนแรงกับคนที่ถูกสูบความทรงจำไปอย่างต่อเนื่องเหล่านี้ถึงขั้นควบคุมการกระทำพวกมันได้ ความลึกล้ำของความทรงจำชนิดนี้ไม่ใช่การจดจำแบบธรรมดา แต่เหมือนประทับอยู่กลางวิญญาณ

สามารถทำแบบนี้ได้ มีอยู่ความเป็นไปได้เดียว!

‘ในการแข่งขันของมู่หยาทุกครั้งภายในมิตินี้ เป็นมัน…ที่เหลือคนสุดท้ายตลอด ทุกครั้งเป็นมัน ไม่เคยเกิดเรื่องไม่คาดคิดใดๆ วิญญาณร้ายตัวอื่นถูกมันสังหารหลายต่อหลายครั้ง จึงเกิดความเกรงกลัวประเภทที่ประทับลงในจิตวิญญาณ

ดังนั้นมันจึงยังมีสติปัญญาอยู่ เพราะรางวัลอันดับหนึ่งทุกครั้งก็คือ…จะไม่ถูกสูบความทรงจำใดๆ’ ซูหมิงหรี่ตาลงครู่หนึ่ง หลังจากมองวิญญาณร้ายขนสีขาวอย่างลึกซึ้งแวบหนึ่งแล้ว ก็พุ่งไปยังจุดที่วิญญาณร้ายสี่ตนกำลังเข่นฆ่ากัน

ประหนึ่งว่าสังเกตเห็นอำนาจคุกคามรุนแรงจากซูหมิง วิญญาณร้ายสี่ตนที่กำลังฆ่ากันอยู่ต่างหมุนตัวกลับพร้อมกัน พอเห็นซูหมิงแล้ว พวกมันสี่ตนจึงพุ่งมาหาเขาอย่างพร้อมเพรียง

เมื่อต้องเผชิญหน้ากับวิญญาณร้ายสี่ตนที่ร่วมมือกันอย่างชัดเจนนี้ ซูหมิงแค่นเสียงเย็นชา สองฝ่ายยังไม่ทันเข้าใกล้กัน ซูหมิงก็ยกมือขวาตบถุงเก็บวัตถุ คันศรยาวโผล่ขึ้นในมือซ้ายทันที

คันศรนี้คือสมบัติที่เขาได้มาจากสนามรบของเผ่าดินทราย ยามนี้เมื่อถือมันไว้ในมือ ซูหมิงใช้มือขวาง้างสายคันศร เสียงหวืดดังขึ้น มีลูกธนูดินทรายสามดอกรวมขึ้นจากอากาศแล้วพุ่งออกไป

ลูกธนูสามดอกส่งเสียงดังพร้อมกัน เสียงนี้แหลมเสียดแก้วหู และยังมีเสียงทะลวงอากาศดังก้อง พวกมันทะยานตรงไปยังวิญญาณร้ายสามในสี่ตน!

เสียงโครมครามดังกึกก้อง วิญญาณร้ายสามตนนั้นเพิ่งคิดจะหลบ ลูกธนูสามดอกนั้นก็ระเบิดออกพร้อมกัน ก่อเป็นแรงปะทะทำให้วิญญาณร้ายสามตนความเร็วชะงักไป

ดังนั้นแล้ว วิญญาณร้ายตัวสุดท้ายที่โผล่ออกมาจึงกลายเป็นตัวเดียวที่ต้องเผชิญหน้ากับซูหมิง

ซูหมิงไม่แปลกตากับวิญญาณร้ายตนนี้ มันก็คือตัวที่กระชากเหนียนอิ๋นไปตอนอยู่ในหมอกตอนแรก และยังตะโกนออกมา

สองฝ่ายเข้าใกล้กันในพริบตา เสียงโครมครามดังสนั่นฟ้าดิน วิญญาณร้ายตนนั้นคำรามเสียงแหลม แต่ร่างกายกลับหยุดชะงักกลางอากาศ ส่วนซูหมิงขยับวูบผ่าน ข้างกายมันไป

ตอนที่ซูหมิงบินไกลออกไป วิญญาณร้ายกลางอากาศตัวนี้หัวระเบิดออก ร่างตกลงบนยอดเขา แล้วแน่นิ่งไป

ต่อมาซูหมิงก็พุ่งไปหาวิญญาณร้ายสามตนที่ความเร็วช้าลงเพราะลูกธนูสามดอกเมื่อครู่นี้ทันที ช่วงที่เข้าไปใกล้ เขากำผึ้งพิษผนึกจิตไว้ในมือขวา เหล็กในจึงทิ่มแทงเข้าไปในตัวเขา

การหลั่งของน้ำหวานดอกผนึกจิตทำให้ซูหมิงเงยหน้าขึ้น เส้นเลือดบนใบหน้าแน่นขนัด พลังชีวิตที่น่าเกรงขามและทรงพลังไหลผ่านร่างกาย ดวงตาเขาจึงเต็มไปด้วยโลหิต ก่อนจะเดินหน้าหนึ่งก้าวทะยานเข้าไป

ความรู้สึกที่ระบายไม่ออก ร่างกายเหมือนจะถูกบีบให้ระเบิดกระจุย ทำให้ซูหมิงเกิดความเจ็บปวดไปทั่วร่างจนไม่อาจรับไหว ท่ามกลางความเจ็บปวดรุนแรงนี้ เขามีความรู้สึกว่าทั่วร่างกำลังเผาไหม้ ร่างเอ้อชางในร่างกายก็ถูกน้ำหวานดอกผนึกจิตกระตุ้นเช่นกัน ประหนึ่งว่า…จะเกิดการเปลี่ยนแปลงที่ซูหมิงคาดไม่ถึงขึ้น

การเปลี่ยนแปลงเช่นนี้มีสาเหตุมาจากเสียงกึกๆ ในร่างกายซึ่งมีเพียงซูหมิงที่ได้ยิน

การเปลี่ยนแปลงเช่นนี้ทำให้ซูหมิงที่เดิมทีเตรียมจะรับมือกับวิญญาณร้ายสามตนและอาศัยจังหวะนั้นสังหารอีกหนึ่งตน จากนั้นก็ใช้วิชาภาพมายาตะวันจันทราและดารา จำต้องล้มเลิกแผนการนี้ไปทันที

เดิมทีเขาตั้งใจว่าใช้อภินิหารวิชาสังหารไปหนึ่งตนแล้ว อีกสองตนที่เหลือก็จะง่ายขึ้น

แต่ตอนนี้ เมื่อเกิดการเปลี่ยนแปลงกับร่างแยกเอ้อชาง ความรู้สึกคล้ายทั่วร่างจะระเบิดออกรุนแรงถึงขีดสุดทันใด เขารู้สึกชัดว่าหากไม่ระบายออกไป ครั้งนี้ร่างกายเขาต้องระเบิดออกแน่นอน

นี่คือสิ่งที่เขาไม่เคยคาดคิดมาก่อน สิ่งที่เขาไม่รู้คือก่อนหน้านี้ตอนที่ช่วยย่วนเว่ย ในร่างกายก็มีน้ำหวานดอกผนึกจิตอยู่จำนวนมากแล้ว ถึงจะถูกกำราบไว้ หากมีเวลามากสักหน่อย ก็ค่อยๆ ดูดรับและหลอมได้ แต่ยามนี้เวลาห่างกันสั้นนัก พอใส่น้ำหวานดอกผนึกจิตเข้าไปอีกครั้ง จึงกระตุ้นมันให้เดือดพล่านในร่างกายอย่างสมบูรณ์

สิ่งเหล่านี้เองที่สร้างภยันตรายต่อร่างกายเขาตอนนี้ และก็เป็นอันตรายนี้กับน้ำหวานดอกผนึกจิตจำนวนมาก จึงทำให้ร่างแยกเอ้อชางในร่างกายเกิดการเปลี่ยนแปลงเช่นนั้น

ซูหมิงไม่รู้ว่าการเปลี่ยนแปลงนี้ดีหรือไม่ เขาไม่มีเวลาทันตรึกตรองมากนัก เพราะวิญญาณร้ายร้ายสามตนนั้นร้องคำรามและตรงเข้ามาใกล้แล้ว ระลอกคลื่นพลังจากตัวพวกมันยังเผยพลังที่แกร่งที่สุด เหมือนคิดจะสังหารซูหมิงในครั้งเดียว!

ซูหมิงตาแดงก่ำ ช่วงที่ภยันตรายมาถึง เขาไม่ลังเลอีก คล้อยตามการเปลี่ยนแปลงจากเอ้อชางตามเจตนาในร่างเอ้อชางไปทั้งหมด!

ชั่วขณะที่ซูหมิงเลือกคล้อยตาม ความเจ็บปวดทั่วร่างมาเยือนอีกครั้ง โลหิตไหลออกจากร่าง ก่อนมีกิ่งไม้สีม่วงอมแดงหลายกิ่งงอกออกมาจากในตัวเขา!

ขณะตกอยู่ในความเจ็บปวด ซูหมิงพบสิ่งน่าตะลึงอย่างหนึ่ง ร่างแยกเอ้อชางที่เดิมทีหลอมรวมในตัวเขาเป็นร่างคน แต่ตอนนี้สิ่งที่อยู่ในตัวเขากลับเปลี่ยนเป็น… ร่างจริงของเอ้อชาง!

ในโลกภายนอกมันควรจะใหญ่ยักษ์อย่างยิ่ง สามารถกินพื้นที่ฟ้ากระจ่างดาว ตอนนี้กลับหดลงไม่รู้กี่เท่าและมาอยู่ในร่างกายเขา

นี่คือการเปลี่ยนแปลงจากเอ้อชาง และคือเกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่สำหรับ ซูหมิงด้วย

ขณะเดียวกัน วิญญาณร้ายสามตนเข้ามาใกล้ เกิดเสียงระเบิดครึกโครมขึ้น ช่วงที่เสียงสนั่นหวั่นไหวดังไปรอบๆ ก็มีเสียงร้องโหยหวนแหลมเล็กไร้ที่เปรียบดังขึ้น ดังสนั่นอย่างบ้าคลั่งกลางฟ้าดินในระดับที่เหนือกว่าวิญญาณร้ายตนอื่นหลายเท่า

เพียงแค่ได้ยินเสียงแหลมนั้นก็มากพอจะทำให้คนขนหัวลุกได้ ไม่รู้ภายในซ่อนความเจ็บปวดและความน่าเวทนาที่ไม่อาจบรรยายไว้มากเท่าไร

กระทั่งตอนนี้ วิญญาณร้ายที่ตรงศีรษะมีขนสีขาวหย่อมหนึ่งเข้าไปยืนในวงแสงแล้ว เดิมทีมันมีสีหน้าสงบนิ่ง เหมือนทุกอย่างรอบตัวไม่มีสิ่งใดทำให้มันสนใจ ต่อให้เป็นซูหมิงก็ยังถูกเมินเฉย ยามนี้มันหรี่ตาลง จ้องซูหมิงตาเขม็ง ลมหายใจพลันกระชั้นขึ้นมา หนำซ้ำแววตายังดูเหลือเชื่อ

ไม่เพียงแค่มัน ในเวลาเดียวกับที่ร่างเอ้อชางในร่างซูหมิงเกิดการเปลี่ยนแปลง ครั้งใหญ่ กิ่งไม้นับไม่ถ้วนก็ยืดขยายออกมาจากร่างกาย เสียงแหลมที่ไม่ใช่ของ ซูหมิงกึกก้องจนเสียงโครมครามจากรอบๆ กลบไว้ไม่อยู่ ภายในหมอกข้างบน ชายชรามู่หยาที่กำลังมองการเข่นฆ่าข้างล่างราวกับกำลังว่าง เดิมทีเขานั่งขัดสมาธิอยู่ แต่ในชั่วขณะนี้กลับลุกพรวดขึ้น

มวลอากาศรอบตัวเขาบิดเบี้ยว เส้นผมปลิวไสวเองแม้ไร้ลม ในดวงตาฉายแววตกใจอย่างที่พบเห็นได้ยาก ลมหายใจกระชั้นกว่าเดิม นัยน์ตาขยับประกายวูบผ่านอย่างรวดเร็ว

“นะ…นี่….”

‘เผ่ายมโลก ไม่อาจยึดร่างเก้ายอดสิ่งมีชีวิตในเพลงกลอนของผู้เฒ่าเมี่ยเซิงได้ นี่คือเรื่องต้องห้ามอย่างเด็ดขาด เดิมทีเด็กคนนี้ยึดร่างเอ้อชางก็ถือว่าสุดยอดอย่างยิ่งแล้ว

แต่ถึงอย่างไรเอ้อชางก็ไม่สมบูรณ์ เป็นเพียงส่วนเดียวเท่านั้น ถึงการยึดร่างจะสุดยอด แต่ก็ยอมรับได้เช่นกัน ทว่าร่างเอ้อชางเป็นของกฎเกณฑ์ ไม่ใช่ของเด็กคนนี้อย่างแน่นอน ภายภาคหน้าหากเอ้อชางสมบูรณ์ เด็กคนนี้จะถูกกฎจำกัด หากไม่ถูกเอ้อชางแว้งกัดก็ต้องแหลกเป็นเสี่ยงๆ

แต่ถึงกระนั้น…เขายังหลอมรวมกับจิตสำนึกของเอ้อชางนี้ได้อย่างสมบูรณ์แบบ ไม่อยากเชื่อว่าเอ้อชางส่วนนี้จะยกระดับชีวิตขึ้นไปอีก และใช้ร่างส่วนหนึ่งรับขั้น พลังชีวิตของร่างที่สมบูรณ์แบบ!

จากนี้ไปจะหลอมรวมเป็นหนึ่งเดียว ไม่มีการแยกออกอีก เขาก็คือเอ้อชาง เอ้อชางก็คือเขา นี่คือความจริงที่กฎไม่อาจเปลี่ยนแปลง ต่อให้ภายภาคหน้าเอ้อชางครบสมบูรณ์แล้วก็ยังเป็นเช่นนี้!’

ช่วงที่มู่หยาตกตะลึง ทันใดนั้นฟ้าดินโคลงเคลง เกิดเค้าลางจะพังถล่มลง กระทั่งไม่ใช่เพียงที่นี่ ทั้งเตาหลอมลำดับห้ากำลังสั่นไหว ด้วยอภินิหารของชายชรา เขายังสังเกตเห็นอีกว่าฟ้ากระจ่างดาวนอกเตาหลอมลำดับห้าหรือทั้งมหาโลกสามรกร้างกำลังสั่นไหวพร้อมกันในตอนนี้

การสั่นไหวเช่นนี้ทำให้สี่มหาโลกแท้จริงและทั้งมหาโลกสามรกร้างเกิดเสียงดัง อื้ออึง ผืนฟ้าเกิดระลอกคลื่น ดวงดาวสั่นไหว จักรวาลเหมือนจะหลับตามอดดับไป

โดยเฉพาะในแดนประหลาดวงแหวนบูรพาแห่งแดนรกร้างต้นกำเนิดจิต วิญญาณเอ้อชางที่เหลืออยู่ต่างคำรามพร้อมกัน ภายในเสียงคำรามมีความหวาดกลัวอย่างไร้ที่สิ้นสุดอยู่

‘ซูเซวียนอี จะ….เจ้าทำอะไรเพื่อเด็กคนนี้กันแน่?’ ชายชราใจสั่นไหวรุนแรง เขาคิดจะยกมือขวาขึ้นตามสัญชาตญาณ นัยน์ตาเผยจิตสังหารคมกริบ

‘ข้าคือหนึ่งในผู้ตรวจการแห่งมหาโลกสามรกร้าง มีหน้าที่ทำลายสิ่งมีชีวิตทุกชนิดที่รบกวนกฏเกณฑ์ การคงอยู่ของเด็กคนนี้รบกวนการเปลี่ยนแปลงของกฎแล้ว!’

ทว่าชั่วขณะที่เขากำลังจะลงมือ เขากลับหน้าเปลี่ยนสีอีกครั้ง ก่อนเงยหน้าจ้องท้องฟ้าตาเขม็ง ชั่วขณะที่มีสีหน้าหวาดกลัวอย่างยิ่ง เขาเอ่ยออกมาเพียงสามคำ

“ซูเซวียนอี!”

ฟ้าดินสั่นสะเทือนเลื่อนลั่น มีผลให้ทั้งเตาหลอมลำดับห้าปะทุทะเลเพลิงมหาศาลออกมาในทันที!

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version