ตอนที่ 838 การหลับใหลก่อนเกิดใหม่
ยึดร่างสำเร็จ!
ทันทีที่ซูหมิงยึดร่างถึงร้อยส่วน ดวงจิตเอ้อชางพลันแห้งเหี่ยว หายไปในพริบตา และถูกวิญญาณซูหมิงเข้ามาแทนที่โดยสมบูรณ์ ทำให้ต้นไม้ใหญ่เอ้อชางสีม่วงกลายเป็นร่างแยกของเขานับจากนี้ไป!
ตอนนี้เอง ช่วงที่ซูหมิงยึดร่างได้อย่างสมบูรณ์แบบ ความทรงจำเก่าแก่มหาศาลหลั่งทะลักเข้าสู่วิญญาณเขาราวกับเขื่อนแตก
ความทรงจำนี้ยุ่งเหยิงอย่างยิ่ง ทำให้วิญญาณซูหมิงเกิดความรู้สึกว่าขยายตัวอย่างรุนแรง และเกิดความแสบร้อน เหมือนกับวิญญาณกำลังถูกประทับตราความทรงจำเหล่านี้ลงไปลึกๆ ความเจ็บปวดเช่นนั้นสุดจะบรรยาย…ทว่าขณะเดียวกับที่เกิดความเจ็บปวด เขาก็รู้สึกอย่างชัดเจนว่าวิญญาณตนกำลังขยายใหญ่ขึ้นอย่างรวดเร็ว เมื่อความทรงจำเหล่านั้นรวมกัน ระหว่างวิญญาณเขาแกร่งขึ้นเรื่อยๆ เขารู้สึกว่าขั้นพลังตนเกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่
เขาเหมือนเข้าใจการแปรเปลี่ยนของฟ้าดินในพริบตา จุดที่ความคิดถึงทางตันเปิดออกทั้งหมดในตอนนี้
ภายในฟ้ากระจ่างดาวแสนแห่ง ทะเลสีทองแสนแห่ง ต้นไม้เอ้อชางแสนต้นบนดาวแสนดวงพากันสั่นไหว วิญญาณเขาในตอนนี้ยังรู้สึกว่าตนกลายเป็นเอ้อชาง เขาพลันรู้สึกว่านอกฟ้าทั้งแสนแห่งยังมีผืนฟ้าดวงดาวอยู่อีกจำนวนมาก
ในฟ้าเหล่านั้นมีดวงจิตระดับพอๆ กับเขาอีกเก้าดวง ทุกดวงจิตแฝงไว้ด้วยพลังแห่งฟ้าแสนแห่ง ตอนนี้กำลังรวมกันออกมา วนเวียนอยู่รอบฟ้ากระจ่างดาวทั้งแสนของซูหมิง ราวกับจะพุ่งเข้ามา ทว่ากลับยังวนเวียนอยู่
ไม่ต้องคิดอะไรมาก ซูหมิงก็คาดการณ์ได้ว่าดวงจิตที่วนเวียนอยู่รอบๆ นี้ก็คือเก้าส่วนที่เหลือหลังจากต้นไม้ใหญ่เอ้อชางแยกตัวออก
ตอนนั้นเอ้อชางกลายเป็นสิบส่วน พวกมันอาศัยแดนประหลาดวงแหวนบูรพารักษาตัว หากซูหมิงไม่ปรากฏกาย บางทีอีกนานหลังจากนี้ ระหว่างพวกมันจะเกิดการกินกันเองแล้วรวมออกมาเป็นเอ้อชางที่แท้จริง ทว่าพอซูหมิงมาเยือนและยึดร่างเอ้อชางสีม่วงสำเร็จ ก่อนเอ้อชางสีม่วงจะตาย มันปล่อยระลอกคลื่นออกไป ทำให้ดวงจิตอีกเก้าดวงมาที่นี่ อยากจะเริ่มกลืนกินก่อนเวลา
หากซูหมิงถูกขัดขวางในช่วงเวลาสำคัญตอนที่รวมร่างแยก และถูกดวงจิตเก้าดวงกลืนกิน เช่นนั้นต่อให้เขายึดร่างเอ้อชางสีม่วงแล้ว ผลลัพธ์ก็ยังไม่มีอะไรดีต่อเขาเลย ทำได้เพียงเป็นหนึ่งในวิญญาณของเอ้อชางตัวจริง
เดิมทีดวงจิตเก้าดวงนี้จะแผ่ขยายมาถึงฟ้ากระจ่างดาวแสนแห่งของเอ้อชางสีม่วง จากนั้นกลืนกินอย่างเหี้ยมโหด จนกระทั่งหลังจากเอ้อชางสีม่วงที่ซูหมิงยึดครองถูกกินไปจนหมดแล้ว ดวงจิตเก้าดวงนี้ก็จะแกร่งขึ้นมาก
กระทั่งก่อนตาย เอ้อชางสีม่วงยังส่งกระแสจิตให้ดวงจิตทั้งเก้าทำเช่นนี้ เพราะมันกับวิญญาณเอ้อชางอีกเก้าดวงเคยมีสัญญาวิญญาณกันอยู่ ก่อนที่พวกมันวิญญาณสิบส่วนจะฟื้นฟูกลับมาอย่างสมบูรณ์ พวกมันจะไม่กินกันเอง ต้องรอให้ต่างฝ่ายต่างฟื้นกลับมาสมบูรณ์ก่อนค่อยเริ่ม แบบนั้นจะถือกำเนิดเป็นเอ้อชางที่แข็งแกร่งยิ่งกว่า และไม่มีอาการบาดเจ็บใดๆ เลย
ฉะนั้นหากไม่มีกระแสจิตของเอ้อชางสีม่วง วิญญาณเอ้อชางอีกเก้าส่วนจะไม่มา แต่ต่อให้เป็นเอ้อชางสีม่วงที่ซูหมิงยึดร่างก็คงนึกไม่ถึง การยึดร่างของซูหมิงไม่ใช่การลบวิญญาณในแบบดั้งเดิม ซึ่งต้องการยึดร่างของอีกฝ่ายเท่านั้น ฉะนั้นมันจึงคำนวณผิดพลาดแล้ว
การยึดร่างแบบดั้งเดิมจะทำให้ดวงจิตเก้าดวงนี้ขับไล่ได้อย่างดีเยี่ยม มันจะพุ่งเข้ามากลืนกินซูหมิงได้ทันที ทว่าการยึดร่างของซูหมิงคือวิชาพรสวรรค์ของเผ่ายมโลก การยึดร่างนี้ไม่ใช่เพียงร่างกาย แต่ยังมีวิญญาณด้วย ถึงขั้นยังได้รับตราประทับชีวิตมา โดยการรวมหนึ่งร่างขึ้นมาใหม่ภายในตัวเอ้อชางสีม่วง ร่างกายนี้ไม่ว่ากลิ่นอายพลังหรือสัญญาณชีวิตทุกอย่าง จะเป็นของเอ้อชางทั้งหมด
เหมือนกับตอนนั้นที่ซูหมิงยึดร่างหนึ่งในหงส์งูเพลิงสามตัว อีกสองตัวที่เหลือต่างไม่รู้อะไรเลย กลับคิดว่าซูหมิงเป็นสหายของพวกมัน กระทั่งกลิ่นอายพลังยังไม่เปลี่ยนไป
นี่…ก็คือการยึดร่างของเผ่ายมโลก!
และเป็นจุดสำคัญที่ต่อให้เอ้อชางสีม่วงตายแล้วก็ยังพ่ายแพ้!
การยึดร่างของเผ่ายมโลก จะให้กล่าวจริงๆ คือแบ่งเป็นสามขั้นตอน ขั้นตอนแรกคือใช้หลอกปนจริง นี่คือสภาวะเริ่มต้น มองได้ว่าเป็นการบุกรุกของวิญญาณ อย่างเช่นเอ้อชางสีม่วงเมื่อครู่นี้ อย่างเช่นตอนหงส์งูเพลิงกินวิญญาณซูหมิง
หลอกในที่นี้คือวิญญาณซูหมิง ส่วนจริงเปรียบเทียบเป็นกายและใจของอีกฝ่าย
ส่วนขั้นตอนที่สองก็คือการหลอกด้วยการปกปิดความจริง ยึดกายและใจไปจนถึงตราประทับชีวิตของอีกฝ่ายโดยสมบูรณ์ แม้แต่รูปแบบชะตายังถูกยึดไปเป็นของตัวเอง เหมือนกับการเปลี่ยนดวงตะวันและจันทราบนฟ้า ซูหมิงในตอนนี้สำเร็จขั้นตอนนี้แล้ว เป็นการเปลี่ยนดวงตะวันจันทราหลังยึดร่างสำเร็จ
จุดสำคัญคือการเปลี่ยน ไม่ใช่การลบ เพราะเหตุนี้ถึงจึงมีขั้นตอนที่สาม
เปลี่ยนของเสียให้เป็นของดี
ของเสียหมายถึงอดีต ของดีหมายถึงอนาคต การเปลี่ยนระหว่างของเสียกับของดีก็เหมือนการเกิดใหม่ อาศัยของเสียแห่งอดีตกำเนิดใหม่เป็นสิ่งอัศจรรย์อย่างหนึ่ง
ตอนนี้ซูหมิงกำลังดำเนินขั้นตอนนี้อยู่
กล่าวจากในความหมายบางอย่าง ซูหมิงกับเอ้อชางไม่มีความต่างด้านคุณสมบัติอะไรมากนัก กระทั่งในสภาพจิตสำนึกบางอย่าง พวกเขา…เหมือนกัน!
เอ้อชางกำเนิดโดยอาศัยการตายของซุ่ยเฉินจื่อและการกินต้นกำเนิดจิต ส่วนซูหมิงก็เกิดใหม่จากในตัวเอ้อชาง สูบกินทุกอย่างที่เอ้อชางกินมาและยังกินเอ้อชางเข้าไปอีก กระทั่งมองจากอีกมุมมองหนึ่ง เผ่ายมโลกวางอำนาจบาตรใหญ่ยิ่งกว่าเอ้อชางเสียอีก
เพราะว่า…
“เจ้าถือกำเนิดจากการกินต้นกำเนิดจิต ข้าก็มีชีวิตเพราะกินชีวิตของเจ้าเอ้อชาง” ซูหมิงพึมพำเบาๆ หลังจากที่ความทรงจำยุ่งเหยิงราวพายุคลั่งประทับตราลงในจิตใจต่อเนื่องกัน เขาก็เข้าใจในพรสวรรค์การยึดร่างของเผ่ายมโลกลึกซึ้งยิ่งกว่าเดิม
ถึงอย่างไรตั้งแต่โบราณกาลมา ในเผ่ายมโลกก็มีซูหมิงเพียงคนเดียวที่สามารถกลืนกินสิ่งมีชีวิตหนึ่งเดียวในโลกนี้อย่างเอ้อชางได้!
“เผ่ายมโลก…เหมือนกับปลากินกุ้งฝอยเพื่อมีชีวิตรอด ทว่าปลาตัวใหญ่กลับกินปลาด้วยกันเองเพื่อมีชีวิต ปลาใหญ่กินปลาเล็ก…ไม่นึกเลยว่าสำนวนนี้จะใช้ได้ไม่มีสิ้นสุดในพรสวรรค์ของเผ่ายมโลก” ในฟ้ากระจ่างดาวแสนแห่ง เส้นใยกับหัวใจสีดำในต้นไม้ใหญ่เอ้อชางสีม่วงทั้งแสนต้น ตอนนี้แปรเปลี่ยนเป็นใบหน้าซูหมิงแสนใบหน้า ขณะกล่าวพึมพำก็เจอสาเหตุที่ดวงจิตเก้าดวงวนเวียนอยู่รอบๆ
‘ในความรู้สึกพวกมัน กลิ่นอายพลังของข้าไม่ต่างอะไรกับเอ้อชางสีม่วงมากนัก แต่เพราะขั้นตอนที่สามยังไม่สมบูรณ์เลยต่างไปเล็กน้อย ดังนั้นถึงพวกมันเลยวนเวียนอยู่รอบๆ อย่างลังเล แต่ก็ไม่น่าจะจากไป
สถานการณ์ตอนนี้ ต้องดำเนินขั้นตอนที่สามในการยึดร่างให้สำเร็จก่อน หลังจากเปลี่ยนของเสียเป็นของดีแล้วถึงจะสิ้นสุดลง…’ ดวงตาบนใบหน้าทั้งแสนของซูหมิงขยับประกายพร้อมกัน และยังฉายแววเย็นเยียบ
‘ข้าต้องการเวลา บางทีอาจไม่นาน แต่บางทีก็อาจนานมาก อีกอย่างวิญญาณข้าจะหลับใหลตามไป ถึงอย่างไร…เอ้อชางสีม่วงก็ไม่เหมือนหงส์งูเพลิงที่รวมออกมาเป็นร่างแยกได้ทันที เอ้อชางสีม่วงใหญ่เกินไป…
ในขั้นตอนที่อาจนานหรือไม่นานนี้ ดวงจิตเก้าดวงมีอำนาจคุกคามอยู่ หากพวกมันยังวนเวียนอยู่ตลอด ข้าคงเอาชีวิตมาเดิมพันว่าพวกมันจะไม่กินข้าไม่ได้ ดีที่มีเศษหินสีดำอยู่ เมล็ดพันธุ์แห่งการทำลายล้างที่เอ้อชางสีม่วงเอ่ยถึง ดูจากความหมายมันแล้ว น่าจะอยู่ในยุคสมัยเดียวกับกระเรียนขนร่วง ฉะนั้นในคำพูดของเอ้อชางก่อนหน้านี้ถึงมีคำว่า ‘เหมือนกัน’
‘ไม่อยากเชื่อว่าจะพ่ายแพ้ ‘เหมือนกัน’…’
‘หลังจากข้ายึดร่างเอ้อชางสีม่วง ความลับในยุคสมัยโบราณของซุ่ยเฉินจื่อจะค่อยๆ ปรากฏในโลกของข้า ตอนนี้ข้าไม่มีการบงการจากดวงจิตในแดนมรณะหยินแล้ว ทั้งยังไม่มีแผนการและการควบคุมจากตี้เทียน จากนี้ไป…ข้าจะเป็นตัวข้าเอง!
สิ่งที่ต้องสนใจเพียงอย่างเดียวคือ…ตี้เทียนไม่น่าจะยอมให้แผนการจ้องหาโอกาสจากเผ่ายมโลกล้มเหลว ในเมื่อเขาควบคุมวิญญาณข้าไม่ได้ เช่นนั้นเขาจะต้องเลือกลงความแค้นกับกายเนื้อข้าในแดนเซียนอย่างเต็มที่แน่นอน เพราะเขารู้ว่ากายเนื้อข้าคือรากฐาน สุดท้ายแล้วข้าต้องไปเอากลับมา เฝ้ากายเนื้อข้าก็เท่ากับกุมชีพจรข้าเอาไว้
ทว่า….กายเนื้อเป็นชีพจรของข้า และก็เป็น…ชีวิตของตี้เทียนเช่นกัน!’ ซูหมิงในตอนนี้ต่างกับเมื่อก่อน ความต่างนี้ราวปลาตัวหนึ่งกลับสู่มหาสมุทร ประหนึ่งพยัคฆ์กลับป่าเขา คล้ายมังกรกลับสู่ชั้นเมฆ นั่นคือความเชื่อมั่นในตัวเองกับพลังที่เกิดขึ้นมาเองหลังจากที่ไม่ถูกคนอื่นควบคุมชะตาชีวิต และได้กุมโชคชะตาของตัวเอง
ตอนนี้ซูหมิงคือซูหมิงอย่างแท้จริง
ขณะกล่าวพึมพำกับตัวเอง เศษหินสีดำพลันปะทุขึ้น แล้วสร้างออกมาเป็นวิญญาณและกลิ่นอายพลังของเอ้อชางตามความคิดเขา หลังจากเสริมวิญญาณกับกลิ่นอายพลังที่ไม่เพียงพอเนื่องจากตอนนี้ยังยึดร่างไม่สำเร็จขั้นตอนที่สาม ซูหมิงก็ส่งกระแสจิตออกไป
“มีคนจะยึดร่างข้า เกือบจะสำเร็จ…แต่สุดท้ายก็ล้มเหลว ข้า…ยังเป็นข้าอยู่ สัญญาระหว่างวิญญาณของพวกเรายังมีผล ตอนนี้…ออกไปจากฟ้ากระจ่างดาวแสนแห่งของข้าเสีย!
พวกเรายังไม่ถึงช่วงเวลาสุดท้ายที่จะหลอมรวมกัน!” ขณะกระแสจิตซูหมิงกับกลิ่นอายพลังวิญญาณเอ้อชางจากเศษหินกระจายออกไป ดวงจิตวิญญาณเก้าดวงที่วนเวียนอยู่นอกฟ้าแสนแห่งก็ค่อยๆ หายไป ครู่ต่อมาก็หายไปจากสัมผัสซูหมิง
เมื่อดวงจิตเก้าดวงหายไป บริเวณขอบฟ้าแสนแห่งของซูหมิงเริ่มเกิดเค้ารางว่าจะหลอมรวมกัน ฟ้าแสนแห่งกำลังกลายเป็นหนึ่งเดียว
ในเวลาเดียวกัน ต้นไม้เอ้อชางแสนต้นก็มีทีท่าจะรวมกันหลังจากฟ้ากระจ่างดาวค่อยๆ ผสานรวม ส่วนวิญญาณซูหมิงเข้าสู่ห้วงการหลับใหลทีละน้อย
“ตอนที่ข้าตื่นขึ้นอีกครั้ง ข้ารู้สึกได้ว่าอีกร่างแยกของข้าจะแข็งแกร่งขึ้นมาก ขั้นพลังจะเหนือกว่าตอนนี้ ร่างแยกเอ้อชางของข้า…จะกลายเป็นรากฐานที่แกร่งที่สุดในอนาคต! ข้าจะเฝ้ารอ….ตอนที่ข้าตื่นขึ้น…ข้าจะต่างกับอดีตที่ผ่านมา!”
ซูหมิงกล่าวเสียงเบา ใบหน้าจากเส้นใยสีดำแสนใบหน้าค่อยๆ หลับตาลง การหลอมรวม การเกิดใหม่ โชควาสนา การผสานรวมครั้งสุดท้ายของร่างแยกเอ้อชางครั้งนี้ เริ่มต้นขึ้นแล้ว