Skip to content

สู่วิถีอสุรา 1017

ตอนที่ 1017 เชิญน้ำเต้าล้ำค่า

เสียงครึกโครมดังติดต่อกันราวสิบสองกว่าลมหายใจถึงค่อยๆ สงบลง มวลอากาศบิดเบี้ยวที่เกิดจากแรงปะทะของที่นี่ก็กลับมาเป็นปกติทีละนิด

ยอดเขายังคงเป็นยอดเขา ไม่มีจุดใดเสียหายแม้แต่น้อย วงแสงสองวงบนตัวภูเขายังดำรงอยู่ ยังคงเปล่งแสงสว่าง

ซูหมิง…หายไป บางทีอาจกล่าวได้ว่าร่างกายเขาหายไป แต่บนแผ่นดินกลับมีโลหิตจำนวนมาก วงแหวนอาคมสีแดงฉานก็ยังอยู่

สี่เหลี่ยมที่รวมขึ้นจากสี่เหลี่ยมหกอันเปล่งแสงโลหิต มือกระดูกภายในนั้นหายไปแล้ว เปลี่ยนเป็น….ร่างวิญญาณร้ายขนขาวกำลังคุกเข่าลงข้างหนึ่งในวงแหวนอาคม แน่นิ่งไม่ขยับไหว

มันกำลังหลับตาด้วยสีหน้าเหนื่อยล้า ทั่วตัวไม่มีคลื่นกลิ่นอายพลังใดๆ ราวกับ คนตายก็ไม่ปาน

เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว ราวครึ่งก้านธูป วิญญาณร้ายขนสีขาวพลันลืมตาขึ้น ในดวงตามีประกายวาววูบผ่าน ขณะเดียวกันยังก้มหน้าลงมองร่างกายตัวเอง

ผ่านไปพักใหญ่ ตอนที่เงยหน้าขึ้น มันยกมือขวาที่กดลงบนพื้นดินขึ้น ร่างกายพลันสั่นสะท้านอย่างรุนแรง โลหิตทั้งหมดในวงแหวนอาคมลอยขึ้นพร้อมกันก่อนตรงไปหามัน เมื่อหลอมรวมเข้าไปแล้ว ร่างวิญญาณร้ายขนสีขาวก็เริ่มเกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว

ร่างกายมันหดเล็กลงทีละน้อย ตุ่มหนองแห้งบนตัวเหล่านั้นต่างหดเล็กลง และปล่อยหมอกดำจำนวนมากออกมา เส้นผมยาวขึ้น จนกระทั่งโลหิตทั้งหมดรอบตัวหลอมรวมเข้าสู่ในร่างกายหมดแล้วก็กลายเป็นส่วนสูงคนปกติ มิหนำซ้ำร่างกายยังฟื้นกลับมาอย่างสมบูรณ์ ไม่ใช่รูปลักษณ์ดุร้ายอีก

เขาสวมเสื้อคลุมขาวทั้งตัว ตอนที่เงยหน้าขึ้นอีกครั้ง ก็เผยให้เห็นเป็น….ใบหน้าของซูหมิง!

ชายชรามู่หยากลางหมอกข้างบนไม่ได้มีสีหน้าแปลกใจอะไร เห็นได้ชัดว่ามอง ผลสุดท้ายเช่นนี้ออกนานแล้ว เพียงแต่สีหน้าทะมึน ไม่รู้ว่าคิดอะไรอยู่

ซูหมิงสูดลมหายใจเข้าลึก เขาไม่ได้ยึดร่างวิญญาณร้ายขนสีขาวอย่างสมบูรณ์ แต่พอได้รับความทรงจำเกี่ยวกับเจ็ดอาคมผนึกมาแล้ว ก็กินวิญญาณแล้วละทิ้งร่างกายอีกฝ่ายไป

เพียงแค่อาศัยพลังแห่งร่างกายของวิญญาณร้ายขนสีขาวมารวมเป็นร่างตัวเอง ขึ้นใหม่เท่านั้น

ความแกร่งของเจ็ดอาคมผนึกทำให้ซูหมิงยังรู้สึกกลัวเหตุการณ์ที่ผ่านมา ดังนั้นเขาจึงรีบร้อนอยากได้วิชานี้มาครอง แต่การจะได้วิชานี้มามีเพียงวิธีเดียวนั่นคือ กลืนกินความทรงจำขณะยึดร่าง

นี่คือพรสวรรค์ของเผ่ายมโลก แต่หากไม่ใช่เพราะการฝึกจิตใจของวิญญาณร้ายขนสีขาวถูกคำพูดซูหมิงก่อนหน้านี้ทำให้เกิดช่องโหว่ เช่นนั้นการยึดร่างของเขาจะต้องยากเย็นไม่น้อย

ยามนี้ซูหมิงหายใจออก สายตามองกลางฝ่ามือตัวเอง ก่อนจะยกมือขึ้นกดตรง วงแหวนอาคมสีโลหิตตรงหน้า พริบตาที่มือสัมผัสกับวงแหวนอาคม วงแหวนอาคมขยับแสงวูบวาบแล้วค่อยๆ อ่อนแสงลงจนหายไป จากนั้นซูหมิงเงยหน้าขึ้นอีกครั้ง สายตามองหมอกข้างบน

หมอกขมุกขมัว มองเห็นไม่ชัด แต่ระหว่างคิ้วเขาในตอนนี้มีรอยแยกเส้นหนึ่งโผล่ขึ้นมา ในรอยแยกเป็นเนตรปีศาจเผยให้เห็นอย่างเด่นชัด ในสายตาเขา หมอกบนฟ้าพลันถูกขยายไม่รู้กี่เท่า เมื่อข้ามผ่านรอยแตกหลายชั้นไป เพียงไม่กี่ลมหายใจ เขาก็เห็นชายชรามู่หยาท่ามกลางหมอก ซ้ำยังเห็นอีกฝ่ายมีสีหน้าทะมึน

ซูหมิงมองชายชรามู่หยา ชายชราก็มองเขาเช่นกัน สองฝ่ายต่างมองกันโดยมีหมอกขวางกั้น สัมผัสกันแบบไร้รูป

“ข้าชนะแล้ว” ซูหมิงกล่าวราบเรียบ

ชายชรามู่หยาเงียบ ผ่านไปพักหนึ่งถึงยกมือขวาสะบัดไป ยอดเขาข้างล่าง เกิดเสียงโครมดังขึ้น ขณะสั่นไหวอย่างรุนแรง ซูหมิงพลันก้มหน้าลง และพบว่า ตรงปลายยอดเขากลับด้านปรากฏน้ำวนยักษ์วงหนึ่ง มันหมุนโคจรพร้อมด้วยเสียง ดังสนั่น ระหว่างนั้นก็ยังขยายใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ

เพียงไม่กี่ลมหายใจ ข้างล่างน้ำวนก็ปรากฏภูเขาขึ้นหนึ่งลูก!

ยอดเขาเหมือนกับยอดเขานี้ทุกประการ

ภูเขาลูกนี้ตั้งปกติ ปลายยอดสัมผัสกับยอดเขาที่ซูหมิงอยู่ คนที่ปีนอยู่หน้าสุดคือ จูโหย่วไฉ และยังมีจื่อหลงเจินเหรินกับชายร่างกำยำหวงเหมยตามหลังมาติดๆ

นอกจากสามคนนี้แล้ว ซูหมิงยังเห็นบรรพบุรุษหุ่นเชิดเพลิงกับหลงไห่ มีพวกเสวียนซางสามคนรวมถึง….สวี่ฮุ่ย!

แทบเป็นช่วงที่ซูหมิงเห็นทุกคน ยอดเขาก็โคลงเคลงอย่างรุนแรง ขณะนั้นทุกคนต่างเห็นว่าปลายยอดเขาที่พวกเขาอยู่เกิดน้ำวนขึ้น แล้วมีภูเขาที่ตั้งตรงข้ามลูกหนึ่งโผล่เข้ามาในสายตา ซ้ำยังมี….ซูหมิงอยู่กลางภูเขา!

‘เขายังไม่ตาย!’ พวกเสวียนซางสามคนสูดลมหายใจเข้า พริบตาที่เห็นซูหมิง พวกเขาต่างใจสั่นสะท้าน

สวี่ฮุ่ยน้ำตารินไหล เหม่อมองซูหมิงกลางยอดเขากลับด้านที่ปรากฏข้างบน การมองไปแวบเดียวนี้เหมือนกับหนึ่งชีวิตหนึ่งชาติภาพ

บรรพบุรุษหลงไห่มีสีหน้าเช่นปกติ แต่ในใจกลับดังตึกตึก ทว่าเขาตรึกตรองแล้วว่าต่อให้ตนไม่ออกมือช่วย อีกฝ่ายก็ไม่น่าจะซักถามอะไรมากนัก ถึงอย่างไรด้วย ขั้นพลังของตน อีกฝ่ายจะต้องให้ความสำคัญอย่างแน่นอน พอนึกถึงตรงนี้ ถึงจะมีความกังวลอยู่เล็กน้อย แต่สีหน้ากลับไม่เปลี่ยนไป

บรรพบุรุษหุ่นเชิดเพลิงดวงตาเป็นประกาย เขาดูตึงเครียดยิ่งนัก เขาเข้าใจซูหมิงมากกว่าหลงไห่ ตอนนี้อดนึกเสียใจภายหลังมิได้

พอจื่อหลงเห็นซูหมิงแล้วก็ยังมีสีหน้าปกติ เพียงหรี่ตาลงครู่เดียวเท่านั้น เพราะเขาสังเกตเห็นว่าซูหมิงอยู่ห่างจากยอดเขาสองลูก….ใกล้ที่สุด!

ตอนที่จูโหย่วไฉมองซูหมิง ใบหน้ายังมีรอยยิ้มวูบผ่าน แต่ก็หายไปอย่างรวดเร็ว กลับมามีท่าทีอัปลักษณ์ดังเดิม

ส่วนชายร่างกำยำหวงเหมยขมวดคิ้ว ยามนี้แค่นเสียงเย็นชา ฝีเท้าเดินหน้าเร็วกว่าเดิมเล็กน้อย ต้านแรงกดดันของที่นี่ไว้ แล้วกัดฟันขึ้นไปยังยอดเขา

นัยน์ตาซูหมิงขยับประกาย สีหน้าต่างๆ ของคนเหล่านี้ทำให้เขาเข้าใจอะไรขึ้นเยอะมาก โดยเฉพาะการส่งโซ่ที่เขาจำได้ก่อนหน้านี้ เดิมทีจะพาเขากับสวี่ฮุ่ยขึ้นไปพร้อมกัน ทว่าระหว่างทางกลับเกิดเหตุร้ายเสียก่อน

ในเหตุร้ายมีเสียงของจูโหย่วไฉ ในคำพูดเอ่ยถึงชายร่างกำยำหวงเหมย ดังนั้นแล้วซูหมิงจึงคาดเดาเรื่องราวได้ทั้งหมด เป็นจูโหย่วไฉที่ช่วยสวี่ฮุ่ย และเป็นชายร่างกำยำหวงเหมยที่ไม่รู้ว่าใช้วิธีใดขวางไว้

ซูหมิงมีสีหน้าปกติ สายตามองชายร่างกำยำหวงเหมยอย่างเย็นชาแวบหนึ่ง ความเย็นชาในแววตาเหมือนกับตอนที่มองเด็กหนุ่มชุดคลุมขาวในตอนแรก

ซูหมิงไม่กล่าวใดๆ เพียงเดินตรงไปยังยอดเขา ด้วยความเร็วของเขา ทุกคนที่ ขั้นพลังหายไปย่อมเทียบไม่ได้อยู่แล้ว พวกเขาทำได้เพียงมองซูหมิงกลายเป็นสายรุ้งยาวพุ่งไปยังยอดเขา

พริบตาเดียวก็มาอยู่กลางจุดที่สองยอดเขาสัมผัสกัน!

ซูหมิงเหมือนมีสีหน้าเรียบนิ่ง ทว่าในใจเตรียมการสู้รบอย่างดุเดือดไว้แล้ว ถึงอย่างไรสีหน้ามู่หยาก่อนหน้านี้ก็ไม่เป็นมิตรนัก มีโอกาสสูงมากที่ตอนนี้เขาจะสลายแรงกดดันต่อคนอื่น ทำให้การแย่งชิงดุเดือดขึ้นในพริบตา

แต่จนกระทั่งซูหมิงมาถึงแท่นหินบนยอดเขา คนอื่นๆ ก็ยังคงปีนมาอย่างเนิบช้า ไม่ได้มีเค้าลางว่าขั้นพลังจะถูกคลายออกเลย ทำได้เพียงมองเขายืนอยู่ข้างแท่นหิน

จูโหย่วไฉถอนหายใจ เขาหยุดเดินหน้าแล้ว จื่อหลงเจินเหรินขมวดคิ้ว ครั้นมอง ซูหมิงอย่างมีความหมายลึกซึ้งแล้วก็เลือกล้มเลิกไป

ชายร่างกำยำหวงเหมยมีสีหน้าไม่ยอมอย่างเด่นชัด แต่เขาอยู่ห่างจากยอดเขาอีกหลายสิบจั้ง ยังคงตามหลังอยู่ไกล

“หึ ข้าจะเป็นคนกลับคำพูดแบบนั้นได้อย่างไร ในเมื่อรับปากแล้วว่าหากเจ้ามาถึงยอดเขาก็จะเป็นผู้สืบทอดของข้า ข้าย่อมไม่ขัดขวาง” มีเสียงชายชรามู่หยาแว่วมา ในใจซูหมิง

“ยอดเขาสองลูก ด้านตรงและกลับต่างกัน หนึ่งขึ้นฟ้า อีกหนึ่งลงดิน ตระหนักรู้อย่างเดียวยังไม่ครบถ้วน ขณะตระหนักรู้ต้องได้รับวิชาเคลื่อนย้ายภูผาอย่างแท้จริงด้วย!

วิชานี้ของข้า ข้าไม่ได้สร้างขึ้นเอง แต่ได้รับสืบทอดมาจากมหาโลกเคลื่อนภูผาแห่งพันธมิตรเงามืดรุ่งอรุณ วิชานี้เป็นการเปลี่ยนฟ้าที่อยู่สูงสุดของมหาโลกเคลื่อน ภูผา เทียบเท่ากับรูปแบบกระบี่ยมโลกเก้าชั้นฟ้าของเผ่ายมโลกเจ้า พวกมันล้วนเป็นวิชาที่เหมือนสวรรค์ประดิษฐ์ขึ้น

เรียนรู้มัน แล้วข้าจะส่งเจ้าไปใจกลางเตาหลอมลำดับห้า ก่อนหน้านั้น ข้าจะมอบโชควาสนาที่รับปากไว้ก่อนหน้านี้ให้ด้วย ย่อมไม่มีการคืนคำอย่างเด็ดขาด!” เสียง ชายชรามู่หยาดังก้องในใจซูหมิง แต่ซูหมิงฟังไปฟังมากลับรู้สึกประหลาด

เหมือนกับว่า….ชายชรามู่หยาไม่ได้พูดกับตน แต่คล้ายพูดกับคนอื่น ทว่าเสียงนี้ก็ดังในใจตนอย่างชัดเจน เขามองคนอื่นรอบๆ ก็ไม่มีใครที่ทำให้ชายชรามู่หยากล่าว อธิบายเช่นนี้ได้

“รูปแบบกระบี่ยมโลกเก้าชั้นฟ้า?” ดวงตาซูหมิงฉายประกาย เขาเพิ่งเคยได้ยินนามวิชานี้เป็นครั้งแรก

“บรรพบุรุษเผ่ายมโลกของพวกเจ้าสร้างวิชานี้ขึ้นโดยตระหนักรู้การเปลี่ยน นภามหาโลกสามรกร้าง ขนานนามว่าเก้าชั้นฟ้า แต่ข้าเคยเห็นมากสุดเพียงเจ็ดชั้นฟ้า ที่เหลือ แม้แต่บรรพบุรุษเผ่ายมโลกก็บรรลุถึงเพียงด้านทฤษฎีเท่านั้น

ภายภาคหน้าเจ้าจะเข้าใจเรื่องนี้เอง ยังไม่ต้องรีบตระหนักรู้วิชาเคลื่อนย้ายภูผาของข้า รอเจ้าเรียนก่อน ข้าก็จะถือว่าได้ทำตามคำสัญญาแล้ว เงาที่ทอดลงมานี้พาออกไปจากเตาหลอมลำดับห้าได้”

ในใจซูหมิงดังก้องด้วยเสียงชายชรามู่หยา ดวงตาเขาเป็นประกาย กวาดสายตามองแท่นหินบนและล่างข้างกายตน บนแท่นหินสองแท่นนี้ล้วนมีม้วนคัมภีร์เหล็กวางอยู่ฝั่งละหนึ่งม้วน

ยามนี้เมื่อซูหมิงมองไป ดวงตามีประกายวูบผ่าน เขาตรึกตรองอยู่ชั่วครู่ ก่อนจะยกมือขวาวางบนแท่นหินข้างบน พริบตาที่มือขวาสัมผัสกับแท่นหิน ยอดเขากลับด้าน สั่นไหวอย่างรุนแรง เกิดรอยแยกขึ้นจำนวนมาก พริบตาเดียวเขานี้ก็มีทีท่าว่าจะ ถล่มลง

ในเวลาเดียวกัน เสียงโครมดังขึ้นในความคิดซูหมิง การตระหนักรู้ในจักรวาล ฟ้าดิน และโลกพลันหลั่งทะลักเข้ามาในจิตสัมผัส อัดแน่นอยู่เต็มหัว กลายเป็นเศษเสี้ยวความทรงจำเหลือคณนานับ หมุนตลบเป็นพายุอยู่กลางจิตใจ

กลางพายุนี้ ภายในเศษเสี้ยวความทรงจำนับไม่ถ้วน ซูหมิงเห็นยอดเขาหลายต่อหลายลูก ในนั้นมีเขาทมิฬ มียอดเขาลำดับเก้า มีภูเขาทั้งหมดที่อยู่ในความทรงจำตลอดชีวิต มีที่เคยไปและเคยสัมผัสทั้งหมด

ภูเขาเหล่านั้นมีความสูงต่างกัน พวกมันต่างซ้อนทับกันอย่างรวดเร็ว ความเข้าใจที่เลือนรางค่อยๆ ลอยขึ้นมาในใจซูหมิง

ในสายตาคนอื่น ตอนนี้ซูหมิงเส้นผมปลิวไสว อากาศข้างกายบิดเบี้ยว ยอดเขาแต่ละลูกเป็นภาพมายาโผล่มาไม่หยุด ภายใต้การเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ยอดเขากลับด้านข้างบนตัวเขามีรอยแตกร้าวเยอะมากขึ้นเรื่อยๆ เค้าลางจะถล่มลงก็เด่นชัดขึ้น

แรงกดดันแก่กล้าอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อนพลันแผ่มาจากตัวซูหมิง ทำให้คนอื่นใจสั่นสะท้าน

โดยเฉพาะชายร่างกำยำหวงเหมย นัยน์ตาเขาฉายแววริษยาชัดเจน สีหน้าเหยเกย ทั้งยังมีเส้นเลือดปูดขึ้นบนใบหน้า

“คิดอยากได้อภินิหารแก่กล้านี้ มันไม่ได้ง่ายขนาดนั้น!” ชายร่างกำยำหวงเหมยกัดฟัน ยกมือขวาตบน้ำเต้าด้านหลังตน ปากตะโกนเสียงดัง

“เชิญน้ำเต้าล้ำค่า สังหาร!”

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version