ตอนที่ 102 ซานเหิน
ซูหมิงยืนอยู่ในซากชนเผ่า มองชายฉกรรจ์ร่ำไห้ คำถามของเขาไม่มีคำตอบ ชายคนนี้คือซานเหิน เขากำลังน้ำตาไหล นั่งคุกเข่าอยู่ใจกลางเผ่า สีหน้าดูเจ็บปวดรวดร้าว ภายในซับซ้อน มีทั้งความละอายใจและเศร้าโศก
ซูหมิงเงียบขรึม ไม่ได้ลงมือ ราวกับกำลังรอคำตอบจากซานเหิน
ผ่านไปนาน ในช่วงที่ลมหนาวพัดผ่าน ทำให้สิ่งของในชนเผ่าลอยล่อง ซานเหินหยุดร้องไห้แล้ว เขาค่อยๆ ยืนขึ้น หันหน้ากลับมามองซูหมิง
ดวงตาคู่นั้นมีเส้นเลือดฝอย ดูเหนื่อยล้า
แววตาที่คุ้นเคย ยามนี้กลายเป็นแปลกหน้า บุคคลนี้กลายเป็นคนทรยศเผ่าเขาทมิฬ หากไม่ใช่เพราะเขา ชาวเผ่าคงไม่ล้มตายกันอย่างน่าอนาถเช่นนี้
“เป็นเจ้าที่บอกเส้นทางอพยพของพวกเราให้กับเผ่าภูผาดำ” ซูหมิงมองซานเหิน สีหน้าโศกเศร้าขณะเดินเข้าไป
“ตอนข้ากลับมา พวกเจ้ากำลังออกไปกำจัดเผ่าภูดำที่ซุ่มอยู่ ตอนนั้นพวกเจ้าแยกกันไป ไม่มีใครสังเกตเห็นรอยเท้าเจ้า เจ้าไม่ได้สังหารเผ่าภูผาดำในพื้นที่ของเจ้า แต่บอกเส้นทางของขบวนกับพวกภูผาดำ”
ซานเหินหน้าซีด โซเซถอยหลังพร้อมฝืนยิ้มด้วยความปวดร้าว ราวกับไม่กล้าเผชิญหน้ากับคำถามของซูหมิง
“กับดักตรงนั้น พรากชีวิตชาวเผ่าพวกเราไปจำนวนมาก…”
“จากนั้น เจ้าก็เก็บงำมาโดยตลอด จนกระทั่งถึงช่วงสำคัญที่สุด ข้า เหลยเฉิน
ปู่หนานซง และเจ้าอยู่ด้วยกัน เจ้าจึงลงมือ ทำให้ปู่หนานซงบาดเจ็บสาหัส และทำลายแผนการที่วางเอาไว้…เจ้าอยากเห็นชาวเผ่าถูกพวกภูผาดำสังหารหมู่จริงๆ อย่างนั้นหรือ…” ซูหมิงก้าวเดินพร้อมกับกล่าวเสียงแหบแห้ง
ซานเหินมีสีหน้าปวดร้าวมากขึ้น ถอยหลังไปอีกหลายก้าว
“ข้ามีสองอย่างที่ไม่เข้าใจ หนึ่ง เจ้าทรยศชนเผ่าเพื่ออะไร สอง เจ้าไม่ยอมให้เป่ยหลิงกับบิดาของเขาอยู่ก่อนหน้านี้ เป็นเพราะว่าเจ้าไม่มั่นใจว่าเมื่อทำร้ายปู่หนานซงแล้ว พวกเขาจะต้านทานจ้าวเผ่าภูผาดำได้ หรือเป็นเพราะว่าตอนนั้นเจ้าเห็นใจ” ซูหมิงขยับร่าง เข้าใกล้ซานเหินในระยะยี่สิบจั้ง
“บอกข้า เพราะเหตุใด!”
“ไม่ต้องพูดแล้ว!” ซานเหินหน้าซีดเผือด พลันแผดเสียงร้องลั่น สีหน้าเจ็บปวดและเศร้าโศก เขาถอยหลังไปหลายก้าวพลางจ้องมองซูหมิง
“ไม่ต้อง…..พูดแล้ว! ไม่มีอะไรทั้งนั้น ไม่มี!” ซานเหินน้ำตาไหลพราก ยกมือขวาขึ้น กลางฝ่ามือปรากฏแสงโลหิตวูบวาบ เหมือนกับมีแสงพันรอบมือเขา ชี้ไปทางซูหมิง
“จะเป็นซูหมิงหรือโม่ซูก็ช่าง ไสหัวไปให้พ้นหน้าข้า ข้ายังตายไม่ได้ สิบปีต่อจากนี้ ข้าจะปลิดชีพตัวเองที่นี่ หากเจ้ายังมายุ่งอีก อย่าหาว่าข้าไม่เห็นใจคนเผ่าเดียวกัน!” ความเย็นชาของซานเหินหายไป เขาในยามนี้เหมือนกับสัตว์ป่ากำลังคำราม ขยับร่างเตรียมหนีออกจากชนเผ่า
“แม้แต่ชาวเผ่าเจ้ายังเลือกทรยศ ยังมีหน้ามาพูดว่าเห็นใจคนเผ่าเดียวกันอีกหรือ ตอนที่เจ้าทำร้ายปู่หนานซง เคยคิดหรือไม่ว่าหากพวกข้าตายตรงนั้น แล้วขบวนอพยพถูกไล่ตามทัน สิ่งที่รอพวกเขาอยู่คืออะไร!” ซูหมิงพลันขบกราม มือขวาถือหอกเกล็ดโลหิตพุ่งตรงเข้าใส่ซานเหิน
ซูหมิงกลายเป็นเส้นโค้งยาวสีโลหิต ด้านหลังเป็นเส้นแสงจันทร์จำนวนมากปลิวไสว พริบตาเดียวก็เข้าประชิดตัวซานเหิน เสียงอึกทึกที่เคยอยู่ในเผ่างดงามแห่งนี้พลันดังขึ้นอีกครั้ง
ซานเหินแผดเสียงคำราม แสงจันทร์ในมือเขาพลันกลายเป็นดาบโลหิตเข้าปะทะกับหอกยาว เกิดเป็นแรงระเบิดกระจายเป็นวงกว้าง
“ธุลีโลหิตดำ!” ซานเหินถอยไปหลายก้าว พ่นโลหิตขณะใบหน้าขาวซีด โลหิตของเขาปะทุกลางอากาศเหลือเพียงหมอกโลหิตตรงเข้าใส่ซูหมิง
ขั้นพลังของเขาลึกล้ำ เคล็ดวิชาธุลีโลหิตดำจึงอยู่เหนือกว่าซูหมิง เมื่อสำแดงเคล็ดวิชา มันก็อบอวลไปโดยรอบในระยะหลายจั้งทันใด หากโดนตัวซูหมิง จะเหมือนกับมีลูกศรแหลมทิ่มแทงร่างกาย
ทว่าในช่วงที่หมอกโลหิตมหาศาลเข้าใกล้ซูหมิง เงาจันทร์โลหิตในดวงตาเขาพลันขยับวูบวาบ วันนี้เป็นคืนเดือนหงาย เป็นคืนจันทร์เต็มดวง!
เส้นแสงจันทร์จำนวนมากที่ปลิวไสวอยู่หลังซูหมิงพลันม้วนตัวเข้ามา แทบเป็นช่วงที่หมอกโลหิตเข้าประชิด เส้นแสงจันทร์รวมตัวกันอยู่เบื้องหน้าซูหมิง กลายเป็นม่านแสงปะทะกับหมอกโลหิต
เสียงระเบิดดังสนั่น ซูหมิงตัวสั่นสะท้าน เส้นแสงจันทร์เบื้องหน้าเขาแหลกละเอียด แต่หมอกโลหิตก็ถูกตีกลับเช่นเดียวกัน ก่อนมลายหายไปกับอากาศ
ขณะนั้นซานเหินมีโลหิตไหลมาจากมุมปาก ถอยหลังไปหลายจั้ง กระโดดขึ้นก่อนห้อเหยียดหนีไปทันที
ซูหมิงจะปล่อยเขาหนีไปได้อย่างไร ขยับร่างตามไปอย่างรวดเร็ว ทว่าเพิ่งเข้าประชิด ซานเหินกลับหมุนตัวมา นัยน์ตาฉายแววเจ็บปวด แฝงไว้ด้วยจิตสังหาร
“ซูหมิง เจ้าเป็นคนบังคับข้าเอง!”
ซานเหินแผดเสียงร้อง พลันยกดาบโลหิตในมือขึ้น พริบตาเดียวบนใบหน้าของเขามีลวดลายหมานเป็นลักษณะดาบ นี่คือลวดลายหมานของเขา!
ช่วงที่ลวดลายหมานปรากฏ มวลอากาศด้านหลังซานเหินราวกับบิดเบี้ยวกลายเป็นดาบใหญ่สีแดง เมื่อเขาฟันดาบในมือลง เงาดาบใหญ่สีแดงพลันทะลวงผ่านตัวเขา ตรงไปยังศีรษะของซูหมิงด้วยจิตสังหาร
ดาบนี้น่าสะพรึงยิ่งนัก เป็นกระบวนท่าที่แข็งแกร่งที่สุดของผู้นำกลุ่มล่าสัตว์เขาทมิฬอย่างซานเหิน! มนุษย์และสัตว์ที่ตายตกใต้คมดาบนี้มีมากมายเพียงใด!?
ข้างกายซูหมิง แสงจันทร์ที่ตกลงมาจากท้องฟ้าจำนวนมากเปลี่ยนเป็นเส้นแสง เข้าโอบล้อมดาบที่กำลังสับลง แต่ในช่วงที่สัมผัสกับเงาดาบ แสงจันทร์พลันขาดสะบั้น
ซูหมิงเห็นดาบกำลังสับลง ในแววตาอบอวลไปด้วยเปลวเพลิง ราวกับดวงตาถูกจุดไฟเผา ยามที่เปลวเพลิงปรากฏขึ้น เขารู้สึกว่าโลหิตในร่างกายกำลังลุกไหม้ ประหนึ่งมีเพลิงแผดเผาฟ้าดิน!
ในค่ำคืนเดือนหงาย ระดับความร้อนของเปลวเพลิงรุนแรงกว่าที่ผ่านมา ซูหมิงไม่ส่งเสียงร้อง ทว่าขณะดวงตากำลังแผดเผา เขาชูมือขึ้นไปทางดาบโลหิต ก่อนลดฝ่ามือลง
ยามนี้ทุกส่วนในร่างกายมีเปลวเพลิงปะทุขึ้น คล้ายเป็นมนุษย์เพลิงตัวใหญ่ยักษ์ เหมือนกับว่าแสงจันทร์ถูกเขาสูบเข้ามา ทำให้โดยรอบดูมืดสลัวในพริบตา
“เพลิง!” ซูหมิงกล่าวเบาๆ ตั้งแต่ออกล่าสังหาร เขาสัมผัสได้ว่าภายใต้จันทร์เต็มดวง เปลวไฟในร่างกายเหมือนจะเคลื่อนไหวตามความคิดของเขา ยามนี้มันจึงปะทุขึ้น ยักษ์เพลิงพลันใช้ศีรษะกระแทกกับดาบโลหิตตามการเคลื่อนไหวของฝ่ามือซูหมิง ในช่วงที่ปะทะใส่ เงาของเขาเหมือนไม่ใช่คน แต่เป็นกลุ่มเพลิงแผดเผา
เสียงระเบิดดังขึ้นติดกันสนั่นฟ้าดิน ทะเลเพลิงมลายหายไปพร้อมกับดาบโลหิต สีหน้าซานเหินดูเหลือเชื่อ กระอักโลหิต เดิมทีเขาบาดเจ็บสาหัส ยามนี้ยิ่งไม่อาจทนไหว ร่างกระเด็นลอยอยู่กลางอากาศ กระอักเลือดอีกครั้ง จากนั้นโซเซทะยานหนีไป
ซูหมิงมีโลหิตไหลมาจากมุมปาก มันหยดลงบนพื้น ทำให้หิมะราวกับมีเพลิงเผาไหม้ พลันหลอมละลายทันที เมื่อเห็นซานเหินกำลังหนี ซูหมิงจึงก้าวไปหนึ่งก้าว แล้วขว้างหอกเกล็ดโลหิตในมืออย่างแรง
เสียงลากยาวก้องกังวาน หอกเกล็ดโลหิตกลายเป็นนกอินทรีเลือดลอยเข้าเสียบอยู่ตรงทางหนีเบื้องหน้าซานเหิน ส่งเสียงโครมดังสนั่น เกิดเป็นแรงกระแทก ทำให้ซานเหินต้องชะงัก
ขณะเดียวกัน ซูหมิงพลันกระทืบเท้าลงพื้น บนพื้นหิมะข้างกายเขา มีดหินที่ชาวเผ่าทิ้งเอาไว้ก่อนอพยพดีดขึ้นมาอยู่ในมือ ร่างกายพลันเคลื่อนไหว พริบตาเดียวเข้าประชิดตัวซานเหิน ก่อนใช้มีดแทงเข้าไป
“ข้าจะตายไม่ได้!” สีหน้าซานเหินดูเหี้ยมโหด ในช่วงที่ซูหมิงลงมีด แสงสีแดงอ่อนในมือขวาของเขาขยับวูบวาบ พลันกลายเป็นดาบแดง แทบจะเป็นช่วงเวลาเดียวกัน ทั้งสองคนต่างแทงเข้าใส่ร่างของกันและกัน
“ให้เวลาข้าสิบปี สิบปี!” ซานเหินหอบหายใจแรง แผดเสียงร้องอย่างเจ็บปวด
“ตอนข้ายังเยาว์วัย เจ้าเป็นผู้อาวุโสที่ข้าเคารพมาก ข้ารู้ดีว่าเจ้าจำเป็นต้องเย็นชา เพราะภาระของเจ้ามันหนักหนานัก เจ้าต้องปกป้องชนเผ่า ในเผ่าจำเป็นต้องมีผู้นำเมตตา และต้องมีผู้นำเย็นชาเช่นเดียวกัน ฉะนั้นเจ้าจึงเลือกเย็นชา….เจ้าแทงข้าดาบนี้ ถือเป็นการขอบคุณที่เจ้าเคยปกป้องชนเผ่า”
“แต่ข้าให้อภัยเจ้าไม่ได้ การทรยศของเจ้า ชาวเผ่าที่ตายไปก็ไม่มีทางให้อภัยเจ้าเช่นเดียวกัน!” ซูหมิงมีโลหิตไหลมาจากมุมปาก เขาแนบชิดกับตัวซานเหิน ชักมีดออกแล้วแทงเข้าไปอีกครั้ง
“มีดนี้ สำหรับชาวเผ่าที่ตายไปเหล่านั้น”
“มีดนี้ สำหรับชาวเผ่าที่เอาชีวิตเข้าปกป้องจ้าวเผ่า” ซูหมิงกล่าวกระซิบข้างหูซานเหิน แล้วแทงเข้าไปอีกครั้ง
“มีดนี้ สำหรับอูลา”
“มีดนี้ สำหรับหลิ่วตี๋” ซูหมิงน้ำตาไหลพราก แทงเข้าไปต่อเนื่องด้วยความเศร้าโศก ทุกมีดทำให้ซานเหินตัวสั่นเทา มุมปากมีโลหิตไหลไม่หยุด น้ำตารินไหลด้วยความเจ็บปวดเช่นเดียวกัน
“มีดนี้ สำหรับปู่หนานซง” ซูหมิงมองซากชนเผ่า ประคองซานเหินขึ้นไม่ให้เขาล้มลง ก่อนผลักเข้าไปเบื้องหน้า แล้วกระซวกแทงอีกครั้ง
จากการผลักของซูหมิง ทำให้หิมะใต้ฝ่าเท้าทั้งสองเป็นรอยโลหิตน่าสะพรึง กระทั่งซูหมิงผลักเขาจนไปกระแทกกับซากกำแพงไม้ล้อมเผ่า ส่งเสียงดังตึง ช่วงที่กำแพงไม้สั่นไหว ซูหมิงกระซวกเข้าไปอีกหนึ่งครั้ง
“มีดนี้ สำหรับท่านปู่”
“มีดนี้ สำหรับข้า” ซูหมิงกล่าวเสียงต่ำ นำมีดหินในมือแทงลึกเข้าไปที่หัวใจของซานเหิน เขาฟุบลงบนตัวซูหมิง ร่างกระตุกหลายครั้ง ประกายแสงในแววคาค่อยๆ มืดสลัว
โดยรอบเงียบสงัด ทั้งชนเผ่ามีแค่พวกเขาสองคนราวกับกอดกันอยู่
ซูหมิงหลับตาอยู่นาน ก่อนก้าวถอยห่าง ร่างซานเหินเอียงล้มลงกับพื้น แววตาไร้ประกายแสง ดุจมองไม่เห็นซูหมิง เขาพยามยกมือสั่นเทา หยิบกระดูกหนึ่งชิ้นมาจากอกเสื้อ มันเป็นกระดูกที่เล็กมาก มองดูแล้วเหมือนกับกระดูกขาเด็กทารก เขาถือกระดูกเล็กในมือ ดวงตาไร้แววของซานเหินมีน้ำตารินไหล ก่อนสิ้นลมหายใจ ไร้ซึ่งชีวิต