ตอนที่ 1021 ลืมตาครั้งแรก
ภูเขา มีสามจุด
ตอนนี้ขณะมิติพังทลายลง ร่างแยกขั้นพลังของซูหมิงคือจุดแรก จุดนี้เป็น ดวงจันทร์สีเทา หมายถึงความตาย หมายถึงฤดูหนาว
ร่างแยกกลืนนภาคือจุดที่สอง ดวงจันทร์สีแดงมีพลังชีวิตและกลิ่นอายมรณะ ตัดสลับกัน มาพร้อมกับสีแดงฤดูใบไม้ร่วงสด นี่คือท่วงทำนองแห่งฤดูใบไม้ร่วงใน การตระหนักรู้จากชีวิตของเขา
เหนือร่างแยกขั้นพลังกับร่างแยกกลืนนภาคือร่างแยกเอ้อชาง นี่คือจุดที่สาม เมื่อร่างแยกเอ้อชางปรากฏ ด้านหลังเขาก็มีดวงจันทร์โผล่มาเช่นกัน
สิ่งนั้นคือ…แสงสีเหลืองสว่างจ้าแสบตา!
แสงสีเหลืองเหมือนกับสีของดวงจันทร์เดิมๆ กลางสายตาของปุถุชน ทว่าที่นี่ มันหมายถึงเปลวเพลิงที่ไม่มีสิ้นสุดกับความร้อนระอุ มันคือฤดูร้อน เป็นความบ้าคลั่งที่เต็มไปด้วยพลังชีวิตเปี่ยมล้น
สามร่างแยก ดวงจันทร์ภัยพิบัติสามดวง ยามนี้เมื่อเกิดลักษณะสัญลักษณ์ภูเขาขึ้น จึงกลายเป็นประวัติการณ์ที่ไม่อาจสั่นคลอน ท่ามกลางพลังจากขั้นพลังอันบ้าคลั่ง ถาโถม และเสียงมิติพังทลายสนั่นหวั่นไหว การคงอยู่ของมันเหมือนกับฟ้าดินพังทลายลงแต่ไม่สูญสิ้น จักรวาลนี้พินาศมันก็ยังคงอยู่ไปชั่วนิรันดร์
วิญญาณร้ายหลายสิบตัวรอบๆ ตอนนี้ร่างแห้งเหี่ยวอย่างรวดเร็ว พลังชีวิตจำนวนมากหลั่งทะลักเข้ามา ก่อนถูกสัญลักษณ์ภูเขาที่รวมจากร่างแยกสามร่างของซูหมิง สูบกินไป แล้วถูกแบ่งอย่างรวดเร็วไปยังดวงจันทร์ภัยพิบัติสามดวงของสามร่างแยก
ไม่นาน กลิ่นอายดวงจันทร์มรณะสีเทาก็เข้มข้นขึ้น แสงสีเทาที่เปล่งมาประหนึ่งหมายถึงเงามืดมรณะ พร้อมกับทำให้ร่างแยกขั้นพลังของซูหมิงแฝงไว้ด้วยสีเทาดำประดุจคนตาย คล้ายเพิ่งเดินออกมาจากยมโลก!
แต่ว่า ในดวงตาร่างแยกขั้นพลังกลับเผยความเย็นชาหนาวเยือกไร้อารมณ์ สายตานั้นมากพอจะทำให้คนที่รู้จักทุกคนเกิดความรู้สึกแปลกตา รูปร่างนั้นราวกับเป็นเทพผู้ควบคุมยมโลก
ร่างแยกกลืนนภาของซูหมิง ร่างนี้ไม่ฝึกวิชาอภินิหาร ฝึกเพียงความแกร่งของร่างกาย ตอนนี้ภายใต้การหลั่งไหลอย่างรวดเร็วของพลังชีวิตกับขั้นพลัง ตัวมันก็แข็งแกร่งขึ้นเรื่อยๆ ตอนที่สลายไปและรวมขึ้นใหม่ ร่างกายยังแกร่งขึ้นอย่างต่อเนื่อง กระดูกทุกชิ้น เลือดเนื้อทุกชุ่น เหมือนผ่านการฝึกฝนมาอย่างโชกโชน จึงแข็งแกร่งขึ้นอย่างบ้าคลั่ง
ดวงจันทร์ภัยพิบัติที่รวมออกมา เป็นสีแดงฉานประหนึ่งโลหิตบนสองมือในชีวิตเขา รอยยิ้มมุมปากมาพร้อมกับความน่าสะพรึงกลัว ร่างกายที่ถูกแสงจันทร์ย้อมเป็นสีแดงยังสร้างความรู้สึกให้เหมือนกับ…เห็นเซียนคลั่งสู้กับสวรรค์อยู่ท่ามกลางความเป็นและความตาย!
เหนือร่างแยกสองร่างนี้ สิ่งที่เหมือนถูกเทพยมโลกกับเซียนคลั่งท้าสวรรค์ยันขึ้นพร้อมกันคือร่างแยกเอ้อชาง ตอนนี้ร่างแยกเอ้อชางไม่ใช่ร่างคนอย่างสมบูรณ์อีก แต่มีกิ่งไม้ยืดยาวมาจากตัวนับไม่ถ้วน ตอนที่มันตวัดไปมารอบๆ ก็คล้ายกับว่าร่างแยก เอ้อชางกลายเป็นต้นไม้ใหญ่
มันเงยหน้าคำรามขึ้นฟ้าโดยไร้เสียง ระหว่างที่กิ่งไม้รอบตัวตวัดไปมา ดวงจันทร์ภัยพิบัติสีเหลืองข้างหลังร่างแยกเอ้อชางพลันปะทุพลังชีวิตมหาศาลที่รุนแรงจนไม่อาจบรรยาย!
พลังชีวิตนี้คือความระอุแห่งฤดูร้อน พลังชีวิตนี้ยังมาจากชีวิตของเอ้อชาง และมีเพียงสิ่งมีชีวิตทรงพลังอย่างเอ้อชางที่ผู้เฒ่าเมี่ยเซิงเขียนนามลงในเพลงกลอนเท่านั้น ถึงจะเข้ากับขอบเขตอันหมายถึงฤดูร้อนได้ และค้ำจุนพลังชีวิตมหาศาลกลาง ดวงจันทร์แห่งฤดูร้อนได้!
ซูหมิงในตอนนี้ พลังจากสามร่างแยกใหญ่ทำให้ขั้นพลังเขาสูบกินอีกครั้งภายใต้การไหลเวียนอย่างไม่เป็นระเบียบและรุนแรง วิญญาณร้ายหลายสิบตัวรอบซูหมิงส่งเสียงโครมครามไม่หยุด
นั่นคือการระเบิดตัวเองหลังจากส่งพลังชีวิตและขั้นพลังทั้งหมดไป ท่ามกลางเสียงดังกึกก้อง ราวสิบกว่าลมหายใจต่อมา วิญญาณร้ายที่เหลือตอนแรกจากหลายสิบกลายเป็นเพียงสี่ตน!
วิญญาณร้ายสี่ตนนี้ตัวสั่น ร่างเป็นดั่งหนังหุ้มกระดูกไปแล้ว กำลังส่งวิญญาณออกไปด้วยสีหน้าสับสน
แต่พวกมันยืนหยัดได้เพียงหลายลมหายใจร่างก็ระเบิดออก หลังวิญญาณร้ายทั้งหมดระเบิดตัวเองแล้ว ช่วงที่พลังจากขั้นพลังจำนวนมากถาโถมไปรอบๆ ด้วยความรุนแรงยิ่งกว่าเดิม มันพลันพุ่งไปหาซูหมิง เหมือนอยากจะปะทะใส่เขาให้ระเบิด นี่คือการใช้อำนาจบาตรใหญ่ หากเจ้าสูบได้ก็สูบ หากสูบไม่ได้ก็ต้องสูบ
เกิดเสียงโครมดังในความคิดซูหมิง สัญลักษณ์ภูเขาที่รวมจากสามร่างแยกโคลงเคลงภายใต้แรงปะทะนี้ ต่อมาขั้นพลังจากการระเบิดของวิญญาณร้ายเหล่านั้นก็ฝืนหลอมรวมเข้าไปในสามร่างแยก เข้าไปบำรุงดวงจันทร์ภัยพิบัติ
เพียงแต่การฝืนหลอมรวมเข้าไปเช่นนี้ไม่เรียกว่าการบำรุง แต่เป็นการอัดให้ขยายใหญ่
‘ข้ายังขาดอีกหนึ่งร่างแยก!’ ดวงตาซูหมิงแวววาว
‘สิ่งที่ข้าขาดคือร่างจริงเผ่ายมโลก นั่นคือร่างจริงของข้า และก็บรรจุ…การฟื้นคืนชีพหมื่นสรรพสิ่ง…ที่เดินจากความตายสู่ความเป็น เดินจากฤดูหนาวสู่ฤดูใบไม้ผลิ!’
นัยน์ตาซูหมิงเปล่งประกายสว่างวาบ เวลานี้เขาไม่เคยปรารถนาจะให้ร่างจริงปรากฏตัวเช่นนี้มาก่อน ปรารถนาว่าเมื่อได้หลอมรวมกับร่างจริงแล้วก็จะสำเร็จขั้นตอนสุดท้ายของขอบเขตชีวิต!
จากตายสู่ความเป็น!
จากหลับตาสู่การลืมตา!
ความปรารถนานี้แผ่มาจากสามร่างแยกอย่างแรงกล้า ก่อขึ้นเป็นการเรียกหาที่สามารถข้ามผ่านอากาศ ข้ามผ่านมิติ ภายใต้การเรียกหาที่แผ่กระจาย มันข้ามผ่านเตาหลอมลำดับห้า ข้ามผ่านทะเลดาราต้นกำเนิดจิต ข้ามผ่านรักษาการณ์สี่มหาโลกแท้จริง ส่งไปถึง…โลกแท้จริงดาราสัจธรรม!
ณ โลกแท้จริงดาราสัจธรรม ตรงใจกลางวงแหวนอาคมใหญ่ยักษ์ที่รวมขึ้นจากเศษเสี้ยวแผ่นดินใหญ่นับไม่ถ้วน ด้านบนแท่นบวงสรวงมีศพนอนแน่นิ่งมาแต่โบราณร่างหนึ่ง ในพริบตานี้…เขาตัวสั่นขึ้นมา
การสั่นคล้ายกับจะตื่นขึ้น จากนั้นแท่นบวงสรวงใต้ศพพลันเปล่งแสงสว่างถึงขีดสุด ขณะเดียวกันก็เปล่งแสงออกไปอย่างรวดเร็ว พริบตาเดียวปกคลุมเศษแผ่นดินใหญ่ทั้งหมด พร้อมกันนั้นก็เกิดเสียงครึกโครมดังขึ้น วงแหวนอาคมยักษ์ของฟ้ากระจ่างดาวหมุนโคจร
เมื่อวงแหวนอาคมหมุนโคจร มีแรงกดดันแก่กล้าลงมากดศพบนแท่นบวงสรวงเอาไว้อย่างแน่นหนา ไม่ว่าเขาจะตัวสั่นอย่างไรก็ไม่อาจยืนขึ้นและลืมตาได้!
ระหว่างนั้น จากการทำงานของวงแหวนอาคม เสียงครึกโครมดังก้องไปรอบๆ พอแรงกดดันแก่กล้ากดลงมาแล้ว คนจำนวนมากในโลกแท้จริงดาราสัจธรรมจึงรับรู้ได้ในเสี้ยวพริบตา
นอกวงแหวนอาคมมีดารากำลังหมุนโคจรสองดวง บนดาวดวงหนึ่งในนั้นมี สตรีสวมอาภรณ์ขาวนั่งอยู่คนหนึ่ง นางมีใบหน้างดงามยิ่ง แต่สีหน้ากลับเย็นชา คิ้วขมวด สายตามองวงแหวนอาคมไกลๆ มองแสงสว่างวูบวาบของวงแหวนอาคม พลางรู้สึกว่าวงแหวนอาคมที่เปิดขึ้นเองกำลังกำราบอยู่
“มีคนกำลังเรียก…” นางกล่าวเสียงเบา
ในเวลาเดียวกันบนดาวอีกดวง มีคนเสื้อคลุมดำผู้หนึ่งกำลังยืนอยู่บนยอดเขา สายตามองวงแหวนอาคมใหญ่กลางฟ้ากระจ่างดาวไกลๆ ใบหน้าถูกปิดด้วยเสื้อคลุมดำ จึงมองไม่เห็นการเปลี่ยนแปลงทางสีหน้า แต่จากอิริยาบถ เพ่งมองแล้วจะเห็นได้รางๆ ว่าตอนนี้เขามีสีหน้าจริงจัง
“เด็กคนนี้เติบใหญ่แล้ว รู้จักการเรียกหา…แต่ว่า ศพนี้ใกล้จะถึงช่วงเวลาใช้งานแล้ว จะยอมให้เจ้าเอาไปได้อย่างไร…” เสียงแหบแห้งดังเนิบช้ามาจากในเสื้อคลุมดำ น้ำเสียงแก่ชรา
ทว่าทันทีที่เสียงพึมพำกับตัวเองดังก้อง ทันใดนั้นวงแหวนอาคมใหญ่ยักษ์ที่รวมจากแผ่นดินใหญ่นับไม่ถ้วนก็เกิดเสียงโครมดังสนั่นฟ้าดิน ท่ามกลางเสียงโครมนั้น คล้ายกับว่าฟ้ากระจ่างดาวกำลังสั่นไหว ขณะเดียวกันเศษเสี้ยวแผ่นดินใหญ่จำนวนมากที่รวมเป็นวงแหวนอาคม มีอยู่ราวเจ็ดแปดแห่งที่พังลงเป็นเสี่ยงๆ ท่ามกลางเสียงดัง
ท่ามกลางเสียงอึกทึกดังก้อง ศพที่หลับตาบนแท่นบวงสรวงตรงใจกลางวงแหวนอาคมตัวสั่นรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ ร่างเขาค่อยๆ เกิดเค้าลางจะลอยขึ้นมา!
ภาพนี้ทำให้สตรีอาภรณ์ขาวหน้าเปลี่ยนสี และทำให้คนชุดคลุมดำแค่นเสียงเย็นชาพลางสะบัดแขนเสื้อ ก่อนมีสายรุ้งยาวหลายพันสายบินขึ้นจากในดาวสองดวงนี้ทันที
สายรุ้งหลายพันสายนั้นคือ ผู้ฝึกฌานหลายพันคน พวกเขาห้อเหยียดมาปรากฏอยู่รอบวงแหวนอาคมยักษ์แล้วนั่งขัดสมาธิลงพร้อมกัน การนั่งลงแบบนี้เหมือนกับ การกำราบ ท่ามกลางเสียงดังสนั่น มีผลให้ศพที่เหมือนจะลอยขึ้นลดระดับลง กลับมาถูกกดแน่นไว้บนแท่นบวงสรวงอีกครั้ง
ทว่ายามนี้เอง เสียงคำรามราวกับดังแว่วมาจากในมวลอากาศพลันดังก้องในจิตใจของผู้ฝึกฌานทั้งหมด เสียงแฝงไว้ด้วยความบ้าคลั่ง แฝงไว้ด้วยความยึดมั่นและตัดสินใจแน่วแน่ นั่นคือเสียงคำรามของซูหมิงที่อยากจะเรียกร่างจริงของตนกลับจากในเตาหลอมลำดับห้าทะเลดาราต้นกำเนิดจิต
ท่ามกลางเสียงคำรามก็เกิดเสียงดังสนั่นหวั่นไหวขึ้น ระหว่างที่เศษเสี้ยวแผ่นดินใหญ่จำนวนมากที่รวมเป็นวงแหวนอาคมพังทลายลง ผู้ฝึกฌานหลายพันคน ตัวสั่นพร้อมกัน ทันทีที่พวกเขาทั้งหมดกระอักเลือด ศพบนแท่นบวงสรวงกลาง วงแหวนอาคมลอยขึ้นอีกครั้ง
ตอนนี้คนชุดคลุมดำเคลื่อนไหวอย่างไม่ลังเล ร่างเขาหายวับไปแล้วมาปรากฏ บนแท่นบวงสรวงใจกลางวงแหวนอาคม ก้มหน้ามองศพนั้นพลางยกมือขวากดลงไป
การกดครั้งนี้มีผลให้ฟ้ากระจ่างดาวสั่นสะเทือน ศพนั้นถูกกดลงกับแท่นบวงสรวงอย่างแรงอีกครั้ง ยามนี้ประหนึ่งว่าพลังของทั้งผืนฟ้ารวมอยู่ที่มือขวาคนชุดคลุมดำ ราวกับว่าเขาใช้พลังของโลกแท้จริงดาราสัจธรรมกำราบศพร่างนี้!
แต่ว่าช่วงที่คนชุดคลุมดำอาศัยพลังของโลกแท้จริงดาราสัจธรรมมากำราบศพ พลังนี้กลับหายไปจากมือคนชุดคลุมดำ การหายไปแบบนี้ประหนึ่งว่าโลกแท้จริงดาราสัจธรรมคิดจะเอาพลังคืนจากมือคนชุดคลุมดำ
“ดวงชะตาไม่อนุญาต?” คนชุดคลุมดำพลันเงยหน้ามองอากาศข้างบน พร้อมกันนั้นศพบนแท่นบวงสรวงลอยขึ้นอีกครั้ง มิหนำซ้ำข้างกายยังปรากฏเงาดวงจันทร์ สามดวง ขาสองข้าง ศีรษะหนึ่ง รวมขึ้นเป็นภูเขา การปรากฏร่างเงาดวงจันทร์ทำให้มวลอากาศรอบๆ บิดเบี้ยวจำนวนมาก คลับคล้ายว่า…..จะข้ามผ่านอากาศแล้วหายไป
ชายชุดคลุมดำแค่นเสียงเย็นชา เขายกมือขวาขึ้นอีกครั้ง ห้านิ้วมือพลันยืดยาวก่อนสะบัดมือไป เล็บห้านิ้วมือหักออกดุจเข็มแหลม จากนั้นก็พุ่งไปพร้อมเสียงลากยาวแหลม แหวกมวลอากาศตรงไปปักบนศพ
เสียงอึกทึกดังขึ้น มวลอากาศบิดเบี้ยวรอบตัวศพพลันสลายหายไป แต่ทันทีที่ ห้าเล็บมือปักบนศพและอากาศรอบตัวศพหายไปนั้น เขา…ลืมตาขึ้น!
นี่เป็นการลืมตาครั้งแรกของศพ เป็นการเปิดตาครั้งแรก!
ทันทีที่เขาลืมตา ก็มีเสียงต่ำที่เหมือนอัดอั้นมาแต่โบราณดังแว่วมาจากปากศพ ดังสนั่นจักรวาล!
“ตี้เทียน!”