Skip to content

สู่วิถีอสุรา 1051

ตอนที่ 1051 กายเนื้อข่งหมัว

หนึ่งพันกว่าปีก่อน เกือบๆ สองพันปี หากเปรียบมันเป็นหนึ่งจุด เช่นนั้นจุดนี้ของเจ้าเมื่อปีนั้น คือภายในดาวทะเลทราย กลางธารดาราน้ำวน ในขุมอำนาจรักษาการณ์โลกแท้จริงหยินศักดิ์สิทธิ์ และก็เป็นข้างในวิหารใหญ่แบบเดียวกัน…

ผู้ฝึกฌานโลกแท้จริงหยินศักดิ์สิทธิ์คนนั้นที่เคยล่าสังหารซูหมิงคุกเข่าคารวะอยู่ที่นี่ กำลังเล่าเรื่องเกี่ยวกับคนนามโม่ซูในเขตดาราวงแหวนบูรพาให้จู๋หั่วฟัง และยังบอกว่าข้างกายเขามีกระเรียนตัวหนึ่ง

จู๋หั่วในตอนนั้นอยู่สูงส่ง อำนาจจากน้ำเสียงทำให้คนที่คุกเข่าที่นี่ตัวสั่นด้วย ความยำเกรง หนึ่งคำพูดของนางสามารถตัดสินความเป็นตายของซูหมิงในเขตดารา วงแหวนบูรพาได้

ปีนั้นที่ซูหมิงถูกบีบเข้าแดนประหลาดวงแหวนบูรพา ความจริงเป็นผลมาจากนาง…หรือไม่ก็การสนทนาที่นี่ในตอนนั้น

ยามนี้เวลาผ่านไปพันกว่าปี ซูหมิงมาที่นี่ มายืนอยู่ตรงหน้าจู๋หั่ว ข้างหูดังก้องไปด้วยเสียงสั่นเครือของจู๋หั่ว คำเรียกเขาว่าผู้อาวุโส แต่น่าเสียดายที่ซูหมิงไม่รู้เรื่องในตอนนั้น มิเช่นนั้นแล้วตอนนี้เขาคงปลงอนิจจังนัก

ที่น่าเสียดายคือจู๋หั่วเองก็ไม่รู้ว่าโม่ซูคนที่นางเอ่ยปากตัดสินโชคชะตาในอดีต บัดนี้จะมายืนอยู่ตรงหน้า ตอนนี้…ทำลายล้างโลกนี้ และทำลายฟ้ากระจ่างดาว หนึ่งทิศไปแล้ว

โชคชะตาก็ซับซ้อนแบบนี้ กลับตาลปัตรเช่นนี้ ทำให้คนเปลี่ยนตำแหน่งไปโดยไม่รู้ตัว…ดังนั้นคนจึงยึดมั่น หลงใหล ต่อสู้ดิ้นรนและต่อต้าน หมายจะหลุดพ้นจากโชคชะตา ทว่า…การดิ้นรนต่อต้านก็เป็นดั่งแมงเม่าบินเข้ากองไฟ สุดท้ายคนที่เกิดใหม่กลางเพลิงจะต้องไม่ใช่แมงเม่านั้นอย่างแน่นอน แต่เป็นหงส์ไฟที่ยอมตกลงไปกลางเพลิงแต่ไม่ตาย

ซูหมิงเดินเข้ามาใกล้แล้วยกมือขวาด้วยสีหน้าเฉยชา ยามที่คว้าเพลิงเทียนนั้น มีเสียงคำรามแหลมดังมาจากในเพลิงเทียน

เสียงคำรามฟังไม่แสลงหู แต่กลับคล้ายเพลงกลอนบทหนึ่ง ถึงจะเป็นเสียงพึมพำไม่ชัดเจน แต่ทุกคนที่ฟังจะรู้ได้เองว่านี่คือเพลงกลอน

ในเวลาเดียวกัน ม้วนคัมภีร์โบราณที่วางอยู่บนโต๊ะยาวก็พลิกหน้าเปิดอย่างรวดเร็ว ระหว่างที่พลิกไปทีละหน้า รอบตัวซูหมิงเหมือนกับกาลเวลาไหลผ่านไปด้วยความเร็วพันปีในอึดใจ

นี่คืออภินิหารวิชาของจู๋หั่ว เป็นวิชาที่ทำให้นางมีคุณสมบัติอยู่ที่นี่ได้!

กาลเวลาดั่งเพลงกลอน!

มือขวาซูหมิงที่ยื่นไปแห้งเหี่ยวลงด้วยความเร็วระดับสายตา ราวกับว่าขณะยื่นไปก็ผ่านไปแล้วพันปี จู๋หั่วใช้วิชานี้มาหลายครั้งในชีวิต ทุกครั้งจะเกิดผล ทว่าครั้งนี้…

“อ่อนหัด!” ช่วงที่มือขวาซูหมิงแห้งเหี่ยว เขาแค่นเสียงเย็นชาทีหนึ่ง หนึ่งในพรสวรรค์เผ่ายมโลกคือวิชาเวลา หากใช้วิชาชนิดนี้กับคนอื่นก็อาจมีผล แต่เมื่อใช้กับเขาย่อมไม่มีผลใดๆ เมื่อเขาแค่นเสียงหึ มือขวาก็กลับมาเป็นปกติ พลังกาลเวลาหายไปในตัวเขาทันที ม้วนคัมภีร์โบราณสั่นไหว มีอยู่ครึ่งเล่มกลายเป็นเศษเถ้าธุลีทันใด

พร้อมกันนั้น เพลิงเทียนมอดดับไปครึ่งหนึ่ง ขณะมันดิ้นรนอย่างยากลำบาก มือขวาซูหมิงจะสัมผัสเพลิงเทียนแล้ว ใบหน้าสตรีในนั้นบิดเบี้ยว ตามมาด้วยเสียงร้องแหลมอีกครั้ง

ทันใดนั้น ม้วนคัมภีร์โบราณบนโต๊ะที่เดิมทีพลิกหน้าจากซ้ายไปขวาในพริบตา ถึงแม้ว่าคัมภีร์จะเป็นผุยผงไปครึ่งเล่มแล้ว แต่ก็ยังมีอีกครึ่งหนึ่งที่ยังคงพลิกต่อไป ทว่าช่วงที่จู๋หั่วร้องเสียงแหลม คัมภีร์พลันเปลี่ยนด้านการพลิก เริ่มพลิกหน้าจาก ขวาไปซ้ายแทน

ในเวลาเดียวกัน พลังแห่งการย้อนเวลาอบอวลอยู่ในตัวซูหมิง

“สิ่งที่ข้าชำนาญที่สุดไม่ใช่ยืดเวลาออกไป แต่เป็นการย้อนเวลา ขอใช้ชีวิตข้าแลกการย้อนเวลา!” ช่วงที่จู๋หั่วเอ่ยเสียงแหลมกระจายออกไป ร่างกายซูหมิงดุจย้อนกลับภายใต้การหมุนทวนของเวลา สิ่งที่ย้อนกลับไปด้วยยังมีขั้นพลังกับจิตแรก พลังนี้ทำให้ซูหมิงยิ้มเยาะมุมปากกว้างกว่าเดิม เขาปลดปล่อยจิตสำนึก ให้พลังการย้อนเวลาลุกลามเป็นวงกว้างในร่างกาย

“สามพันปี!” สิ้นเสียงตะโกนของจู๋หั่ว ร่างกายซูหมิงหดเล็กลงอย่างรวดเร็ว พริบตาเดียวก็กลายเป็นอากาศราวกับจะหายไป ในตัวเขาเผยความสัตย์ซื่อออกมา นั่นคือเขาเวลาย้อนไปถึงตอนที่อยู่ภูเขาทมิฬ แต่ไม่นานนักทุกอย่างก็หายไป ตอนที่โผล่มาอีกครั้ง…กลับเป็นภูเขาทมิฬ

“เหตุใดถึงเป็นเช่นนี้!” จู๋หั่วเบิกตากว้าง เผยอาการเหลือเชื่อ ก่อนตะโกนอีกครั้ง

“สามพันปี!” กาลเวลาโผล่ขึ้นมาในตัวซูหมิงไม่หยุด รอยยิ้มมุมปากยังไม่เปลี่ยนไป ระหว่างที่ร่างกายกึ่งโปร่งใส ข้างในเหมือนมีวัฏจักรปรากฏรางๆ เป็นภาพภูเขาทมิฬหลายต่อหลายฉาก

ทุกอย่างทำให้จู๋หั่วหน้าเปลี่ยนสีอย่างต่อเนื่อง นัยน์ตาฉายแววเหลือจะเชื่อ ก่อนจะตะโกนเซ่นไหว้อีกครั้ง

“สามหมื่นปี!” ครั้งนี้นางจ่ายทั้งหมด สิ้นเสียงตะโกน พลังกาลเวลาเกิดเสียงโครมบนตัวซูหมิง ภายใต้การไหลย้อนสามหมื่นปี ชั่วพริบตาที่จู๋หั่วถอนหายใจโล่งอกอยู่ภายใน นางพลันกรีดร้องโหยหวน

ร่างกายซูหมิงยังคงโปร่งใส ทว่าภายในกลับว่างเปล่าดุจหลุมดำ เวลาทำให้เขาย้อนไปยังช่วงที่ยังไม่เกิด และยังถูกพลังคำสาปวนเวียนรอบตัวในครรภ์มารดา

คำสาปนี้พลันลุกลามไปในช่วงที่จู๋หั่วใช้อภินิหารเข้าปะทะ มันรุกล้ำเข้าไปอยู่กลางวิญญาณนาง เสียงกรีดร้องของนางดังอยู่เพียงลมหายใจเดียว ม้วนคัมภีร์โบราณก็แหลกเป็นผุยผงทั้งหมด เพลิงเทียน…มอดดับลง

ซูหมิงมีสีหน้าเช่นปกติ เขาคาดการณ์เหตุการณ์นี้ไว้ก่อน ถ้าไม่อย่างนั้นคงจะต่อต้านไปแล้ว ความจริงเขาอยากจะยืนยันสักเล็กน้อยด้วยว่า คำสาปในตัวตนตอนนั้นแข็งแกร่งเพียงใด

ตอนนี้เมื่อเพลิงเทียนมอดดับ เสียงโครมดังขึ้น เชิงเทียนพังลง เผยให้เห็นเป็นซากศพที่ซ่อนอยู่ในเชิงเทียน!

นั่นคือศพสตรีร่างหนึ่ง ทั่วร่างเน่าเปื่อยอย่างรวดเร็วจากความชรา กลิ่นเน่าเหม็นโชยไปรอบๆ ซูหมิงคว้าถุงเก็บวัตถุของศพนั้นมาแล้วตบไปทีหนึ่ง ฉับพลันนั้นถุงเก็บวัตถุระเบิดออก โลงศพสีดำหล่นลงบนพื้น

ทันทีที่โลงศพโผล่มา ก็มีแรงกดดันแก่กล้าวนเวียนไปรอบๆ ความแกร่งของแรงกดดันทำให้ซูหมิงรู้สึกได้ในทันที จิตใจจึงสั่นสะท้าน ดวงตาหรี่เล็กลง กลิ่นอายพลังนี้…เหนือกว่าทุกสิ่งในความทรงจำเขา

กระทั่ง….มีสิ่งเดียวที่เทียบกับมันได้ ก็คือระดับผู้ยิ่งใหญ่แห่งโลกแท้จริงหยินศักดิ์สิทธิ์ หรืออาจารย์ของฉางเหอที่ซูหมิงเห็นจากภาพในทวนสิ้นสูญตอนอยู่ เตาหลอมลำดับห้า!

ชั่วพริบตาที่โลงศพโผล่มา กระเรียนขนร่วงบินออกมาจากในถุงเก็บวัตถุ มันมองโลงศพด้วยอาการตัวสั่น…มองซากศพร่างหนึ่งที่นอนอยู่ในนั้น

มองจากซากศพแล้วจะได้รู้ว่ามันเป็นสัตว์ตัวหนึ่ง เพียงแต่ตอนนี้มีแผลเหวอะหวะ ถึงจะแห้งไปแล้ว แต่ก็ยังมองรูปร่างตอนยังมีชีวิตไม่ออก ทว่ากลิ่นอายพลังที่แผ่มาจากซากศพคล้ายกับกระเรียนขนร่วงจนน่าตะลึง

กระเรียนขนร่วงตัวสั่น มันเหม่อมองซากศพในโลง คล้ายพึมพำเบาๆ และยังเหมือนพูดกับซูหมิง

“เป็นความรู้สึกที่แปลกมาก…ย่ากระเรียนมันเถอะ นี่มันกายเนื้อข้าในตอนนั้นรึ?

ข้าเกิดลางสังหรณ์แรงกล้าบางอย่างว่าเมื่อข้าหลอมรวมกับกายเนื้อแล้ว ความทรงจำข้าจะฟื้นกลับมามากกว่าครึ่ง ข้าจะจำเรื่องที่ลืมไปได้มากมาย ข้าจะรู้….ความเป็นมาของข้า ฐานะข้า และยังมีสาเหตุที่ข้ากลายเป็นร่างวิญญาณ

ข้าจะรู้อีกด้วยว่าใครกันที่ทำร้ายข้าจนเกือบวิญญาณสลายไป…” กระเรียนขนร่วง ตัวสั่น มันยกกรงเล็บขวาขึ้น ตอนที่กำลังจะสัมผัสซากศพ มันพลันหยุดชะงักไปนิด

“ข้ารู้สึกชัดมากอีกว่าหากข้านึกเรื่องเหล่านี้ออก…ข้า…จะไม่ใช่ข้าอีก ข้าจะไม่ใช่กระเรียนขนร่วงอีก และก็ไม่ใช่สหายข้างกายซูหมิงอีกต่อไป…ข้า…เป็นใคร…” กระเรียนขนร่วงตัวสั่นมากขึ้นเรื่อยๆ สีหน้าต่อสู้ดิ้นรน

“ข้าจะเปลี่ยนเป็นอีกจิตสำนึกหนึ่ง หรืออาจพูดได้ว่าข้าจะเปลี่ยนเป็นตัวข้าในตอนนั้น เช่นนั้นข้าก็จะหายไป…แต่ข้าจะแข็งแกร่งมาก….แข็งแกร่งอย่างยิ่ง!” กระเรียนขนร่วงเกิดความสับสนเล็กน้อย มันพลันเงยหน้าคำรามขึ้นฟ้า สีหน้าดูดิ้นรนและสับสน

ซูหมิงเห็นดังนั้นแล้วก็ได้แต่เงียบ เขาช่วยกระเรียนขนร่วงหากายเนื้อมาให้ได้ เพราะสำหรับเขาแล้วมันไม่ใช่สัตว์เลี้ยง แต่เป็น….สหาย

ถึงสหายคนนี้จะไม่ค่อยน่าเชื่อถือเท่าไร ถึงมันจะละโมบมาก แต่ว่า…สหายก็คือสหาย

เพียงแต่ซูหมิงช่วยมันเลือกไม่ได้ เส้นทางทุกอย่าง มันต้องเลือกเดินเอง

“ย่ากระเรียนมันเถอะ เหตุใดข้าถึงรู้สึกรังเกียจตัวเองก่อนหน้านี้นัก…หากข้าหลอมรวมก็จะกลายเป็นมัน แต่ข้า…ข้าอยากหลอมรวมมาก ข้าอยากนึกความทรงจำออกทุกอย่าง ข้าอยากรู้ว่า…ข้าเสียอะไรไปในชีวิต…เหตุใดข้าเห็นภูเขามองสามีแล้วร้องไห้ เหตุใดข้าเห็นฟ้ากระจ่างดาวแล้วเสียใจ เหตุใดบางครั้งข้าถึงนึกถึงใครบางคนอย่างน่าประหลาด…” ขณะกระเรียนขนร่วงกำลังดิ้นรน ดวงตาสองข้างแดงก่ำ มันพลันหมุนตัวไปมองซูหมิง

“ตอนนี้ข้าก็มีความสุขมากอยู่แล้ว ไม่ต้องหลอมรวมก็แล้วกัน แต่เจ้าต้องช่วยข้าเก็บมันเอาไว้ รอจนเจ้ารวมกายเนื้อได้ครบก่อนค่อยหลอมรวมก็ยังไม่สาย”

กระเรียนขนร่วงกัดฟันพูดอย่างยากลำบากด้วยสีหน้าไม่สนใจกับซูหมิง

ซูหมิงมองกระเรียนขนร่วงแวบหนึ่ง เขาเคารพการตัดสินใจของมัน จึงยกมือขวาสะบัดไป โลงศพที่แผ่กลิ่นอายพลังจนซูหมิงยังตัวสั่นถูกเก็บเข้าไปในถุงเก็บวัตถุทันที ต่อมาแรงกดดันที่นี่ก็พลันหายไป

กระเรียนขนร่วงดูหวาดกลัวขึ้นมา เห็นรางๆ ว่าเหมือนจะทำใจไม่ได้เล็กน้อย แต่ไม่นานนักก็เปลี่ยนเป็นแน่วแน่ ระหว่างที่ซูหมิงหมุนตัวกลับ มันก็กลายเป็นสายรุ้งยาวออกจากดาวดวงนี้ไปพร้อมกับเขา

ทุกอย่างจบสิ้นแล้ว ในอดีตขุมอำนาจรักษาการณ์โลกแท้จริงหยินศักดิ์สิทธิ์นี้ ขณะเดียวกับที่ซูหมิงปรากฏตัว เขาปลดผนึกของเตาหลอมลำดับห้าออก ยอดฝีมือ ขั้นเกิดมองซูหมิงอย่างลึกซึ้งแวบหนึ่ง แล้วหมุนตัวจากไปในพริบตา ออกจาก ฟ้ากระจ่างดาวแห่งนี้ไป ส่วนห้าคนที่เหลืออยู่ไกลๆ ตอนนี้ก็หายไปอย่างรวดเร็ว รีบหนีออกจาก….ซากปรักหักพังแห่งนี้

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version