Skip to content

สู่วิถีอสุรา 1059

ตอนที่ 1059 มันจะดีหรือ?

เสียงตะโกนดังก้องสะเทือนฟ้า

ตอนนี้ผู้ฝึกฌานพันธมิตรเซียนเหลือหลายหมื่นคน ข้างหลังหลายหมื่นคนนี้ ใต้ดวงตาแห่งวิหารศักดิ์สิทธิ์ยักษ์ ชายแซ่เป่ยคนนั้นมองผู้อาวุโสใหญ่สำนักดารา สัจธรรมที่ตะโกนออกพูดออกไปอยู่ไกลๆ

‘สำนักดาราสัจธรรม สำนักที่ถูกกำหนดไว้แล้วว่าต้องถูกทำลายล้าง ความจริงแล้ว….ยังมีผู้แข็งแกร่งที่น่าเคารพแบบนี้อยู่ไม่น้อย’ ชายแซ่เป่ยลอบถอนหายใจ เขาต่อสู้กับสำนักดาราสัจธรรมมาหลายร้อยปี ทุกครั้งที่ถึงทางตัน ในสำนักดาราสัจธรรมจะมี คนแบบนี้โผล่มา

ถึงสาเหตุของการตะโกนพูดแบบนี้ออกไปจะเป็นเพราะว่าคนในตระกูลพวกเขาอยู่ในพื้นที่ควบคุมของสำนักดาราสัจธรรมเลยต้องทำแบบนี้เพื่อให้คนในตระกูลอยู่ต่อไปก็ตาม แต่ก็น่าเคารพอยู่ดี

กลับกันทางฝั่งพันธมิตรเซียน ดูเหมือนมีพลังยิ่งใหญ่ แต่ความจริงไม่มีคนแบบนี้โผล่มาเลย

‘น่าเสียดาย…..’ ชายแซ่เป่ยส่ายศีรษะ

“ให้รถสงครามระเบิดตัวเอง ให้พวกเขาที่กำลังคลุ้มคลั่งได้สติสักหน่อย” ทันทีที่ชายแซ่เป่ยพูดออกไป คนข้างหลังก็ออกคำสั่งไปอย่างรวดเร็ว

ผ่านไปครู่หนึ่ง รถสงครามใหญ่เก้าคันที่ก่อให้เกิดการสังหารไปจำนวนมากบนสนามรบพลันระเบิดออกทั้งหมด ทุกคันรวมขึ้นจากกระบี่ใหญ่หลายแสนเล่ม รถสงครามเก้าคันก็เท่ากับกระบี่ใหญ่หลายล้านเล่ม ช่วงที่มันระเบิดก็ม้วนสายลมกระบี่ระเบิดออกไป

การระเบิดของกระบี่หลายล้านเล่ม สำหรับผู้ฝึกฌานแล้วเทียบเท่ากับมหันตภัย เดิมทีศิษย์สำนักดาราสัจธรรมเหลืออยู่หมื่นกว่าคน ทว่าตอนที่รถสงครามเก้าคันระเบิด เสียงตะโกนแหลมพลันกลบเสียงทุกอย่างกลายเป็นเสียงสุดท้าย

เจ็ดพันคน….กลายเป็นเศษเนื้อ หายไปใต้ฟ้ากระจ่างดาวชั่วนิรันดร์พร้อมกับ เสียงร้องของพวกมัน วิญญาณสูญสิ้นไป

จงสู้จนตัวตาย คำพูดนี้พูดออกมาง่าย แต่บางคำมันเหมือนกับการสัญญา ตอนที่ยังไม่พูดเจ้าคือเจ้านายมัน แต่เมื่อพูดมาแล้วเจ้าจะกลายเป็นทาสมัน

จากการตายของเจ็ดพันคน ศิษย์สำนักดาราสัจธรรมห้าพันกว่าคนที่เหลือซึ่งก่อนหน้านี้ตะโกนออกไป ทว่าตอนนี้กลับเหมือนถูกน้ำเย็นลาดใส่หัว พวกเขาถอยร่นไป ไม่หยุดด้วยอาการสั่น เกิดเค้าลางจะแตกพ่าย

“รถสงคราม พวกเราเพียงรักษาการณ์ที่นี่ ไม่ใช่ห้องโถงสงคราม ไม่มีอาวุธ…..ทว่าผู้ฝึกฌานพันธมิตรเซียนเพียงแปดหมื่นคนกลับมีรถสงครามกระบี่เก้าคัน…..” ผู้อาวุโสใหญ่ของที่นี่ฝืนยิ้มด้วยความปวดร้าว สายตามองศิษย์สำนักดาราสัจธรรมใกล้จะแตกพ่าย ก่อนกระโดดลอยขึ้นกลายเป็นสายรุ้งยาวพุ่งไปข้างหน้า

สายรุ้งยาวนี้เป็นดั่งแมงเม่าบินเข้ากองไฟ รู้ว่าต้องตาย แต่ว่า…ก็จะบินไปหา เปลวเพลิง

ไม่มีคำพูดปลุกระดมอะไรอีก ไม่มีคำพูดจงสู้จนตัวตายอีก สิ่งเหล่านี้ไม่จำเป็นแล้ว มีคนหนี เช่นนั้นก็หนีเถอะ การพุ่งไปครั้งนี้ไม่ใช่เพื่อตัวเขาเอง แต่เพื่อคนในตระกูลเขา เพื่อลูกหลานและญาติพี่น้องของเขา

‘ใช้การตายของข้าแลกกับให้สำนักดาราสัจธรรมโอบอ้อมอารีกับคนในตระกูลข้า เรื่องนี้….คุ้มค่า’ ชายชราตาแดงก่ำ เขาพุ่งเข้าไปในค่ายของพันธมิตรเซียนด้วย ความบ้าคลั่งและยึดมั่น

“พวกเจ้าสองคนลงมือ ใช้สายฟ้าลบล้างจันทราจบชีวิตเขาเสีย เขารนหาที่ตายแล้ว ถึงขั้นพลังพวกเจ้ายังไม่พอ แต่เขาจะไม่หลบ” ชายแซ่เป่ยมองชายชราที่เป็นดั่ง แมงเม่าบินเข้ากองไฟอยู่ไกลๆ พลางเอ่ยราบเรียบ

“สงครามครั้งนี้จบก่อนเวลาได้” เป่ยหลิงเงยหน้าขึ้นมองลูกตายักษ์ข้างบน นัยน์ตามีความรังเกียจวูบผ่าน

ทว่าช่วงที่เขามองลูกตายักษ์ข้างบน ทันใดนั้นเองเกิดเสียงดังเกรียวกราวขึ้นบนสนามรบ เป็นเสียงจากคนสำนักดาราสัจธรรมและก็จากคนพันธมิตรเซียน

เมื่อเสียงดังขึ้น เสียงร้องด้วยความตื่นเต้นก็ดังก้องไป

“กำลังเสริมพวกเรามาแล้ว!”

“เป็นเรือรบของสำนัก คนจากสำนักมาช่วยเราแล้ว!”

ท่ามกลางเสียงดังก้อง แม้แต่ผู้อาวุโสใหญ่ที่พุ่งออกไปตายยังหยุดชะงักและหันกลับไปมอง

เขาเห็นเรือรบหลายร้อยลำห้อเหยียดอยู่ในฟ้า และยังมีผู้ฝึกฌานเกือบหมื่นบนเรือรบ ความตื่นเต้นวูบผ่านในดวงตาเขา แต่เมื่อมองออกไปไกลยิ่งกว่ามันกลับมีแต่ความว่างเปล่า

มีคนแค่เท่านี้…

ขณะชายชราขมขื่น เสียงดังเกรียวกราวจากรอบๆ ก็หายไปทีละน้อย ความสิ้นหวังลอยขึ้นมาในใจผู้ฝึกฌานหลายพันคนของสำนักดาราสัจธรรมอีกครั้ง คนเหล่านี้ที่บ้าคลั่งไปก่อนหน้านี้ ก่อนถูกกระบี่ใหญ่หลายล้านเล่มมอดดับลงและเกิดเค้าลางจะแตกพ่ายได้จุดไฟแห่งความฮึกเหิมขึ้นมาอีกครั้งเพราะเรือรบหลายร้อยลำ

แต่ว่า……ความฮึกเหิมก็มอดดับไปอย่างไร้อารมณ์อีกครั้งหลังเห็นมีเรือรบเพียงหลายร้อยลำ ตอนนี้พวกเขาไม่มีความมุ่งมั่นในการต่อสู้ดังเดิม แตกพ่ายไม่เป็นท่า……เพียงเสี้ยวพริบตาเดียวมันก็เกิดขึ้นกับหลายพันคนจนเกือบจะทุกคน

หลังผู้ฝึกฌานสำนักดาราสัจธรรมหลายพันคนแตกพ่าย แววตาพร้อมด้วย จิตสังหารจากผู้ฝึกฌานฝั่งพันธมิตรเซียนก็เพ่งมองไปยังเรือรบหลายร้อยลำ

ชายแซ่เป่ยก็เบนสายตาจากลูกตายักษ์ข้างบนมองไปยังเรือรบหลายร้อยลำ

“ไม่ใช่กำลังเสริมจากสำนักดาราสัจธรรม ถ้าไม่อย่างนั้นคงไม่มากันแค่นี้ น่าจะผ่านทางมา แต่ในเมื่อมาแล้ว เช่นนั้นก็ให้พวกเขาอยู่ที่นี่” ชายแซ่เป่ยกล่าวนิ่งๆ

ซูหมิงยืนอยู่บนหัวเรือ สายตามองสนามรบตรงหน้า มองผู้ฝึกฌานพันธมิตรเซียนหลายหมื่นคน และก็เห็นคนสำนักดาราสัจธรรมที่แตกพ่ายหลายพันคน รวมถึงกลิ่นคาวเลือดเข้มข้นและเศษเนื้อกระจายเต็มฟ้า

“ข้ามีธงสงครามหรือไม่?” ซูหมิงพลันกล่าวขึ้น

สวี่ฮุ่ยงุนงง ชายชราคนนั้นที่อายุมากสุดในผู้เฒ่าเก้ายมโลกตาเปล่งประกาย เขายกมือขวาตบบนตัวก่อนมีผ้ายาวผืนหนึ่งโผล่ขึ้นมาในมือ มันโบกสะบัดจึงเห็นว่ามีความยาวหลายร้อยจั้ง

“องค์ชาย ตอนนี้ยังไม่มีธงสงคราม แต่ขอเพียงองค์ชายต้องการ ตอนนี้ข้าจะทำขึ้นแบบง่ายๆ ให้ก่อน”

“ข้าต้องการสีแดง” ซูหมิงพูดเรียบๆ

ชายชราคนนั้นลากผ้ายาวในมือไปรอบๆ ย้อมมันด้วยโลหิตที่ลอยอยู่รอบตัว ไม่นานหน้าหนึ่งก็กลายเป็นธงโลหิตอยู่กลางฟ้า

“แขวนธงสงคราม ตะโกนนามของข้า ให้คนเหล่านี้รู้ว่าพวกเจ้าเป็นของใคร และก็ให้ข้าดูว่าพวกเจ้า….มีคุณสมบัติจะติดตามข้างกายข้าต่อหรือไม่” คำพูดซูหมิงเข้าถึงหูผู้ฝึกฌานทุกคนบนเรือรบหลายร้อยลำ ทำให้พวกเขาต่างดวงตาขยับประกายวาว

ชายชราคนนั้นนำธงสงครามสีโลหิตแขวนไว้ตรงหัวเรือซูหมิง เพียงสะบัด ธงสงครามสีแดงยาวหลายร้อยจั้งก็โบกไปอย่างไร้ลม ตอนนี้เองเรือรบหลายร้อยลำเกิดเสียงโครมดังขึ้น มันยิงลำแสงออกไปหลายร้อยสายพุ่งไปยังสนามรบ พร้อมกันนั้นผู้ฝึกฌานหลายหมื่นคนเดินออกไปพร้อมกัน กลายเป็นสายรุ้งยาวหมื่นสายลากยาวไปทางสนามรบ

“เต้าคง!” ทันทีที่คนเกือบหมุ่นพุ่งออกไปก็ตะโกนนามหนึ่งออกไปพร้อมกัน เสียงดังสั่นสะเทือนฟ้า กึกก้องไปรอบๆ ราวกับฟ้าผ่า และเข้าถึงจิตใจศิษย์สำนักดารา สัจธรรมหลายพันคนที่แตกพ่าย ในเวลาเดียวกันก็เข้าถึงหูผู้ฝึกฌานพันธมิตรเซียน

เสียงนี้มีความห้าวหาญ ภายใต้การหลอมรวมกับพลังที่พุ่งออกไปของคนเกือบหมื่น ตอนนี้จึงมีเพียงคำเดียวที่จะบรรยายผู้ฝึกฌานเกือบหมื่นคนนี้ได้…

เหี้ยมโหดดั่งพยัคฆ์!

เสียงครึกโครมดังสะเทือนฟ้าดิน นั่นมาจากลำแสงหลายร้อยสายของเรือรบหลายร้อยลำพุ่งเข้าไปยังสนามรบพร้อมกับพลังทำลายล้าง ซ้ำยังก่อขึ้นเป็นพายุคลั่ง ระหว่างที่พายุคลั่งหมุนวน ผู้ฝึกฌานเกือบหมื่นของซูหมิงก็เข้าไปใกล้แล้ว การสังหารอย่างบ้าคลั่งก็เริ่มต้นขึ้น

ทันทีที่คนเกือบหมื่นเข้าปะทะกับหลายหมื่นคนที่สู้มาสามวันจนเหนื่อยล้า ก็เกิดการสังหารอย่างไม่มีสิ้นสุด!

ผู้ฝึกฌานสำนักดาราสัจธรรมหลายพันคนที่แตกพ่ายไป แม้ตอนนี้จะกระจัดกระจายกัน แต่พอเห็นภาพนี้แล้วกลับเกิดความลังเลขึ้นมา ไม่รู้ว่าจะสู้ต่อหรือหนีต่อดี แต่ธงสงครามสีโลหิตและคำว่าเต้าคงดังก้องข้างหูมันกลับทำให้ความมุ่งมั่นใจการต่อสู้ที่มอดดับไปแล้วในใจค่อยๆ จุดประกายขึ้นมาอีกครั้ง

ผู้อาวุโสใหญ่แห่งห้องโถงผู้อาวุโสของที่นี่มองคนเกือบหมื่นเข้ามา มองธงสงครามสีโลหิตปลิวไสว ได้ยินนามที่ผู้ฝึกฌานเกือบหมื่นตะโกน เขาจึงกลายเป็นสายรุ้งยาว ห้อเหยียดไปหาเรือรบของซูหมิงอย่างไม่ลังเล

ตอนนี้เก้าผู้เฒ่ายมโลกบินออกไปพร้อมกัน ไม่ได้บินไปทางสนามรบ แต่บินขึ้นไปข้างบนฟ้าซึ่งเป็นจุดที่ผู้แข็งแกร่งหลายสิบคนกำลังต่อสู้กันอย่างดุเดือด

กระเรียนขนร่วงดวงตาเปล่งประกาย มันขยับไหวตัวหายวับไป มีเพียงซูหมิงที่เห็นว่าในเศษเนื้อเหล่านั้นรอบๆ มีแขนครึ่งหนึ่งกำลังเข้าไปใกล้สนามรบอย่างรวดเร็วโดยไม่มีใครเห็น

บรรพบุรุษหุ่นเชิดเพลิงเลียริมฝีปาก นัยน์ตาฉายแววกระหายเลือด เขามองซูหมิง พอเห็นซูหมิงพยักหน้าแล้วเขาก็หัวเราะลากยาว เขาจงใจไม่ปล่อยขั้นพลังทั้งหมด แต่เผยเพียงราวๆ ภัยพิบัติจันทรา ก่อนขยับวูบไหวไป เห็นได้ชัดว่าเขาไม่อยากแผ่แรงกดดันของยอดฝีมือ เพราะมันจะทำให้คนอื่นหนีไปอย่างว่องไว เขาอยากจะเล่นสนุกด้วยการเป็นหมูกินพยัคฆ์

“มันจะดีหรือ…” สวี่ฮุ่ยยิ้มเล็กน้อย สายตามองซูหมิง

“ข้าอยากให้พวกเขาได้ระบายสักเล็กน้อย” ซูหมิงยิ้มน้อยๆ สายตามองสวี่ฮุ่ยเช่นกัน

สวี่ฮุ่ยสบตากับซูหมิง แววตาเผยความอบอุ่นที่ไม่เผยมาในเวลาปกติ และยังเม้มปากยิ้ม ทว่าเมื่อนางเห็นลูกตายักษ์ที่ลอยอยู่กลางฟ้าแล้ว รอยยิ้มก็หายไปทันที ดวงตายังหรี่แคบลง

“นั่นคืออะไร” ซูหมิงมองลูกตายักษ์เช่นกัน รู้สึกรางๆ ว่าลูกตายักษ์กำลังมองตนอยู่เหมือนกัน

สิ่งนี้ต่างกับดวงตาที่สามที่ซูหมิงได้มาในตอนแรก ดวงตาที่สามมีสติปัญญาของมันเอง ทว่าลูกตายักษ์ตอนนี้ให้ความรู้สึกถึงเหมือนของตายแล้ว เห็นได้ว่าเป็นของวิเศษที่ถูกใครบางคนควบคุมอยู่ไกลๆ

“นั่นคือดวงตาแห่งวิหารศักดิ์สิทธิ์ของพันธมิตรเซียน ข้าโอวหยางคง คารวะองค์ชายเต้าคง!” คนที่ตอบซูหมิงคือผู้อาวุโสใหญ่แห่งห้องโถงผู้อาวุโสที่บินเข้ามาอย่างรวดเร็ว ตอนที่เขาเข้ามาใกล้ ก็เห็นสัตว์ร้ายหัวสุนัขกับเต้าเฟยเฟิงบนหัวเรือ ในใจสั่นสะท้านขึ้นมา แต่กลับเบนสายตาออก แล้วประสานมือคารวะซูหมิงอยู่นอกเรือ

ซูหมิงพยักหน้า สายตามองลูกตายักษ์นั้น ยามที่เบนสายตาลงมา แวบแรกก็เห็น….ชายแซ่เป่ย ทันใดนั้นเองนัยน์ตาเขาเป็นประกายประหลาดใจ

“เป่ยหลิง…..”

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version