Skip to content

สู่วิถีอสุรา 1091

ตอนที่ 1091 สงคราม

ชายร่างกำยำคนนั้นคือศิษย์พี่สามของซูหมิง หู่จื่อแห่งยอดเขาลำดับเก้า!

ขณะเหม่อลอย ซูหมิงยังจำตอนถึงยอดเขาลำดับเก้าครั้งแรกได้ หู่จื่อถลึงตามองด้วยท่าทีบ้าอำนาจ เสียงตะโกนที่ดังแบบซื่อๆ เหมือนดังก้องข้างหู

เขามีนิสัยชอบถ้ำมองและมีพรสวรรค์ต่อวงแหวนอาคมทุกชนิด เดิมทีตัวเขาเกิดจากวงแหวนอาคมแห่งแดนมรณะหยิน ก่อนได้เทียนเสียจื่อชี้แนะจึงตระหนักรู้ วิชาความฝัน นี่….ก็คือหู่จื่อ!

ถึงรู้ว่าตอนนี้ที่เห็นเป็นเพียงสงครามที่เคยเกิดขึ้นในช่วงเวลาหนึ่ง เป็นของปลอมไม่ใช่ของจริง แต่ตอนที่เขาเห็นหู่จื่อ ในใจก็เต็มไปด้วยความตื่นเต้น

ในชีวิตเขามีไม่กี่คนที่ต่อให้เขาเย็นชามากกว่านี้อีก แต่พอพบหน้ากันแล้วในใจ จะเต็มไปด้วยความอบอุ่น หู่จื่อ…..เป็นหนึ่งในนั้นอย่างไม่ต้องสงสัย

ซูหมิงสูดลมหายใจเข้าลึกแล้วระงับความตื่นเต้นในใจ ก่อนเดินเข้าไปในภาพ ดุจดั่งผิวน้ำ ร่างเงาหายตาม

ทันทีที่หายไป ผู้ฝึกฌานสิบล้านคนข้างนอกต่างมองมา นามเต้าคงเปล่งแสงสีทองสว่างแสบตาอีกครั้ง ครั้งนี้แสงทองสว่างพร่างพราวกว่าก่อนหน้านี้หลายเท่า เมื่อแสงสว่างขยายออก ไม่นานนามเต้าคงก็รวมขึ้นเป็นน้ำวนยักษ์

น้ำวนใหญ่กว่าก่อนหน้านี้ มีขนาดหลายพันจั้ง ส่งผลให้น้ำวนขององค์ชายสี่คนข้างๆ ไม่อาจเทียบได้ พริบตาเดียวก็ดึงดูดสายตาของทุกคนรอบๆ

ภายในน้ำวนปรากฏภาพขึ้นอย่างเร็วไว ภาพนั้น…..คือสนามรบที่ซูหมิงเห็น!

โครม!

ซูหมิงตาลาย แต่เสี้ยวพริบตาเดียวก็ฟื้นกลับมา ทว่าในเวลาเดียวกัน ข้างหูกลับเต็มไปด้วยเสียงกรีดร้องอนาถาและเสียงคำรามด้วยความโกรธ อีกทั้งตรงหน้าเขายังมีผู้ฝึกฌานพันธมิตรเซียนคนหนึ่งถือกระบี่คมกำลังพุ่งเข้ามาด้วยความเร็วทั้งหมด

ทางซ้ายขวาหน้าหลังซูหมิงมีผู้ฝึกฌานสำนักดาราสัจธรรม คนเหล่านี้มีสภาพย่ำแย่ยิ่ง ขณะที่ถอยไปเป็นจังหวะก็ไม่อาจต่อต้านผู้ฝึกฌานถือกระบี่ที่กำลังแสยะยิ้มพุ่งเข้ามาได้เลย

เขายกมือขึ้นฟันกระบี่ลง…..ศีรษะคนลอยขึ้นทีละหัว โลหิตสาดกระจายพร้อมเสียงกรีดร้องแหลม กองกำลังที่ซูหมิงอยู่คือกลุ่มคนที่ถูกตีแตก ซ้ำกำลังถอยอย่างรวดเร็ว

ระหว่างที่ซูหมิงก้มหน้าลง เขาพลันพบว่าตนไม่ใช่ร่างเต้าคงอีก แต่เป็นชายวัยกลางคนหน้าขาวซีดคนหนึ่ง ตอนนี้บนตัวมีบาดแผลหลายจุด ตรงหน้าอกยังมี รอยแผลใหญ่แห่งหนึ่ง ภายในนองไปด้วยโลหิตสีดำซึ่งส่งผลให้ร่างกายเน่าเปื่อยอย่างรวดเร็ว

โลหิตสีดำนั้นเป็นพิษบางอย่าง เห็นได้ว่าร่างกายนี้ของซูหมิงได้ตายไปแล้วในตอนที่ซูหมิงมาถึง ดังนั้นเขาจึงได้ควบคุมร่างนี้ ดูเหมือนจะเป็นการเกิดใหม่ แต่ความจริงข้างในเกิดการเปลี่ยนวิญญาณกัน

มองออกไป กลุ่มคนรอบๆ แน่นขนัด กว้างไกลหาที่สุดมิได้ สนามรบมากกว่าล้านคนแห่งนี้ใช้คำว่ามากกว่าล้านคนมาบรรยายก็ใช่ว่าจะสรุปได้ อย่าว่าแต่สงครามของ สองฝ่ายเลย เพียงแต่คนมากกว่าล้านคนยืนด้วยกันก็มากมายมหาศาลแล้ว กระทั่ง บนดาวแท้จริงจำนวนมาก จำนวนคนบนกำแพงเมืองยังไม่ถึงล้าน

ความใหญ่ของสงครามเหมือนกับกำแพงเมืองหนึ่ง!

แต่จุดที่ซูหมิงอยู่คือทางขวาของสำนักดาราสัจธรรม เป็นตรงเขตที่มีคนอยู่น้อย และก็เป็นจุดที่ใกล้กับขอบสนามรบ ระหว่างที่เขาสังเกตไปรอบๆ เสียงกรีดร้องยังดังขึ้นไม่หยุด ผู้ฝึกฌานตรงหน้าเขาร่างระเบิดออกทีละคน โลหิตที่กระจายไปรอบๆ รวมเข้าด้วยกันกลายเป็นร่างกายคนจากโลหิต

ร่างคนทั่วร่างเป็นโลหิตเหมือนกับสวมเสื้อคลุมโลหิต สวมเสื้อคลุมและหน้ากากโลหิต ดวงตาฉายแววเหี้ยมโหด ก่อนสังหารเข้ามาในกลุ่มของซูหมิงพร้อมกับผู้ฝึกฌานถือกระบี่คนนั้น

เดิมทีผู้ฝึกฌานข้างกายซูหมิงมีไม่มาก ตอนนี้เหลือเพียงสิบกว่าคน ทุกคนต่างมี สีหน้าสิ้นหวัง ถอยจนถอยไม่ได้แล้ว

“เฮอะๆ ครั้งนี้ข้าสังหารไปเกือบร้อยคน เอาไปแลกคะแนนสงครามได้มากขึ้น สหายเจี้ยน ครั้งนี้เจ้าเทียบข้าไม่ได้หรอก” คนทั่วร่างเป็นสีโลหิตหัวเราะอย่าง บ้าอำนาจแล้วขยับตัวพุ่งเข้าไปหาทุกคน

ซูหมิงมีสีหน้าเย็นชา ขณะถอยเขาไม่ได้ลงมือในทันที แต่โคจรขั้นพลังในร่างกาย ตอนนี้บาดแผลทั้งหมดของร่างกายนี้เริ่มสมานกันอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะบาดแผลตรงหน้าอกบีบโลหิตสีดำออกมาจำนวนมาก เพียงไม่กี่ลมหายใจก็สลายไป มากกว่าครึ่ง

ตอนนี้เอง ร่างเงาสีโลหิตที่ไม่รู้เรื่องราวอะไรมองมาที่ซูหมิง ก่อนแสยะยิ้มพลางพุ่งไปหาเขา

“ที่นี่ยังมีคนที่โดนพิษร้ายแรงของตาแก่พิษแล้วยังไม่ตายอีก ฮ่าๆ โทษข้าไม่ได้ล่ะ ข้าไม่ได้เจตนาจะแย่งคะแนนสงครามของตาแก่พิษนะ” ร่างเงาสีโลหิตรวดเร็วยิ่ง วูบเดียวก็เข้าไปใกล้ซูหมิง สองมือโบกออก ทันใดนั้นผู้ฝึกฌานซ้ายขวาของซูหมิงกระอักเลือดโดยพลัน ทั่วร่างระเบิดออกเป็นโลหิตสาดกระจาย โลหิตที่ลอยขึ้นเหล่านั้นเหมือนมีชีวิต ภายใต้การโบกสองมือของร่างเงาโลหิต พวกมันต่างพุ่งเข้าไปหา ซูหมิงพร้อมกัน

นัยน์ตาร่างเงาสีโลหิตฉายแววเหี้ยมโหด เขาเหมือนจินตนาการได้ว่าในเวลาต่อมาผู้ฝึกฌานวัยกลางคนตรงหน้าจะถูกโลหิตของสหายตัวเองทะลวงผ่านร่างราวกับลูกธนู แล้วชิงเอาชีวิตเสี้ยวสุดท้ายในร่างไป

แต่ว่าช่วงที่โลหิตเหล่านี้พุ่งเข้ามา ซูหมิงกลับเงยหน้าขึ้น ดวงตามีความเย็นชาวูบผ่าน เขาเดินหน้าหนึ่งก้าว ขณะที่ร่างเงาโลหิตกำลังอึ้งงัน ร่างเงาซูหมิงหายวับไป พร้อมกับที่โลหิตระเบิดใส่อากาศ ซูหมิงมาปรากฏอยู่ข้างหลังร่างเงาโลหิต ยกมือขวาขึ้นคว้าคอร่างเงาโลหิตเอาไว้แล้วบีบแรงๆ ท่ามกลางเสียงดังสนั่น ร่างเงาโลหิตระเบิดออกกลายเป็นโลหิตจำนวนมากหนีไปรอบๆ ด้วยความกลัว

จิตแรกเขาที่ซ่อนอยู่ในโลหิตเหล่านั้นตอนนี้กำลังร้องเสียงแหลม

“นี่คือผู้แข็งแกร่งที่ซ่อนตัวอยู่ในผู้ฝึกฌานธรรมดา!” น่าเสียดาย แทบเป็นทันทีที่เขาร้องเสียงแหลม ซูหมิงยิ้มเยาะพลางโบกมือขวาแบบสบายๆ ทันใดนั้นแรงสะท้อนกลับไหลเข้าไปในหยดโลหิตที่กระจายออกทั้งหมด เพียงแรงสะท้อนกลับสั่นสะเทือน โลหิตทั้งหมดกลายเป็นหมอก จากนั้นแหลกเป็นจุล แม้แต่จิตแรกกับวิญญาณ ร่างเงาโลหิตในนั้นยังถูกลบหายไปทั้งหมดในฉับพลัน

ชายถือกระบี่พลันหยุดชะงักครู่หนึ่ง ดวงตาหรี่เล็กลงก่อนถอยไปอย่างไม่ลังเล เขารู้สึกขนลุก ในใจหวาดกลัว ในมุมมองเขา ผู้แข็งแกร่งที่โจมตีครั้งเดียวก็สังหาร ตัวประหลาดโลหิตได้ อย่างน้อยสุดก็ภัยพิบัติจันทรา คนแบบนี้ไม่ใช่เจ้าปกครองโลกตอนปลายอย่างเขาจะต้านไหว

ทว่าเขาเพิ่งถอยไปไม่ถึงสิบจั้ง ซูหมิงก็มองมาที่เขาอย่างเย็นชา ชั่วขณะที่ในใจเขาเต้นตึกๆ ซูหมิงมาโผล่อยู่ตรงหน้าเขาแล้ว จากนั้นยกมือขวากดตรงระหว่างคิ้วตน ดวงตาสองข้างเต็มไปด้วยเส้นเลือดฝอย ทั่วร่างสั่นไหว ร่างกายเหมือนถูกมือใหญ่ ไร้รูปจับเอาไว้และฉีกออกเป็นชิ้นๆ

‘ยังไม่ค่อยชินกับร่างกายนี้สักเท่าไร’ ซูหมิงสะบัดแขน ก็สังเกตเห็นว่าร่างกายนี้ยากจะหลอมรวมกับขั้นพลังเขาอย่างสมบูรณ์ ไม่อาจปล่อยขั้นพลังออกมาได้ทั้งหมด สำหรับคนอื่นแล้วนี่คงเป็นเรื่องยุ่งยาก แต่สำหรับเขาไม่ได้กังวลอะไรมากนัก

เขาคือเผ่ายมโลก และหนึ่งในพรสวรรค์ของเผ่ายมโลกคือยึดร่าง ถึงสภาพการณ์ในตอนนี้จะไม่ใช่ยึดร่างแต่ก็ใกล้เคียง ดวงตาเขาจึงขยับประกายวาว ภายในร่างเกิดเสียงดังกึกๆ โครงสร้างในร่างกายเกิดเสียงดังก้องพร้อมกับที่ถูกปรับให้บรรลุถึงระดับที่เหมาะสมกับตนมากที่สุด

ทุกอย่างเสร็จสิ้นในพริบตา รวมถึงสองคนนั้นที่ถูกเขาสังหาร ทำให้ผู้ฝึกฌานสำนักดาราสัจธรรมหลายคนที่ยังเหลืออยู่รอบซูหมิงต่างมองเขาด้วยความกลัวแล้วประสานมือคารวะลงลึกๆ พร้อมกัน

ซูหมิงกวาดสายตามองทุกคน

“สงครามครั้งนี้ ใครเป็นแม่ทัพหลักของฝ่ายดาราสัจธรรม?” ซูหมิงถามเรียบๆ

“เป็นผู้อาวุโสคุนหลินแห่งห้องโถงผู้อาวุโสกับท่านตู้หมัวเทียนแห่งห้องโถงสงคราม” หนึ่งในผู้ฝึกฌานหลายคนตอบกลับด้วยความเคารพทันที

ซูหมิงพยักหน้า พอหมุนตัวกลับมองสนามรบที่นี่แวบหนึ่งแล้วก็ขยับวูบไหวกลายเป็นสายรุ้งยาวสายหนึ่งบินไปยังสนามรบ ผู้ฝึกฌานพันธมิตรเซียนที่เขาผ่านไปต่างกรีดร้องพร้อมกับร่างระเบิดออกเป็นชิ้นๆ

แม้ว่าจะสังหารแบบนี้ แต่การคงอยู่ของซูหมิงในสนามรบใหญ่ยังคงเล็กจ้อยจนไม่มีค่าพอให้เอ่ยถึง ถึงขนาดมีน้อยคนมากที่สนใจ ถึงอย่างไรสงครามมากกว่าล้านคนนี้ คนคนหนึ่งก็เล็กจ้อยอย่างยิ่งจริงๆ เว้นแต่…..เขาจะสร้างเรื่องใหญ่สะเทือนฟ้าดิน!

ส่วนการเปลี่ยนทิศทางสงครามครั้งนี้ ซูหมิงไม่ได้สนใจ รอจนอยากเปลี่ยนจริงๆ แล้วค่อยเปลี่ยน เขาสังหารผู้อาวุโสคนนั้นกับท่านอะไรสักอย่างแห่งห้องโถงสงครามได้สบายๆ ด้วยขั้นพลังที่กำราบได้ทุกคนส่งผลให้ผู้ฝึกฌานที่นี่ต้องสู้ไปตามความต้องการของเขา แต่เรื่องแบบนี้ เทียบกับคนยักษ์ที่ไกลออกไปกับคนชุดคลุมดำข้าง คนยักษ์แล้ว ซูหมิงสนใจอย่างหลังมากกว่า

ที่เขาเลือกสนามรบนี้ก็เพราะอยากรู้ว่าคนยักษ์กับคนชุดคลุมดำมีความพิเศษอย่างไรกันแน่ อีกอย่างหนึ่งคือ…..หู่จื่อที่เขาเห็นก่อนที่จะเข้ามาในภาพนี้!

เพียงแต่ว่าสนามรบที่นี่เป็นเหมือนกำแพงเมือง การจะหาคนคนหนึ่งข้างในไม่ใช่ง่ายๆ แต่หากตั้งใจ เขาเชื่อว่าต้องหาเจอ

ขณะซูหมิงห้อเหยียดในสนามรบพร้อมกับสังหารพันธมิตรเซียน เขาก็เริ่มเห็นว่าสถานการณ์รบตอนนี้ยังไม่ถึงระดับเลวร้ายขนาดนั้น ถึงไม่รู้ว่าสงครามนี้จะยืดยาวไปอีกเท่าไร แต่เวลานี้สองฝ่ายต่างพอฟัดพอเหวี่ยงกัน เห็นได้ชัดว่าสองฝ่ายยังไม่ได้ใช้ กลอุบายออกมาทั้งหมด แต่สถานการณ์แบบนี้คงดำเนินไปได้ไม่นานนัก เพราะ ซูหมิงห้อเหยียดอยู่ในสนามรบและเข้าใกล้พันธมิตรเซียนไม่หยุดหย่อน ดวงตา สองข้างยังคงมองคนยักษ์ที่กำลังมองทุกสิ่งมีชีวิตอย่างเย็นชากับคนชุดคลุมดำที่ดูไม่เตะตาแม้แต่น้อยข้างๆ……

ทันใดนั้นเอง ทางฝั่งพันธมิตรเซียนปรากฏธงยาวสีเหลืองยักษ์ขึ้นผืนหนึ่ง มันพลิ้วไหวตามกระแสลม ในเวลาเดียวกัน ธงแบบเดียวกันก็ปรากฏขึ้นมาในฝั่งพันธมิตรเซียนหลายร้อยผืน ขณะโบกสะบัดพลิ้ว แรงกดดันไร้รูปก็กดทับลงมา

ดวงตาซูหมิงแวววาว เขารู้ว่าพันธมิตรเซียนกำลังจะทำการใหญ่บางอย่าง!

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version