Skip to content

สู่วิถีอสุรา 1117

ตอนที่ 1117 ข้ามีนามว่าสุนัขป่า

แม้กลิ่นอายมารนี้จะไม่อาจเทียบกับกลิ่นอายมารของผู้ฝึกฌานห้าล้านคนแห่งห้องโถงสงครามรวมด้วยกัน ทว่าตอนที่แผ่กระจายออกมาก็ยังกดความยิ่งยโสของ ผู้ฝึกฌานห้าล้านคนจากขั้วแห่งดินห้องโถงสงครามเอาไว้ได้!

ขั้นพลังแก่กล้ากลิ่น อายมารเหลือล้น ซูหมิงในเวลานี้ดวงตาเผยการดับสูญ ทั่วร่างแผ่กลิ่นอายชั่วร้ายที่เหมือนไม่มีความปราดเปรียว มีแต่ความมืด

เขาเดินหน้าไปอย่างช้าๆ เดินไปตามเส้นทางที่คนห้าล้านคนเปิดไว้ตรงหน้า มุ่งหน้าไปยังดาวไกลๆ

จุดที่เขาผ่าน ผู้ฝึกฌานห้องโถงสงครามรอบๆ ต่างใจสั่นสะท้านและถอยไปพร้อมกัน ในสายตาที่มองซูหมิงมีความหวาดกลัว พวกเขาคือผู้ฝึกฌานแห่งร้อยสนามรบ มือพวกเขาย้อมด้วยโลหิตจำนวนมาก พวกเขาสังหารอย่างไร้อารมณ์ แต่ยิ่งเป็นแบบนี้มากเท่าไร พวกเขาก็ยิ่งรู้สึกถึงกลิ่นอายมารและจิตสังหารจากตัวซูหมิงเด่นชัดมากเท่านั้น

ความเข้มข้นของกลิ่นอายมารเหนือกว่าทุกคนไปมาก กระทั่งในความรู้สึก พวกเขาเหมือนว่าคนที่เดินผ่านพวกเขาไม่ใช่ผู้ฝึกฌาน แต่เป็นสัตว์โบราณตัวหนึ่ง เดินออกมากลางทะเลโลหิตทีละก้าว เหมือนกับกระแทกใส่หัวใจของคนห้าล้านคน ทำให้หัวใจพวกเขาสั่นไหวตามจังหวะก้าวซูหมิง ซ้ำยังรู้สึกถึงแรงกดดันอย่างพบเห็นได้ยาก หากเพียงเท่านี้คงไม่เท่าไร ทว่านอกจากกลิ่นอายมารกับขั้นพลังจากตัวซูหมิงแล้ว ยังมีความชั่วร้ายไม่อาจบรรยาย ความชั่วร้ายนี้ดุจดั่งเป็นต้นกำเนิดความมืดหม่นของทุกอย่างในฟ้าดิน ประหนึ่งว่าดัดนิสัยของคนคนหนึ่งทำให้คนที่เดินอยู่ใน แสงสว่างมาตลอดเข้าสู่ความชั่วร้าย ก่อนปลดปล่อยความปรารถนาในใจจนจะทำเลวอย่างไรก็ได้

สำหรับผู้ฝึกฌานที่มีจิตใจเป็นธรรมแล้ว นี่คือต้นกำเนิดความชั่วร้ายที่หยั่งลึกที่สุดในจักรวาล เป็นต้นกำเนิดแห่งความปรารถนาจะทำลายล้างที่พวกเขารับไม่ไหว แต่สำหรับผู้ฝึกฌานห้าล้านคนแห่งห้องโถงสงครามขั้วแห่งดิน นี่คือกลิ่นอายพลังที่ทำให้พวกเขาเกิดความฮึกเหิมขึ้นมาทีละน้อย ค่อยๆ เกิดความเลื่อมใส กลิ่นอายพลังนี้ทำให้พวกเขาตัวสั่น พร้อมกันนั้นยังใกล้เคียงกับคาว่ากระหาย

ทุกคนในห้องโถงสงครามขั้วแห่งดินที่ใช้การสังหารเป็นใหญ่กองทัพนี้ล้วนเคารพผู้แข็งแกร่ง เคารพผู้แข็งแกร่งที่สังหารบ้าคลั่งยิ่งกว่า ดังนั้น…..ตอนที่รู้สึกถึงกลิ่นอายมารและขั้นพลังของซูหมิง พวกเขาจึงถอยไปโดยจิตใต้สำนึก อีกทั้งในแววตาพวกเขายังเปลี่ยนจากความกลัวเป็นเคารพ

ซูหมิงไม่เอ่ยใดๆ เพียงเดินไปช้าๆ เดินผ่านเส้นทางที่ผู้ฝึกฌานห้าล้านคนเปิดให้ ผู้ฝึกฌานตรงหน้าต่างถอยไป ส่วนข้างหลังก็ก้มหน้าคารวะ

นี่คือการแสดงความเคารพต่อผู้แข็งแกร่ง ต่อคนที่สังหารมากกว่า และต่อคนที่มีกลิ่นอายชั่วร้ายเข้มข้นถึงขีดสุด ความเคารพนี้บางทีอาจเข้าใจไม่ได้ แต่ในห้องโถงสงครามนี่คือการยอมรับจากทุกคนเป็นครั้งแรก!

จนกระทั่งซูหมิงเดินผ่านเส้นทางสายยาวจากคนห้าล้านคนแล้ว ผู้ฝึกฌานทั้งหมดข้างหลังเขาต่างคารวะซูหมิงเดินผ่านเรือรบบนฟ้า ผ่านแท่นหินจำนวนมาก ผ่าน สัตว์ยักษ์นับไม่ถ้วนสุดท้าย….เขาขึ้นมาเหยียบบนดาวที่มีแสงเจ็ดสี ก่อนมองแท่นราบสูงตระหง่าน!

แท่นราบนี้มีลักษณะห้ามุม ใหญ่ยักษ์ยิ่ง มองไปแท่นราบแบบนี้มีอยู่เหลือคณานับบนดาวนี้ พวกมันล้อมรอบแท่นที่ใหญ่ที่สุดตรงกลาง มีอยู่กันแน่นขนัดทั้งดาว

บนแท่นราบที่ใหญ่ที่สุดมีสี่คนอยู่ตรงนั้น

ข้างหน้าหนึ่ง ข้างหลังสอง ตรงหน้าหนึ่ง!

หน้าสุดเป็นคนสวมเสื้อเกราะทั้งตัว มองไม่เห็นรูปลักษณ์ เห็นเพียงเส้นผมขาวแกว่งไกว เขายืนอยู่ตรงนั้นเงียบๆ กลิ่นอายมารน่าตะลึงอบอวลไปในตัว วิญญาณร้ายนับไม่ถ้วนอยู่ในกลิ่นอายมารนี้จนน่าตื่นตกใจ

แต่ว่ากลิ่นอายมารนี้เทียบกับซูหมิงไม่ได้

สองคนข้างหลังสวมเสื้อเกราะเหมือนกัน ในมือถือกระบี่ใหญ่ปลายกระบี่ปักลงดิน พวกเขายืนเงียบๆ แต่ดวงตาภายใต้หน้ากากที่เงยหน้าขึ้นกลับเย็นชาไร้คลื่นอารมณ์ นั่นคือความเฉยชาต่อผู้มีชีวิต นั่นคือความทะนงตนที่ทำให้คนคนหนึ่งทำลายล้าง หนึ่งดาวได้

คนที่ถูกสามคนนี้ล้อมไว้คือชายวัยกลางคนที่นั่งขัดสมาธิอยู่บนพื้น ตรงหน้าเขามี โต๊ะยาวโบราณตัวหนึ่ง บนโต๊ะวางสุราหนึ่งเหยือกเอาไว้ ซึ่งเขาก็กำลังรินเองและ ดื่มเองอยู่

ชายคนนี้ขาวดุจหยก ใบหน้าค่อนข้างหล่อเหลาเพียงแต่ว่า….บนใบหน้ามี รอยแผลเป็นยาวมากเส้นหนึ่ง ซ้ำยังเป็นรอยแดงๆ น่ากลัวทำให้ความหล่อเหลาของเขาหายไป แต่แทนที่ด้วยความเหี้ยมโหดอย่างน่าประหลาด

ขนคิ้วเขายาวมากแต่หากมองดีๆ ขนคิ้วนั้นวาดขึ้นใบหน้าซีดขาว ทว่าหากมองดีๆ ผิวหนังซีดขาวนั้นก็แต่งแต้มมาเหมือนกัน

ดวงตาเขาเรียวยาวดุจดั่งหงส์ หลังดื่มสุราไปอึกหนึ่งแล้วก็มองซูหมิงที่เดินมาจากกลางอากาศบนฟ้า

“ข่าวจากสำนักดาราสัจธรรมเป็นความจริง ไม่นึกเลยว่าจะปรากฏมารชั่วร้ายแบบนี้” ชายวัยกลางคนยิ้ม น้ำเสียงนุ่มนวลดังเดิม มือขวายกขึ้นโบกไปทางโต๊ะยาว ทันใดนั้นโต๊ะยาวตรงหน้าเขาปรากฏแก้วสุราเพิ่มมาเป็นใบที่สอง

“มีกลิ่นอายมารเช่นนี้ เจ้าได้รับการยอมรับจากห้องโถงผู้อาวุโส แล้วเชิญดื่มสุรา” ชายวัยกลางคนยิ้ม เขานั่งอยู่อย่างนั้นพลางชี้ไปข้างหน้า

ซูหมิงมองชายวัยกลางคนที่มีกลิ่นอายของสตรีเล็กน้อยตรงหน้าอย่างเย็นชา ดวงตาพลันหรี่ลง ในตัวอีกฝ่ายไม่มีกลิ่นอายมารแม้แต่น้อย แต่ตอนที่เขามองอีกฝ่ายกลับมีความรู้สึกเหมือนว่าสุนัขป่ายืนอยู่กลางวิญญาณร้ายและโครงกระดูกนับไม่ถ้วน ร่างเขากำลังถูกกัดกินเลือดเนื้อรวมถึงฉีกวิญญาณ

สุนัขป่า เป็นสัตว์อ่อนแออยู่บนดาวจำนวนมากชนิดหนึ่ง ความอ่อนแอของมัน กระทั่งสำหรับคนธรรมดาที่ค่อนข้างแข็งแรงก็ยังสังหารมันได้

แต่สุนัขป่าก็มีนิสัยชอบโจมตีอย่างดุเดือด เป็นสัตว์ธรรมดาที่มีความอำมหิต ในความทรงจำเต้าคง ผู้นำของขั้วแห่งดินห้องโถงสงครามไม่มีใครรู้นามเขา เขามีเพียงคำเรียกเดียวนั่นคือ….สุนัขป่า

ซูหมิงไม่ตอบกลับ เพียงเดินมาอยู่หน้าโต๊ะยาว สะบัดแขนเสื้อแล้วนั่งลง ทันใดนั้นข้างหลังเขาปรากฏหัวกระเรียนที่เต็มไปด้วยความรู้สึกสถุนถ่อยโผล่มา มันทำจมูกฟึดฟัดหลายที ดวงตาพลันเปล่งประกาย ก่อนจะรีบเดินออกมา ใช้กงเล็บคว้า เหยือกสุราเอาไว้แล้วดื่มไปอึกใหญ่

“ใช้วิญญาณร้ายรวมเป็นสุราแห่งมาร ย่ากระเรียนมันเถอะ นี่มันของดีช่วยบำรุงวิญญาณให้ท่านกระเรียนได้” กระเรียนขนร่วงดื่มไปจนหมดเหยือกแล้วเขย่าตัว โดยพลัน เปลี่ยนร่างเป็นชายชราผู้ไม่ธรรมดาคนหนึ่งข้างซูหมิง จากนั้นกระแอมไอทีหนึ่งเหมือนจะพูดอะไรบางอย่าง แต่ฉับพลันนั้นมันก็รู้สึกว่าตนในร่างนี้ไม่ค่อยเข้ากับกลิ่นอายอึมครึมของที่นี่สักเท่าไร ต่อให้มีแสงเจ็ดสีก็ตาม แต่ก็ยังมีความประหลาดอยู่มากกว่า ความอึมครึมรอบๆ มาจากกลิ่นอายมารกับวิญญาณร้ายนอกดาว ทำให้กระเรียนขนร่วงกลอกตา ก่อนเขย่าตัวเปลี่ยนร่างอีกครั้ง ครั้งนี้มันกลายเป็น ชายร่างกายาหัวโล้นผู้มีสีหน้าเหี้ยมโหด

ชายวัยกลางคนหรือผู้นำของห้องโถงสงครามขั้วแห่งดินมองกระเรียนขนร่วงอย่างสนใจมาก ใบหน้าเผยรอยยิ้ม เพียงแต่รอยยิ้มไปดึงรอยแผลเป็นบนใบหน้า ทำให้รอยยิ้มดูน่ากลัวมากกว่าเดิม

เขาตบมือ ทันใดนั้นมีร่างเงาโผล่มาจากในมวลอากาศข้างๆ ทีละร่าง ตอนที่เข้ามาใกล้ ร่างเงาเหล่านี้ก็วางสุราลงบนโต๊ะยาวเรียงกันเจ็ดแปดไห

กระเรียนขนร่วงดวงตาเปล่งประกาย มันเลียริมฝีปากแล้วก็กอดเอาไว้ไหหนึ่ง ก่อนดื่มไปอึกใหญ่ส่งเสียงดังอึกๆ

ซูหมิงมีสีหน้าปกติ ไม่ได้เปลี่ยนไปแม้แต่น้อย ชายวัยกลางคนมองกระเรียนขนร่วงแล้วก็มองเขา

“ข้ามีนามว่าสุนัขป่า” ชายวัยกลางคนยกแก้วสุราขึ้นแล้วพูดกับซูหมิงด้วยรอยยิ้ม

“ภารกิจของเจ้าคืออะไรข้าไม่รู้ แต่คำสั่งที่ข้ารับมาคือนำกำลังห้องโถงสงคราม ขั้วแห่งดินบุกพันธมิตรเผ่าเซียนจากเขตสงครามที่สาม ระหว่างทางพวกเราจะข้ามผ่านกลุ่มพันธมิตรเผ่าเซียนสามสิบกลุ่ม หรืออาจจะเจอกับตัวประหลาดอยู่บ้าง แต่ไม่ว่าจะเจออะไรห้องโถงสงครามของข้าจะพาเจ้าเข้าไปยังสุดปลายของเขตสงคราม ที่สาม ซึ่งเป็นฟ้ากระจ่างดาวใจกลางของพันธมิตรเผ่าเซียน นี่คือภารกิจของข้า ไม่ว่าเจ้าจะมีภารกิจอะไรขอให้เจ้าทำสำเร็จ” ชายวัยกลางคนกล่าวขึ้นพลางยกดื่มแก้วสุรา

จากนั้นเขาโบกมือขวาไป กลางมวลอากาศข้างๆ ปรากฏภาพมายาหนึ่งภาพ นั่นคือแผนที่ที่ครอบคลุมพื้นที่ทั้งหมดของโลกแท้จริงดาราสัจธรรม

“ที่นี่คือใจกลางพันธมิตรเผ่าเซียน” ชายวัยกลางคนพูดพร้อมกับชีมื้อขวาไป ฉับพลันนั้นบนแผ่นที่ปรากฏจุดหนึ่ง ซูหมิงมองไปตรงนั้นแต่ไม่ได้ตอบอะไร

“และก็เป็นพื้นที่ขุมอำนาจของเผ่าเซียนในอดีต พูดได้ว่าที่นี่คือฐานใหญ่ของพวกเขา ตอนนี้นอกจากเผ่าเซียนแล้ว สำนักหงสก็ยังย้ายไปอยู่ตรงนี้ด้วย”

ซูหมิงมีสีหน้าปกติ สายตามองจุดนั้น ทันใดนั้นตรงระหว่างคิ้วปรากฏดวงตาที่สามขึ้น พริบตาเดียวก็ขยายแผนที่ในดวงตาอย่างไร้ขีดจำกัด แวบเดียวก็เห็นว่าในเขต เผ่าเซียนในอดีตมีแดนมรณะหยิน และยังมีเขตสีดำมืดที่อยู่ลึกที่สุด ตรงนั้นเขาคุ้ยเคยดีนั่นคือจุดที่ร่างจริงเขาถูกกำราบเอาไว้

ชายวัยกลางคนเห็นดวงตาที่สามตรงระหว่างคิ้วซูหมิงแล้วก็หรี่ตาลงเล็กน้อย ก่อนยกมือขวาขึ้นโบกไปแผนที่จึงหายไป

ตอนนี้เอง บนฟ้าของดาวดวงนี้มีแสงทองพุ่งลงมาจากอากาศเหมือนข้ามผ่านฟ้าไม่มีสิ้นสุดมา ก่อนเกิดเสียงดังสนั่นทำให้ฟ้าของดาวนี้ จักรวาลนอกโลกถูกย้อมเป็น สีทองในเสี้ยวพริบตา

“รุ่งอรุณสีทองมาแล้ว ห้องโถงขั้วแห่งดินเคลื่อนพลด้วยความเร็วสูงสุด!” ชายวัยกลางคนดวงตาแวววาวแล้วเอ่ยขึ้นในทันใด คำพูดเขาเบา แต่ในเวลานี้กลับดังไปนอกดาว เข้าถึงหูผู้ฝึกฌานทั้งหมด ผู้ฝึกฌานห้าล้านคนต่างเงยหน้าคำรามขึ้นฟ้าพร้อมกัน เรือรบพุ่งไป สัตว์ร้ายร้องคำราม ทุกแท่นราบเปล่งแสงสว่างจ้า ก่อนพุ่งไปข้างหน้าด้วยความเร็วทั้งหมดพร้อมกับสายรุ้งยาวจากผู้ฝึกฌานห้าล้านคน

ดาวเจ็ดสีนี้เกิดเสียงดังอึกทึกเช่นกัน มันถูกสัตว์ร้ายเหล่านั้นลากไปข้างหน้า การเคลื่อนไหวของดาวนี้มีความเร็วราวดาวตก ซึ่งจะเห็นได้ว่าความเร็วของผู้ฝึกฌานนอกดาวรวดเร็วเพียงใด

ชายวัยกลางคนยิ้มเล็กน้อย เขาหยิบไหสุราขึ้นมารินเองและดื่มเองอีกครั้ง ส่วนซูหมิงแววตาขบคิดครู่ต่อมาก็ยืนขึ้น

“ในเมื่อเป็นอย่างนั้น รอจนถึงที่หมายแล้วแซ่เต้าจะไป ขอบคุณมากสำหรับ การเดินทางครั้งนี้” ซูหมิงพยักหน้าให้ชายวัยกลางคนก่อนขยับวูบไหวบินไกลออกไป เขาหายไปจากที่นี่ในพริบตา แล้วมาปรากฏอีกทีอยู่อีกข้างของดาวซึ่งเป็นบนยอดเขาแห่งหนึ่ง

ส่วนกระเรียนขนร่วงโอบไหสุราทั้งหมดอย่างทำใจจากมิได้ รีบตามซูหมิงไป

ชายวัยกลางคนยิ้มน้อยๆ สายตามองไปตรงจุดที่ซูหมิงไป

“เขารู้ว่าข้าไม่ต้อนรับเขา ถือว่าเป็นใต้เท้าที่รู้อะไรควรไม่ควร” ชายวัยกลางคนยกมือขวาโบกไป บนโต๊ะยาวปรากฏไหสุราเพิ่มมาอีกครั้ง

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version