Skip to content

สู่วิถีอสุรา 1122

ตอนที่ 1122 คนเสื้อคลุมดำตัวจริง

ซูหมิงไม่ได้ลงมือ เขานั่งขัดสมาธิอยู่บนภูเขานั้นกลางดาวเจ็ดสี ดวงตาขยับประกายวาวพลางมองไปนอกดาวไกลๆ ด้วยขั้นพลังของเขา จึงเห็นทุกอย่างบนสนามรบอย่างชัดเจน

เขาจะมองคนชุดคลุมดำสองคนนั้นเป็นพิเศษ ตอนที่หรี่ตาลงยังซ่อนความมุ่งมั่นในการต่อสู้ลึกๆ เอาไว้

เขาเคยสู้กับอีกฝ่ายมาก่อน แต่นั่นเป็นในแดนมายา ไม่ใช่ของจริง ในแดนมายานั้นเขาสังหารคนชุดคลุมดำไปหนึ่ง แต่เขาในตอนนี้แกร่งกว่าตอนทดสอบมาก ดังนั้นแล้วเขาจึงอยากรู้มากว่าตอนที่ตนเผชิญหน้ากับคนชุดคลุมดำแบบนี้อีกครั้ง กระทั่งเจอกับเทพโบราณที่ตรงระหว่างคิ้วมีเจ็ดดาวจะเป็นอย่างไร

‘หากสูบพลังชีวิตกับวิญญาณของเทพโบราณ ไม่รู้ว่าเทียบกับดาวหนึ่งดวงแล้วอย่างไหนจะได้มากกว่า….’ ระหว่างที่ดวงตาซูหมิงขยับประกายวาว ความมุ่งมั่นในการต่อสู้ก็เข้มข้นขึ้นเรื่อยๆ

สงครามข้างนอกดำเนินต่อไป เกิดเสียงครึกโครมดังอย่างต่อเนื่อง สองฝ่ายล้มตาย กันอย่างสาหัสยิ่ง ถึงอย่างไรครั้งนี้ผู้ฝึกฌานห้องโถงสงครามก็ต้องเผชิญหน้ากับกองทัพใหญ่ที่ค่อนข้างแกร่งของพันธมิตรเผ่าเซียน นั่นคือกองทัพผู้ฝึกฌานแข็งแกร่งกลุ่มหนึ่งที่รวมหัวกระทิของทุกเผ่าพันธุ์เข้าด้วยกัน

ท่ามกลางเสียงอึกทึก ซูหมิงได้ยินเสียงคำรามด้วยความโกรธของสุนัขป่าจากบนดาว

“สมควรตาย หากมีดวงตาของสำนักหงส์หลายร้องดวงนี้อยู่ ทุกการเคลื่อนไหวจะถูกมองเห็นอย่างชัดเจน ใครก็ได้ทำลายดวงตาแห่งสำนักหงส์หลายร้อยดวงนั่นให้ข้าที!” ทันทีที่สุนัขป่าตะโกนเสียงดัง พลันมีผู้ฝึกฌานหลายร้อยคนพุ่งออกจากเรือรบที่อยู่ข้างนอก พวกเขาข้ามผ่านสนามรบในพริบตา มุ่งหน้าไปยังดวงตาเหล่านั้น

แต่ทันทีที่พวกเขาเข้ามาใกล้ ก็มีผู้ฝึกฌานแห่งพันธมิตรเผ่าเซียนหลายสิบคนบินออกจากรอบหอคอยสูงพันธมิตรเผ่าเซียน พวกเขาโบกมือพร้อมกับมีสายฟ้าลบล้างตะวัน

พุ่งออกไปนับไม่ถ้วน ท่ามกลางเสียงดังกึกก้อง ผู้ฝึกฌานห้องโถงสงครามหลายร้อยคนนั้นต่างกระอักเลือดและกระเด็นถอยไป

แทบเป็นขณะที่พวกเขาถอยไป มีร่างเงาสามคนบินออกมาจากแท่นราบข้างหลังฝ่ายห้องโถงสงคราม ก่อนพุ่งไปยังดวงตาเหล่านั้นพร้อมกับแผ่ระลอกคลื่นพลัง ขั้นชะตาซึ่งเหนือกว่าขั้นกุม

ทว่าพวกเขาเพิ่งเข้ามาใกล้ ก็มีเสียงหึเย็นชาดังก้องมาจากรอบหอคอยสูงของทางพันธมิตรเผ่าเซียน ก่อนมีชายชราแก่หง่อมสามคนขยับวูบไหวพุ่งออกมา ระลอกคลื่นที่แผ่กระจายก็เป็นขั้นชะตาเหมือนกัน พวกเขาพุ่งไปยังสามคนแห่งห้องโถงสงคราม ระหว่างเสียงครึกโครม หกคนนี้เข้าปะทะกันพลางพุ่งขึ้นฟ้า เปิดเป็นอีกสนามรบข้างบน

“บัดซบ!” บนดาวเจ็ดสี เสียงคำรามของสุนัขป่าดังก้อง ซูหมิงหรี่ตาแคบลงเล็กน้อย เขาเห็นสายฟ้าลบล้างตะวันหลายร้อยลูกก่อนหน้านี้แล้วก็เกิดความสนใจขึ้น ตอนนี้จึงยืนขึ้น

“ข้าจะช่วยเจ้า!” คำพูดเขาดังกังวานดาวดวงนี้ ทำให้สุนัขป่าที่กำลังโกรธดวงตาวาววับ พร้อมกันนั้นซูหมิงกลายเป็น

สายรุ้งยาวพุ่งออกจากดาวไปแล้ว มุ่งหน้าไปยังดวงตาแห่งสำนักหงส์หลายร้อยดวง

การปรากฏตัวของเขาดึงดูดความสนใจของคนที่สนใจอยู่จำนวนหนึ่งบนสนามรบ โดยเฉพาะในหอคอยสูงของพันธมิตรเผ่าเซียน ตอนนี้มีชายผู้มีสีหน้าขี้คร้านคนหนึ่งกำลังเอามือไพล่หลัง ตรงหน้าเขามีไข่มุกแสงยักษ์ลูกหนึ่ง ภายในนั้นสะท้อนเป็นทุกอย่างที่เกิดขึ้นทุกมุมในสนามรบ

เขามองซูหมิงในไข่มุกแสงแวบหนึ่ง ดวงตาแวววาวเล็กน้อย มุมปากยิ้มเยาะ

“คนสายเลือดตรงสำนักดาราสัจธรรมหนึ่งคน…..” ชั่วขณะที่เขากำลังจะออกคำสั่งนั้น นัยน์ตาพลันเป็นสมาธิ เขาเห็นซูหมิงเพียงขยับไหวทะลวงผ่านคนไปมากมาย จนมาปรากฏอยู่ข้างดวงตาหลายร้อยดวง

ความเร็วระดับนี้ทำให้เขาขมวดคิ้ว

“สังหารมัน!” สิ้นเสียงเขา ผู้ฝึกฌานเผ่าเซียนหลายสิบคนนอกดวงตาหลายร้อยดวงต่างดวงตาขยับประกายวาว ตอนที่ซูหมิงเข้ามา พวกเขาก็ต่างพุ่งออกไป ก่อนยก มือขวาขึ้นขว้างสายฟ้าลบล้างตะวันออกไปพร้อมกันคนละหลายลูก

สายฟ้าลบล้างตะวันเกือบร้อยลูก ทุกลูกทำให้ผู้ฝึกฌานภัยพิบัติตะวันหนึ่งคนบาดเจ็บ และในหนึ่งร้อยลูก ต่อให้เป็นขั้นกุมก็ยังต้องหลบ จะรับตรงๆ ไม่ได้

แต่ซูหมิง เขาแสยะยิ้มมุมปาก เพราะเขากำลังรอสายฟ้าลบล้างตะวันเหล่านี้อยู่พอดี แทบเป็นทันทีที่สายฟ้าลบล้างตะวันพุ่งเข้ามา เขายกมือขวาขึ้นสะบัดแขนเสื้อไปข้างหน้า กลิ่นอายพลังเอ้อชางปะทุออกมาในระหว่างสะบัดแขนเสื้อ วูบเดียวก็ ปกคลุมสายฟ้าลบล้างตะวันเกือบร้อยลูกเอาไว้

ไม่มีเสียงระเบิด ไม่มีการสั่นสะเทือน มีเพียงสายฟ้าลบล้างตะวันเกือบร้อยลูกหลอมรวมกันในเสี้ยวพริบตา จนกลายเป็นโลหิตสีทองหลายหยดแล้วถูกซูหมิงสูบเข้าร่างกายไปพร้อมกันทั้งหมด

เกิดเสียงระเบิดดังในตัวเขา ภายใต้การหลอมรวมอย่างรวดเร็ว มันกลับทำให้ซูหมิงตื่นเต้น ชั่วขณะที่ผู้ฝึกฌานเผ่าเซียนเหล่านั้นกำลังมึนงง เขาขยับวูบไหวไปข้างหน้า วูบเดียวก็เข้าไปใกล้คนหนึ่ง ก่อนยกมือขวาตบตรงระหว่างคิ้วอีกฝ่าย สายตาไม่ มองแม้แต่หางตา แต่ขยับไหวไปปรากฏอยู่ตรงหน้าคนที่สองแล้วทำแบบเดียวกัน จนขยับวิบวับไปสิบกว่าครั้งถึงเกิดเสียงระเบิดดังขึ้น

ผู้ฝึกฌานสิบกว่าคนนั้นต่างร่างแห้งเหี่ยวโดยพลัน ชั่ววูบเดียวก็เป็นเถ้าธุลีหายไป ถุงเก็บวัตถุพวกเขายังถูกแสงดำขยับแสงผ่านแล้วหายไปในพริบตาด้วย

กลางแสงดำเผยเป็นกระเรียนขนร่วงผู้มีสีหน้าตื่นเต้น มันขยับวูบวาบไปเรื่อยจนพุ่งเข้าไปในสนามรบอีกทางหนึ่ง

การสังหารผู้ฝึกฌานเผ่าเซียนสิบกว่าคนนี้สำหรับซูหมิงแล้วง่ายราวกับหญ้าปากคอก ทันทีที่ผู้ฝึกฌานเหล่านี้สิ้นชีพลง ซูหมิงยกมือขวาคว้าไปทางผืนฟ้า ฉับพลันนั้นดวงตาแห่งสำนักหงส์หลายร้อยดวงต่างสั่นไหว ภายในดวงตาเกิดเส้นเลือดฝอยจำนวนมาก

ตอนนี้เองมีเสียงหึเย็นชาดังสนั่นมาจากกลางพันธมิตรเผ่าเซียน เสียงนี้ยังอยู่ไกลๆ แต่ร่างเงาที่ส่งเสียงนี้เหยียบทำลายอากาศมาแล้ว พริบตาเดียวก็มาอยู่ข้างกายซูหมิง นั่นคือชายชราใบหน้าแดงคนหนึ่ง ร่างกายกำยำ ดูแล้วแข็งแรงมากไม่เหมือนชายชรา มองจากเงาแผ่นหลังแล้วกลับเหมือนชายร่างกำยำ

เส้นผมเขาสีขาวดอกเลา ระหว่างที่เข้ามาใกล้ ขั้นพลังขั้นเกิดปะทุมาจากตัวเขา กลายเป็นแรงกดดันอัดใส่ซูหมิงอย่างรุนแรง

“คุกเข่าให้ข้า!” เสียงชายชราราวกับคลื่นน้ำ ตอนที่ดังก้องยังกระเทือนแก้วหู แต่ว่าตอนที่แรงกดดันอัดใส่ซูหมิง ซูหมิงกลับไม่สนใจเขาแม้แต่น้อย เพียงแค่ดวงตาวาววับ สายตามองคนชุดคลุมดำสองคนนอกหอคอยสูงพันธมิตรเผ่าเซียนที่ไม่เข้าร่วมสงครามนี้หรือไม่ก็ยังไม่ถึงเวลาลงมือ จากนั้นเขาหรี่ตาลง มุมปากยิ้มเย็นชา

“บุกเข้าไปค่อนข้างยาก แต่การล่อให้พวกเจ้าออกมา…..ไม่ยากเลย!”

ในเวลาเดียวกัน กระเรียนขนร่วงที่อยู่ไกลออกไปก็ดวงตาแวววาวเช่นกัน ทันใดนั้นมันกับซูหมิงต่างเปล่งแสงสีดำพุ่งขึ้นฟ้าพร้อมกัน!

แสงแก่นยมโลก!

เกิดเสียงเสียดสีดังขึ้น ไอหนาวที่แม้แต่เขายังใจสั่นสะท้านแผ่มาจากในตัวเขา หากเพียงเท่านี้คงไม่เท่าไร แต่นอกจากไอหนาวแล้ว ทั่วร่างชายชรายังเหมือนถูก ลูกธนูนับไม่ถ้วนทะลวงผ่าน ความเจ็บปวดรุนแรงทำให้เขาขยับตัวไม่ได้แม้แต่น้อย

ทันทีที่แสงแก่นยมโลกส่องแสง ซูหมิงขยับวูบไหวพลางยกมือขวาขึ้น เขาไม่ได้โจมตีชายชราคนนั้น แต่คว้าไปทางฟ้ากระจ่างดาว ท่ามกลางเสียงดังสนั่นหวั่นไหว ดวงตาแห่งสำนักหงส์หลายร้อยดวงที่ลอยอยู่กลางอากาศพลันระเบิดออกพร้อมกัน ดวงตาทุกดวงที่ระเบิดออกจะมีเสียงกรีดร้องดังแว่วมา แล้วจะมีร่างหนึ่งบินออกมากลางดวงตาระเบิด ทว่ายังบินไปได้ไม่ไกลนักร่างกลับสั่นไหว พลังชีวิตและวิญญาณถูกสูบไปในพริบตาแล้วกลายเป็นเถ้าธุลีหายไป

“ดี!” บนดาวเจ็ดสี สุนัขป่าที่สังเกตเหตุการณ์นี้มาตลอดดีใจใหญ่ เขาออกคำสั่งต่อเนื่องไปอย่างรวดเร็วและไม่ลังเล สั่งควบคุมกองทัพห้องโถงสงคราม เปลี่ยนวิชาการรบ อาศัยจังหวะที่ดีที่สุดที่ดวงตาแห่งสำนักหงส์พันธมิตรเผ่าเซียนหายไปให้ ผู้ฝึกฌานห้องโถงสงครามเปลี่ยนรูปแบบการรบ ซึ่งมีความแกร่งยิ่งกว่าเดิม

แต่ตอนนี้ทางด้านพันธมิตรเผ่าเซียนเกิดความวุ่นวายขึ้นเล็กน้อย จากการหายไปของดวงตา พันธมิตรเผ่าเซียนจึงเริ่มถอยอย่างเป็นจังหวะ

“เขาเป็นใคร!” บนหอคอยสูงพันธมิตรเผ่าเซียน ชายผู้ขี้คร้านคนนั้นตอนนี้มี สีหน้าจริงจังอย่างยิ่ง ดวงตาเป็นประกายจิตสังหาร ขณะกำลังจะออกคำสั่งพลันหน้าเปลี่ยนสี ก่อนเห็นว่าหนึ่งในสองคนชุดคลุมดำผู้สูงส่งนอกหอคอยสูงเดินออกไปเอง

คนชุดคลุมดำสองคนนี้คือเซียนที่มาจากโลกข้างบนโดยลำแสงยักษ์ที่พุ่งลงมาจากฟ้าซึ่งไม่มีวันสลายไปชั่วนิรันดร์ตรงพื้นที่ใจกลางพันธมิตรเผ่าเซียน พวกเขามีฐานะสูงส่ง ไม่มีใครสั่งพวกเขาได้ แม้แต่สภาพันธมิตรเผ่าเซียนยังไม่กล้า

พวกเขาคือพันธมิตร แต่ที่มากกว่าคือมาเข้าร่วมการสังเกตในสงคราม และ พวกเขาจะลงมือเองก็ต่อเมื่อพวกเขาคิดว่าถึงเวลา

ยามนี้เมื่อชายคนนี้เห็นว่าคนชุดคลุมดำคนหนึ่งเดินออกไปแล้วเขาก็ยิ้มออกทันที เขารู้ว่าเขาไม่ต้องสนใจคนสายเลือดตรงสำนักดาราสัจธรรมที่ทำลายดวงตาแห่งสำนักหงส์คนนั้นอีกแล้ว

เขาเคยเห็นเซียนเหล่านี้ลงมือมาก่อน ระดับความแกร่งทำให้เขายังไม่ลืมจนมาถึงวันนี้ โดยเฉพาะอภินิหาร หากเซียนลงมือฟ้าจะเปลี่ยนสี

“น่าสนใจ ไม่อยากเชื่อว่าจะได้เห็นแสงแก่นยมโลกท่านข่งหมัวที่นี่!” คนชุดคลุมดำเดินหน้ามาด้วยสีหน้าเหยียดหยาม และยังมีความโอหังที่อยู่สูงส่งราวกับเป็น เทพเซียนลงมายังโลกมนุษย์ เมื่อเขาเดินหน้า มวลอากาศเหมือนจะเปิดทางให้เขา ทำให้ตัวเขาพุ่งอยู่กลางแสงแก่นยมโลก

ตอนนี้แสงแก่นยมโลกพลันหายไป ซูหมิงจงใจทำหน้าตระหนก ก่อนรีบถอยหนีไปอย่างรวดเร็ว หมายจะทิ้งระยะห่างจากหอคอยสูงนั้นให้ไกลอีก ขณะเดียวกับที่ เขาถอย ชายชราขั้นเกิดที่ร่างยังชาอยู่ตะโกนด้วยความโกรธ ขณะกำลังจะฝืนไล่ตามไปนั้น คนชุดคลุมดำก็เดินผ่านข้างกายเขา

“ถอยไป นี่คือเหยื่อของข้า” น้ำเสียงเขาเรียบและสูงส่ง ตอนที่เดินผ่าน ชายชราขั้นเกิดหยุดชะงักครู่หนึ่ง หน้าเปลี่ยนสีติดกันหลายครั้ง ก่อนมอดดับเพลิงโทสะทั้งหมดลง จากนั้นหมุนตัวกลับด้วยสีหน้าทะมึนทึบแล้วพุ่งไปยังหอคอยสูงโดยไม่ พูดอะไร

ด้วยความเร็วของซูหมิงจึงหนีออกไปไกลในพริบตา คนชุดคลุมดำข้างหลังมีสีหน้าเหยียดหยาม เขาเดินทุกก้าวจะข้ามผ่านไปไม่มีที่สิ้นสุด เพียงสามก้าวก็ไล่ตามระยะห่างทัน จนมาถึงตัวซูหมิงที่อยู่ตรงขอบสนามรบ

“เจ้าหนีไม่รอดแล้ว ยอมให้ข้าจับเสียดีๆ ให้ข้าค้นความทรงจำหน่อยว่าไอ้คนเถื่อนเล็กจ้อยอย่างเจ้าฝึกฝนแสงแก่นยมโลกได้อย่างไร” คนชุดคลุมดำเอ่ยด้วยเสียงหยิ่งยโส ราวกับว่าเพียงเขาลงมือ ไม่ว่าจะเป็นผู้ฝึกฌานคนใดในมหาโลกสามรกร้างก็ไม่อาจต่อต้าน มิเช่นนั้นแล้วจะเป็นความผิดร้ายแรง!

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version