Skip to content

สู่วิถีอสุรา 116

ตอนที่ 116 เม็ดโอสถชิงวิญญาณ

ยามนี้ซูหมิงอยู่ห่างจากฟางมู่ ห้อเหยียดอยู่ในป่าฝน สีหน้าเขาเป็นปกติ ไม่มีลูกคลื่นแม้แต่น้อย ทว่าความตื่นตัวในจิตใจกลับมากโข หากรอบตัวมีลมพัดใบหญ้าสั่นไหว เขาจะสังเกตเห็นทันที

ความจริงแล้วเขาไม่ได้สังเกตเห็นบิดาของฟางมู่ คำพูดดังกล่าวเป็นการป้องกันไว้ล่วงหน้า ตอนอยู่ภูเขาทมิฬเขาเคยเจอเหตุการณ์คล้ายเช่นนี้ มันเป็นตอนที่เขาเผชิญหน้ากับซือคง เขาเห็นเพียงซือคงเบื้องหน้า แต่ไม่เคยคิดเลยว่าคนที่มีฐานะเช่นนี้ จะต้องดึงความสนใจอย่างแน่นอน แล้วจะรอดพ้นจากสายตาผู้แข็งแกร่งได้อย่างไร จากนั้นก็ได้ท่านปู่เป็นคนชี้แนะ ทำให้นึกถึงเรื่องที่มองข้ามไปในครั้งนั้น ทว่าตอนอยู่ภูเขาทมิฬมีท่านปู่คอยช่วย จึงไม่อันตรายมากนัก

ทว่ายามนี้อยู่แดนแปลกตา ไม่มีท่านปู่คอยปกป้อง ต้องพึ่งตัวเองทุกอย่าง จะให้เกิดข้อผิดพลาดไม่ได้ แม้เขาจะไม่ทราบว่ามีคนตามฟางมู่มาหรือไม่ ทว่าจุดน่าสงสัยกลับมีมากยิ่งนัก ด้วยความฉลาดของซูหมิง ภายในเวลาหลายเดือนมานี้ก็เพียงพอให้เขาได้วิเคาระห์อย่างลึกซึ้ง

เด็กหนุ่มลำดับห้าขั้นรวมโลหิต ซ้ำยังมีอาการบาดเจ็บในร่างกาย จะเป็นไปได้หรือที่จะมาในป่าฝนเพียงลำพังหลายเดือน อีกอย่างทุกครั้งยังปลอดภัย แม้ว่าเด็กหนุ่มคิดทำเช่นนี้ ทว่าญาติของเขาจะต้องสังเกตเห็นอย่างแน่นอน จึงแอบตามมา สิ่งนี้เข้าใจได้

อีกทั้ง อาการบาดเจ็บของเด็กหนุ่มดีขึ้นเล็กน้อย หลังจากถูกลักพาตัวไประหว่างทาง เรื่องนี้ต่อให้เด็กหนุ่มไม่พูด ผู้ติดตามเขาในป่าฝนเหล่านั้นคงต้องรายงานเบื้องบน ร่องรอยต่างๆ มากมายทำให้ซูหมิงคาดเดาได้ไม่ยาก ด้านหลังฟางมู่จะต้องมีคนแอบตามมาอย่างแน่นอน เป้าหมายคือหาตัวเขา เพราะเหตุนี้ จึงรอให้ผ่านมาหลายเดือนก่อน ไม่รีบร้อนเข้าไปพบ

ดาบที่เด็กหนุ่มมอบให้ไม่ธรรมดา นี่ยิ่งทำให้ซูหมิงมั่นใจว่า เผ่าบูรพาสงบไม่ใช่เผ่าขนาดเล็ก แต่เป็นเผ่าขนาดกลาง ชนเผ่าเช่นนี้เด็กหนุ่มมีฐานะสูงส่ง การจะมาคนเดียวเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้

ซูหมิงมั่นใจว่ามีคนซ่อนตัวมองเขาจากรอบทิศ ฉะนั้นจึงไม่ผลีผลาม หลังจากรับดาบมาแล้ว วิญญาณค้างคาวจันทราแสดงพลังเปลวเพลิงร้อนระอุ ย่อมทำให้ผู้อื่นคิดว่าเป็นขั้นชำระล้าง อีกทั้งช่วงที่เขาเหยียบวิญญาณค้างคาวจันทราเดินอากาศ ด้วยเคล็ดวิชาความคิดละเอียดอ่อน คำกล่าวที่ว่าสิบห้าลมหายใจกับร่องรอยบนต้นไม้ การกระทำเช่นนี้ถือว่าเป็นการเตือน

สิ่งที่ซูหมิงต้องการคือ ให้คนสงสัยความหมายการเตือนของเขา ถึงอย่างไรเงื่อนไขทุกอย่าง ก็ทำให้อาการบาดเจ็บของเด็กหนุ่มดีขึ้นทุกครั้ง ภายใต้เงื่อนไข เขาเป็นคนวางแผนทุกอย่าง ทำให้คนมองไม่ออกถึงขั้นพลังที่แน่ชัด ก็จะทำให้ความปลอดภัยของเขาอยู่ในระดับที่สูงเพียงพอ

สีหน้าซูหมิงเรียบเฉย ไม่ได้กลับถ้ำรอยแยกในทันที แต่วิ่งวนอยู่หลายรอบ จนกระทั่งฟ้ามืด ดวงจันทร์ลอยสูง เมื่อมั่นใจแล้วว่าไม่มีใครตามมา จึงกลับถ้ำ

ซูหมิงนั่งขัดสมาธิอยู่ในถ้ำ ยื่นมือขวาโบกสะบัด พลันมีวิญญาณค้างคาวจำนวนหนึ่งลอยขึ้น กระจัดกระจายอยู่ตามเส้นทางมายังปากถ้ำ ตลอดเวลาหนึ่งปีที่ผ่านมา เขาใช้วิธีนี้เพื่อป้องกันเหตุไม่คาดฝัน

“หากทุกอย่างราบรื่น ก็ใกล้ถึงเวลาที่ข้าจะไปจากที่นี่แล้ว” ซูหมิงนั่งขัดสมาธิ นัยน์ตาฉายแววขบคิด เมื่อไคร่ครวญถึงเรื่องในอนาคตครู่หนึ่งแล้ว จึงตกอยู่ในห้วงการโคจรโลหิต แสงโลหิตบนตัวเขาค่อยๆ ขยับประกาย การฝึกฝนและการรักษายาวนานเช่นนี้ เป็นเรื่องน่าเบื่อ ไม่ใช่ว่าทุกคนจะทนได้ ทว่าภายในเวลาหนึ่งปี ซูหมิงกลับค่อยๆ คุ้นชินกับวิถีชีวิตแบบนี้ คุ้นชินกับการอยู่คนเดียวภายในถ้ำเงียบสงบ รักษาอาการบาดเจ็บอย่างเงียบๆ

หลอมโอสถแดนใต้เพื่อนำไปรักษาบาดแผลอย่างต่อเนื่อง ทำให้ภัยแฝงกับบาดแผลในร่างกายตอนแรกค่อยๆ ฟื้นฟูตามกาลเวลา

หนึ่งเดือนต่อมา ภายในป่าฝน มีเสียงเรียกผู้อาวุโสอีกครั้ง ครั้งนี้ซูหมิงปล่อยให้อีกฝ่ายรอหลายวัน จนเมื่อยามค่ำคืนจึงออกไปพบ เพื่อรักษาฟางมู่ จะต้องแลกมาด้วยใบตาข่ายเมฆาที่เขาต้องการ เช่นเดียวกัน ครั้งนี้เขาเสนอสมุนไพรอีกชนิดจำนวนมาก

สีหน้าฟางมู่ดูเคารพยิ่งนัก เขาทำให้ความพอใจของซูหมิงแทบเต็มร้อย เล่าเรื่องเกี่ยวกับสามชนเผ่าใกล้เคียงที่ไม่นับว่าเป็นความลับให้เขาฟัง ทำให้ซูหมิงเข้าใจมากขึ้น รวมถึงเคล็ดวิชาหมานเฉพาะของทั้งสามชนเผ่า

การแลกเปลี่ยนครั้งนี้ของทั้งสองคน หลังจากนี้ไปก็จะมีรากฐานที่แน่นอน

สมุนไพรในป่าฝนแม้จะมีจำนวนมาก ทว่าหากนำมาใช้หลอมโอสถ ยากจะครอบคลุมทุกด้าน แต่หลังจากมีฟางมู่ ทุกอย่างก็เป็นไปอย่างราบรื่น ความเร็วในการหลอมเม็ดโอสถของซูหมิงค่อยๆ เพิ่มมากขึ้น

กระทั่งกิ่งไม้ราตรีประกาย ด้วยความที่บิดาของฟางมู่เห็นชอบด้วย จึงไปแลกจากเมืองเขาหาญมาให้ไม่น้อย ทุกครั้งที่มาจำนวนจะมากขึ้น บางครั้งยังนำของใช้ในชีวิตประจำวันมาให้ด้วย อย่างเช่นเสื้อผ้าที่ดูแล้วไม่ธรรมดา

เสื้อผ้าเหล่านี้ เป็นความคิดของบิดาฟางมู่ จึงเตือนฟางมู่ให้เตรียมเอาไว้ อีกทั้งยังตรึกตรองว่าเสื้อคลุมหนังสัตว์ของซูหมิงอาจจะปกปิดได้ไม่ดี ฉะนั้นเสื้อผ้าส่วนใหญ่จึงเป็นแบบคลุม มีทั้งหมดสามชุด เสื้อผ้าเนื้อหยาบไม่อาจเทียบได้

“ผู้อาวุโสโม่ เสื้อผ้าเหล่านี้ข้าเหนื่อยมากกว่าจะสั่งทำจากในเมืองเขาหาญได้ ในชนเผ่าพวกข้ามีแค่คนอย่างจ้าวหมานกับจ้าวเผ่าถึงจะได้ครอบครอง”

ความเอาใจใส่ของฟางมู่ ทำให้ความรู้สึกดีที่ซูหมิงมีต่อเขาเพิ่มมากขึ้น ทว่าด้วยความรอบคอบของซูหมิง ทุกครั้งที่อีกฝ่ายมาหา จะปรากฎไม่เป็นเวลา และยังไม่บอกถึงถ้ำที่เขาอาศัยกับอีกฝ่าย

เป็นเช่นนี้จนเวลาผ่านไปอีกครึ่งปี ยามนี้ ซูหมิงอยู่ในป่าฝนมาเต็มๆ สองปี บาดแผลของเขาฟื้นฟูกลับมาเต็มร้อยเมื่อเดือนก่อน เส้นเลือดสองร้อยสี่สิบสามเส้นปรากฎ พลันมีพลังมหาศาลของลำดับเจ็ดขั้นรวมโลหิต

อีกทั้งโอสถวิญญาณผา เมื่อได้สมุนไพรมาครบ ซูหมิงจึงหลอมและกินไปจำนวนมาก ทำให้ขั้นพลังของเขาหลังฟื้นฟูกลับมา เริ่มเพิ่มขึ้นอย่างมั่นคง

มีเม็ดโอสถที่เพียงพอ ซูหมิงอยู่ภายในถ้ำรอยแยกหุบเขา กำลังครุ่นคิด ยามนี้ในมือเขามีเม็ดโอสถอยู่สองชนิด โอสถวิญญาณผาและโอสถแดนใต้ เขามีพวกมันไม่น้อยแล้ว ประมาณสิบกว่าเม็ด หลังจากครุ่นคิดเพียงชั่วครู่ จึงตัดสินใจอย่างเด็ดขาด

“น่าจะไปดูหน่อย หลังจากเปิดประตูบานที่สองแล้ว จะเกิดอะไรขึ้น!” ซูหมิงเก็บเม็ดโอสถ ลูบคลำเศษหินสีดำตรงคอที่ตามเขามาในแดนแห่งนี้ด้วย

เศษหินสีดำลึกลับนี้ ได้มอบเม็ดโอสถหลายชนิดให้ซูหมิง ทำให้อาการบาดเจ็บของเขาหายเป็นปกติ ขั้นพลังเพิ่มขึ้น ยามนี้เขามีเม็ดโอสถเพียงพอจะเปิดประตูบานที่สองแล้ว จึงหลับตาลงด้วยความเด็ดขาด และใช้วิธีเข้าไปในมิติลึกลับเหมือนครั้งก่อน ภายในถ้ำรอยแยกค่อนข้างปลอดภัย ร่างกายซูหมิงพลันเปล่งแสงสีดำทั้งตัว แสงสีดำกลายเป็นสีอ่อน ค่อยๆ ปกคลุมทั้งตัวเขา ขยับแสงสว่างจ้าหนึ่งครั้ง ก่อนหายลับไปพร้อมกับร่างกายซูหมิง

มันยังคงเป็นดินแดนหมอกหนาปกคลุม ท่ามกลางความมืดสลัว ซูหมิงปรับตัวได้อย่างรวดเร็ว เขาตรงไปเบื้องหน้าท่ามกลางหมอก ค่อยๆ เห็นเส้นทางเชื่อมระหว่างตีนเขากับภูเขา

ซูหมิงมองภูเขา เงียบไม่กล่าวสิ่งใด เดินเข้าไปตามเส้นทาง ภาพวาดโดยรอบยังอยู่ ไม่มีการเปลี่ยนแปลงใดๆ เขาเดินผ่านประตูบานแรก ไม่นานก็มาถึงประตูบานที่สอง เขาใช้วิธีแบบเดิมในการเปิดประตูบานแรก ก้าวไปเบื้องหน้า

หยิบเม็ดโอสถวิญญาณผากับโอสถแดนใต้ ใส่เข้าไปในโพรงเล็กบนประตู เมื่อวางเม็ดโอสถครบแล้ว ซูหมิงจึงก้าวถอยหลัง มองไปอย่างใจจดจ่อ

โพรงเล็กทั้งหมดบนประตู ค่อยๆ เปล่งแสงสว่างจ้า พร้อมกับมีเสียงดังก้องกังวาน ก่อขึ้นเป็นคลื่นเสียงจำนวนมากสั่นสะเทือน ไม่นาน ประตูบานที่สองค่อยๆ เปิดไปด้านหลัง จากเส้นรอยแยกขยายใหญ่จนเต็มบาน เสียงโครมดังขึ้น เผยให้เห็นเส้นทางด้านใน

นัยน์ตาซูหมิงฉายแววเย็นชา ไม่ผลีผลาม แต่รอจนประตูเปิดเต็มบานแล้วจึงมองเข้าไป บนเส้นทางออกเป็นสีแดงเล็กน้อย ผนังโดยรอบมีแสงสีแดงขยับวูบวาบ เงียบสงัด

ผ่านไปอีกครู่หนึ่ง ซูหมิงจึงค่อยๆ ก้าวเดินเข้าไปตามเส้นทาง ไม่ได้ทะยานเข้าไปในทันที แต่มองภาพแกะสลักบนผนังโดยรอบ ในนั้นยังคงเป็นภาพการหลอมเม็ดโอสถ ก่อนหน้านี้ช่วงที่เขาเปิดประตูบานแรกก็เคยเห็นแล้ว ภาพแกะสลักบนผนังเหล่านี้ ราวกับกำลังถ่ายทอดทักษะการหลอมโอสถ หากเข้าใจ ก็จะช่วยในการหลอมโอสถได้มาก

เขาเดินไปพลาง จำภาพแกะสลักแต่ละภาพไปพลาง ไม่ทราบว่าผ่านไปนานเพียงใด เมื่อภาพแกะสลักสิ้นสุดลง เบื้องหน้าซูหมิงเป็นห้องลับไม่ใหญ่มาก ประตูบานที่สามพลันปรากฎในห้องลับ บนประตูมีภาพเม็ดโอสถเพียงชนิดเดียว สมุนไพรวัตถุดิบเหล่านั้น ส่วนใหญ่ซูหมิงเคยเห็นมาก่อน แววตาเป็นประกาย มองโพรงเล็กใต้ภาพเม็ดโอสถ

ด้วยประสบการณ์สองครั้ง และยังเคยผ่านการหลอมเม็ดโอสถสามชนิดอย่าง

ซูหมิง มองออกแล้วว่าประตูแต่ละบานที่อยู่ในดินแดนพึลึกแห่งนี้ จำนวนเม็ดโอสถในการเปิดประตู จะบ่งบอกถึงระดับความยากในการหลอม จำนวนยิ่งมาก มันยิ่งง่าย

ยามนี้มองไป ซูหมิงขมวดคิ้ว เพราะใต้ภาพวาดเม็ดโอสถมีเพียงสองโพรงเล็ก!

“โอสถชนิดนี้…..เกรงว่านอกจากโอสถมอบจิตแล้ว น่าจะยากที่สุด” ซูหมิงเดินเข้าไปพลางขมวดคิ้ว ใช้มือขวากดบานประตู ทันใดนั้น ความรู้สึกเจ็บปวดจากการพองบวมของสมองที่คุ้นเคยเกิดขึ้นอีกครั้ง พร้อมกับแสงจากบานประตูขยับวูบวาบ ภาพการหลอมโอสถเม็ดนี้แล่นเข้ามาในความคิดไม่หยุดหย่อน

ผ่านไปนาน ซูหมิงมือขวาสั่นเทา ราวกับถูกแผ่นดินใหญ่ดีดกลับ ร่างถอยหลังไปหลายก้าว ขณะแหงนหน้า นัยน์ตาฉายแววตื่นตะลึง

“โอสถชิงวิญญาณ!” ซูหมิงสูดลมหายใจเข้าลึก จากข้อมูลที่เขาได้รับถ่ายทอดมาในความคิด นอกจากชื่อและวิธีการหลอมแล้ว สิ่งแรกที่ปรากฎคือการแนะนำสรรพคุณของโอสถเม็ดนี้

“ชิงวิญญาณอ่อนแอเข้าสู่โอสถ จู่โจมเพื่อผู้อื่นให้บาดเจ็บ สมาธิเพื่อบ่มเพาะวิญญาณ!” แววตาซูหมิงเป็นประกาย เมื่อจดจำวัตถุสำหรับการหลอมโอสถเม็ดนี้แล้ว จึงหลับตาลง สีหน้าดูซับซ้อน

“การหลอมโอสถเม็ดนี้ สมุนไพรที่จำเป็นต้องใช้คือ…..อีกทั้งใช้หม้อธรรมดาไม่ได้ ต้องใช้ศพมนุษย์มาเป็นหม้อ จากนั้นลงสมุนไพรวัตถุดิบ การหลอมก็เป็นเช่นนี้…อีกอย่างการหลอมไม่จำเป็นต้องใช้ไฟ แต่ใช้การรวมพลังซากศพ เหนี่ยวนำสายฟ้าสวรรค์มาเยือน จึงจะหลอมสำเร็จ ขณะเดียวกันก็ต้องหลบหลีกภัยพิบัติหลังจากการหลอมโอสถชนิดนี้”

ซูหมิงขบคิดอยู่ชั่วครู่ มองลึกเข้าไปในบานประตูอีกครั้ง ก่อนหมุนตัวเดินออกมา

“แม้การหลอมจะยากและโอกาสสำเร็จน้อย…ทว่าหากหลอมสำเร็จ อานุภาพของมัน…” คำแนะนำโอสถชนิดนี้ผุดขึ้นในความคิดซูหมิง

“ชิงวิญญาณอ่อนแอ วิญญาณอ่อนแอที่ว่าน่าจะเป็นสรรพสิ่งที่สร้างขึ้นจากลวดลายหมาน อย่างเช่นหมีโลหิตของจ้าวเผ่าภูผาดำ ดาบของซานเหิน…เกรงว่าต่ำกว่าขั้นชำระล้าง คงไม่มีใครต้านทานได้……ต่อให้เป็นขั้นชำระล้าง ก็ไม่มีพลังในการต่อต้าน นี่มันโอสถอะไรกัน……” นัยน์ตาซูหมิงขยับประกาย ก่อนเดินออกไป

ณ ถ้ำในรอยแยกตรงส่วนลึกของป่าฝน ยามนี้มีแสงอ่อนวูบวาบ ร่างกายซูหมิงค่อยๆ ปรากฎให้เห็น เขานั่งอยู่ตรงนั้น คลำเศษหินสีดำตรงคอ ตกอยู่ในห้วงความคิด

“ต้องการสมุนไพรทั้งหมดสิบเก้าชนิด ในนั้นส่วนใหญ่ข้ารู้จัก มีในแผ่นภาพที่ท่านปู่มอบให้ มีชนิดเดียวที่แปลกตา……ทว่านั่นก็ไม่ใช่ประเด็นสำคัญ สำคัญคือสมุนไพรสิบเก้าชนิดนี้ มีสามชนิดที่ไม่จำเป็นต้องใช้แบบสำเร็จรูป แต่ต้องใช้กระดูกสัตว์ป่าแข็งแกร่งปลูกมัน……ให้มันเติบโตบนกระดูกสัตว์

สัตว์ป่าแข็งแกร่งเหล่านั้น จากข้อมูลที่ได้รับถ่ายทอดมา ล้วนเป็นสัตว์ดุร้ายเทียบเท่ากับผู้แข็งแกร่งขั้นชำระล้าง…… “

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version