Skip to content

สู่วิถีอสุรา 1166

ตอนที่ 1166 ศิษย์พี่

หลังเทียบกันแล้ว แววตาเฉินเหวินเป็นประกายประหลาดใจ แต่ยังไม่ทันกล่าวอะไร ชายร่างกำยำไร้หัวที่ทั่วร่างเต็มไปด้วยกลิ่นอายมารเหลือล้นก็ส่งเสียงเย็นชาดังมาจากในตัวเขา

“เมื่อครู่พวกเจ้าบอกว่ายอดเขาลำดับเก้ารึ?”

“ใช่ ยอดเขาลำดับเก้า!” เฉินเหวินมองชายร่างกำยำไร้หัวพลางประสานมือคารวะลงลึกๆ ก่อนบีบแผ่นหยกในมือโดยพลัน หมายจะส่งข่าวที่นี่ไปให้ซูหมิง

แต่เมื่อบีบมือไป เฉินเหวินกลับหน้าเปลี่ยนสี ซือหม่าอวี้ก็เช่นกัน พวกเขาพบสิ่งที่น่ากลัวคือแผ่นหยกในมือพวกเขาเปลี่ยนเป็นหินธรรมดาตั้งแต่เมื่อไรไม่รู้!

แต่ตรงหน้าชายร่างกำยำไร้หัวมีแผ่นหยกของพวกเขาลอยอยู่ ส่องแสงสว่าง พร่างพราว เหมือนชายร่างกำยำไร้หัวกำลังใช้จิตสัมผัสตรวจสอบ

ภาพนี้ทำให้คู่ชีวิตเฉินเหวินสองคนใจเต้นตึกตึก แอบตกใจอยู่ภายใน กระทั่งพวกเขายังไม่รู้เลยว่าอีกฝ่ายทำได้อย่างไรโดยที่ตนไม่สังเกตเห็นแม้แต้น้อย

ครู่ต่อมา แผ่นหยกตรงหน้าชายร่างกำยำไร้หัวแตกออกดังปัง

“คนที่มอบแผ่นหยกนี้มีพลังไม่ธรรมดา ข้าเองก็มองเนื้อหาข้างในไม่ได้ พวกเจ้านำทางไป ข้าจะไป…ยอดเขาลำดับเก้าที่พวกเจ้าพูดถึงสักครั้ง!” ตอนที่ชายร่างกำยำ ไร้หัวพูดคำว่ายอดเขาลำดับเก้า ไม่มีใครพบว่าเสียงมีการสั่นเล็กน้อย ตอนนี้ในใจเขาไม่ได้สงบนิ่งเหมือนภายนอกแล้ว แต่เกิดคลื่นลูกใหญ่ ถึงขั้นมีการเฝ้ารอคอย

‘เจ้าเป็นคนมอบแผ่นหยกนี้หรือ…ศิษย์น้องเล็กของข้า…’ ชายร่างกำยำไร้หัวพึมพำในใจ ขณะเงียบยังเหวี่ยงขวานในมือขวาไปทีหนึ่ง แล้วกลายเป็นสายรุ้งยาวพุ่งไปยังเฉินเหวินกับซือหม่าอวี้ ส่วนพวกเขาสองคนก็กลายเป็นสายรุ้งยาวสายหนึ่งพุ่งไปยังพายุหมุน เกิดเสียงดังสนั่นหวั่นไหว มวลอากาศถูกเปิดเป็นเส้นทางหนึ่ง

“นำทางไป!” ชายร่างกำยำไร้หัวกล่าวเนิบๆ

เฉินเหวินกับซือหม่าอวี้มองหน้ากันและกัน หลังลังเลอยู่ชั่วประเดี๋ยวก็ไม่ลังเลอีก ซูหมิงเป็นคนมอบแผ่นหยกนั้นให้ ในเมื่อบอกว่าเมื่อพบคนในภาพแล้วให้แจ้งทันที เช่นนั้นตอนนี้แม้แผ่นหยกจะแตกไปแล้ว แต่การพาคนเหล่านี้ไปหาซูหมิงก็ถือว่าตรงตามความต้องการเขาอยู่ดี

ดังนั้นระหว่างที่พวกเฉินเหวินสองคนหน้าเปลี่ยนสีจึงเลือกนำทางไป ใต้เท้าพวกเขาเกิดระลอกคลื่นกระจายออกปกคลุมไปรอบๆ ก่อนห้อเหยียดไปในเส้นทางพายุหมุนที่ถูกเปิดออก

ข้างหลังพวกเขาเป็นชายร่างกำยำไร้หัวก้าวเท้ายาว ข้างหลังเขาไปอีกคือ ฝึกฌานหลายพันคนตามมาด้วยใบหน้าไร้อารมณ์ กลุ่มคนเดินทางกลางพายุหมุน ชายร่างกำยำไร้หัวไม่สนใจพายุหมุนเลย เขามักจะกวัดแกว่งขวานตลอด จุดที่ ผ่านพายุหมุนจะพังทลายแล้วม้วนถอยไปจนเกิดเป็นเส้นทางใหญ่สายหนึ่ง

ทางด้านซูหมิง เมื่อครู่ตอนที่แผ่นหยกแตก ร่างเงาที่นั่งขัดสมาธิอยู่พลันลืมตาขึ้น ภายในนั้นเผยประกายแสงหม่น สายตามองฟ้ากระจ่างดาวไกลๆ แวบหนึ่ง คิ้วขมวดขึ้นเล็กน้อย

‘แผ่นหยกที่ข้ามอบให้คู่ชีวิตเฉินเหวินสองคนแตกแล้ว เฉินเหวินไม่ได้กระตุ้น แต่ถูกคนอื่นบีบทำลาย ทว่าต่อให้แผ่นหยกแตก อีกฝ่ายก็ไม่มีทางได้เห็นภาพเหมือนที่ข้าให้ไว้ในนั้น ทำลายแผ่นหยกของข้าได้ พลังของคนนี้น่าจะถึงขั้นกุมอย่างแท้จริงแล้ว มิใช่ขั้นพลังปลอมๆ เหมือนคนมหาโลกสามรกร้างคนอื่น

ดูท่าแล้วถึงตอนนี้โลกแท้จริงดาราสัจธรรมจะอยู่ในมหันตภัยพายุหมุน แต่ก็ยังมี ผู้แข็งแกร่งอีกไม่น้อย แบบนี้ก็ดี’ ซูหมิงตกอยู่ในห้วงความคิดเล็กน้อยแล้วหลับตาต่อ เขาไม่รู้สึกถึงการตายของคู่ชีวิตเฉินเหวินสองคน แต่กำลังเข้ามาใกล้ตนอย่างรวดเร็วจากที่ไกลลิบ

เมื่ออีกฝ่ายมาถึงก็จะเข้าใจคำตอบทุกอย่างเอง

ขณะเดียวกันซูหมิงยังรู้สึกว่าร่างแยกสองร่างของเขาตอนนี้ทางตะวันออกและตกกำลังใช้นิสัยต่างกันดำเนินในวิธีต่างกันเพื่อรวบรวมวิญญาณและพลังแห่งกฏชะตาที่มากขึ้น ทุกอย่างยืนยันได้ว่าการคาดเดาของเขาถูกต้อง หากรวมผู้ฝึกฌานทุกคนที่เหลือในโลกแท้จริงดาราสัจธรรม เขาก็จะสำเร็จแผนการในก้าวที่สอง สามารถควบคุมชะตาของตัวเอง จากนั้นก็จะใช้แสงแก่นยมโลกเข้าไปแทนที่กฏในพื้นที่เล็กๆ!

ทางตะวันออก ร่างแยกกลืนนภาของซูหมิงเปล่งแสงทองทั่วร่าง แสงทองนั้น มีความนุ่มนวล ทว่าเทียบกับความแกร่งของร่างกายแล้ว ถึงแสงทองนี้จะนุ่มนวล แต่ก็มีความบ้าอำนาจอยู่

ชายชราแซ่เหมียวอยู่ข้างหลัง ข้างหลังเขาไปอีกมีคนติดตามหลายหมื่นคน ทุกคนถูกครอบอยู่กลางระลอกคลื่นสีขาว ตรงหน้าพวกเขาเป็นดาวที่ค่อนข้างสมบูรณ์ดวงหนึ่ง ขณะเดียวกับที่พวกเขามาถึงยังมีผู้ฝึกฌานอีกเกือบหมื่นบินออกมาจากในดาว

“เชื่อฟังข้า เข้าร่วมยอดเขาลำดับเก้าจะได้รับการคุ้มกันภายใต้มหันตภัย นี่คือทางเลือกเดียวของพวกเจ้าตอนนี้ ห้ามต่อต้าน ห้ามปฏิเสธ เพราะนี่คือเสี้ยวความหวังในการมีชีวิต” ร่างแยกกลืนนภาที่ทั่วร่างเปล่งแสงทองยกสองมือขึ้นช้าๆ น้ำเสียงดังก้องไปโดยรอบกลางแสงทอง

อีกด้านหนึ่งทางตะวันตกของโลกแท้จริงดาราสัจธรรม ร่างแยกเอ้อชางของซูหมิงเดินไปพร้อมด้วยกลิ่นอายมารและกระหายเลือด จุดที่ผ่านหากมีใครปฏิเสธจะฆ่าล้างทั้งหมด ข้างหลังเป็นทะเลโลหิต กลางทะเลมีศีรษะนับไม่ถ้วน จึงสร้างความหวาดหวั่นกับผู้ฝึกฌานหลายหมื่นคนที่ติดตาม พวกเขาใจสั่นไหว สายตาที่มอง ร่างแยกเอ้อชางมีความยำเกรงอยู่ลึกๆ

อีกทางหนึ่ง ตอนนี้กลางพายุหมุนมีเรือโดดเดี่ยวลำหนึ่งกำลังแล่นผ่าน ชายอบอุ่นข้างบนกำลังดื่มสุรา ข้างกายมีหญิงงาม ดูแล้วเขามีท่าทีสุขสบายยิ่ง ข้างหลังชายคนนี้มีชายร่างกำยำดูหยาบกร้านยิ่งยืนอยู่คนหนึ่ง เขามีสีหน้าทึ่มทื่อ สายตาชำเลืองมองชายอบอุ่นคนนั้นอย่างดูหมิ่น

“ศิษย์พี่รอง หญิงคนนั้นข้างกายท่าน ข้าควรจะเรียกนางว่าพี่สะใภ้รองหรือว่าอาจารย์ของศิษย์พี่รองดี สมควรตาย ชื่อเรียกมันยุ่งเหยิงเกินไป” ชายร่างกำยำแค่นเสียงหึ

คนที่นั่งข้างกายชายอบอุ่นเป็นหญิงงาม นางไม่ถือสาคำพูดของชายร่างกำยำแม้แต่น้อย แต่กลับปิดปากหัวเราะ ดวงตาดุจจันทร์เสี้ยวมองชายอบอุ่นข้างกาย นี่คือเจ้าคนน่ารักซึ่งเป็นศิษย์ในอดีตของนาง แต่ตอนนี้กลายเป็นบุรุษของนางแล้ว

“หู่จื่อ ชีวิตคนเรามีสามสิ่งที่จนปัญญา เจ้ารู้หรือไม่ว่าคืออะไร?” ชายอบอุ่น ดื่มสุราแล้ววางแก้วลง สื่อความหมายให้หญิงงามข้างกายคนนั้นรินสุราให้ ก่อนหันหน้าไปมองชายร่างกำยำด้วยรอยยิ้มราวสายลมฤดูใบไม้ผลิ จากนั้นจึงถามขึ้น

“ไร้สาระ ท่านหู่ย่อมรู้สามสิ่งที่จนปัญญาบ้าอะไรนั่นอยู่แล้ว สำหรับข้า เวลาจะดื่มสุราแต่ไม่มีสุรา นั่นคือสิ่งที่จนปัญญา เวลาจะนอนแต่นอนไม่หลับ นั่นก็คือสิ่งที่จนปัญญา เวลาคิดถึงบ้านแต่ไม่เห็นยอดเขาลำดับเก้า นั่นก็คือสิ่งที่จนปัญญาเหมือนกัน ท่านยังมีอะไรให้จนปัญญาอีก มามามา ท่านหู่อยากฟัง” ชายร่างกำยำเหมือนไม่พอใจชายอบอุ่นอย่างยิ่ง จึงตอบกลับด้วยเสียงดัง

“เฮอะๆ ศิษย์น้องสาม เจ้านี่ช่างไร้มารยาท หากไม่มีคนอื่นก็คงไม่เป็นไร แต่นี่มีคนอื่นอยู่ด้วย เจ้าเคารพศิษย์พี่รองของเจ้าสักเล็กน้อยได้หรือไม่” ชายอบอุ่น ส่ายศีรษะแล้วหยิบแก้วสุราขึ้นมาดื่มด้วยท่าทีจนปัญญายิ่ง

“พูดไร้สาระ ตั้งแต่วันนั้นที่ท่านออกมาแล้วทิ้งข้าไว้กับฝั่งพันธมิตรเผ่าเซียนคนเดียว ข้าสาบานไว้ว่าจะต้องล้างแค้นให้ได้ ทะ ทะ ท่านไปหาพวกสตรีอ่อนหวานเพียง คนเดียว แต่กลับทิ้งให้ท่านหู่ต้องทุกข์ยากอยู่ที่นั่น หลายปีแล้วท่านก็ไม่มารับข้าเสียที หลายครั้งเลยที่ข้าต้องถูกทุบตีจนทั่วร่างพรุนไปหมด!” ชายร่างกำยำมองชายอบอุ่นด้วยความโกรธ

“แต่นั่นเป็นแผนการของศิษย์พี่ใหญ่ ต้องการจะแยกพวกเราออก บอกว่าเจ้ายังต้องฝึกฝนอย่างหนักด้วย เจ้าจะโกรธก็ไปหาศิษย์พี่ใหญ่เถอะ” ชายอบอุ่นแบะปากพลางถอนหายใจ

“หึ ข้าไม่กล้าไปหาศิษย์พี่ใหญ่หรอก แต่ท่าน หึหึ ท่านหู่ให้เกียรติท่านมามากพอแล้ว ไม่เคยบอกเรื่องที่เมื่อก่อนท่านกับข้าเคยไปถ้ำมองศิษย์หญิงยอดเขาอื่นด้วยกัน ข้ายังจำได้ว่าตอนนั้นท่านยังคิดจะสร้างวงแหวนอาคมถ้ำมองขึ้นเองด้วย น่าเสียดายที่ล้มเหลว ถูกคนล่าสังหารตามมายังยอดเขาลำดับเก้า” ชายร่างกำยำถลึงตามองชายอบอุ่นพลางเอ่ยขึ้น

ชายอบอุ่นกระแอมไอหลายทีแล้วเปลี่ยนหัวข้อไป

“ก่อนหน้านี้ยังพูดเรื่องชีวิตคนเรามีสามสิ่งที่จนปัญญาไม่จบเลย หู่จื่อ สามสิ่งที่จนปัญญาในชีวิตเราแบ่งเป็นความอิจฉา ริษยาและแค้น ตอนนี้เจ้าอิจฉาข้า เจ้ายังริษยาข้าด้วย ดังนั้นจึงเกิดความแค้น ทว่าข้าเป็นศิษย์พี่รองของเจ้า เฮอะๆ ช่างเถอะๆ หืม ดูท่าฤดูนี้ หรือว่าจะเป็นฤดูใบไม้ผลิ วางใจเถอะหู่จื่อ เรื่องใหญ่ในชีวิตเจ้ามอบให้ข้าจัดการเถอะ!” ชายอบอุ่นตบหน้าอกแล้วพูดรับประกัน

“มา มา มา มาพูดกับศิษย์พี่รองได้เลย เจ้าชอบแบบใด? วางใจ ถึงศิษย์พี่รองจะหาให้ที่นี่ไม่ได้ รอจนเราไปหาศิษย์น้องเล็กที่แดนรกร้างต้นกำเนิดจิตก่อน เขาจะต้องหาคนที่ใช้ได้กับเจ้าได้แน่” ชายอบอุ่นดื่มสุราพลางกล่าวยั่วเย้า

หู่จื่อเงียบ

“หืม เหตุใดเจ้าเงียบไป หู่จื่อ อายุยังน้อยอย่าเขินอายไปเลย พูดมาเถอะๆ” ชายอบอุ่นเห็นชายร่างกำยำมีสีหน้าแบบนี้จึงเกิดความสนใจขึ้นมา เลยนั่งหลังตรงเล็กน้อยก่อนพูดเสริม

หู่จื่อก็ยังเงียบ

“ให้ข้าเดานะ เจ้าชอบแบบอายุน้อยๆ? แบบนี้เจ้าจะมีความรู้สึกได้ปกป้องนาง? ไม่ใช่ๆ เช่นนั้นหรือว่าเจ้าชอบอายุมาก? หรือแบบแม่ม่ายสาวที่เก่งด้านปรนนิบัติบุรุษ?” ชายอบอุ่นพูดขึ้นไม่หยุด ทำให้ชายร่างกำยำหน้ากระตุกหลายทีแล้วพลันยกมือขวาขึ้น ในปรากฏไหสุราหนึ่งไห จากนั้นก็ปาใส่ชายอบอุ่น

ชายอบอุ่นร้องเสียงเกินจริง จากนั้นจึงตามด้วยเสียงถอนหายใจ

“สตรีหนอ แม่ม่ายหนอ เด็กหญิงหนอ ไม่ได้ๆ ยังเด็กเกินไป หู่จื่อหนอ เหตุใดเจ้าถึงมีรสนิยมรุนแรงแบบนี้ อ๊าก…”

“เป็นกลอนที่ดีมากท่านชาย!”

“ใช่ นี่เป็นกลอนบทที่หกร้อยสามสิบเจ็ดตลอดทางมานี้ของท่านชาย ข้าจำเอาไว้แล้วล่ะ”

หู่จื่อบนเรือหน้ากระตุกอีกหลายครั้ง เขามองชายอบุ่นอย่างจนปัญญา ซ้ำยังถอนหายใจยาว ก่อนหยิบไหสุราขึ้นมาดื่มโดยไม่สนใจอีก

สามทิศทางในฟ้ากระจ่างดาวแห่งนี้เป็นศิษย์พี่ศิษย์น้องกัน บางทีอาจจะมีโชคชะตาบางอย่างชักพา ไม่ว่าจะเป็นชายร่างกำยำหรือเรือลำนี้ ล้วนกำลังมุ่งหน้าไปยังจุดที่ซูหมิงอยู่อย่างช้าๆ หากระหว่างทางไม่เกิดความผิดพลาด บางทีไม่นานนัก จากนี้ พวกเขาอาจได้พบกัน…

การจากกันพันปี บางทีอีกไม่นานคงได้ประจบกันอีกครั้ง…

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version