Skip to content

สู่วิถีอสุรา 1187

ตอนที่ 1187 เผ่าวิญญาณสวรรค์

ฟืด!

เสียงนี้ทำให้ซูหมิงหน้าเปลี่ยนสี เขาทำสัญลักษณ์มือขวา พร้อมกันนั้นพลังแห่งขั้นชะตาลอยขึ้นมารอบตัวเขากลายเป็นผนึกหลายชั้น ทันทีที่ผนึกเหล่านั้นปรากฏก็พังลงเป็นชั้นๆ ซูหมิงตัวสั่นสะท้าน อ้าปากแต่กลับไม่มีโลหิตไหลออกแม้แต่น้อย ทว่ากลิ่นอายพลังเขาอ่อนแอลงเล็กน้อยอย่างเห็นได้ชัด

เสียงฟืดนั่นคือเสียงสูดลมหายใจพร้อมกันของร่างเงาสีแดงรอบตัว ขณะหายใจ พลังชีวิตเขาถูกสูบไปไม่น้อย แม้จะไม่สัมผัสกัน แม้ตอนอยู่ห่างกันจะสูบได้ไม่มาก ก็ตาม แต่ร่างเงาสีแดงมีไม่ต่ำกว่าร้อย ดังนั้นแล้ว พลังชีวิตของซูหมิงจึงหายไปอย่างน่ากลัว

หากไม่ใช่เพราะเขามีประสบการณ์มากพอ ซึ่งพอได้ยินเสียงนี้แล้วจะใช้ผนึก กฏชะตาทันทีล่ะก็ เกรงว่าคงถูกสูบพลังชีวิตไปสองส่วน

‘บัดซบ…’ ซูหมิงหน้ามืดทะมึน ความเร็วมากกว่าเดิม ตอนนี้จะมาสนใจเรื่องเปลืองพลังไม่ได้แล้ว การรวมพลังเพื่อปะทุในตอนนี้ต่างหากคือสิ่งที่จำเป็นที่สุด

ก่อนหน้านี้เขาเคยลองกับร่างเงาพวกนี้มาแล้ว พวกมันไม่สนใจการโจมตีด้วยอภินิหารใดๆ วิชาต่างๆ ที่สัมผัสตัวพวกมันจะเหมือนทะลวงผ่าน กระทั่งร่างกายยังไม่ได้รับบาดเจ็บใดๆ ต่อให้เป็นของวิเศษก็ด้วย มีเพียง…แหวนสีขาวของเขาที่สังหารพวกมันได้

แต่เขาก็เคยผ่านเรื่องราคาในการสังหารมาแล้ว หากไม่จำเป็นจริงๆ เขาจะไม่ทำแบบนั้น แต่ตอนนี้ระหว่างห้อเหยียด ร่างเงาสีแดงรอบๆ เยอะขึ้นเรื่อยๆ จากเกือบร้อยก่อนหน้านี้เพิ่มมามากกว่าหกส่วนแล้ว

กระทั่งพวกมันไม่ต้องไล่ตามเขา เพียงแค่สูบแบบก่อนหน้านี้อีกสองสามครั้งก็ทำให้เขาตัวแห้งเหี่ยวและเสียพลังชีวิตทั้งหมดสิ้นใจไปได้

ฟืด!

ช่วงที่เสียงนี้ดังขึ้นอีกครั้ง นัยน์ตาซูหมิงเผยจิตสังหาร เดิมทีเขาเป็นคนหัวแข็ง เป็นคนที่สังหารอย่างบ้าคลั่งอยู่แล้ว แต่ต้องถูกจำกัดเอาไว้ในโลกประหลาดถึงสี่ปี ตอนนี้จึงเต็มไปด้วยอารมณ์ดุร้าย ประกอบกับการเปลี่ยนแปลงโลหิตยังทำให้ในความคิดเขาเกิดจิตสังหารแรงกล้าขึ้นบ่อยครั้ง ตอนนี้ถูกร่างเงาสีแดงเหล่านั้นบีบอีก เขาจึงเงยหน้าคำรามขึ้นฟ้า มือขวาชี้ไปบนฟ้า ทันใดนั้นแหวนสีขาวบนนิ้วมือสูบพลังเขาไปจำนวนมาก จากนั้นเกิดเสียงโครงดังขึ้น ปะทุออกมาเป็นระลอกคลื่นรุนแรง

ระลอกคลื่นสีขาวแผ่ขยายออกไปข้างนอก ทำให้หมอกสีแดงหายไปทีละชั้นดุจ ดั่งละลาย และยังมีร่างเงาสีแดงอีกหนึ่งร้อยกว่าร่าง แทบเป็นทันทีที่พวกมันเพิ่งเริ่มสูบครั้งที่สองก็ร้องโหยหวนเสียงแหลม เพียงแค่สัมผัสกับระลอกคลื่นพวกมันต่าง สูญสลายไป

เพียงพริบตาเดียว ร่างเงาสีแดงรอบตัวซูหมิงทั้งหมดหายไป

แต่ซูหมิงกลับไม่ผ่อนคลายลงแม้แต่น้อย การใช้แหวนสีขาวครั้งนี้กินพลังเขาไปไม่น้อย ยามนี้ขยับวูบไหวห้อเหยียดไกลออกไปด้วยความเร็วทั้งหมด เพราะเขาเข้าใจว่าร่างเงาสีแดงที่นี่มีนับไม่ถ้วน สังหารอย่างไรก็ไม่หมด ตอนนั้นที่เขาสังหารไปตัวหนึ่งก็ไปกระตุ้นให้อีกฝ่ายล่าสังหารอย่างบ้าคลั่ง ตอนนี้สังหารไป ร้อยกว่า เกรงว่าผลลัพธ์คงจะหนักหนายิ่ง แทบเป็นช่วงที่ซูหมิงห้อทะยานไกลออกไป ภายในโลกประหลาด กลางหมอกแดงไม่มีสิ้นสุด เดิมทีร่างเงานับไม่ถ้วนยังคงลอยอยู่ แต่ในเสี้ยวพริบตาพวกมันต่างแน่นิ่งและหันหน้าไปมองทางซูหมิงพร้อมกันก่อนเปล่งเสียงคำรามแหลม ร่างพวกมันหายวับไปและมาปรากฏอยู่รอบตัวซูหมิงราวกับการคเลื่อนย้ายพริบตาของผู้ฝึกฌาน เพียงไม่กี่ลมหายใจ ร่างเงาสีแดงมากกว่าพันร่างที่ทำให้ซูหมิงหวาดกลัวก็อัดแน่นอยู่เต็มฟ้า

หากเพียงเท่านี้คงไม่เท่าไร เพราะตอนนี้ท้องฟ้าเกิดเสียงครึกโครมดังก้อง มีวิหารมหึมาสูงตระหง่านเผยมากลางฟ้า วิหารนี้ส่งผลให้มีแรงกดดันลงมาเยือนยังแผ่นดิน นี่เป็นครั้งที่สองแล้วที่ซูหมิงเห็นวิหารนี้ ครั้งนี้เขาได้มองมันอย่างละเอียดกว่าเดิม ได้เห็นว่าแม้วิหารจะมหึมา แต่ความจริงมีรอยแตกและเสียหายไม่น้อย ราวกับไม่สมบูรณ์

ขณะเดียวกัน ในทันทีที่วิหารใหญ่โผล่มา ก็มีร่างเงาประหนึ่งสวมเสื้อคลุมแดง นับไม่ถ้วนบินออกมาจากในวิหารใหญ่พร้อมกัน จำนวนมีอยู่หลายพัน เสียงคำรามแหลมดังกังวานสั่นสะเทือนหมอก สั่นสะเทือนแผ่นดิน อีกทั้งพวกมันยังพุ่งไปหาซูหมิงพร้อมกัน

ซูหมิงระงับอารมณ์ชั่ววูบในความคิดที่อยากจะใช้พลังจากแหวนสีขาวอีกครั้ง แต่กัดฟันห้อเหยียดโดยอาศัยข้อได้เปรียบเรื่องการทิ้งระยะห่างก่อนหน้านี้

ร่างเงาสีแดงเหล่านั้นไล่ตามอยู่ข้างหลังเขาหลายพัน เสียงร้องแหลมดังก้อง เขย่าขวัญ มิหนำซ้ำในวิหารใหญ่บนฟ้ายังปรากฏร่างเงาสีแดงไม่หยุด ขนาดรอบตัว ซูหมิงตอนนี้ยังมีร่างเงาโผล่ขึ้นมาในพริบตา ชั่ววูบเดียวก็ปรากฏร่างเงาสีแดงอีก หลายพัน พวกมันล้อมอยู่รอบๆ พร้อมกับปิดล้อมเข้ามา แต่ยังไม่ทันเข้าใกล้ก็เกิดเสียงดังฟืด นั่นคือเสียงสูดลมหายใจที่ดังสะเทือนฟ้าดิน ดังสนั่นแก้วหู ครั้งนี้คือพลังที่สูบร่างซูหมิงจนแห้งได้ในพริบตา ให้พลังชีวิตหายไปทั้งหมดได้ในชั่ววูบเดียว

ซูหมิงมีสีหน้าเหี้ยมเกรียม เขากำลังรอให้ร่างเงาสีแดงปรากฏตัวมากกว่านี้เล็กน้อย ตอนนี้ทันทีที่พวกมันสูบ เขายกมือขวาขึ้นอีกครั้ง ยามนี้ไม่สนเรื่องเสีย พลังแล้ว หลังส่งพลังเข้าไปในแหวนสีขาวจึงคำรามเสียงต่ำ แหวนพลันระเบิดระลอกคลื่นที่รุนแรงยิ่งกว่าเดิม ระลอกคลื่นแผ่ขยายไปข้างนอกพร้อมด้วยเสียงอื้ออึง เกิดเป็นคลื่นเสียงไร้รูปทำลายหมอกทั้งหมดในระยะแสนจั้งรอบๆ มิหนำซ้ำขณะ แผ่ขยายไป ร่างเงาสีแดงเกือบหมื่นรอบตัวเขาต่างร้องโหยหวนและสูญสลายไป พร้อมกัน

กระทั่งวิหารใหญ่กลางฟ้ายังสั่นไหวครู่หนึ่ง แต่กลับต้านพลังจากระลอกคลื่นเอาไว้ได้ นอกจากนี้ช่วงที่หมอกในระยะแสนจั้งหายไป ยังเผยยอดเขาที่ถูกหมอก ปกคลุมไปก่อนหน้านี้ลูกหนึ่งอยู่ไกลๆ สียอดเขานั้นเป็นสีขาว

ซูหมิงตัวสั่น เขากระอักเลือดสีดำมาคำหนึ่ง ก่อนทะยานมุ่งหน้าไปยังยอดเขานั้นอย่างไม่ลังเล ก่อนหน้านี้ยอดเขานั้นซ่อนอยู่ในหมอก ตอนที่เผยมาเขาเลยสังเกตเห็นได้ในฉับพลันว่าในยอดเขานี้ว่างเปล่า คล้ายกับว่ามีถ้ำอยู่

ขณะเดียวกันเขาก็รู้ว่าการตายของร่างเงาสีแดงหลายร้อยจะล่อร่างเงาหลายพันมา เช่นนั้นการตายของร่างเงาหลายพัน…จะต้องล่อให้มาอีกหลายหมื่นแน่

ทว่าพลังเขาให้แหวนสีขาวระเบิดระลอกคลื่นเป็นวงกว้างได้อีกหนึ่งครั้ง จากนี้ไปต่อให้ร่างเงาสีแดงนั้นไม่ล่าสังหารอีก เขาก็เสียพลังทั้งหมดกลายเป็นคนธรรมดา ไปแล้ว อีกทั้งเพราะไม่มีขั้นพลังสั่งสมเลย เขาจึงหมดสิทธิ์ในการออกล่าเหยื่อ

ระหว่างที่เขาขยับวูบไหวพุ่งออกจากพื้นที่แสนจั้งมุ่งหน้าไปยังหมอกแดงไกลๆ พลันมีเสียงคำรามด้วยความโกรธดังแว่วมาจากในวิหารบนฟ้า เมื่อเสียงคำรามดังขึ้น มีร่างเงาสีแดงเดินออกมาจากความว่างเปล่าบนฟ้าเหลือคณานับ จำนวนพวกมันไม่ใช่หลายร้อยและก็หลายพันอีก แต่มีมากกว่าหลายหมื่น

พวกมันอยู่กันแน่นขนัด มากพอจะทำให้ผู้พบเห็นใจสั่นสะท้านอย่างรุนแรง

หากเพียงเท่านี้คงไม่เท่าไร เพราะเมื่อเกิดเสียงอึกทึกดังก้องจากในวิหารใหญ่ บนฟ้าแล้ว ยังมีร่างเงาสูงใหญ่ร่างหนึ่งเดินออกมาจากในวิหารใหญ่ ร่างเงานี้มีความสูงสามถึงห้าจั้ง ร่างกายเหมือนศพแห้ง ดวงตาเป็นสีแดง ในมือถือหอกกระดูกสีแดง เล่มหนึ่ง

ร่างเงาแบบนี้ไม่ได้มีเพียงร่างเดียว แต่ปรากฏออกมาต่อเนื่องกันสามร่าง

ทุกร่างระเบิดระลอกคลื่นน่าสะพรึงกลัว แม้แต่กลิ่นอายพลังยังเอนเอียงไปทางสภาพของสิ่งมีชีวิตมหัศจรรย์ เหมือนกับว่าพวกมันไม่มีวิญญาณ ซูหมิงกวาดสายตามองไปแวบหนึ่งก็เห็นภาพที่เขาต้องหรี่ตาลง เขาเห็นว่าศพแห้งสามร่างนี้ไม่ได้มีความสูงสามถึงห้าจั้ง แต่เป็นเพราะบนตัวพวกมันมีศีรษะและแขนขาแปรสภาพเพิ่มมา เห็นได้ชัดว่านี่…คือบางสิ่งที่น่าสะพรึงกลัวซึ่งรวมขึ้นจากศพหลายร่างเข้าด้วยกันโดยวิธีใดไม่ทราบ

การปรากฏตัวของพวกมันทำให้ในใจซูหมิงเต้นตึกๆ

ร่างเงาสีแดงหลายหมื่นพุ่งตรงมาหาเขา ส่วนศพแห้งสามร่างคำรามด้วยความโกรธ ระหว่างก้าวเดินใต้เท้ายังปรากฏระลอกคลื่น ชั่ววูบเดียวก็พุ่งไปหาซูหมิง

วิหารใหญ่บนฟ้ายังเกิดเสียงดังอื้ออึง เหมือนว่าจะมีร่างเงามากกว่าเดิมปรากฏกายขึ้น

ขณะที่อันตรายยากจะรอดชีวิตมาถึง แม้ยอดเขาสีขาวตรงหน้าซูหมิงจะถูกหมอกปกคลุมอีกครั้ง แต่ก็ห่างจากเขาใกล้มากแล้ว ตอนที่ศพสามร่างรวมถึงร่างเงาสีแดงพุ่งเข้ามา ซูหมิงเดินหน้าสุดกำลังมาโผล่อยู่บนยอดเขาในพริบตา ก่อนใช้จิตสัมผัสกวาดเข้าไปจนพบว่าตรงกลางยอดเขามีปากถ้ำแห่งหนึ่ง เขาจึงพุ่งเข้าไปยังปากถ้ำนั้นในทันใด แทบจะเป็นตอนที่เขาเข้าใกล้ปากถ้ำ ศพแห้งสามร่างบนฟ้าส่งเสียงคำรามด้วยความโกรธพร้อมกัน พวกมันยกมือขวาขึ้น หอกกระดูกในมือกลายเป็นสายฟ้าสีแดงซึ่งมีพลังฉีกทำลายฟ้าดินพุ่งไปหาซูหมิงที่กำลังมุ่งหน้าไปที่ยอดเขา

เกิดเสียงครึกโครมดังขึ้น ซูหมิงเข้าไปในปากถ้ำ หอกกระดูกที่ตามมาข้างหลังทะลวงใส่ยอดเขาจนเกิดเป็นเสียงดังสนั่นและแรงปะทะกวาดล้างไปรอบๆ ทว่าตัวเขากลับปรากฏแสงคุ้มกันขึ้น ขณะที่ต่อต้านกันเขากระอักเลือด ร่างพุ่งไปข้างหน้าอย่างรวดเร็วแล้วพลันหมุนตัวกลับ สีหน้าเหี้ยมโหด เตรียมจะต่อสู้กับอีกฝ่ายภายในปากถ้ำ

แต่ยามนี้มีเสียงแก่ชราดังมาจากในยอดเขา เสียงนี้แฝงไว้ด้วยความบ้าอำนาจ นั่นคือเสียงที่ดูหมิ่นสวรรค์และเชิดหน้าอย่างทะนงต่อทุกสรรพสัตว์ ยามที่เสียงดัง แว่วมา ท้องฟ้าสีแดงสั่นสะเทือน ร่างเงาสีแดงหลายหมื่นต่างร้องเสียงแหลมพร้อมกระเด็นถอยไป ส่วนศพแห้งสามร่างก็กระเด็นไปราวกับว่าวเช่นกัน

“ไสหัวไป! สิ่งมีชีวิตไร้มาตราฐานที่ล้มเหลวในการยกระดับวิญญาณอย่างพวกเจ้า จงไสหัวออกไปจากอาณาเขตเผ่าวิญญาณสวรรค์ของข้า ไสหัวกลับไปวิหารสยบวิญญาณของพวกเจ้า ไสหัวไป!”

เสียงดังสนั่นนี้กระตุ้นให้ฟ้าดินเกิดฟ้าผ่า ระหว่างที่ส่งผลให้หมอกแดงรอบๆ หมุนตลบ มีสายฟ้าผ่าลงมาจากบนฟ้านับไม่ถ้วน ทำให้ร่างเงาสีแดงเหล่านั้นร้องเสียงแหลมดังสนั่นกว่าเดิม และยังทำให้ดวงตาสีแดงของศพแห้งสามร่างนั้นอ่อนแสงลง ร่างกระเด็นถอยไปอย่างรวดเร็ว

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version