ตอนที่ 1209 หินผลึกสีดำ
ร่างเงาที่รวมจากตั๊กแตนนี้ล้มเลิกความคิดหนีพลางร้องโหยหวนเสียงแหลม ดวงจิตแห่งบรรพชนวิญญาณของซูหมิงเข้ามาแทนที่ดวงจิตของฟ้า เป็นความแกร่งที่มันไม่อาจต่อต้านได้เลย นี่คือการกดอัดของระดับชีวิต หากไม่มีพลังเหนือกว่า ซูหมิงมาก จะไม่มีทางต่อต้านได้เลย
ร่างเงาตั๊กแตนตัวสั่นและรีบคารวะซูหมิง ส่งเสียงอ้อนวอนดังก้อง ในสายตาเขาขอเพียงวันนี้ไม่ตาย ก็จะมีโอกาสหนีเอาชีวิตรอด ขอแค่อีกฝ่ายไม่สังหารตน เช่นนั้นภายภาคหน้าก็ยังมีหวัง และที่สำคัญที่สุดคือตัวเขาตอนนี้เป็นเพียงสามส่วนของ ตอนร่างจริงสภาพสมบูรณ์เท่านั้น ร่างแยกที่เปลี่ยนจากพลังอีกเจ็ดส่วนที่เหลืออยู่ในโลกแท้จริงอื่น ขอเพียงไม่ตาย ต่อให้ติดตามอยู่ข้างกายซูหมิงชั่วคราวก็ยอม หาก ร่างจริงฟื้นฟูกลับมาพอประมาณแล้วและรวมกันใหม่อีกครั้ง ก็ใช่ว่าจะไม่มีหวังเลย!
แต่หากร่างเขาตอนนี้ถูกสังหาร เช่นนั้นต่อให้ร่างจริงฟื้นกลับมาแล้วก็จะไม่มีพลังสูงสุดอีก นี่ถือเป็นแรงสะเทือนที่รุนแรงที่สุดสำหรับเขา
ชั่วขณะที่ร่างเงาตั๊กแตนอ้อนวอน ซูหมิงมีสีหน้าสงบนิ่ง เขามองอีกฝ่ายอย่างเย็นชาแวบหนึ่ง ตอนที่มองไป ร่างเงาตั๊กแตนพลันใจเต้นตึกๆ เกิดความรู้สึกเหมือนความคิดทุกอย่างของตนเผยออกมาภายใต้สายตาของอีกฝ่าย ถูกอีกฝ่ายมองเห็นอย่างแจ่มชัดประหนึ่งว่าเปลือยกายทั้งในและนอก ความรู้สึกนี้ทำให้ร่างเงาตั๊กแตน ใจสั่นและรีบเค้นรอยยิ้มออกมา ขณะกำลังจะพูดต่อนั้น…
“ให้อภัยเจ้าแล้วมีประโยชน์อะไรกับข้า” ซูหมิงเอ่ยราบเรียบ
สิ้นคำพูด ร่างเงาตั๊กแตนตื่นเต้นขึ้นมา ขอเพียงวันนี้ไม่ตาย ไม่ว่าต้องจ่ายด้วยอะไรก็ยอม
“ผู้เยาว์แยกเป็นหลายร่างได้ ช่วยผู้อาวุโสสู้ในสงครามได้…” ร่างเงาตั๊กแตนเพิ่งกล่าวถึงตรงนี้ก็เห็นว่าซูหมิงมีสีหน้าหงุดหงิด ในใจเขาพลันสั่นไหวก่อนกัดฟันยก มือขวาสะบัด ทันใดนั้นปรากฏผลึกสีดำก้อนหนึ่งขึ้นในมือ
“สิ่งนี้คือสมบัติล้ำค่าที่ไม่รู้นาม ผู้เยาว์ได้มาโดยบังเอิญ แต่ไม่รู้ว่ามีผลอย่างไร ผู้อาวุโสมีพลังสูงส่ง เป็นบรรพชนวิญญาณ น่าจะเข้าใจสิ่งนี้ ผู้เยาว์ขอใช้สิ่งนี้แลกกับบุญคุณไม่สังหาร” ร่างเงาตั๊กแตนเพิ่งพูดจบก็หน้าเปลี่ยนสีในทันใด มือขวาถูก แรงมหาศาลไร้รูปแยกออก จากนั้นผลึกสีดำในมือบินออกมาเองอย่างไร้การควบคุม กลายเป็นสายรุ้งยาวพุ่งไปหาซูหมิง
ซูหมิงยกมือขวาคว้าผลึกสีดำเอาไว้ก่อนกวาดสายตามองไป ในใจเกิดความลังเลขึ้น ผลึกสีดำนี้ดูเหมือนแปลกตา แต่ภายในกลับมีความรู้สึกที่เขาคุ้นเคยเสี้ยวหนึ่ง ราวกับเขาเคยเห็นที่ใดมาก่อน
จากนั้นเก็บผลึกสีดำไปอย่างเงียบๆ แล้วมองร่างเงาตั๊กแตนอีกครั้งพลางส่ายหน้า
“ยังไม่พอ”
ร่างเงาตั๊กแตนไม่ตกใจแต่กลับดีใจ อีกฝ่ายไม่บอกว่าไม่พอใจ และก็ไม่ได้ สื่อความหมายว่าจะสังหารตนต่อ เพียงเอ่ยว่ายังไม่พอ นี่อธิบายได้ว่ายังมีหวัง แต่แม้จะมีหวังในการมีชีวิตรอด แต่การส่ายหน้าของซูหมิงก็ยังทำให้ในใจเขาเจ็บปวด
เขากัดฟันยกมือขวาโบกไปอีกครั้ง ฉับพลันนั้นปรากฏวัตถุคล้ายเม็ดยาสีเหลืองดิน เม็ดหนึ่งในมือ สิ่งนี้ส่งกลิ่นหอม คนดมแล้วจะเกิดความฮึกเหิม
“นะ…นี่คือสมบัติล้ำค่าที่ผู้เยาว์ได้มาจากการสังหารศัตรูคนหนึ่ง ขอมอบให้ ผู้อาวุโส หวังว่าท่านจะชอบ…” ร่างเงาตั๊กแตนอดกลั้นความเจ็บปวดในใจเอาไว้ เขาส่งเม็ดยาสีเหลืองดินในมือออกไป ตอนที่มันลอยอยู่ตรงหน้าซูหมิง ซูหมิงกวาดสายตามองไป
“นี่น่าจะเป็นลูกกลอนปีศาจ ร่างเจ้าก็มีลูกกลอนปีศาจแบบนี้เหมือนกันมิใช่รึ” ซูหมิงกล่าวขึ้นเรียบๆ
สิ้นเสียง ร่างเงาตั๊กแตนหน้าเปลี่ยนสี เขาไม่นึกเลยว่าซูหมิงจะรู้จักสิ่งนี้ นี่คือลูกกลอนปีศาจจริงๆ เป็นของที่เขาได้มาจากในร่างกายศัตรูคนหนึ่งที่ตนสังหารใน ฝ่ายเงามืดรุ่งอรุณก่อนมายัง
สามรกร้าง แต่เมื่ออยู่ในมหาโลกสามรกร้าง ต่อให้เป็นบรรพชนวิญญาณก็มีน้อยคนมากที่จะรู้จักสิ่งนี้
“ผู้เยาว์ไม่เคยได้ยินสิ่งที่ผู้อาวุโสพูดมาก่อน นี่คือลูกกลอนปีศาจรึ ลูกกลอนปีศาจคืออะไร?” ร่างเงาตั๊กแตนฝืนยิ้ม เขาถอยหลังไปหลายก้าวโดยจิตใต้สำนึก แต่ยามนี้เองซูหมิงเงยหน้าขึ้นยิ้มเยาะมุมปาก ก่อนเดินหน้าเข้ามา
“ท่านพูดแล้วว่าจะไม่สังหารข้า!” ร่างเงาตั๊กแตนมีสีหน้าตื่นกลัว เขาห้อเหยียดถอยไปพลางร้องเสียงแหลม แต่ถึงจะหนีไปเร็วกว่านี้อีกก็ยังไม่เท่าซูหมิง ทันทีที่ซูหมิงก้าวเท้าก็มาปรากฏอยู่ตรงหน้าร่างเงาตั๊กแตน ทว่าเขายังไม่หยุดเท่านี้ แต่ใช้ร่าง ชนกับร่างเงาตั๊กแตน
เกิดเสียงดังอึกทึกขึ้น ร่างเงาตั๊กแตนไม่อาจหลบได้เลย ร่างเขาถูกซูหมิงชนแล้วก็แตกสลายไปในทันใด ตอนที่กลายเป็นตั๊กแตนจำนวนมากยังเหมือนถูกซูหมิงทะลวงผ่านร่าง หลังทะลวงผ่านไปในชั่วพริบตาแล้ว ในมือซ้ายซูหมิงมีลูกกลอนปีศาจ สีน้ำตาลเพิ่มมาหนึ่งเม็ด!
เสียงคำรามแหลมพลันดังมาจากกลางตั๊กแตนที่กระจายออกไปรอบๆ แต่พวกมันกลับไม่กล้าเข้าใกล้ซูหมิง เพียงกระจายหนีไปท่ามกลางเสียงอึกทึก ทว่าตั๊กแตน กลุ่มนั้นของเขาที่ซูหมิงเรียกมาก่อนหน้านี้กลับร้องเสียงแหลม พวกมันพุ่งไปยังตั๊กแตนกลุ่มนั้นแล้วเปิดฉากการต่อสู้
การต่อสู้ครั้งนี้หากซูหมิงไม่อยู่ข้างๆ ตั๊กแตนของเขาจะต้องไม่ใช่คู่ต่อสู้แน่ๆ แต่ตอนนี้ซูหมิงอยู่ที่นี่ เขามาแทนที่ฟ้ากลายเป็นดวงจิตแห่งบรรพชนวิญญาณ ดังนั้นแล้วตั๊กแตนของเขาจึงไม่มีทางพ่ายแพ้เลย
การกินและฉีกอย่างเหี้ยมโหดดำเนินมาสิบกว่าลมหายใจ ตั๊กแตนจากร่างเงานั้นก็ถูกสังหารจนเกลี้ยง ตั๊กแตนของซูหมิงต่างใจสั่นไหว ทุกตัวกินพวกเดียวกันไปไม่น้อยและแกร่งขึ้นมาก
ตอนนี้พวกมันวนเวียนรอบตัวซูหมิง แต่ละตัวต่างมองลูกกลอนสีน้ำตาลในมือ ซูหมิงอย่างละโมบ แต่กลับไม่กล้าเข้าใกล้ เพียงแค่ส่งเสียงคำรามด้วยความกระหายอยู่รอบๆ
ซูหมิงกวาดสายตามองลูกกลอนปีศาจสีน้ำตาลในมือ จิตสัมผัสมหาศาลพร้อมด้วยดวงจิตแห่งบรรพชนวิญญาณเข้าไปในลูกกลอนปีศาจนั้น เมื่อลบดวงจิตทุกอย่างในนั้นไปแล้วก็โยนไปข้างหน้า ตั๊กแตนรอบๆ พลันพุ่งเข้ามาล้อมลูกกลอนปีศาจเอาไว้ จากนั้นถึงกลายเป็นลูกกลมเล็กที่มีสัดส่วนไม่เท่ากับจำนวนและขนาดของพวกมันกลับมาอยู่ในมือซูหมิง
พอทำสิ่งเหล่านี้เสร็จ ซูหมิงถึงหันหน้าไปมองผู้ฝึกฌานหลายแสนคนจาก สำนักดาราสัจธรรมใหม่กับยอดฝีมือจากสำนักนี้หลายสิบคนที่กำลังตัวสั่นอยู่ตรงหน้าผู้ฝึกฌานหลายแสนคน
ตอนที่ซูหมิงมองมา ผู้ฝึกฌานสำนักดาราสัจธรรมใหม่ทุกคนที่เห็นสายตาซูหมิงต่างเกิดคลื่นถาโถมในใจ เกิดเสียงดังในความคิดไม่หยุด
ทุกอย่างเกิดขึ้นเร็วมาก ทุกอย่างเปลี่ยนไปจนพวกเขาเหลือเชื่อ เดิมทีพวกเขากำลังบุกเข้ามา เดิมทีสำนักยอดเขาลำดับเก้าจะถูกทำลายแล้ว ทว่าเพียงพริบตาเดียวที่คนนี้ปรากฏตัวเป็นดั่งฝันร้าย ทุกอย่าง…กลับตาลปัตรไป
หากบอกว่าสายตาและเสียงหึเย็นชาของอีกฝ่ายแกร่งจนสังหารเจ้าสำนักพวกเขาได้ในพริบตาและทำให้พวกเขาต่างรับความจริงไม่ได้แล้วล่ะก็ เช่นนั้นร่างผู้ฝึกฌาน ชุดคลุมเหลืองแปดคนระเบิดออกเป็นร่างเงาตั๊กแตนและอ้อนวอนขอชีวิตไม่หยุดจนกระทั่งอีกฝ่ายเดินเข้ามาสังหาร รวมถึงเสียงหึ่งๆ ของตั๊กแตนเต็มฟ้าเมื่อครู่ ทุกอย่างเหล่านี้ทำให้ผู้ฝึกฌานสำนักดาราสัจธรรมใหม่ตัวสั่น สายตาที่มองซูหมิงมีความหวาดกลัวจนไม่อาจจินตนาการ
ตอนที่ซูหมิงมองพวกเขา ในผู้ฝึกฌานแสนคนมีเกือบครึ่งหวาดกลัวอย่างหนักจนคุกเข่าคารวะ การคุกเข่าของพวกเขาส่งผลให้ทุกคนรอบๆ คุกเข่าตาม เพียงชั่ววูบเดียวผู้ฝึกฌานหลายแสนคนคุกเข่าคารวะกันทั้งหมด ภาพนี้เสริมพลังอำนาจดั่งสายรุ้งและความแกร่งของซูหมิง
พลังอำนาจนี้กลายเป็นแรงกดดันส่งผลให้ยอดฝีมือของสำนักดาราสัจธรรมใหม่หลายสิบคนตรงหน้าผู้ฝึกฌานแสนคนก้มหน้าลงเงียบๆ แล้วเลือกคุกเข่ายอมศิโรราบต่อซูหมิง
จวบจนถึงตอนนี้ซูหมิงไม่ได้เอ่ยกับคนเหล่านี้เลย เวลานี้ขณะที่พวกเขาคุกเข่าคารวะ ซูหมิงมองพวกศิษย์พี่ใหญ่สามคน ศิษย์พี่รองยิ้มเดินเข้ามา
“เดี๋ยวข้าจัดการเรื่องนี้ให้เอง ศิษย์น้องเล็ก เรื่องนี้ยังไม่จบ นอกจากพวกเราแล้ว ในโลกแท้จริงดาราสัจธรรมยังมีอีกขุมอำนาจหนึ่ง พวกเขาเรียกตัวเองว่าพันธมิตรใต้ อยู่อีกฟากหนึ่งของพายุหมุน เมื่อหลายเดือนก่อนข้ารู้มาว่าพวกเขากำลังข้ามผ่าน พายุหมุนมา”
“พันธมิตรใต้…” ซูหมิงพยักหน้าแล้วยิ้มให้ศิษย์พี่รอง
“ไม่ผิด เป็นพันธมิตรใต้อะไรนั่น ศิษย์น้องเล็ก หู่จื่อจะไปทำลายล้างพวกมันพร้อมกับเจ้าเป็นอย่างไร” หู่จื่อยิ้มซื่อๆ เขาตบหน้าอกดังตุบๆ
“หู่จื่อ เจ้าตั้งใจแก้วงแหวนอาคมต่อไป ไม่ต้องสนใจเรื่องนี้” เสียงค่อนข้าง น่าเกรงขามดังก้องมาจากในร่างศิษย์พี่ใหญ่ หู่จื่อได้แต่หน้าขมขื่น แต่ก็ไม่กล้าโต้แย้งอะไร เพียงมองซูหมิงพลางถอนหายใจ
“ศิษย์น้องเล็ก เจ้าจัดการเรื่องพันธมิตรใต้ หลังเสร็จแล้ว…ในเมื่อเจ้ามีพลังแบบนี้ บางทีพวกเราน่าจะ…กลับแดนมรณะหยินกันสักครั้ง!” ศิษย์พี่ใหญ่กำขวานช้าๆ ในตัวเขาแผ่กลิ่น
อายมารเด่นชัด กลิ่นอายมารนี้รวมเป็นความยึดมั่น นี่เป็นครั้งแรกที่เขาเสนอเรื่องกลับแดนมรณะหยิน ที่เขาไม่เสนอไปก่อนหน้านี้ก็เพราะว่าถึงพวกเขาสี่คนจะร่วมมือกัน ในด้านขั้นพลังแล้วก็ยังไม่พอจะต่อต้าน แต่ตอนนี้…ต่างออกไป
ซูหมิงพยักหน้า เมื่อประสานมือคารวะศิษย์พี่ใหญ่แล้วก็มองศิษย์พี่รองที่ยิ้มให้ตน ก่อนขยับไหวพุ่งไปยังมวลอากาศ ชายชราเผ่าวิญญาณสวรรค์ตามอยู่ข้างหลังเขาด้วยสีหน้าเฉยชา เขาปรากฏเพียงแค่ตอนแรกสุดเท่านั้น แต่สิ่งที่ซูหมิงตกใจคือตั้งแต่เริ่มจนถึงตอนนี้ ไม่มีใครเห็นชายชราคนนี้เลย
เหมือนว่าเขาไม่มีอยู่จริง
“พวกเขามองไม่เห็นข้า” ชายชราเผ่าวิญญาณสวรรค์เอ่ยเรียบๆ เหมือนเห็นความสงสัยของซูหมิง
“ที่ผู้อาวุโสพูดไว้ก่อนหน้านี้ว่าโลกนี้มีความคิดแห่งยมโลกของเผ่ายมโลกใหญ่ไม่น้อย มันหมายความว่าอย่างไร?” ซูหมิงเดินหน้าเข้าไปใกล้พายุหมุนตรงช่องโหว่สามรกร้างกลางฟ้า ก่อนนั่งขัดสมาธิลงแล้วถามขึ้นเนิบๆ