ตอนที่ 1224 ยึดครองดาราสัจธรรม 2
‘ตะเกียงน้ำมันเจ็ดสิบสองอันเป็นตัวแทนการข้ามผ่านแห่งวิญญาณเจ็ดสิบสองครั้งของข้า ดังนั้นจะทำให้ข้ามีดวงจิตแห่งบรรพชนวิญญาณชั่วคราว ตอนที่ข้า ยึดครองดาราสัจธรรมก็จะสำเร็จวิญญาณข้ามเป็นบรรพชน ข้าจะใช้อีกเส้นทางหนึ่ง ไม่ต้องไปยกระดับวิญญาณที่วิหารเหล่าเทพ ระดับชีวิตข้า…ก็กลายเป็นบรรพชนวิญญาณได้เช่นกัน
แต่บรรพชนแห่งทะเลเต๋าทึ่มทื่อนั่น เขาถูกผนึกอยู่ในทะเลเต๋าไร้ที่สิ้นสุด มีความสัมพันธ์แน่นแฟ้นกับโลกแท้จริงดาราสัจธรรม เห็นได้ว่าเป็นผู้รับใช้แห่ง โลกแท้จริงดาราสัจธรรม
ไม่ว่าใครกลายเป็นโลกแท้จริงดาราสัจธรรม มันก็จะเป็นผู้รับใช้คนนั้น… น่าเสียดาย ตอนนี้มีตะเกียงน้ำมันเพียงหกสิบสามอัน หากให้เวลาข้าอีกเล็กน้อย… ‘ ซูเซวียนอีแผ่ขยายวิญญาณออกเป็นหกสิบสามดวงหลอมรวมเข้าไปกลางตะเกียงน้ำมันหกสิบสามอัน ชั่วพริบตาเดียวก็ทำให้ตะเกียงน้ำมันเหล่านั้นขยับแสงวาววับ แสงสว่างเพิ่มมากขึ้น
ภายใต้การขยายอย่างไม่มีสิ้นสุดของแสงสว่าง แสงปกคลุมทั่ววิหารไว้เอาไว้ภายใน เมื่อแสงสว่างต่อไปจนเหมือนเข้าไปในมวลอากาศ จึงทำให้จิตสำนึกซูเซวียนอีไปปรากฏอยู่กลางโลกแท้จริงดาราสัจธรรมด้วยวิธีการพิเศษนี้
“โลกนี้ สร้างยมโลก!” ซูเซวียนอีที่ปรากฏตัวในโลกแท้จริงดาราสัจธรรมคือวิญญาณ คือจิตสำนึก ทันทีที่เผยจิตสำนึก เสียงเขาดังก้องอย่างไร้รูป
ขณะเดียวกัน ภายในโลกแท้จริงดาราสัจธรรม ทางด้านซูหมิง หลังเขาแผ่ขยายวิญญาณ เสียงเขาก็ดังก้องไร้รูปแทบจะพร้อมกับซูเซวียนอี
“โลกนี้ สร้างยมโลก!”
นี่คือชาวเผ่ายมโลกสองคนยึดครองสิ่งเดียวกันพร้อมกัน สถานการณ์นี้พบเห็นได้ยากยิ่ง ต่อให้เป็นในโลกแท้จริงที่ห้าในตอนนั้น ชาวเผ่ายมโลกจะไม่ทำแบบนี้ง่ายๆ
การยึดครองแบบนี้จะไม่เกิดเหตุการณ์แบ่งกันคนละครึ่ง เพราะมันอันตราย ดังนั้นจึงต้องสู้กันจนตายไปข้างหนึ่ง เว้นแต่จะมีคนยกเลิกก่อน มิเช่นนั้นจะต้องตัดสินแพ้ชนะ หากบอกว่าการที่ซูหมิงหลุดออกจากการควบคุมของซูเซวียนอีคือการต่อสู้ลับๆ ล่ะก็ เช่นนั้นตอนนี้สำหรับพวกเขาสองคนแล้ว นี่คือการต่อสู้แห่งเผ่ายมโลกที่สง่าผ่าเผย
โลกแท้จริงดาราสัจธรรมมีได้เพียงคนเดียว ใครยึดครองได้ ใครเป็นผู้ชนะ คนนั้นจะมีคุณสมบัติและโอกาสมีชีวิตรอดในมหันตภัย ซูหมิงรู้จุดนี้ดี ซูเซวียนอีก็เข้าใจยิ่งกว่า
การต่อสู้ที่คนนอกไม่สังเกตเห็นและผู้ฝึกฌานแทบทั้งโลกแท้จริงดาราสัจธรรมยากจะรับรู้ได้เริ่มต้นขึ้นในพริบตาที่จิตสำนึกซูเซวียรอีเข้ามาในโลกแท้จริงดาราสัจธรรม
ซูหมิงนั่งขัดสมาธิอยู่กลางอากาศ วิญญาณเขาแผ่ขยายออก อาศัยความคิดแห่งยมโลกขยายไปอย่างรวดเร็ว ภายใต้ระลอกคลื่นนี้ วิญญาณเขาปกคลุมไปไกลขึ้นเรื่อยๆ เขาเห็นดาวผุพังนับไม่ถ้วนในโลกแท้จริงดาราสัจธรรม เห็นพายุหมุน และยังเห็นผู้ฝึกฌานแต่ละคน
ขณะเดียวกันยังเห็นว่าในโลกแท้จริงดาราสัจธรรมตอนนี้มีอีกจิตสำนึกหนึ่ง จิตสำนึกนี้เต็มไปด้วยความรู้สึกรุกราน และยังมีความบ้าอำนาจถึงขีดสุด เหมือว่าใครที่เป็นศัตรูกับจิตสำนึกนี้จะต้องถูกสังหารอย่างเหี้ยมโหด
ทันทีที่สังเกตเห็นจิตสำนึกนี้ ซูหมิงก็รู้ทันทีว่านั่นคือใคร นั่นคือซูเซวียนอี!
พร้อมกันนั้น จิตสำนึกซูเซวียนอีในยามนี้ก็สังเกตเห็นคนที่เขาแค้นเข้ากระดูก และถูกมองว่าเป็นคนที่แย่งโอกาสของตน หมายจะขโมยผลงานที่ตนสั่งสมมา หลายหมื่นปีเช่นกัน
‘ซูหมิง!’ จิตสำนึกซูเซวียนอีเกิดคลื่นลูกใหญ่ ขณะถาโถมไป ในจิตสัมผัสเขามีความเหลือเชื่อ เขาจะไปคิดได้อย่างไรว่าซูหมิงที่ตนคิดว่าเป็นคนธรรมดาไปแล้วจะเป็นคนที่หมายจะยึดผลงานของตน
ชั่วพริบตาที่วิญญาณสองดวงสังเกตเห็นกัน พลันเกิดการปะทะกันอย่างไร้รูปเป็นครั้งแรกขึ้นในโลกแท้จริงดาราสัจธรรม
“ลูกทรพี เจ้ากล้าแย่งโลกแท้จริงดาราสัจธรรมกับพ่ออย่างนั้นรึ รนหาที่ตาย!” ซูเซวียนอีเผยจิตสังหารไม่มีสิ้นสุดด้วยความโกรธ จิตสำนึกเขาพุ่งตรงไปหาวิญญาณ ซูหมิง ดูจากลักษณะแล้วหมายจะใช้ดวงจิตบรรพชนวิญญาณที่ตนได้มาจากตะเกียงน้ำมันหกสิบสามอันสังหารซูหมิง
เขาไม่สนว่าซูหมิงใช้วิธีใดให้ได้สิทธิ์ในการยึดครองโลกเหมือนกับตน ไม่ว่าซูหมิงจะมีคนช่วยหรือไม่ ในมุมมองซูเซวียนอี ต่อให้ซูหมิงมีกำลังภายนอกมากกว่านี้อีก แต่ศักยภาพแท้จริงยังห่างกับตนเกินไป โดยเฉพาะเรื่องการยึดครองโลกแท้จริง ดาราสัจธรรม ต้องดูกันที่วิญญาณกับจิตสำนึก แต่จุดนี้ ซูเซวียนอีมั่นใจอย่างยิ่ง
‘เว้นเสียแต่จะเป็นบรรพชนวิญญาณแท้จริง มิเช่นนั้นแล้ว ไม่มีใครสั่นคลอนวิญญาณข้าตอนนี้ได้!’ ซูเซวียนอีพาวิญญาณเข้าชนใส่ซูหมิงด้วยความมั่นใจและ จิตสังหาร
ซูหมิงเงียบ พอเจอกับคนที่ตอนนั้นตนคิดว่าเป็นบิดาแล้ว ในใจเขาก็ยังเกิดความซับซ้อนจริงๆ แต่ว่า…ความรักจากบิดาหลอกๆ ได้ถูกเขาตัดไปทั้งหมดตอนที่ เมล็ดพันธุ์แห่งการทำลายล้างชีวิตออกจากตัวเขาแล้ว แม้ยามนี้จะยังซับซ้อน แต่เมื่อเผชิญหน้ากับวิญญาณซูเซวียนอีที่ตรงเข้ามา ขณะซูหมิงเงียบยังเผยไอหนาวออกมาจากกลางวิญญาณ
ทันทีที่ไอหนาวปรากฏ วิญญาณซูหมิงพุ่งตรงเข้าชนกับจิตสำนึกซูเซวียนอีอย่างไม่ลังเล ไม่มีอภินิหาร ไมมีวิชา ไม่มีร่างกาย มีเพียงการปะทะกันของวิญญาณกับจิตสำนึก การปะทะแบบนี้ไม่ควรเกิดเสียงใดๆ เลย แต่ชั่วพริบตาที่วิญญาณกับจิตสำนึกพวกเขาชนกัน กลับเกิดเสียงดังสนั่นขึ้นไปทั่วโลกแท้จริงดาราสัจธรรม
เสียงดังสนั่นไปทั่วฟ้ากระจ่างดาว ดาวผุพังจำนวนมากแตกออก ฟ้ากระจ่างดาวบิดเบี้ยว และยังมีรอยแยกปรากฏขึ้นทีละสาย ผู้ฝึกฌานที่เหลือต่างหน้าขาวซีด พลังในร่างกายปั่นป่วน โลหิตทั่วร่างเหมือนจะหยุดไหลเวียน
ความรู้สึกฟ้าดินพังพินาศลอยขึ้นมาในใจทุกคน
ซูเซวียนอีเอ่ยด้วยความเหลือเชื่อ มีเพียงซูหมิงเท่านั้นที่ได้ยิน หลังวิญญาณกับจิตสำนึกสองคนนี้ปะทะกันแล้ว วิญญาณซูเซวียนอีกระเด็นถอยไป ส่วนวิญญาณ ซูหมิงก็ถอยไปเช่นกัน การปะทะกันครั้งแรกนี้ สองคนสูสีกัน!
แต่ซูเซวียนอีรู้ว่าวิญญาณกับจิตสำนึกตนไม่ใช่คู่ต่อสู้ซูหมิง เพราะการปะทะกันครั้งนี้ดูเหมือนสูสีกัน แต่ตะเกียงน้ำมันหกสิบสามอันของเขากลับมอดดับไปหกอัน ส่งผลให้ตอนนี้เขาเหลือตะเกียงน้ำมันอยู่ห้าสิบเจ็ดอัน หากตะเกียงเหล่านี้มอดดับทั้งหมด เขาจะยึดครองโลกดาราสัจธรรมไม่ได้ และนั่นหมายความว่าเขาแพ้
แต่ที่สำคัญกว่าคือเขาต้องยึดครองให้สำเร็จก่อนตะเกียงมอดดับทั้งหมดหรือไม่ก็ต้องถอยให้พ้นจากอันตราย ถ้าไม่อย่างนั้น ตอนที่ตะเกียงมอดดับทั้งหมดวิญญาณกับจิตสำนึกเขาจะยังอยู่ที่โลกดาราสัจธรรม และไม่มีทางกลับร่างได้ตลอดไป
‘เป็นไปได้อย่างไร วิญญาณของเจ้าลูกทรพีคนนี้…เหตุใดถึงแกร่งขนาดนี้ มีคนกำลังช่วยเขา จะต้องมีคนลงมือช่วยแน่ๆ …เขาไม่มีทางที่วิญญาณจะเหนือกว่าข้า ตอนนี้ข้าก้าวข้ามมาเป็นบรรพชนวิญญาณแล้ว เขาไม่มีทางต่อต้านกับ บรรพชนวิญญาณได้!’ วิญญาณซูเซวียนอีถอยไปด้วยความรู้สึกเหลือเชื่อ เขาไม่ปะทะกับซูหมิงอีก แต่เริ่มยึดครองโลกดาราสัจธรรมอย่างรวดเร็ว
‘เขาไม่ใช่บรรพชนวิญญาณ แต่ใช้วิธีการพิเศษฝืนยกระดับเป็นบรรพชนวิญญาณ ดูจากท่าทางรีบร้อนนั่นแล้ว วิธีนี้น่าจะมีข้อเสียอยู่ คงจะ…อยู่ไม่ได้นาน!’ วิญญาณ ซูหมิงเข้าใจจุดสำคัญของปัญหาได้ในพริบตา ตอนนี้ขณะถอยไป ก็เริ่มยึดครอง โลกดาราสัจธรรมอย่างรวดเร็วเช่นกัน
หากเปรียบโลกดาราสัจธรรมมหึมาเป็นร่างกายคนหนึ่ง เช่นนั้นซูหมิงกับซูเซวียนอี ใครยึดครองได้มากกว่าในเวลาอันสั้นที่สุด คนนั้นก็จะได้โอกาสไปก่อน ขอเพียงคงโอกาสนี้ต่อไปก็จะชนะไปในที่สุด
หากดวงจิตของโลกแท้จริงดาราสัจธรรมว่างเปล่า สำหรับซูหมิงกับซูเซวียนอีก็คงง่ายขึ้นมาก แต่แท้จริงแล้วดวงจิตโลกดาราสัจธรรมยังอยู่ จะไปยอมให้สองคนนี้ ยึดครองได้อย่างไร
แทบเป็นทันทีที่ซูหมิงกับซูเซวียนอีเริ่มยึดครองโลกดาราสัจธรรม พลันมีดวงจิตที่แม้จะอ่อนแอแต่ก็ยังมหึมาปรากฏตัวขึ้นในโลกนี้ราวกับตื่นขึ้น ดวงจิตนี้มีความแก่ชรา และยังมีความน่าเกรงขามของโลกแท้จริง ระดับชีวิตสูงส่งนั้น ต่อให้เป็นดวงจิตของบรรพชนวิญญาณยังต้องถอย
ดวงจิตนี้ก็คือดวงจิตดาราสัจธรรม เดิมทีมันแกร่งกว่าตอนนี้เป็นร้อยเท่า นั่นคือหนึ่งในสี่โลกของสามรกร้าง แน่นอนว่าผู้ฝึกฌานไม่อาจเทียบได้ แต่ซูเซวียนอีเตรียมการมาหลายหมื่นปี ค่อยๆ ตัดกำลังดวงจิตดาราสัจธรรมจนใกล้จะถึงขีดสุด ทำให้ดวงจิตที่ปรากฏตอนนี้แม้จะรู้สึกว่าไม่อาจต่อต้าน แต่ความจริงแล้ว…นี่คือ จุดวิกฤติที่จะถูกยึดครองได้
หากดวงจิตดาราสัจธรรมแกร่งกว่านี้อีกเล็กน้อย ซูเซวียนอีก็คงมีอุปสรรคในด้านระดับชีวิตทำให้ยึดครองไม่ได้ แต่ยามนี้แม้จะยังลำบากอยู่ แต่ก็อยู่ในขอบเขตให้ยึดครองได้
ทางด้านซูหมิงต่างออกไป เพราะถึงอย่างไรเขาก็เป็นบรรพชนวิญญาณแท้จริง ได้รับสืบทอดบรรพชนวิญญาณจากวิหารเหล่าเทพ ฉะนั้นแล้ว หากพูดถึงระดับการยึดครอง ซูหมิงมีโอกาสสำเร็จมากกว่าซูเซวียนอีเล็กน้อย
เพราะว่า…เขามีเวลา แต่ซูเซวียนอีเสียเวลาไม่ได้
เพราะว่า ถึงตัวซูเซวียนอีจะยังไม่ได้ใช้กลอุบาย ถึงเขาจะเตรียมการมาหลายหมื่นปี ทว่าซูหมิงก็ยังมีชายชราเผ่าวิญญาณสวรรค์ที่ยังไม่ลงมือ
นี่คือการต่อสู้ที่ซูหมิงมองว่าตนต้องชนะแน่
“ซูเซวียนอี ครั้งนี้…เจ้าไม่มีทางทำสำเร็จ” วิญญาณซูหมิงแผ่ขยายออกไปอย่างรวดเร็ว ใช้ความคิดแห่งยมโลกเป็นตัวเหนี่ยวนำ ขณะเดียวกับที่ปะทะและต่อต้านกับดวงจิตดาราสัจธรรม เขาก็ยึดครองอย่างต่อเนื่อง วิญญาณเขาคือดวงจิตแห่งบรรพชนวิญญาณ พื้นที่ที่เขาปกคลุมอยู่จึงกลายเป็นเจตนารมณ์สวรรค์ของเขา นี่ยังบ่งบอกว่าจุดที่วิญญาณเขาปกคลุมแยกออกจากดวงจิตดาราสัจธรรมอย่างสิ้นเชิง กลายเป็น ฟ้ากระจ่างดาวดวงจิตของซูหมิง
สองคนต่อต้านและยึดครองดวงจิตดาราสัจธรรม เหตุการณ์นี้ดูเหมือนจะไม่มีอันตรายใดๆ แต่โลกภายนอกกลับเกิดเสียงดังสนั่นและบิดเบี้ยว ผู้ฝึกฌานที่เหลืออยู่ที่นี่ต่างหน้าขาวซีด พวกเขาแทบทุกคนมีความรู้สึกเด่นชัดเหมือนว่า…ฟ้ากระจ่างดาวแห่งนี้ถูกแยกออกเป็นสามส่วน มีดวงจิตสามดวงทำให้พวกเขาตัวสั่นกำลังกินกันและต่อต้านกันอย่างบ้าคลั่ง
‘เขากำลังทำอะไร!’ ในโลกแท้จริงดาราสัจธรรม นอกดาวที่เกิดการบิดเบี้ยวพังทลายเนื่องจากซูหมิงกับซูเซวียนอียึดครองโลก น้าสาวของซูหมิง…หญิงผู้มีใบหน้างดงามยิ่ง ตอนนี้มองฟ้าด้วยใบหน้าขาวซีดเล็กน้อย หลังสูดลมหายใจเข้าด้วยความตกใจแล้วก็มีสีหน้าเหลือเชื่อ
‘เขา…จะยึดครองโลกนี้!’ นางใจสั่นสะท้านเพราะตกใจกับการกระทำของซูหมิง