ตอนที่ 1229 สวัสดี
“สร้างความตื่นตกใจกับขั้นไม่อาจกล่าว?” ซูหมิงมองชายชราวิญญาณสวรรค์
“วิชานี้ทำให้ดวงจิตสามรกร้างเกิดความรู้สึกถึงภยันตรายและเกิดเค้าลางจะตื่นขึ้น แน่นอนว่าสร้างความตกใจแก่ขั้นไม่อาจกล่าวได้ แต่เงื่อนไขคือต้องอยู่ในโลกแท้จริงของเจ้า หากออกจากที่นี่ พลานุภาพวิชานี้จะอ่อนลงมาก” ชายชราวิญญาณสวรรค์พยักหน้าช้าๆ เหตุการณ์น่าตะลึงของวิชานี้ทำให้ตอนนี้ชายชราดูเหมือนสงบนิ่ง แต่ในใจยังคงเกิดระลอกคลื่น
“อภินิหารที่ใช้พลังคำสาปเป็นหลักนี้มีนามเรียกหรือไม่?” ชายชราวิญญาณสวรรค์เงียบไปชั่วครู่แล้วถามขึ้น
“คำสาปรกร้าง” ซูหมิงใคร่ครวญถึงขั้นตอนการใช้วิชาก่อนหน้านี้อย่างละเอียด ก่อนนึกถึงดวงจิตสามรกร้างที่อยู่สูงส่ง กดขี่อยู่เหนือทุกอย่างแล้วก็ตอบกลับช้าๆ
“คำสาปรกร้าง…ไม่เลว!” ชายชราวิญญาณสวรรค์ดวงตาวาววับ ขณะพึมพำกับตัวเอง ร่างเงาเขาค่อยๆ หายไป
หลอมรวมเข้าสู่กลางอากาศ ทำให้มองไปในผืนฟ้าเหลือเพียงซูหมิง
ซูหมิงสะบัดแขนเสื้อ เกิดรอยแยกตรงดวงตาที่สามตรงระหว่างคิ้ว ในดวงตาที่สามนี้ไม่ใช่ลูกตาอีก แต่เป็นน้ำวนดวงดาว น้ำวนดารานั้นคือโลกดาราสัจธรรม โลกนี้กลายเป็นหนึ่งในร่างแยกของเขา ตอนนี้แผ่ขยายออก แต่ตรงกลางกลับถูกซูหมิงหลอมรวมอยู่ในดวงตาที่สาม
ตนเป็นผู้ฝึกฌานแห่งโลกแท้จริง ทุกแห่งหนในโลกแท้จริงดาราสัจธรรม ขอเพียงซูหมิงใช้ความคิดก็จะไปที่นั่นได้ ตอนนี้เขาเดินหน้าหายวับไป ก่อนมาปรากฏอีกทีอยู่ตรงวงแหวนอาคมเคลื่อนย้ายที่ถูกผนึก แล้วเข้าไปใน…สำนักดาราสัจธรรม
ณ สำนักดาราสัจธรรม หลังซูเซวียนอีจากไปในตอนนั้น ที่นี่พังพินาศ ฟ้าถล่มทลาย แผ่นดินแตกละเอียด ไม่มีเค้าลางสิ่งมีชีวิตใดๆ เลย กลายเป็นซากปรักหักพัง
ซูหมิงมองสำนักดาราสัจธรรมอันเงียบสงบ มองทุกอย่างที่นี่พลางอดนึกถึง ภาพต่างๆ ตอนที่ตนเข้าสำนักนี้ไม่ได้ ผ่านไปพักใหญ่ เขาก็เดินอยู่กลางฟ้าดิน ถล่มทลายด้วยสีหน้าเรียบนิ่ง
เดินผ่านซากปรักหักพังทีละแห่ง เดินผ่านแผ่นดินแตกพัง เขาเดินไปก็เห็นโครงกระดูกนับไม่ถ้วน
โครงกระดูกเหล่านี้ตายมานานหลายปีแล้ว มีน้อยมากที่ยังสมบูรณ์ ส่วนใหญ่แตกเป็นชิ้นๆ เห็นได้ถึงสีหน้าก่อนตายของทุกคนว่าสิ้นหวังและไม่ยอม
คนที่นี่มีบางส่วนที่ซูหมิงเคยเห็นในสำนักดาราสัจธรรม แต่ที่มากกว่าคือแปลกตา กลิ่นอายมรณะวนเวียนอยู่ในสำนักดาราสัจธรรม แม้ก่อนหน้านี้จะคาดเดาไว้แล้วว่าสำนักดาราสัจธรรมล่มสลายและมั่นใจจากการปรากฏตัวของเต๋อซุ่นกับสวี่ฮุ่ยก็ตาม
แต่ตอนนี้มาเห็นด้วยตาตัวเองก็อดถอนหายใจไม่ได้ ความรุ่งเรืองในอดีตตอนนี้เป็นซากปรักหักพัง สำนักมหึมาในตอนนั้น สำนักหมายเลขหนึ่งของโลกแท้จริง ดาราสัจธรรม วันนี้…กลายเป็นฝุ่นละออง
เดินไปเดินมาซูหมิงก็เห็นซากศพสี่สัตว์ศักดิ์สิทธิ์ นี่ทำให้เขานึกถึงพิธีแต่งตั้งใหญ่ ความยิ่งใหญ่และมีเสน่ห์ของสี่สัตว์ที่แบกแผ่นดินในตอนนั้น ยามนี้…หายไปในกาลเวลา
ขณะเงียบอยู่นี้ ซูหมิงเกิดความซับซ้อนในใจ ทุกอย่างหลังกลับมาจากแดนต้นกำเนิดจิตทำให้เขาหันกลับไปมอง ราวกับว่าเป็นความฝัน เขาในตอนนั้นต้องกลับมาด้วยฐานะเต้าคง แต่วันนี้…เขากลายเป็นเจ้าแห่งดาราสัจธรรมแล้ว ทั้งโลกแท้จริง ดาราสัจธรรมเป็นเพียงร่างแยกของเขาเท่านั้น
เขาเดินมาตลอดทาง ทุกอย่างที่ประสบทำให้เขายกมือขวาโบกไปพลางถอนหายใจ เพียงโบกไป ท้องฟ้าพังพินาศบิดเบี้ยวและเหมือนย้อนเวลากลับ มันค่อยๆ สมานรวมกันอย่างรวดเร็ว ยกขึ้นอย่างเร็วไว เศษนับไม่ถ้วนรวมกัน ต่อให้เศษจะกลายเป็นฝุ่นละออง แต่ยามนี้ก็รวมขึ้นจากอากาศ รวมเข้าด้วยกันจนเป็นฟ้าสีครามอีกครั้ง
เขาเหยียบบนเศษหินเบาๆ ทันใดนั้นระลอกคลื่นแผ่ขยายออกจากใต้เท้า พริบตาเดียวปกคลุมทั่วสำนักดาราสัจธรรม ในระลอกคลื่นนี้ เศษหินเหลือคณานับลอยขึ้นและรวมกันอย่างเร็วไว ค่อยๆ ปรากฏแผ่นดินใหญ่ใต้เท้าซูหมิง ก่อนขยายออกไปกลายเป็นแผ่นดินชั้นแรกในสำนักดาราสัจธรรม
ไกลออกไปมีสามแผ่นดินใหญ่รวมขึ้นเช่นกันประหนึ่งกาลเวลาย้อนกลับ ทำให้ฝุ่นละอองทุกอย่างย้อนกลับไปยังความรุ่งเรืองในอดีต กระทั่งบนแผ่นดินสี่แห่งเกิด เศษจำนวนมาก ก่อนรวมเข้าด้วยกันกลายเป็นหอคอยสูงเสียดเมฆ
ข้างล่างลงไปอีก ปรากฏแผ่นดินใหญ่ขึ้นทีละแห่งท่ามกลางเสียงครึกโครม บ้างเกิดเองจากอากาศ บ้างรวมจากเศษหิน บ้างลอยขึ้นมาจากหมอกทะเลเต๋า ข้างล่างสุด ชั่วครู่ต่อมา แผ่นดินใหญ่แผ่บนฟ้าทีละแห่ง ตอนที่มองไปเหมือนฟื้นฟูเกียรติภูมิในวันวานกลับมา
ซากศพทั้งหมดหายไป แม้แต่กลิ่นอายมรณะเข้มข้นที่นี่ยังถูกขับไล่ออกไป…
ซูหมิงเดินไปตลอดทาง โลกข้างหลังเปลี่ยนไปอย่างต่อเนื่อง จนกระทั่งมาถึงทะเลเต๋าไม่มีสิ้นสุดข้างล่างสำนักดาราสัจธรรม
ซูหมิงมองหมอกม้วนตลบ แต่ไม่ได้เข้าไป เพียงยืนอย่างสงบนิ่ง เหมือนกำลังรออะไรบางอย่าง
ผ่านไปพักหนึ่ง ทะเลเต๋าพลันไหลเชี่ยว ท่ามกลางเสียงดังกึกก้อง หมอกตรงหน้าซูหมิงกระจายออก เผยเป็นเส้นทางมุ่งหน้าไปสู่ส่วนลึก เขายังคงนิ่ง ยังคงยืนอยู่ตรงนั้นด้วยสีหน้าสงบนิ่ง
ไม่นานนัก หลังจากที่หมอกม้วนไปอย่างต่อเนื่องและเส้นทางมุ่งหน้าสู่ส่วนลึกถูกจมไปแล้ว หมอกก็ค่อยๆ รวมออกมาเป็นใบหน้ายักษ์ ใบหน้านั้นดูเหมือนชายชรา มีขนาดใหญ่ยิ่ง ประหนึ่งกินพื้นที่ทั้งทะเลเต๋า
เมื่อใบหน้าปรากฏ ทะเลเต๋าส่งเสียงดังสนั่นฟ้า จากนั้นใบหน้าตั้งขึ้นจากแนวนอนช้าๆ ซ้ำยังลอยขึ้นจากกลางทะเลเต๋า
ตอนที่มองไปทะเลเต๋าหายไปจริงๆ หมอกทั้งทะเลเต๋ากลายเป็นส่วนหนึ่งของใบหน้าที่ลอยอยู่ หากมองไกลๆ จะเหมือนมีหัวยักษ์ลอยอยู่ มันหลับตาอยู่ตรงหน้าซูหมิง
ซูหมิงมองใบหน้ายักษ์นั้น ตัวเขาเทียบกับใบหน้านั้นแล้วเป็นดั่งมดปลวก แต่ในตัวเขากลับมีพลังอำนาจไร้รูปวนเวียนอยู่อย่างเป็นธรรมชาติ
ผ่านไปพักใหญ่ ใบหน้ายักษ์นี้ลืมตาขึ้นช้าๆ เผยดวงตาสองข้าง ขณะเดียวกันยังเผยความแก่ชราและสติปัญญาผ่านดวงตา ชั่วพริบตาที่สบตากับซูหมิง ใบหน้ายักษ์ก้มหน้าลงเล็กน้อย
“บรรพชนแห่งทะเลเต๋า ผู้รับใช้แห่งโลกแท้จริง คารวะนายท่าน”
“ท่านยึดครองโลกแท้จริง เปลี่ยนโลกแท้จริงให้กลายเป็นร่างแยก จากนี้ท่านคือเจ้านายของข้า” ใบหน้าก้มหน้าลงพร้อมเอ่ยเสียงแก่ชรา เสียงดังกึกก้องทั้งสำนักดาราสัจธรรมอยู่นานไม่หายไป
“ข้าไม่มีความทรงจำอะไรมากนัก น่าจะถูกผนึกลบไปแล้ว ในความทรงจำที่มีอยู่ไม่มาก ข้ารู้เพียงว่าข้าคือหนึ่งในบรรพชนวิญญาณผู้ปกป้องโลกภายใต้ดวงจิต สี่โลกแท้จริง ตั้งแต่จำได้ก็มาอยู่ที่นี่แล้ว กลายเป็นทะเลเต๋า เป็นผู้รับใช้แห่งดวงจิตโลกแท้จริง ฟังคำสั่งทุกอย่าง…
หลังดวงจิตโลกแท้จริงอ่อนแอลง ตอนที่มันหลับใหลข้าก็คอยรักษาสมดุลของ โลกแท้จริง…” ซูหมิงยังคงเงียบ เพียงแค่มองใบหน้านั้นนิ่งๆ ข้างหูกึกก้องไปด้วยเสียงของใบหน้า
สิ้นเสียงใบหน้าแก่ชราแล้วก็เงียบไป ทำให้เมื่อเสียงก้องหายไปแล้ว โดยรอบก็เข้าสู่ความเงียบอีกครั้ง
“ตอนสำนักดาราสัจธรรมถูกทำลาย เจ้าลงมือหรือไม่” ผ่านไปครึ่งก้านธูป เสียงซูหมิงดังก้องตรงหน้าใบหน้านั้นเป็นครั้งแรก
“ภารกิจข้าคือรักษาสมดุลโลกแท้จริง เรื่องสำนักดาราสัจธรรมไม่อยู่ในภารกิจข้า ส่วนซูเซวียนอี…เขามีดวงจิตโลกแท้จริง ข้าไม่อาจก้าวก่าย”
“ภารกิจนับจากนี้ไปของเจ้าคือปกป้องยอดเขาลำดับเก้า” ซูหมิงมองใบหน้านั้นพลางพูดเนิบๆ ซูหมิงอ่านบรรพชนแห่งทะเลเต๋าออกว่าบางทีอาจเป็นอย่างที่พูดจริงๆ ในความทรงจำเขาถูกผนึก แต่…ในตัวเขาจะต้องมีความลับบางอย่างแน่ เรื่องนี้เขา ไม่พูด ซูหมิงก็ไม่อยากถาม
ความจริงแล้วตอนที่ยึดครองโลกแท้จริงและรวมเป็นร่างแยก ซูหมิงก็รู้สึกว่าในโลกนี้ยังมีอีกหนึ่งดวงจิตแห่งบรรพชนวิญญาณ ดวงจิตนี้เป็นบริวาลโลกแท้จริง ถูกโลกแท้จริงควบคุม แน่นอนว่าบรรพชนวิญญาณคนนี้ย่อมเป็นบรรพชนแห่ง ทะเลเต๋าตรงหน้า
กระทั่งซูหมิงยังรู้สึกว่าที่ดวงจิตโลกแท้จริงดาราสัจธรรมถูกตัดกำลังลงจนถึง ขั้นถูกยึดครองนี้ หากเรื่องนี้มีแค่ซูเซวียนอีคนเดียว ต่อให้เตรียมการมาหลายหมื่นปีก็ไม่แน่ว่าจะสำเร็จ
ในนี้จะต้องมีคนคอยช่วยอย่างแน่นอน คนที่ช่วย…นอกจากบรรพชนแห่งทะเลเต๋าแล้ว ซูหมิงไม่คิดถึงใครอีก
เขามองใบหน้านั้นอย่างมีความหมายลึกซึ้งแวบหนึ่ง ก่อนหมุนตัวกลับไม่สนใจอีก
ใบหน้านั้นหลับตาอย่างด้วยสีหน้าสงบนิ่ง ก่อนค่อยๆ ลดระดับลงเหมือนจะกลายเป็นทะเลเต๋า แต่ตอนนี้เองมีเสียงถอนหายใจดังแว่วมาจากข้างกายซูหมิง
เสียงถอนหายใจนั้นแฝงไว้ด้วยความแก่ชรา และยังมีความรู้สึกซับซ้อนและเสียใจ
“อวิ๋นหวา…จ้าวเผ่าทะเลสาบเขียว หนึ่งในสิบยอดผู้แข็งแกร่งแห่งเว่ยผู้เป็น โอรสสวรรค์สูงสุด…เป็นเจ้ารึ?” ร่างเงาชายชราวิญญาณสวรรค์ปรากฏข้างกายซูหมิง เขามองใบหน้ายักษ์ด้วยสีหน้าหวนลำลึกและผ่านโลกมานานพลางเอ่ยขึ้นเสียงเบา
ใบหน้าที่กำลังจะกลายเป็นทะเลเต๋าสั่นสะท้าน แต่ก็แค่นั้นก่อนกลายเป็นทะเลเต๋า อีกครั้ง กลายเป็นหมอกไม่มีที่สิ้นสุดที่นี่
ชายชราวิญญาณสวรรค์เหม่อมองหมอกทะเลเต๋า ผ่านไปพักใหญ่ถึงหมุนตัวกลับอย่างขมขื่น หายไปข้างกายซูหมิงด้วยจิตหดหู่เสี้ยวหนึ่ง
ซูหมิงไปแล้ว ตอนที่ออกจากทะเลเต๋ามุ่งหน้าไปยังยอดหอคอยสูงกลางฟ้า วงแหวนอาคมเคลื่อนย้ายหนึ่งร้อยกว่าแห่งข้างนอกสำนักดาราสัจธรรมเปล่งแสงสว่างพร่างพราวพร้อมกัน พวกมันเปิดออกในพริบตา
ขณะเดียวกันเสียงซูหมิงดังกังวานในจิตพวกศิษย์พี่ใหญ่ นั่นคือการบอกพวกเขาว่าให้พาผู้ฝึกฌานทั้งหมดเข้าสำนักดาราสัจธรรม เปลี่ยนประตูสำนักให้เป็น ยอดเขาลำดับเก้า
หอคอยสูงกลางฟ้าตั้งตระหง่านอยู่กลางเมฆ ร่างเงาซูหมิงไปปรากฏอยู่บนชั้นสูงสุด ยามที่นั่งขัดสมาธิลง เขาเงยหน้าขึ้นมองไกลออกไป สายตามองผ่านผืนฟ้าไปยัง หญิงชุดคลุมดำหน้าซีดขาวคนหนึ่งตรงมุมแห่งหนึ่งของโลกแท้จริงดาราสัจธรรม
“ก่อนหน้านี้เจ้าไปไม่ลาข้าเลย นี่ไม่ใช่วิถีในการรับแขกของแซ่ซู” ซูหมิงเอ่ยเนิบๆ ทันใดนั้นมวลอากาศตรงหน้าเขาบิดเบี้ยวราวกับซ้อนทับกับจุดที่หญิงชุดคลุมดำอยู่ ระหว่างที่นางหน้าเปลี่ยนสี ร่างกายนางถูกเคลื่อนย้ายมาอยู่ตรงหน้าซูหมิง
“สวัสดี” ซูหมิงเงยหน้าขึ้นมองหญิงงดงามยิ่งที่หน้าเปลี่ยนสีพร้อมพูดขึ้นเสียงเบา