ตอนที่ 1230 กระบี่ตัดดวงจิต
หญิงชุดคลุมดำดวงตาหรี่ลงเล็กน้อยจนตรวจไม่พบ แต่ไม่นานนักก็กลับมาเป็นปกติ นางกวาดสายตามองไปรอบๆ สุดท้ายถึงมองซูหมิง
“นั่งลง” ขณะที่ซูหมิงเอ่ยราบเรียบ ปรากฏเบาะนั่งทรงกลมอันหนึ่งขึ้นตรงหน้านาง อีกทั้งตรงหน้าเบาะนั่งยังมีโต๊ะยาวตัวหนึ่งโผล่มา ด้านบนวางผลไม้สดและสุรา หากเพียงเท่านี้คงไม่เท่าไร เพราะแทบเป็นขณะเดียวกับที่ปรากฏโต๊ะยาว ข้างกายยังมีร่างเงาหนึ่งโผล่ตามมา
นั่นคือเด็กคนหนึ่งยกไหสุรารินให้ซูหมิงกับหญิงคนนั้นจนเต็มด้วยใบหน้า ไร้อารมณ์แล้วก็ถอยไปหนึ่งก้าว ยืนแน่นิ่งอยู่ตรงนั้น
เด็กกับโต๊ะยาวเกิดจากความคิดซูหมิงเหมือนกัน พูดได้ว่าในโลกแท้จริงของเขา ความคิดซูหมิงคือ จุดเริ่มต้นของทุกสรรพสิ่ง
หญิงชุดคลุมดำดูเหมือนปกติ แต่ความจริงนางใจสั่นสะท้านกับภาพนี้ เพราะนางเข้าใจอภินิหารนี้ และยังคาดการณ์จากอภินิหารนี้ได้ว่าซูหมิงยึดครองโลกแท้จริงสำเร็จแน่นอน เพราะอภินิหารนี้เหนือเกินกว่าขีดจำกัดของผู้ฝึกฌาน นั่นคือขอบเขตของวิชาแห่งโลกแท้จริง ในบ้านเกิดนาง วิชานี้ถูกเรียกว่าอภินิหารแท้จริง
ถึงซูหมิงจะมีสีหน้าสงบนิ่งและคำพูดเนิบช้า แต่การเคลื่อนย้ายนางผ่านอากาศมาก่อนหน้านี้ และยังใช้วิชาสร้างของมายานี้อีก ทุกอย่างเป็นเพราะเขามีเป้าหมายจะสร้างความน่าเกรงขามให้ปกคลุมจิตใจนาง
ความน่ากรงขามที่ว่าใช้เอาชนะอีกฝ่ายโดยไม่ต้องประมือ ซูหมิงฝึกฝนมาหลายปีจึงใช้ได้อย่างเป็นธรรมชาติมาก ไม่มีท่าทีแสร้งทำเลย ทว่าการกระทำสบายๆ นี้กลับทำให้น้าสาวเขาเกิดความตึงเครียดเสี้ยวหนึ่งโดยไม่รู้ตัวยามเผชิญหน้ากับซูหมิง
ความรู้สึกนี้ตอนเพิ่งเริ่มก็เป็นแค่จุดเล็ก แต่ต่อมามันค่อยๆ ขยายออก ทำให้นางเลือกปฏิบัติตามโดยจิตใต้สำนึก นั่งขัดสมาธิลงบนเบาะนั่งวงกลม แต่ทันทีที่นางนั่ง นางพลันได้สติ
กลับมา ตั้งแต่เข้ามาที่นี่เหมือนว่าทุกอย่างของนางได้รับผลกระทบจากซูหมิง นางจึงปฏิบัติตามความต้องการอีกฝ่ายเพราะความปลอดภัย
ถึงจะแค่นั่งลง มันดูเหมือนเล็กน้อย แต่ความจริงนั่นคือการปฏิบัติตาม
ตอนที่นางนั่งลง ซูหมิงเผยรอยยิ้มบางๆ เขาหยิบแก้วสุราขึ้นมาดื่มแล้ววางลง จากนั้นหลับตาลงช้าๆ ไม่กล่าวสิ่งใดอีก ทำให้ที่นี่เข้าสู่ความเงียบ
เวลาผ่านไปทีละน้อย ยิ่งซูหมิงเงียบ นางยิ่งรู้สึกถึงแรงกดดันมากขึ้นเท่านั้น กลายเป็นความอึดอัดอยู่ในก้นบึ้งหัวใจ นางจึงขมวดคิ้วทีละน้อย
ซูหมิงเติบโตเร็วจนนางตกใจ ตอนที่อีกฝ่ายยังไม่ยึดครองโลกแท้จริง นางยังมีความมั่นใจว่าจะควบคุมได้ แต่ตอนนี้…ตอนที่อยู่ต่อหน้าซูหมิง นางไม่มีความ มั่นใจเลย เพราะทั้งโลกแท้จริงนี้คือร่างแยกของอีกฝ่าย
นอกจากนี้คนลึกลับในสายตานางที่แค่ตะโกนก็ทำให้นางเจ็บสาหัสก็ยังเป็นหนึ่งในสาเหตุที่ทำให้นางตึงเครียดในตอนนี้ด้วย
ดังนั้นหลังผ่านไปหนึ่งก้านธูป หญิงชุดคลุมดำจึงทำลายความเงียบโดยเริ่มพูดก่อน
“วิถีการต้อนรับแขกของเจ้าคือการเงียบอย่างนั้นรึ” น้ำเสียงนางเย็นชา แต่ตอนที่เอ่ยออกไป นางมีสีหน้ำเย็นชา มองไม่เห็นความตึงเครียดที่ซ่อนเอาไว้อีก ประหนึ่งกลายเป็นภูเขาน้ำแข็ง
“ข้ากำลังคิดอยู่ว่าจะเรียกเจ้าว่าอย่างไรดี มารดาข้าคือใคร” ซูหมิงลืมตาขึ้นมองหญิงงดงามตรงหน้า
หลังซูหมิงยึดครองโลกดาราสัจธรรมแล้ว เขามองกลิ่นอายพลังนางแวบเดียวก็รู้ว่าไม่ใช่ของมหาโลกสามรกร้างตอนนี้ นางมาจากข้างนอก อีกทั้งเขายังไม่รู้สึกถึง กลิ่นอายพลังของพวกแปดขั้วเต๋าจากตัวนำง แต่กลับมีความรู้สึกเหมือนเมล็ดพันธุ์แห่งการทำลายล้างชีวิต ความรู้สึกนี้คล้ายๆ กับร่างเงาตั๊กแตนนั้น ดังนั้นเขาจึงคาดการณ์ได้ทันทีว่านางมาจากฝ่ายเงามืดรุ่งอรุณ
มาจากเงามืดรุ่งอรุณและยังเกิดจิตสังหารต่อเขา ที่สำคัญที่สุดคือซูหมิงรู้สึกถึงความคุ้นเคยจากตัวนำง มันมาจากวิญญาณ มาจากมังกรทำลายล้าง ทุกอย่างเชื่อมเข้าด้วยกัน หากเขายังไม่รู้เบื้องหลังของนางอีก เช่นนั้นเขาคงไม่คู่ควรจะมีคุณสมบัติมีชีวิตรอดในแผนการร้ายและอันตรายต่างๆ
หญิงคนนี้มาจากเผ่ามารดาตน เป็นเผ่าวิญญาณของฝ่ายเงามืดรุ่งอรุณ!
เสียงซูหมิงดังก้อง หญิงชุดคลุมดำมีสีหน้ำเย็นชา แต่ในใจกลับหนักหน่วง ซูหมิงเอ่ยครั้งเดียวก็อ่านเบื้องหลังนางออก นางจึงเงียบไปชั่วขณะแล้วพูดไปตรงๆ
“มารดาเจ้าคือ พี่สาวข้า” นางตอบกลับด้วยเสียงเย็นชา
นัยน์ตาซูหมิงเป็นสมาธิ เขาเพ่งมองหญิงคนนี้ แววตาให้ความรู้สึกบีบคั้น ขณะเพ่งมอง เหมือนมีลูกศรคมสองดอกทะลวงเข้าไปในดวงตานาง ราวกับมองเห็นส่วนลึกในจิตใจ
ในความรู้สึกหญิงชุดคลุมดำ แววตาซูหมิงเหมือนกับรวมแสงของทั้งโลกแท้จริงในพริบตาแล้วเปลี่ยนเป็นแรงกดดันที่นางไม่อาจต่อต้าน แรงกดดันรุนแรงนี้ทำให้นางสูดลมหายใจเข้าด้วยความตกใจ นัยน์ตาฉายแววเหลือเชื่อ ระดับความแกร่งถึงขนาดทำให้นางรู้สึกคล้ายว่าหากอีกฝ่ายอยากให้ตนตาย เช่นนั้นก็แค่หนึ่งความคิด
‘เขาเพิ่งยึดครองสำเร็จ ยังไม่เสถียร เหตุใดถึงควบคุมพลังของโลกนี้ได้อย่างสมบูรณ์แบบ!’ หญิงชุดคลุมดำหน้าเปลี่ยนสี เกิดความรู้สึกเหมือนมีโลหิตอยู่ตรงลำคอไหลออกมาผ่านมุมปาก
“เจ้าไม่ใช่” ซูหมิงเอ่ยราบเรียบพร้อมละสายตากลับ แรงกดดันในตัวนำงพลันหายไป แต่แรงกดดันไปๆ มาๆ กลับทำให้นางผ่อนคลายหลังตึงเครียดแล้วต้องเสียพลังไปเกือบครึ่ง และยังส่งผลให้ในใจนางสั่นสะท้าน นางเงียบไปครู่หนึ่งแล้วพูดต่ออย่างซับซ้อน
“ถึงข้ากับสตรีศักดิ์สิทธิ์รุ่นก่อนจะไม่ได้มีความสัมพันธ์ทางสายเลือด แต่ใน เผ่าวิญญาณ ระหว่างสตรีศักดิ์สิทธิ์ทุกรุ่นมีบุญคุณของศิษย์และอาจารย์ ทว่าทุกคนต่างเรียกกันว่าพี่สาวน้องสาว ส่วนข้าตอนที่ยังไม่ได้เป็นสตรีศักดิ์สิทธิ์ ข้าเคยติดตามมารดาเจ้าจนนางสิ้นชีพไป”
“สิ้นชีพ…” ซูหมิงเงียบ ถึงเขาจะรู้คำตอบนี้อยู่แล้ว แต่พอได้ยินกับหูตัวเอง ก็ยังกลายเป็นความห่อเหี่ยวที่หาไม่พบในใจ นั่นคือมารดาที่เขาไม่เคยพบมาก่อน นั่นคือมารดาในฝ่ายเงามืดรุ่งอรุณที่ต่างกับภรรยาของซูเซวียนอีกลางเตาหลอม ลำดับเก้าในความทรงจำเขาอย่างสิ้นเชิง
บางทีเขาอาจจะเคยพบ นั่นคือตอนที่เขาเกิด หรือบางทีอาจจะหลายปีจากนั้นหลังกำเนิด แต่เวลามันผ่านมานานมากแล้ว นานจนซูหมิงไม่มีภาพจำ แต่ว่า…ความเศร้าในก้นบึ้งหัวใจยังคงขยายไปพร้อมกับความซับซ้อนและถอนหายใจเบา ขยายไปจนถึงที่ใดในก้นบึ้งหัวใจไม่รู้
“ดังนั้นมารดาเจ้าคือ อาจารย์ของข้า และก็เป็นพี่สาวข้า” หญิงชุดคลุมดำมอง ซูหมิงพลางพูดออกไปทีละคำ
“ข้าลงมาโลกนี้ก็เพื่อพาเจ้ากลับเผ่าวิญญาณ เจ้าปลุกวิญญาณมังกรทำลายล้างของเผ่าวิญญาณแล้ว ก็ไม่ควรอยู่ข้างนอก เผ่าวิญญาณก็เป็นเผ่าของเจ้าเหมือนกัน
แต่ว่า…เจ้ายึดครองโลกดาราสัจธรรม รวมเป็นร่างแยกแล้ว ข้ารู้ว่าเจ้าไม่มีทางออกจากที่นี่ตามข้ากลับเผ่าวิญญาณแน่…ในเมื่อเป็นอย่างนั้น ข้ามีเพียงสิ่งเดียวที่จะมอบให้เจ้า มารดาเจ้าสั่งเสียไว้กับข้าก่อนสิ้นใจว่าหากวันหนึ่งข้าหาเจ้าพบให้เอา สิ่งนี้ให้เจ้า” หญิงชุดคลุมดำกล่าวขึ้นช้าๆ พร้อมโบกมือขวา ทันใดนั้นปรากฏกระบี่ไม้ขนาดเท่ากำปั้นเล่มหนึ่งกลางมือ
กระบี่ไม้เป็นสีมืดมน แต่หากมองนานๆ จะเกิดความรู้สึกสับสน คล้ายว่าสีมันเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา
ทันทีที่ซูหมิงมองกระบี่เล่มนี้ ในใจเขาสั่นไหว เขารู้สึกถึงกลิ่นอายพลังเผ่ายมโลกเข้มข้นจากในตัวกระบี่ กลิ่นอายพลังนี้เก่าแก่มาก วนเวียนรอบกระบี่ รวมขึ้นเป็น กลิ่นอายมารรุนแรง ความข้นของกลิ่นอายมารเหมือนจะส่งผลต่ออากาศที่นี่ ทำให้โลกของสำนักดาราสัจธรรมที่ซูหมิงสร้างด้วยจิตและความคิดเกิดเค้าลางจะแตก เป็นเสี่ยงๆ
แต่ทุกอย่างเป็นเพียงเพราะกลิ่นอายพลังของกระบี่เล่มนี้ หากกวัดแกว่งมันได้ พลานุภาพจะต้องเพิ่มมากขึ้นไม่น้อยแน่
หากเพียงเท่านี้คงไม่เท่าไร เพราะตอนที่ซูหมิงเพ่งมองกระบี่เล่มนี้ มันพลันส่งเสียงอื้ออึงและสั่นไหวอย่างรวดเร็วในมือหญิงชุดคลุมดำ ราวกับว่ามันมีจิตวิญญาณ พอจิตวิญญาณเจอชาวเผ่ายมโลกและสัมผัสถึงกลิ่นอายพลังยมโลกของซูหมิงแล้ว จึงเกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่
เสียงอื้ออึงดังขึ้นเรื่อยๆ กลิ่นอายมารในนั้นพุ่งขึ้นฟ้าในทันใด กลิ่นอายมารปรากฏขึ้นอย่างกะทันหันจนหญิงชุดคลุมดำอึ้งไป เป็นที่รู้กันว่ากระบี่อยู่กับนางมาหลายปี แล้วนางจะไม่เคยศึกษาเลยได้อย่างไร แต่ไม่ว่าจะประทับตราลงไปอย่างไร ก็ไม่อาจควบคุมมันได้แม้แต่น้อยราวกับของตาย
แต่การสั่นของกระบี่ไม้รวมถึงกลิ่นอายมารม้วนตลบคล้ายว่ามันเจอกับเจ้านายที่ชะตาลิขิตเอาไว้ เหตุการณ์นี้ทำให้นางจะกุมกระบี่เอาไว้โดยจิตใต้สำนึก แต่ชั่วพริบตาที่นางจะกำมือ กระบี่ไม้ส่งเสียงวิ้งหายวับไปจากมือนาง
มันมาปรากฏอีกทีอยู่ตรงระหว่างคิ้วซูหมิง ก่อนตรงเข้าไปในหน้าผากอย่างไม่ลังเล ซูหมิงไม่หลบ การเชื่อมต่อที่คุ้นเคยกับกระบี่ไม้ลอยขึ้นมาในใจ เขาปล่อยให้มันสัมผัสระหว่างคิ้ว แทงผ่านผิวหนัง โลหิตหยดหนึ่งตกลงบนตัวกระบี่ ฉับพลันนั้น กระบี่ไม้เปล่งแสงสีม่วง นั่นคือแสงที่เกิดจากการหลอมรวมกันของสีแดงของโลหิตกับสีดำของไม้ ช่วงที่แสงสว่างวาบ โลหิตบนกระบี่ถูกสูบไป เมื่อหลอมรวมเข้าไปในลายเส้นกระบี่ไม้แล้ว กระบี่พลันขยายใหญ่ขึ้นกลายเป็นกระบี่สีม่วงเจ็ดฉื่อ เสียงร้องกระบี่อย่างดีใจที่เหมือนอัดอั้นมาหลายหมื่นปีดังก้องไปรอบๆ ตอนนี้เองกระบี่เล่มนี้บินวนรอบตัวซูหมิงอย่างรวดเร็ว
ขณะบินวน มวลอากาศรอบตัวซูหมิงบิดเบี้ยว โลกที่เขาสร้างขึ้นรอบๆ ตัว บิดเบี้ยวทั้งหมด และยังเกิดภาพเหมือนหลุมดำมากมาย เหมือนว่าทุกแห่งหนที่กระบี่อยู่จะทำลายดวงจิตได้ทั้งหมด
“อาวุธประจำเผ่าของเผ่ายมโลก มีชื่อเสียงพอๆ กับหม้อฮวงของเผ่าหมานใหญ่…นามเก้ากระบี่! มันคือกระบี่ตัดดวงจิตในเก้ากระบี่!” ชายชราวิญญาณสวรรค์ปรากฏตัวข้างกายซูหมิง เขาจ้องกระบี่ไม้ที่วนเวียนรอบตัวซูหมิงด้วยสีหน้าเหลือเชื่อ
“ไม่อยากเชื่อว่ามัน…จะยังสมบูรณ์เช่นนี้!”