ตอนที่ 1234 สหายเก่า
นามพระชายาหมานไม่ใช่ฟางชางหลันเป็นคนแต่งตั้งขึ้นเอง แต่เป็นเพราะหลังเผ่าหมานสูญเสียเทพหมานรุ่นสี่ไปและต้องการความมั่นคงของทั้งเผ่าหมาน ดังนั้นสหายเก่าของซูหมิงตอนที่ยังอยู่เผ่าหมานเลยได้รับแต่งตั้งกันทั้งหมด
เผ่าหมานจะวุ่นวายอีกไม่ได้ แม้จะไม่มีเผ่าเซียน แต่การลุกลามของทะเลมรณะ การพังลงของแผ่นดิน ทุกหมู่เกาะเป็นดั่งกลุ่มดาวกลางฟ้า เลยทำให้เผ่าหมาน ขาดการรวมพลังกันอย่างมาก
ทุกหมู่เกาะล้วนอยู่ลำพัง ไม่มีสัญลักษณ์ของจิตใจ และก็ไม่มีความหวังในอนาคต โดยเฉพาะภายใต้สถานการณ์เทพหมานรุ่นสี่หายตัวไป เรียกได้ว่ากระจัดกระจายกัน
หากเป็นอย่างนี้ต่อไป นานเข้าเผ่าหมานจะไม่ใช่เผ่าหมานอีก พวกเขาจะเสีย จิตวิญญาณหมาน เสียดวงจิตของเผ่าหมาน จนสุดท้ายตกต่ำไปเรื่อยๆ ตามกาลเวลา ภายใต้สัตว์ทะเลกับเคราะห์ภัยจากนอกฟ้าเข้ามาสังหาร ทำให้สายเลือดตัดขาด ส่งผลให้เผ่าหมานกลายเป็นเถ้าธุลีแห่งประวัติศาสตร์
เผ่าหมานแบบนี้ไม่ใช่สิ่งที่ฟางชางหลันอยากเห็น ดังนั้นหลังจากนางเงียบไปแล้วก็ตกลงยอมรับ เลือกเป็นรูปปั้นที่ยังมีชีวิต
นางจะไม่มีชีวิตคู่นับจากนี้อีก กระทั่งไม่อาจเผยตัวต่อคนภายนอกบ่อยครั้ง นางต้องรักษาความลับ ต้องรักษาความสูงส่ง คำพูดทุกอย่างต้องสอดคล้องกับฐานะพระชายาหมาน บางทีปีสองปีหรืออาจสิบปีแปดสิบปี สำหรับคนจำนวนมากแล้วอาจจะยอมรับได้เหมือนฟางชางหลัน แต่…หากเป็นร้อยปีพันปี คนทั่วไปคงรับความรู้สึกโดดเดี่ยวไม่ไหว
อยู่สูงส่ง เป็นหุ่นเชิดที่ไม่ใช่หุ่นเชิด ออกไปข้างนอกไม่ได้ง่ายๆ ยอมเป็นรูปปั้นที่ยังมีชีวิตเพื่อเป็นสัญลักษณ์จิตใจของเผ่าหมาน คอยเตือนชาวเผ่าหมานชนรุ่นหลัง นับไม่ถ้วนว่า…เทพหมานไม่ใช่ตำนาน แต่มีอยู่จริง ถึงพวกเขาจะไม่เห็นเทพหมาน แต่พวกเขาก็ได้เห็นพระชายาหมาน
มีพระชายาหมานอยู่ เช่นนั้นต้องมีสักวันหนึ่งที่เทพหมานรุ่นสี่ที่หายตัวไปจะกลับมายังแผ่นดินหมาน และพาพวกเขา…ผงาดขึ้น!
นี่คือความหวังของพวกเขา เป็นความงดงามของพวกเขา และก็ยังเป็นความเชื่อมั่นของเผ่าหมานทั้งหมด เพราะการคงอยู่และฐานะของฟางชางหลัน ดังนั้น ผ่านมาหลายปีขนาดนี้ แม้ทุกหมู่เกาะจะเกิดการกระทบกระทั่งกันอย่างต่อเนื่อง ถึงขั้นเกิดสงครามค่อนข้างใหญ่ แต่สุดท้ายสองฝ่ายที่ทำสงครามก็ยังเป็นเผ่าหมานที่ทำเพื่อความรุ่งเรือง ทุกช่วงเวลาจะมาคารวะที่นี่
ในใจพวกเขา เผ่าชะตาชีวิตคือชนเผ่าที่เทพหมานฝากเอาไว้ พระชายาหมาน….คือคนที่อยู่สูงสุดของแผ่นดินนี้ เพียงแค่ฟางชางหลันเอ่ย พวกเขายอมจ่ายทุกอย่างได้
สัตว์ทะเลก็ดี เคราะห์ภัยจากนอกโลกก็ดี ทุกครั้งที่บุกรุกในพันกว่าปีนี้ ฟางชางหลันจะเรียกรวมพลังของทั้งเผ่าหมานร่วมสู้ไปพร้อมกับเผ่าชะตาชีวิต!
การยืนหยัดทุกครั้งทำให้การรวมพลังแกร่งขึ้นเรื่อยๆ ทำให้สัญลักษณ์จิตใจที่ ฟางชางหลันเป็นอยู่กลายเป็นส่วนหนึ่งของจิตวิญญาณเผ่าหมาน
การจะทำแบบนี้ได้ นอกจากพลังผลกระทบในอดีตของเทพหมานรุ่นสี่รวมถึงพวกสหายเก่าในตอนนั้นที่ต่างได้รับการแต่งตั้งในยามนี้แล้ว การเอาใจใส่ของฟางชางหลันก็เป็นจุดสำคัญ
และด้วยการยืนหยัดของฟางชางหลัน บนหมู่เกาะทั้งหมดทั่วทะเลมรณะในโลกหมานจึงมีทูตหมานหนึ่งคน ทูตหมานทุกคนเป็นดั่งผู้รอบรู้ ฐานะพวกเขาไม่สูงเท่าจ้าวหมาน แต่ภารกิจพวกเขาเหมือนกับจ้าวหมาน คอยสั่งสอนชนรุ่นหลัง ทำพิธีชี้นำหมาน ให้ชาวเผ่าหมานที่เติบใหญ่ทุกคนได้รับรู้ถึงความสูงส่งของเทพหมานตั้งแต่เยาว์วัย
พูดได้ว่าพันกว่าปีมานี้ที่ไม่มีเทพหมาน แผ่นดินหมานผ่านการแตกแยก หลังกลายเป็นหมู่เกาะทะเลที่มีเค้าลางจะแตกสลายมาแต่แรกแล้วกลับยังอยู่ในสภาพสมบูรณ์ ถึงขั้นที่ในด้านจิตใจเหนือกว่าเมื่อก่อน รวมจิตวิญญาณของชนเผ่าได้มากกว่าเดิม เรื่องนี้…
เป็นความดีความชอบของฟางชางหลัน!
แต่เวลานี้ฟางชางหลันในพระราชวังกลางเกาะอันเป็นแดนศักดิ์สิทธิ์เผ่าชะตาชีวิตกำลังมองไปยังท้องฟ้านอกหน้าต่าง นางเข้าใจว่าซูหมิง…ไม่มีทางกลับมาแล้ว
บางทีอาจจะ แต่ก็ไม่รู้ว่าอีกกี่ปีจากนี้
นางถอนหายใจเบาแล้วหมุนตัวกลับเงียบๆ นั่งลงข้างพิณจีนบนโต๊ะยาว หลับตาลงดีดบรรเลงเพลง เสียงพิณจีนดังก้อง แฝงไว้ด้วยความเหงาและห่อเหี่ยว
ซูหมิงยืนอยู่บนฟ้ามองทะเลมรณะกว้างใหญ่ข้างล่าง น้ำทะเลเป็นสีดำดั่งหมึก หมู่เกาะกลางทะเลมีจำนวนมาก แทบทุกเกาะจะมีชนเผ่าหมานไม่น้อย เขาเดินไป บนฟ้าเงียบๆ มองเกาะทีละแห่ง หมายจะหาคนรู้จักบนเกาะนั้น
แต่สุดท้าย…เขาก็หาไม่พบ บางทีเผ่าหมานที่นี่อาจจะเคยมีคนที่ยังมีชีวิตอยู่มาจากตอนยุคสมัยของเขา แต่กลับไม่ใช่คนที่เขารู้จัก ราวกับความคุ้นเคยในความทรงจำสลายไปแล้วในอดีต กลายเป็นเถ้าธุลีลอยไปตามกาลเวลา กลายเป็นความเสียใจที่อยากจะหาก็หาไม่พบ
“สิ่งแวดล้อมไม่เหมือนเดิม คนก็เช่นกัน…” ซูหมิงพูดพึมพำพลางเดินไปเงียบๆ กระเรียนขนร่วงข้างๆ ตอนนี้เงียบลง มันมองทะเลกว้างอย่างสับสน มันหาเผ่าเชมันในอดีตไม่พบ หาผู้คนในชนเผ่าที่บูชาหรือล่าสังหารมันไม่พบ
“ข้ายังจำเกาะบึงใต้ได้…” ซูหมิงเงยหน้าขึ้นเงียบๆ มองไกลออกไป ขณะกำลังจะก้าวเดินไปพลันหน้าเปลี่ยนสี แล้วเอียงศีรษะมองไกลออกไป
สายตาเขามองไปไกลมาก เห็นชัดว่าบนทะเลไกลออกไปมีคนสามคน สองคนอยู่ข้างหน้าหนึ่งคนอยู่ข้างหลังกำลังล่าสังหารกัน
สองคนตรงหน้าเป็นชายหนึ่งหญิงหนึ่ง ข้างหลังเป็นชายชราคนหนึ่ง เห็นได้ชัดว่าชายชราล่าสังหารสองคนนี้อยู่
ซูหมิงกวาดสายตามองสามคนนี้ สีหน้าเริ่มมีความประหลาดใจ…สามคนนี้อยู่ในความทรงจำเขา…
คลื่นทะเลไหลเชี่ยว สองคนที่กำลังห้อเหยียดหนี ชายเป็นวัยกลางคน ขั้นพลัง ไม่ธรรมดา บรรลุถึงเซ่นไหว้กระดูกตอนปลายแล้ว แต่จะเห็นได้ว่าชายคนนี้ไม่ใช่ วัยกลางคนอย่างภายนอก เขาน่าจะอายุไม่น้อยแล้ว เพียงแต่ไม่รู้ว่าฝึกฝนวิชาใด เลยอยู่ในรูปวัยกลางคน
หญิงข้างกายดูอายุมากกว่าชายคนนี้อยู่เล็กน้อย แต่หน้ำตางดงามและยังมีเสน่ห์ หากใบหน้าอ่อนเยาว์กว่านี้เล็กน้อยจะต้องงดงามยิ่งแน่ ขั้นพลังติดขัด เป็นเซ่นไหว้กระดูกเหมือนกัน เพียงแต่ตอนต้นเท่านั้น
ยามนี้สองคนกำลังหนีไปด้วยกัน ทว่าระหว่างกันและกันเหมือนมีความสัมพันธ์บางอย่าง ชายคนนั้นค่อนข้างดูแลนาง มิเช่นนั้นแล้วหากเขาจะหนีไปคนเดียวคงเร็วกว่านี้ไม่น้อย
ส่วนคนที่ล่าสังหารเป็นชายชรา เขามีสีหน้าเคร่งขรึม พลังที่แผ่กระจายมาเป็นวิญญาณหมานตอนต้น อีกทั้งดวงตาเขายังวาววับ เผยจิตสังหารมาอย่างโจ่งแจ้ง เหมือนว่าล่าสังหารมาหลายปี
“พวกเจ้ารุ่นเยาว์สองคน วันนี้ข้าอยากรู้นักว่าจะหนีไปจนถึงที่ใด กล้ามาขโมยดอกต้นกำเนิดบนเกาะข้า รนหาที่ตาย
จริงๆ !” ชายชราแค่นเสียงหึเย็นชา คำพูดยังมีจิตสังหาร ร่างขยับพุ่งตรงไปหาสองคน
ชายวัยกลางคนหน้าขาวซีด เขาใช้สองมือประสานมุทราแล้วพ่นโลหิตหนึ่งคำ หลังใช้วิชาลับแล้วก็ดึงมือหญิงคนนั้นให้ห้อทะยานเร็วกว่าเดิม
“ผู้อาวุโสไม่เห็นต้องบีบกันขนาดนี้ ดอกต้นกำเนิดที่พวกข้าสองคนขอก่อนหน้านี้มิใช่สิ่งล้ำค่าสำหรับผู้อาวุโสขนาดนั้น แต่สำหรับพวกข้าแล้ว มันคือยาช่วยชีวิตบุตรข้า” หญิงคนนั้นหน้าไร้เลือดฝาด นางเอ่ยอย่างรีบร้อน แทบจะอ้อนวอน
“น่าหัวร่อ ต่อให้มันไม่สำคัญกับข้าขนาดนั้น แต่จะให้คนอื่นเอาไปตามอำเภอใจได้อย่างไร โดยเฉพาะพวกเจ้าสองคนที่มีข่าวลือแย่มาก เป็นพวกมั่วโลกีย์ ข้าจะไปยอมมอบดอกต้นกำเนิดให้ได้อย่างไร หากให้ไป ข้าต้องถูกคนรุ่นเดียวกันหัวเราะเอาแน่ๆ
หึ หากเป็นตอนที่ข้ายังเป็นอาจารย์ใหญ่ฝ่ายซ้ายสำนักเหมันต์สวรรค์ อย่าว่าแต่พวกเจ้าขโมยดอกต้นกำเนิดเลย ต่อให้ไม่มีเรื่องขโมย หากข้าพบพวกเจ้าจะต้องสังหารแน่ พวกทำลายประเพณีอันดีงาม ไร้ยางอาย!” ชายชราเอ่ยด้วยเสียงเย็นชา ทุกประโยคเป็นดั่งคมมีดเฉือนใจหญิงและชายคนนั้น ทำให้พวกเขาหน้าซีดยิ่งกว่าเดิม แต่กลับไม่พูดโต้ตอบใดๆ
“พวกเราใช้นามอาของเจ้าก็ได้…” หญิงคนนั้นฝืนยิ้มด้วยความปวดร้าว นางมองชายที่ดึงมือตน ขณะกำลังพูดนั้น นัยน์ตาชายคนนั้นฉายแววเด็ดขาด เขาเหวี่ยงนางให้ออกไปไกล ใช้แรงที่แม้ตนต้องหยุดส่งนางออกไปหลายร้อยจั้ง
“อย่าพูดแบบนี้อีก เหยียนหลวน ข้าจะสกัดไว้ข้างหลังเอง เจ้ารีบไปช่วยหลินเอ๋อร์!” ชายคนนี้พูดเสียงดังพร้อมหมุนตัวกลับมาจ้องชายชราที่ไล่ตามมาอย่างรวดเร็วตาเขม็ง นัยน์ตามีความบ้าคลั่งที่ยอมตายไปพร้อมๆ กัน
“ฟางมู่!” หญิงคนนั้นน้ำตาไหล นางไม่เข้าใจว่าเหตุใดฟางมู่ถึงมีปราการที่ไม่อาจเปลี่ยนแปลงบางอย่างกับอาสาวของเขา นั่นคือร่องหุบเขาที่ต่อให้ตายก็ไม่ยอมนับญาติ มีน้อยคนมากที่รู้ว่าเขาคือหลายชายของพระชายาหมาน…และมีน้อยคนมากที่รู้ถึงชนเผ่าของพระชายาหมาน นางจึงทำได้เพียงกัดฟันห้อวิ่งไกลออกไป
หญิงคือเหยียนหลวนจ้าวเผ่าเหยียนฉือในตอนนั้น ส่วนชายคือฟางมู่บุตรของ จ้าวเผ่าบูรพาสงบที่ตอนนั้นยังเป็นเด็ก และเคยถูกซือหม่าซิ่นปลูกเมล็ดพันธุ์หมานเพราะถูกใจ!
ตอนนี้ผ่านมาพันปี เด็กในตอนนั้นเติบใหญ่แล้ว กลายเป็นวัยกลางคนในตอนนี้ แต่เหยียนหลวนในตอนนั้นผูกชะตากับเขา อีกทั้งจากคำพูดก่อนหน้านี้ จะเห็นได้ว่ามีทายาทกันแล้ว
บางทีหากเผ่าหมานไม่ได้เปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ พวกเขาสองคนคงไม่มีทางอยู่ด้วยกัน แต่จากการเปลี่ยนแปลง แผ่นดินใหญ่แตกออก ทะเลมรณะลุกลาม ภูเขาหานถูกจม ทุกอย่างเปลี่ยนชะตาชีวิตของสองคนนี้
“โจวซาน เหตุใดเจ้าต้องดูถูกเราสองคนสามีภรรยา ตอนนั้นเหยียนหลวนเป็น ผู้อาวุโสของเผ่าสหายจริงๆ แต่เราสองคนไม่ได้มีสายเลือดเดียวกัน มีอะไรให้น่าเหยียดหยาม!” นัยน์ตาฟางมู่เกิดเส้นเลือดฝอย ขณะตะโกนยังระเบิดพลังมาทั่วร่าง นี่คือสัญญาณการระเบิดตัวเอง
ชายชราก็คือโจวซาน เขาคือคนที่สำนักเหมันต์สวรรค์ส่งมาสังหารบรรพบุรุษเขาหานในเมืองเขาหานตอนนั้น ตอนนี้ผ่านไปพันกว่าปี พลังเขาก้าวสู่ขั้นวิญญาณหมานแล้ว
โจวซานแค่นเสียงขึ้นจมูก เขาพุ่งไปหาฟางมู่โดยไม่หยุดแม้แต่น้อย ซ้ำยังยกมือขวาขึ้น ช่วงที่นัยน์ตาฟางมู่ฉายแววบ้าคลั่งจะระเบิดตัวเอง เขาพลันกดไปทางฟางมู่ด้วยแววตาเหยียดหยาม
ชั่วขณะที่สองคนเข้าใกล้กัน เหยียนหลวนที่อยู่ไกลออกไปน้ำตาไหล หากไม่ใช่เพราะต้องไปช่วยบุตร นางจะต้องยอมตายไปพร้อมกับฟางมู่แน่
ตอนนี้เองมีเสียงถอนหายใจดังแว่วมาจากในมวลอากาศ เสียงถอนหายใจดังก้องประหนึ่งหยุดการโคจรทุกอย่างในฟ้าดินในพริบตา ทำให้ร่างพวกเขาสามคน…หยุดนิ่งชั่วครู่