Skip to content

สู่วิถีอสุรา 1251

ตอนที่ 1251 ผนึกอย่างหนาแน่น

ซูหมิงกลับแดนมรณะหยินนอกจากเพื่อเผ่าหมานแล้ว ยังเพื่อตามหากลิ่นอายพลังของตี้เทียน ดังนั้นก่อนหน้านี้ที่พุ่งออกจากน้ำวนมรณะหยิน เขาจึงพูดกับ ฟางชางหลันว่าจะเข้าไปในน้ำวนมรณะหยินอีกครั้ง

แต่ยังพูดไม่จบก็เกิดความรู้สึกถึงอันตรายเด่นชัดจากในโลกแท้จริงของเขา มันลุกลามไปในใจเขาในพริบตา ความรุนแรงของอันตรายนี้ทำให้เขาเกิดความรู้สึกยากจะเอาชีวิตรอด กระทั่งต้องตายอย่างแน่นอน

คำพูดชายชราวิญญาณสวรรค์ดังก้อง แท้จริงแล้วตอนที่ชายชราวิญญาณสวรรค์ยังไม่พูดขึ้น ซูหมิงก็รู้แล้วว่า…มหันตภัยยกระดับวิญญาณของเขามาถึงแล้ว!

ซูหมิงเงียบอยู่ชั่วครู่แล้วยิ้มสบายๆ มองฟางชางหลันอย่างลึกซึ้งแวบหนึ่ง

“พาเผ่าหมานไปรอข้าที่ข้างนอกแดนมรณะหยิน”

ฟางชางหลันหน้าซีดขาวอีกครั้ง ครั้งนี้ไม่ใช่เพราะปรับตัวกับกลิ่นอายพลังโลกแท้จริงไม่ได้ แต่เพราะนางคาดเดาได้ลางๆ จากตัวซูหมิงว่าเมื่อครู่นี้จะต้องเกิดการเปลี่ยนแปลงอะไรขึ้นอย่างแน่นอน

การเปลี่ยนแปลงนี้ไม่ใช่โชควาสนา แต่เป็นมหันตภัยเป็นตาย

นางมองซูหมิงแล้วกอดเขาเบาๆ ไม่กล่าวสิ่งใด ทุกอย่างเหมือนแฝงอยู่ใน อ้อมกอดนี้แล้ว ไร้คำพูด ไม่มีสิ้นสุด

ชั่วพริบตาเดียวฟางชางหลันจากไป จนถึงตอนนี้นางยังไม่ถามและก็ไม่อาลัยอาวรณ์ เพียงแค่ก่อนหมุนตัวกลับ นัยน์ตานางฉายแววแน่วแน่ การที่ไม่ต้องให้ซูหมิงเป็นห่วงและช่วยเขานำเผ่าหมานคือสิ่งเดียวที่นางช่วยเขาได้ตอนนี้

แผ่นดินหมานเกิดเสียงครึกโครมดังสนั่นฟ้า หลังพุ่งออกจากน้ำวนมรณะหยินแล้วก็ลอยอยู่กลางฟ้าโลกแท้จริง ฟ้าแห่งนี้คือร่างแยกของซูหมิง การเปลี่ยนกลิ่นอายพลังทุกอย่างที่นี่ ซูหมิงใช้แค่ความคิดก็ทำได้ในพริบตา

เขามองแผ่นดินหมานไกลออกไป มองชาวเผ่าหมานนับไม่ถ้วนบนแผ่นดิน ทุกคนต่างคุกเข่าคารวะตน เขามองฟางชางหลันกลางกลุ่มคนที่เหมือนเพ่งสายตามาที่ตนอย่างลึกซึ้ง

ซูหมิงยิ้มและยังมีความสบายๆ กว่าเดิมอีกเล็กน้อย

‘ภัยพิบัติยกระดับวิญญาณ…หากด้วยสภาพข้าตอนนี้และมีชายชราวิญญาณสวรรค์ช่วยยังผ่านไปไม่ได้ เช่นนั้นบางทีโลกนี้อาจไม่มีใครผ่านไปได้อย่างแท้จริง’ นัยน์ตา ซูหมิงฉายแววเด็ดขาดก่อนหมุนตัวกลับเดินไปกลางน้ำวนมรณะหยิน

ที่เขาเลือกน้ำวนมรณะหยิน นอกจากจะตามหาร่องรอยของตี้เทียนกับความลับในแดนมรณะหยินแล้ว ยังมีคำพูดเสียงเบาจากชายชราวิญญาณสวรรค์ตอนที่ภัยพิบัติยกระดับวิญญาณมาถึงด้วย

“นี่คือกลิ่นอายภัยพิบัติเผยตัวแล้ว เจ้ายังมีเวลาอีกเจ็ดวัน เจ็ดวันจากนี้…ไม่ว่าเจ้าอยู่ที่ใด มันจะไปหาเจ้า เพียงแต่ไม่รู้ว่าภัยพิบัติของเจ้าจะมาเยือนด้วยรูปแบบใด”

“กลับไปกลางน้ำวนมรณะหยิน หากข้าเดาไม่ผิด ที่นั่น…คือจุดที่เหมาะสมที่สุดในสามรกร้างที่จะให้เจ้าข้ามผ่านภัยพิบัติไป!”

ในใจซูหมิงลอยขึ้นมาเป็นคำพูดจริงจังของชายชราวิญญาณสวรรค์ ตอนที่หันไปมอง เขาเห็นชายชราวิญญาณสวรรค์ข้างๆ ว่าตอนนี้มีสีหน้าจริงจัง แต่ที่มากกว่าคือ เฝ้ารอคอย

เขาเฝ้ารอให้ภัยพิบัติของซูหมิงมาถึง เพราะเขาอยากประลองกับภัยพิบัตินี้ การต่อสู้ครั้งนี้ หากเขาแพ้จะต้องสิ้นชีพไปแน่ หากชนะก็จะมีคุณสมบัติยกระดับวิญญาณ ครั้งที่เก้า ไม่ว่าเพื่อตัวเองหรือเพื่อชาวเผ่า เขาก็ต้องสู้กับภัยพิบัติยกระดับวิญญาณนี้!

‘เจ็ดวันรึ เช่นนั้นก็ยังมีเวลาตามหาตี้เทียนอีกเล็กน้อย’ ซูหมิงพุ่งเข้าไปในน้ำวนมรณะหยิน แรงดูดกับกลิ่นอายมรณะในน้ำวนนี้เหมือนจะไม่มีผลมากนักกับเขา

ตอนนี้พลังเขาบรรลุถึงระดับนี้แล้ว นอกจากเจอพวกอยู่มาแต่โบราณ มิเช่นนั้นแล้วจะไม่ตายตกแน่นอน

ดวงตาซูหมิงขยับประกายวาววับ เขาพลันขยับไหวพุ่งเข้าไป ชั่ววูบเดียวก็เข้าไปในโลกมิติแห่งหนึ่งกลางน้ำวน นี่คือโลกผืนน้ำกว้างใหญ่ คล้ายๆ กับทะเลมรณะของเผ่าหมาน ทว่าไม่ใช่สีดำ แต่เป็นสีฟ้า

ทันทีที่เข้าไปในโลกนี้ ซูหมิงแผ่จิตสัมผัสไปโดยพลัน ภายใต้การกวาดในพริบตา ชั่วขณะที่ทุกเผ่าพันธุ์ที่นี่ต่างใจสั่นสะท้าน ซูหมิงก็หมุนตัวจากไปอย่างไม่ลังเลแล้ว

“ไม่มี” ซูหมิงเอ่ยพึมพำ เขาขยับไหวตัวกลางน้ำวนมรณะหยินอีกครั้ง ชั่วพริบตาเดียวก็เข้าไปในอีกมิติ ที่นั่นมีทะเลทรายกว้างใหญ่ไร้พรมแดน กลิ่นอายมรณะเข้มข้นจนรวมเป็นหมอก ทว่าตอนที่ซูหมิงเข้าไปแล้วแผ่จิตสัมผัสนั้น หมอกเหล่านี้หายไปอย่างรวดเร็ว

“ที่นี่ก็ไม่มี” ซูหมิงกวาดจิตสัมผัสไปรอบหนึ่งก่อนหมุนตัวจากไป เป็นแบบนี้ เขาห้อเหยียดตลอดทางในน้ำวนมรณะหยิน เข้าไปในโลกมิติตรงหน้าทีละโลก

ทุกครั้งที่เข้าไปเขาจะแผ่จิตสัมผัสตรวจสอบกลิ่นอายพลังของตี้เทียน ด้วยจิตสัมผัสที่เขาเป็นโลกแท้จริง ขอเพียงเข้าไปในมิติที่ตี้เทียนซ่อนอยู่ เขามั่นใจว่าถึงจะหาไม่พบในทันที แต่จะต้องมีเงื่อนงำอย่างแน่นอน

หนึ่งแห่ง สองแห่ง…เมื่อวันแรกผ่านไป ซูหมิงตามหาในมิติมากกว่าพันแห่ง แต่กลับไม่พบกลิ่นอายพลังของตี้เทียนเลย ถึงอย่างไรในน้ำวนมรณะหยินก็มีโลกมิติอยู่จำนวนมาก ในจำนวนพันแห่งเมื่อเทียบกับทั้งแดนมรณะหยินแล้ว ขอไม่พูดว่าเป็นขนเส้นเดียวของวัวเก้าตัว แต่ก็ไม่มากจริงๆ

‘ตามหาแบบนี้ต่อไป ต่อให้ครบเจ็ดวันแล้วก็ยากจะหาให้ครบ ถึงอย่างไรมิติที่นี่ ก็มีมากเกินไปจริงๆ …’ ซูหมิงหยุดชะงักกลางน้ำวนมรณะหยิน ดวงตาสองข้างวาววับหลายที เขาพลันยกมือขวาขึ้นตบตรงระหว่างคิ้ว

เมื่อตบไป ซูหมิงตัวสั่นสะท้าน ทันใดนั้นจิตสัมผัสของเขาแบ่งเป็นสองส่วนเหมือนแยกออก จากสองเป็นสี่…จนกระทั่งกลายเป็นมากกว่าหมื่นส่วนแล้ว จิตสัมผัส หมื่นส่วนนี้วนเวียนรอบตัวเขา ก่อนรวมขึ้นเป็นอีกหนึ่งน้ำวนในน้ำวนมรณะหยิน

สำหรับผู้ฝึกฌานแล้ว จิตสัมผัสหมื่นส่วนนี้ไม่อาจจินตนาการ เพราะหากจิตสัมผัสพวกเขาแยกเป็นหมื่นส่วนก็จะต้องถูกลดพลังลงจนถึงขีดสุด กระทั่งไม่มีทางทำ แบบนี้ได้ จนจิตสัมผัสมอดดับและตายตกไปในการทดลอง

แต่ซูหมิง เขาคือบรรพชนวิญญาณที่ยึดครองโลกแท้จริงดาราสัจธรรม มีร่างแยกโลกแท้จริง ดังนั้นเขาจึงมีคุณสมบัติในการแยกจิตสัมผัสเป็นหมื่นส่วน อีกทั้งยังรักษาให้ในทุกจิตสัมผัสมีพลังในการตรวจสอบที่แน่นอนอีกด้วย

ตอนนี้ดวงตาเขาวาววับ เขาผลักสองมือไปข้างหน้า ทันใดนั้นจิตสัมผัสหมื่นส่วนเกิดเสียงดังสนั่นก่อนพุ่งทะยานไปรอบๆ ชั่ววูบเดียวก็เข้าไปในหมื่นโลกมิติ ทำการกวาดไปรอบๆ เพื่อหาร่องรอยตี้เทียน

เวลาผ่านไปวันที่สอง วันที่สาม วันที่สี่ หลังจากซูหมิงเข้าไปในน้ำวนมรณะหยินอย่างต่อเนื่อง จิตสัมผัสเขาก็ใช้มิติทุกหมื่นโลกเป็นจำนวนพื้นฐาน ออกตามหาไปทีละรอบ

เพียงแต่ว่ากลิ่นอายพลังตี้เทียนเหมือนกับมหาสมุทร ผ่านไปสี่วัน ซูหมิงหาในโลกมิติจำนวนมากแล้ว แต่กลับไม่พบกลิ่นอายพลังตี้เทียนเลยแม้แต่น้อย

ซูหมิงยังคงหาต่อไปเงียบๆ หากไม่ใช่เพราะว่าตอนแรกเขามั่นใจอย่างยิ่งว่าพบกลิ่นอายพลังตี้เทียนที่นี่ เขาคงล้มเลิกไปนานแล้ว

“ข้างล่างไม่มีโลกมิติแล้ว” เมื่อวันที่ห้ามาถึง ชายชราวิญญาณสวรรค์ข้างกาย ซูหมิงเอ่ยเสียงแหบแห้ง เขามองซูหมิงอย่างมีความหมายลึกซึ้งก่อนแผ่จิตสัมผัสออก ทันใดนั้นเองเกิดพายุหมุนเป็นน้ำวนรอบตัวเขาแล้วหมุนม้วนไปรอบๆ

นี่คือน้ำวนจากดวงจิตบรรพชนวิญญาณที่ยกระดับมาแปดครั้ง น้ำวนนี้กว้างใหญ่ ขณะที่ม้วนไปยังเหมือนเกิดเค้าลางจะมาแทนที่น้ำวนมรณะหยิน อีกทั้งขณะที่มันขยายใหญ่ยังคล้ายว่าจะซ้อนทับกับน้ำวนมรณะหยิน

เมื่อเกิดน้ำวนขึ้น จิตสัมผัสจากชายชราวิญญาณสวรรค์พลันหลอมรวมเข้าไปในโลกมิติทุกแห่งในน้ำวนมรณะหยิน ภายใต้การกวาดล้าง ทั้งน้ำวนมรณะหยินสั่นไหว ทุกสิ่งมีชีวิตในโลกมิติล้วนรู้สึกถึงดวงจิตของชายชราวิญญาณสวรรค์

ภายใต้ดวงจิตนี้ พวกเขาตัวสั่น หวาดกลัว ถึงขั้นเกิดความสิ้นหวังที่ไม่อาจต่อต้าน

เทียบกับสามดวงจิตใหญ่ที่ถูกซูหมิงสังหารกับชายชราวิญญาณสวรรค์แล้ว พวกเขาเหมือนกับแสงหิ่งห้อย แต่ชายชราวิญญาณสวรรค์คือแสงจันทร์ที่ส่องสว่างไปได้ทั้งโลก

นี่ไม่ใช่สิ่งมีชีวิตในระดับเดียวกันเลย ถึงขนาดที่ตอนนี้ ในน้ำวนมรณะหยินมี แปดโลกมิติที่เดิมทีถูกผนึกเอาไว้และลบเค้าลางทุกอย่างไป ตอนนี้พวกมันสั่นไหวภายใต้ดวงจิตชายชราวิญญาณสวรรค์

รวมถึงสามราชันห้าจักรพรรดิที่รวมตี้เทียนในนั้น ในใจแปดคนนี้เกิดคลื่นกระเพื่อม ทว่าพวกเขาก็ยังคงนิ่ง ปล่อยให้มิติที่พวกเขาอยู่สั่นสะเทือนจนเหมือนจะพังลง

จนกระทั่งท้องฟ้ามิติที่พวกเขาอยู่พังลง แผ่นดินแตกแยก ทางเข้าที่ถูกผนึกกำลังจะพังลง สามราชันห้าจักรพรรดิที่รวมตี้เทียนมีหลายคนที่ทนไม่ไหว แผ่ขยาย จิตสัมผัสหมายจะสมานมิติที่ตนอยู่

แทบเป็นทันทีที่พวกเขาเผยจิตสัมผัส ตี้เทียนหน้าเปลี่ยนสี

“รีบเก็บจิตสัมผัสเร็ว!”

ตี้เทียนเตือนช้าไปเล็กน้อย แทบเป็นช่วงที่หลายคนนี้ลองใช้จิตสัมผัสซ่อมมิติ ดวงจิตชายชราวิญญาณสวรรค์พลันออกมาจากทุกมิติอย่างรวดเร็ว ก่อนลงไปเยือนยังแปดมิติที่พวกสามราชันห้าจักรพรรดิอยู่

แต่เขากลับไม่ได้กวาดล้างไปอย่างบ้าอำนาจ แต่เมื่อลงไปเยือนแล้วก็จากไปอย่างรวดเร็ว หลังจากชายนั้น มิติที่แปดคนนี้อยู่เงียบสงัด

สามราชันห้าจักรพรรดิแปดคนรวมตี้เทียนในนั้นต่างพากันเงียบด้วยสีหน้ามืดทะมึน

ตั้งแต่ที่ชายชราวิญญาณสวรรค์แผ่จิตสัมผัสจนสิ้นสุดลง ใช้เวลาไปทั้งหมดราวครึ่งก้านธูป เมื่อเขาดึงจิตสัมผัสกลับมาแล้ว เสียงครึกโครมก็ค่อยๆ เงียบลง น้ำวนที่เกิดขึ้นจากดวงจิตเขาก็หายตามไปด้วย

“โลกมิติที่ถูกผนึกจากภายในแปดแห่ง วิธีการของผนึกนี้…เหมือนกับของน้ำวนมรณะหยิน ในนั้นมีแปดคน ร่างกายแข็งค้าง ดวงจิตรุนแรงยิ่งกว่า…ไม่อ่อนแอ!

ภัยพิบัติยกระดับวิญญาณของเจ้าจะมาถึงแล้ว ข้าแนะนำว่า…อย่าไปสนใจ แปดคนนี้ แม้พวกเขาจะมีความแค้นอะไรกับเจ้าก็ตาม” ชายชราวิญญาณสวรรค์มอง ซูหมิงแล้วพูดขึ้นช้าๆ

ซูหมิงสบสายตาชายชราด้วยสีหน้าปกติ

“ภัยพิบัติยกระดับวิญญาณใกล้จะมาถึงแล้ว ผู้เยาว์ย่อมรู้ความหนักเบา ที่ข้าหาหนึ่งคนในแปดคนนั้นก็เพราะกังวลว่าตอนข้ามผ่านภัยพิบัติ เขาจะปรากฏตัวมารบกวน ในเมื่อตอนนี้พวกเขาปิดมิติที่อยู่ ไม่ยอมให้ใครหาพบ เพื่อไม่ให้เกิดเหตุไม่คาดคิดใดๆ หวังว่าผู้อาวุโสจะลงมือช่วยพวกเขาด้วย ช่วยผนึกมิติที่พวกเขาอยู่ให้ แน่นหนากว่าเดิม” น้ำเสียงซูหมิงเรียบนิ่ง เขาฟังความหมายจากคำพูด ชายชราวิญญาณสวรรค์ออกว่าไม่อยากยุ่งเกี่ยวกับเรื่องนี้ จึงตอบกลับเรียบๆ

ชายชราวิญญาณสวรรค์ดวงตาขยับประกายวาว ก่อนยกมือขวาโบกไปทาง น้ำวนมรณะหยินข้างบนอย่างไม่ลังเล ทันใดนั้นในมือเขาปรากฏสัญลักษณ์ยันต์ แปดตัวขึ้น ตราประทับที่แฝงไว้ด้วยดวงจิตเขาพลันหลอมรวมเข้าไปในน้ำวน เข้าไปยังทางเข้ามิติที่ถูกผนึกแปดแห่งนั้น

ทำการผนึกอย่างหนาแน่น!

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version