Skip to content

สู่วิถีอสุรา 1252

ตอนที่ 1252 มัน…เกี่ยวกับเจ้า

ขณะเดียวกับที่ซูหมิงยืมมือชายชราวิญญาณสวรรค์ผนึกโลกมิติของสามราชัน ห้าจักรพรรดิอย่างหนาแน่นไว้กลางน้ำวนมรณะหยิน นอกน้ำวนมรณะหยิน แผ่นดินหมานลอยอยู่กลางฟ้า ผู้ฝึกฌานเผ่าหมานนับไม่ถ้วนต่างมองน้ำวนมรณะหยินที่ หมุนวนอยู่เงียบๆ

นี่เป็นครั้งแรกที่พวกเขาออกจากแดนมรณะหยิน เป็นครั้งแรกที่เห็นโลกภายนอก ตอนนี้ในใจต่างเกิดอารมณ์ต่างๆ ขึ้นลง โดยเฉพาะเทพหมานของพวกเขายังอยู่ข้างใน จึงมีสีหน้ากังวล

หลังผ่านการสังหารอย่างดุเดือดมาแล้ว ชาวเผ่าหมานตอนนี้ต่างเหมือนเกิดใหม่กลางบ่อเพลิง พลังอำนาจทั้งหมดเกิดการเปลี่ยนแปลง ตอนนี้แม้จะเงียบ ทว่าในดวงตาพวกเขากลับมีความแน่วแน่

นั่นคือหากซูหมิงไม่ออกมา พวกเขาจะไม่มีวันจากไป ถึงขั้นที่ยอมกลับเข้าไปในน้ำวนมรณะหยิน

ถึงก่อนหน้านี้จะมีพลังนี้อยู่แล้ว แต่กลับไม่ได้เด็ดขาดอย่างตอนนี้ บางครั้งคำว่าเด็ดขาดยังหมายถึงพลังที่ยากจะปกปิด!

ฟางชางหลันนั่งฌานอยู่บนยอดเขาตรงชายขอบแผ่นดินเงียบๆ สายตามอง น้ำวนมรณะหยินมหึมาข้างล่างฟ้า ทั้งน้ำวนมรณะหยินเหมือนกับสายธารดารา สว่างพร่างพราว หากไม่ใช่เพราะกลิ่นอายมรณะขมุกขมัว จะต้องมีคนเกิดความรู้สึกสวยงามเป็นแน่

นางกำลังรอเหมือนกับพันปีที่ผ่านมา แม้จะผ่านไปนานกว่านี้อีกนางก็จะ รอตลอดไป ทว่าชะตาชีวิตในอดีตของนางมักจะเป็นการอาลัยอาวรณ์ ทำให้พันกว่าปีมานี้ เขาอยู่ข้างนอก นางอยู่ข้างใน

แต่ตอนนี้นางออกมาแล้ว ทว่าเขา…กลับอยู่ในแดนมรณะหยิน

ขณะเดียวกัน ตอนนี้ในสำนักดาราสัจธรรมในอดีต สำนักยอดเขาลำดับเก้าตอนนี้กำลังเสริมความแข็งแกร่ง ไม่ว่าจะเป็นวงแหวนอาคมป้องกันหรือการหลอมรวมของสามขุมอำนาจในนั้น ตอนนี้กำลังเปลี่ยนโฉมของยอดเขาลำดับเก้าอย่างรวดเร็ว

เหมือนเกิดการพัฒนาอย่างรวดเร็ว หลังรวมเป็นหนึ่งเดียวกันแล้วเลยทำให้ ยอดเขาลำดับเก้าที่ใช้สำนักดาราสัจธรรมเป็นที่ตั้งสำนักแกร่งขึ้นอย่างไร้รูปใน ทุกๆ วัน

กองทัพใหญ่จากโลกแท้จริงหยินศักดิ์สิทธิ์และโลกแท้จริงที่สี่ก็ข้ามผ่านโลกมาในช่วงเวลานี้เหมือนกัน ภายใต้การเชิญของทูตจากยอดเขาลำดับเก้า พวกเขาเปิด พายุหมุนมาตลอดทาง รวมกับผู้ฝึกฌานแสนคนที่ยอดเขาลำดับเก้าส่งมาแล้ว มีทั้งหมดสามแสนคนเป็นทัพหน้าตรงเข้าไปใกล้ช่องโหว่สามรกร้าง

ที่นี่จะเป็นปราการแรกที่มหาโลกสามรกร้างต่อต้านกับฝ่ายเงามืดรุ่งอรุณกับ สิ่งศักดิ์สิทธิ์หวนคืน และก็เป็นกองกำลังแรก

ทั้งโลกแท้จริงดาราสัจธรรมอยู่ในความตึงเครียด เวลาผ่านไปอย่างช้าๆ เทียบกันแล้ว ในบรรยากาศตึงเครียดตอนนี้ สิ่งที่มีมากกว่าคือความเงียบก่อนพายุฝน ไม่มีใครรู้ว่าฝ่ายเงามืดรุ่งอรุณกับสิ่งศักดิ์สิทธิ์หวนคืนจะปรากฏกลางช่องโหว่สามรกร้างเมื่อใด

ทว่าผู้ฝึกฌานที่มีคุณสมบัติบางส่วนเข้าใจว่าวันนั้น…ใกล้มากแล้ว ใกล้มากๆ …

ใกล้จน…อาจจะเป็นวันพรุ่งนี้

นอกช่องโหว่สามรกร้าง ภายในวงกลมระยะแสนจั้งยังคงเต็มไปด้วยพายุหมุนรุนแรง แม้รอบนอกยังมีพายุหมุนอยู่ แต่กลับเบาบางลงมาก นี่เกิดจากการรวมพลังของ สามโลกแท้จริง พวกเขาแยกกันเฝ้าประจำการอยู่สามทิศทาง สร้างเป็นฐานทัพที่เชื่อมกันสามแห่ง

วงแหวนอาคม ผนึก อาวุธที่มีพลานุภาพทรงพลัง ของต่างๆ เหล่านี้อัดแน่นอยู่โดยรอบ ทั้งหมดเล็งเป้าไปที่ช่องโหว่สามรกร้าง ในเวลาปกติสามฐานใหญ่จะส่ง ผู้ฝึกฌานจำนวนไม่น้อยเข้าไปกลางพายุหมุนใกล้กับช่องโหว่สามรกร้างเพื่อสอดแนมอย่างใกล้ชิด

ภารกิจนี้รับหน้าที่โดยผู้ฝึกฌานยอดเขาลำดับเก้าเป็นหลัก เพราะแม้โลกแท้จริงที่สี่กับโลกแท้จริงหยินศักดิ์สิทธิ์จะต้านพายุหมุนที่นี่ได้ แต่ก็ไม่เหมือนกับผู้ฝึกฌาน ยอดเขาลำดับเก้า เพราะซูหมิงเป็นดวงจิตเจ้าของทั้งโลกแท้จริง ดังนั้นคนที่มีจิตสัมผัส ซูหมิงประทับอยู่ ถึงขั้นพูดได้ว่าผู้ฝึกฌานที่รวมกฏชะตาให้

ซูหมิงล้วนเดินทางในพายุหมุนได้เป็นพื้นที่กว้างโดยไม่ได้รับผลใดๆ

กระทั่งขอแค่ซูหมิงยินยอม เขาจะให้พายุหมุนที่นี่หายไปทั้งหมดในพริบตายังได้ เพียงแต่เขาไม่ทำแบบนั้น การมีพายุหมุนอยู่มันดีกว่าสำหรับสามรกร้าง ถึงอย่างไรนี่ก็เป็นปราการธรรมชาติ

ความตึงเครียดและความเงียบก่อนพายุฝนในโลกดาราสัจธรรมรวมขึ้นเป็น ความอึดอัด ความอึดอัดนี้ปกคลุมไปทั่วทั้งโลก ในเวลาเดียวกันทางโลกแท้จริง หยินศักดิ์สิทธิ์กับโลกแท้จริงที่สี่ก็ได้เตรียมตัวส่งกองกำลังผู้ฝึกฌานระลอกที่สอง มาด้วย

นี่คือ…สงครามที่มีแพ้และมีชนะ นี่ไม่ใช่สงครามภายใน หากเป็นสงครามภายใน ไม่ว่าแพ้ชนะ ไม่ว่าเป็นหรือตาย ผลสุดท้ายก็แค่ตัดสินเจ้าปกครองหนึ่งดินแดนเท่านั้น

แต่สงครามครั้งนี้ศัตรูภายนอกบุกเข้ามา เป็นการบุกรุก หากพ่ายในสงคราม เช่นนั้น สี่โลกแท้จริงจะถูกกดขี่เยี่ยงทาส ผู้ฝึกฌานนับไม่ถ้วนจะถูกลบหายไป สามรกร้าง… จะเปลี่ยนเจ้าปกครองคนใหม่!

เดิมทีในมุมมองของโลกแท้จริงหยินศักดิ์สิทธิ์กับโลกแท้จริงที่สี่ ยอดเขาลำดับเก้าที่ผงาดขึ้นใหม่ในโลกดาราสัจธรรมเหมือนจะไม่มีคุณสมบัติเป็นเจ้าปกครอง ดาราสัจธรรม กระทั่งยังมีคนจำนวนมากในสองโลกแท้จริงนี้คิดว่าในเมื่อโลก ดาราสัจธรรมเป็นซากไปแล้ว เช่นนั้นก็ไม่มีความจำเป็นต้องอยู่ สู้เป็นสนามรบเสีย จะดีกว่า ทำให้ทั้งโลกแท้จริงดาราสัจธรรมเป็นพื้นที่อันตราย ถึงขั้นแนวความคิดนี้จากผู้แข็งแกร่งของสองโลกแท้จริงยังเคยได้รับการสนับสนุนจากคนจำนวนมากด้วย

เพียงแต่ว่าผู้ยิ่งใหญ่ของโลกแท้จริงหยินศักดิ์สิทธิ์กับดวงจิตโบราณบางดวงที่ ลงมาเยือนในโลกแท้จริงที่สี่กลับปฏิเสธทุกอย่าง ไม่เพียงแต่ต้อนรับทูตจาก ยอดเขาลำดับเก้าอย่างสมเกียรติเท่านั้น แต่ยังเหมือนเกรงใจยอดเขาลำดับเก้า มากด้วย

เรื่องนี้สร้างความไม่เข้าใจกับผู้ฝึกฌานจำนวนมาก ไม่นานนักก็มีข่าวลือที่ไม่รู้แพร่มาได้อย่างไรเกิดขึ้น ในข่าวลือบอกว่าเบื้องหลังยอดเขาลำดับเก้าของโลกแท้จริงดาราสัจธรรมมีผู้แข็งแกร่งเหมือนผู้ยิ่งใหญ่ของสี่โลกแท้จริงแห่งสามรกร้างอยู่คนหนึ่ง เป็นคนนี้เองที่ทำให้ยอดเขาลำดับเก้าได้รับความเคารพจากอีกสองโลกแท้จริง

ข่าวลือนี้เลื่อนลอยไม่ชัดเจน มีคนเชื่อ มีคนหัวเราะเยาะ แต่ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม ด้วยการร่วมมือกันของสามโลกแท้จริงและยังมีศัตรูภายนอกบุกมาได้ตลอดเวลา ทำให้การโจมตีและป้องกันของทุกฝ่ายหนาแน่นอย่างยิ่ง

อีกทั้งตอนนี้ ซูหมิงที่เป็นผู้แข็งแกร่งเหมือนผู้ยิ่งใหญ่ซึ่งอยู่เบื้องหลังยอดเขาลำดับเก้ากำลังอยู่ในน้ำวนมรณะหยิน สีหน้ำเย็นชา ดวงตาฉายแววเด็ดขาด กำลังมุ่งหน้าไปยังส่วนลึกของน้ำวนมรณะหยิน

ระลอกคลื่นไรรูปกระจายอยู่รอบตัวเขา รวมขึ้นเป็นพลังป้องกันของแหวนสมบัติล้ำค่า พลังนี้อัดแน่นอยู่รอบตัวเขา ส่งผลให้เขายังคงรักษาความเร็วที่เสถียรภาพอยู่ได้ในส่วนลึกของน้ำวนมรณะหยิน

เขาเคลื่อนตัวเร็วมาก เมื่อวันที่หกใกล้จะผ่านไป เขาก็เข้ามาถึงส่วนลึกที่ก่อนหน้านี้ไม่เคยเข้ามาถึง น้ำวนมรณะหยินรอบตัวเขาบีบเข้ามาแน่น แรงดูดก็แรงขึ้นเรื่อยๆ ข้างหูเป็นเสียงแหลมเหมือนเสียงร้องโหยหวนดังสะเทือนแก้วหู

“เข้าไปอีกนิด ข้ารู้สึกได้ว่าตรงส่วนลึกน้ำวนมรณะหยิน…มีบางสิ่งที่ เหนือจินตนาการอยู่!” ชายชราวิญญาณสวรรค์เอ่ยอย่างตื่นเต้น ขณะกล่าวยังคว้า ซูหมิงพุ่งไปข้างหน้า

ทว่าทันทีที่เขาพาซูหมิงพุ่งทะยานเข้าไป พลันเกิดแรงต่อต้านรุนแรงขึ้น กลางน้ำวน มันกลายเป็นสายลมที่ดูอ่อน แต่ตอนที่พัดมากลับแช่แข็งน้ำวน ทำให้น้ำวนมรณะหยินหยุดชะงักชั่วครู่ ก่อนเกิดพายุหมุนที่แม้แต่ชายชราวิญญาณสวรรค์ยังต้องหรี่ตาลง

พายุหมุนเกิดขึ้นอย่างกะทันหัน ซูหมิงยังดีหน่อย เขารู้สึกแค่ชาไปทั่วร่าง เหมือนเสียพลังไปในพริบตา ดวงจิตขาวโพลน ร่างกายหยุดนิ่ง

ทว่าชายชราวิญญาณสวรรค์ตัวสั่นไปทั่วร่าง เขาถอยไปอย่างรวดเร็ว ทั้งยังกระอักเลือดติดต่อกันสามคำ สีหน้าดูหวาดกลัว แต่กลับกลายเป็นเงยหน้าหัวเราะเสียงดัง

“เป็นเช่นนี้จริงๆ เป็นเช่นนี้จริงๆ การคาดเดาของข้าถูกต้อง ในฟ้าดินไม่มีสิ่งมีชีวิตใดคงอยู่นิรันดร์ ทุกสิ่งมีชีวิตมีศัตรูทางธรรมชาติ ทุกอย่างมีสูญสิ้นไป!

ซูหมิง เดินหน้าไปยังส่วนลึก เดินไปให้ลึกที่สุด ความลับที่ซ่อนอยู่ที่นั่น… มันเกี่ยวกับเจ้า!” ชายชราวิญญาณสวรรค์มีสีหน้าคลุ้มคลั่ง เขาหมุนตัวกลับพร้อมหัวเราะเสียงดัง และยังเงยหน้ามองน้ำวนมรณะหยินข้างบนไกลๆ

แทบเป็นทันทีที่สิ้นคำพูดเขา วันที่เจ็ด…มาถึงแล้ว

เมื่อวันที่เจ็ดมาถึง นั่นหมายความว่าภัยพิบัติยกระดับวิญญาณของซูหมิงมาแล้ว!

ตรงระหว่างคิ้วซูหมิงพลันเกิดสัญลักษณ์โลหิต สัญลักษณ์นั้นหลอมรวมเป็นเส้นโลหิตอย่างเร็วไว เส้นโลหิตเหล่านี้ปกคลุมทั่วร่างเขาในพริบตา ประหนึ่งนำร่างเขาใส่ไว้ในตาข่ายโลหิต

ณ นอกน้ำวนมรณะหยิน อีกทางหนึ่งของแผ่นดินหมานที่ลอยอยู่กลางฟ้า กลางฟ้าที่แทบจะเห็นแผ่นดินหมานกับน้ำวนมรณะหยินพร้อมกัน ตอนนี้มีร่างเงา สองคนยืนอยู่เงียบๆ

ร่างเงาสองคนนี้เลือนรางมาก เหมือนไม่มีอยู่จริง พวกเขาอยู่ที่นี่มานานเท่าไรไม่รู้ มองน้ำวนมรณะหยินเงียบๆ มาตลอด

หนึ่งนั้นตัวเตี้ย ทว่าไม่ใช่คนแคระ แต่เป็นเด็กชายคนหนึ่ง

อีกคนมีหมอกวนเวียนอยู่ทั่วร่าง ทุกครั้งที่หมอกวนเวียนจะเหมือนกลายเป็นดวงตา ทำให้ตอนที่มองเขาจะเหมือนเห็นว่ามีดวงตานับไม่ถ้วนบนตัวเขา

สองคนนี้ไม่ได้เผยกลิ่นอายพลังใดๆ พวกเขายืนอยู่ตรงนั้นเหมือนกับหลบดวงจิตและกฏบางอย่างของโลกแท้จริงนี้ได้ ผ่านไปพักใหญ่เด็กชายคนนั้นถึงถอนหายใจเบา

“เจ้าอ่านขั้นพลังเขาออกหรือไม่…”

“คนที่ยึดครองโลกแท้จริงดาราสัจธรรม อย่าว่าแต่ข้าอ่านไม่ออกเลย ผู้ที่อ่านออกในมหาโลกสามรกร้างยังนับนิ้วได้” ร่างเงาที่ทั่วร่างเต็มไปด้วยหมอกพูดเสียงต่ำ

“โลกภายนอกเล่าลือว่าเขาเหมือนกับเจ้าและข้า เป็นผู้ยิ่งใหญ่เหมือนกัน แต่พวกเขาไม่รู้ว่าคนนี้…เหนือกว่าผู้ยิ่งใหญ่ไปนานแล้ว อยู่เหนือกว่าเราสองคน

ข้าไม่เข้าใจ บรรพชนวิญญาณทั้งหมดถูกกำราบอยู่ในโลกแท้จริงที่สี่แล้ว เขา…เป็นบรรพชนวิญญาณได้อย่างไร!”

สองคนนี้คือผู้ยิ่งใหญ่ของโลกแท้จริงหยินศักดิ์สิทธิ์กับโลกแท้จริงที่สี่ เด็กชายในนั้น หากซูหมิงมีเวลาสนใจจะต้องจำได้ในแวบแรกแน่ เพราะเขาคนนี้คืออาจารย์ของ ฉางเหอที่ซูหมิงเห็นในภาพมายาจากโครงกระดูกฉางเหอ!

มีเพียงร่างเงาหมอกนั้นที่เข้าใจบรรพชนวิญญาณ เขาที่เป็นผู้ยิ่งใหญ่ของ โลกแท้จริงที่สี่ได้ย่อมรู้ความลับมากมายเกี่ยวกับเรื่องบรรพชนวิญญาณสามรกร้าง ถูกกำราบ

“หรือเจ้าลืมวิหารเหล่าเทพในตำนานไปแล้ว!” ร่างเงาหมอกทั่วร่างเงียบไปครู่หนึ่งแล้วเอ่ยเสียงแหบแห้ง

“วิหารเหล่าเทพ…หืม?” ขณะเด็กชายคนนั้นกำลังจะกล่าวก็เงยหน้าขึ้นทันที ดวงตาหรี่ลง เขาเห็นว่าทั้งโลกแท้จริงกำลังจะเกิดการเปลี่ยนแปลงที่แม้แต่เขายังหวาดกลัว

ขณะเดียวกันกลิ่นอายพลังในตัวเขาขยายออกอย่างรวดเร็วเหมือนถูกกระตุ้นอย่างรุนแรง

“นี่มัน…”

“ภัยพิบัติ…ยกระดับ…วิญญาณ!” คนที่ตอบเขาคือร่างเงาหมอกข้างกาย เขาแทบจะพูดและหยุดทีละคำ น้ำเสียงแฝงไว้ด้วยความเหลือเชื่อ จนกระทั่งหลุดเสียง คำสุดท้าย

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version