ตอนที่ 1253 นี่คือภัยพิบัติของข้า
ร่างเงาหมอกนั้นพูดทันแค่ว่าภัยพิบัติยกระดับวิญญาณ ทันทีที่สิ้นคำว่าภัยพิบัติ ตัวเขาหยุดชะงักครู่หนึ่ง ครู่ต่อมา…ท้องฟ้าพลันเงียบลง มวลอากาศแน่นิ่ง เหมือนทุกสรรพสิ่งเป็นนิรันดร์ คล้ายว่าทุกสรรพสัตว์ความคิดมอดดับ!
รวมถึงผู้ยิ่งใหญ่ลึกลับแห่งโลกแท้จริงที่สี่คนนี้ ภายใต้เจตนารมณ์สวรรค์ที่ยาก จะบรรยาย ร่องรอยชีวิตทุกอย่างมอดดับไป
นี่ไม่ใช่การตาย นี่คือการดับสูญไประหว่างความเป็นตาย คล้ายกับว่าทุกอย่างในจักรวาลไม่กล้ามีชีวิตรอดภายใต้เจตนารมณ์สวรรค์มาเยือน ซ้ำยังไม่ได้รับอนุญาต ให้ตาย ดังนั้นจึงทำได้แค่เลือก…กลายเป็นความว่างเปล่าชั่วคราว เป็นตัวเสริมระหว่างเจตนารมณ์สวรรค์มาเยือน
ไม่ว่ายอมหรือไม่ยอมต้องเป็นแบบนี้
เด็กชายข้างกายมีสีหน้าหวาดกลัวอย่างเหลือเชื่อ ความหวาดกลัวแบบนี้พบเห็นได้ยากยิ่งจากตัวเขา แต่ยามนี้ไม่เพียงแต่ปรากฏขึ้นมา แต่ยังแข็งค้างอยู่บนใบหน้าเขา กลายเป็นสีหน้าเหมือนจะคงอยู่นิรันดร์ เพราะว่า…ร่างกายเขาหยุดนิ่งอย่าง สมบูรณ์แบบ
มีเพียงความกลัวในแววตากับเงาสะท้อนจากในลูกตาเท่านั้นถึงทำให้รู้ว่าเหตุการณ์ทุกอย่างที่เห็นเป็นของจริงก่อนที่เขารวมถึงทั้งผืนฟ้าจะหยุดนิ่ง
สิ่งที่สะท้อนออกมาในดวงตาเขาคือพายุหมุนที่ยังมีอยู่เป็นบางครั้งในโลกแท้จริงดาราสัจธรรมหยุดนิ่ง รวมถึงกฏทุกอย่างของทั้งโลกแท้จริงก็เหมือนถูกผนึกอย่างไร้รูป คงอยู่นิรันดร์ในพริบตา
ทุกอย่างหยุดลง แผ่นดินหมานข้างน้ำวนมรณะหยินก็เช่นกัน ชาวเผ่าหมานทั้งหมดบนนั้น การไหลเวียนของโลหิต การเต้นของหัวใจ พลังของพวกเขาไปจนถึงความคิดทุกอย่างกลายเป็นความเงียบสงบ
ทุกคนรวมถึงฟางชางหลันกลายเป็นเหมือนรูปปั้นนิ่งกลางอากาศ พวกเขายังคงมีสีหน้าอย่างก่อนหน้านี้ กระทั่งตัวพวกเขายังไม่รู้ด้วยว่าตอนนี้ชีวิตพวกเขาหยุดนิ่ง…
ไม่เพียงแค่ทุกคนที่นี่ แต่ในโลกแท้จริงดาราสัจธรรม พูดได้ว่าทุกสิ่งมีชีวิตในขอบเขตทั้งหมด ไม่ว่าขั้นพลังใด ไม่ว่าอยู่ที่ใด ไม่ว่ากำลังทำอะไร ไม่ว่าเป็นสิ่งมีชีวิตหรือไม่มี ทุกสิ่งตอนนี้เงียบลงตามการหยุดนิ่งของกฏความยินยอมของบุคคล ความยินยอมของผู้แข็งแกร่งไปจนถึงของเผ่าพันธุ์ ตอนนี้ภายใต้เจตนารมณ์สวรรค์ ไม่มีการเกิดพลังในการต่อต้านแม้แต่น้อย
กลางยอดเขาลำดับเก้า ไม่ว่าผู้ฝึกฌานล้านคนกำลังทำอะไร ต่อให้ตรงจุดที่ พวกเขาอยู่จะเคยเป็นยอดเขาลำดับเก้าก็ยังยากจะหนีพ้นการหยุดนิ่งของทั้งโลก เวลานี้พากันแน่นิ่งไป
ศิษย์พี่ใหญ่ ศิษย์พี่รอง หู่จื่อ ทุกคนเป็นเช่นนี้ ไม่มียกเว้น
และยังมีฝ่ายหยินศักดิ์สิทธิ์นอกช่องโหว่สามรกร้างกับปราการแรกจาก โลกแท้จริงที่สี่รวมถึงยอดเขาลำดับเก้าที่ป้องกันเผ่านอก…ผู้ฝึกฌานสามแสนคนรวมถึงคนที่เฝ้าระวังช่องโหว่
ตลอดเวลาอีกหลายสิบคนกลางพายุหมุน กระทั่งพายุหมุนที่ส่งเสียงแหลมเหมือนจะไม่มีวันหยุดนิ่งยังหยุดลงพร้อมกัน
เหมือนกับว่าโลกนี้กลายเป็นม้วนภาพนิรันดร์…
ข้างช่องโหว่สามรกร้างมีผู้ฝึกฌานจากยอดเขาลำดับเก้าสองคน สองคนนี้ยังคงสีหน้ำตกตะลึงก่อนหน้านี้เอาไว้ เหมือนพบข่าวทางทหารที่ต้องรายงานในทันที ดวงตาสองข้างจ้องช่องโหว่สามรกร้างตาเขม็ง ร่างเหมือนจะถอยไป แต่กลับแน่นิ่ง
ตอนนี้ตรงช่องโหว่สามรกร้างมีเจ็ดแปดคนกำลังเข้ามาจากข้างนอกด้วยสีหน้าโหดเหี้ยมและมืดทะมึน แต่ทันทีที่พวกเขาก้าวเข้ามาในสามรกร้างก็กลายเป็นหยุดนิ่ง
ข้ามผ่านช่องโหว่สามรกร้างไป จะเห็นว่าช่องโหว่มีผู้ฝึกฌานฝ่ายสิ่งศักดิ์สิทธิ์หวนคืนกับเงามืดรุ่งอรุณอีกนับไม่ถ้วน แต่พวกเขากลับหน้าเปลี่ยนสีและพลันหยุดชะงักด้วยความกลัว ไม่กล้าเข้ามาแม้แต่น้อย ทว่าร่างกายพวกเขาไม่หยุดนิ่ง แต่หากเข้ามาในสามรกร้างจะต้องหยุดไปชั่วนิรันดร์แน่
ยามนี้มีร่างเงาเลือนรางสองคนปรากฏอยู่กลางฟ้านอกช่องโหว่สามรกร้าง แยกกันเป็นตัวแทนดวงจิตที่สูงสุดของฝ่ายสิ่งศักดิ์สิทธิ์หวนคืนกับเงามืดรุ่งอรุณ มองจากสองร่างเงานี้จะเห็นว่านั่นคือ ชายหญิงคู่หนึ่ง หญิงเป็นตัวแทน ฝ่ายสิ่งศักดิ์สิทธิ์หวนคืน ชายเป็นตัวแทนเงามืดรุ่งอรุณ
ร่างกายสองคนนี้เหมือนรวมขึ้นจากหมอก กำลังระเหยอย่างรวดเร็ว มองเห็นหน้ำตาพวกเขาไม่ชัด แต่จากความจริงจังในดวงตาแล้วจะเห็นว่าในใจพวกเขาตอนนี้ไม่สงบ
“นี่มัน…”
“ภัยพิบัติบรรพชนวิญญาณ! ในโลกสามรกร้างมีคนกำลังข้ามผ่านภัยพิบัติยกระดับวิญญาณ!” สองคนเงียบไปชั่วครู่ ตอนที่เอ่ยเสียงแหบยังมองตากันและกัน แม้สองฝ่ายจะเป็นศัตรูกัน แต่ก็มีความเห็นตรงกันเรื่องมหาโลกสามรกร้าง ดังนั้นตอนนี้ในดวงตาสองคนจึงมีความตื่นตัวและให้ความสำคัญ
“หยุดก่อน หลังเขาผ่านภัยพิบัติแล้วค่อยเข้าสามรกร้าง!” ชายคนนั้นเงียบไป ชั่วครู่ก่อนถอนหายใจเบา ตามด้วยกล่าวเนิบช้า สิ้นเสียง ผู้ฝึกฌานนับไม่ถ้วนข้างหลังเขาต่างถอยไปสามก้าวพร้อมกัน
ภายในมหาโลกสามรกร้าง นอกจากโลกแท้จริงดาราสัจธรรมแล้วยังมี โลกแท้จริงหยินศักดิ์สิทธิ์ โลกแท้จริงจักรพรรดิยมโลกและโลกแท้จริงที่สี่ พูดได้ว่า ทุกพื้นที่ในมหาโลกสามรกร้างหยุดนิ่ง สงบดั่งน้ำ ไม่เกิดคลื่นกระเพื่อมใดๆ
มีเพียง…น้ำวนมรณะหยินที่กลายเป็นสิ่งเดียวที่ไม่หยุดกลางทั้งมหาโลกสามรกร้าง น้ำวนนั้นยังคงหมุนโคจร เหมือนว่าไม่รับผลของมหาโลกสามรกร้าง
คล้ายกับว่าต่อให้เป็นภัยพิบัติบรรพชนวิญญาณที่ทุกคนตื่นกลัว ต่อให้เป็น ฝ่ายสิ่งศักดิ์สิทธิ์หวนคืนกับเงามืดรุ่งอรุณก็ยังต้องหลีกชั่วคราว แต่สำหรับมันแล้ว… ไม่อาจสั่นคลอนการหมุนโคจรของมันได้
อีกทั้งทุกโลกในน้ำวนมรณะหยินก็เช่นกัน พวกมันยังคงดำเนินต่อไปเหมือนในอดีตระหว่างที่ข้างนอกหยุดนิ่ง เหมือนว่าการเปลี่ยนแปลงทุกอย่างนอกโลกนี้ สำหรับในน้ำวนมรณะหยินแล้วเป็นเหมือนสองโลก
ซูหมิงหรี่ตาแคบลง เขาเงยหน้าขึ้นมองน้ำวนข้างบน ชายชราวิญญาณสวรรค์ที่อยู่ไม่ไกลดวงตาวาววับ เขารอวันนี้มานานมากแล้ว ในที่สุดก็มาถึง พลังที่แกร่งขึ้นเรื่อยๆ รวมอยู่ในตัวชายชราอย่างต่อเนื่อง เหมือนกับกระบี่คมที่ใกล้จะออกจากฝัก และตอนนี้ยังสื่อความหมายว่าจะผ่าสวรรค์
มิหนำซำโดยรอบยังเกิดน้ำวนขึ้น ภายในแฝงไว้ด้วยดวงจิตของเขา กลายเป็นพายุหมุนที่สองในน้ำวนมรณะหยิน ภายในดวงตาสองข้างเผยประกายยากจะบรรยาย ประกายนี้เป็นดั่งแสงที่สว่างที่สุดในฟ้าดิน สามารถเผาทุกชีวิตที่สบตากับมัน
ตอนนี้เองเกิดเสียงดังกึกก้องทั้งโลกแท้จริงดาราสัจธรรม อีกทั้งยังดังไปทุกพื้นที่ในสี่โลกสามรกร้าง ชั่วพริบตาที่เสียงนี้ดังขึ้น มีสายฟ้าสีแดงฉานขนาดเท่าแขนคน สายหนึ่งรวมออกมากลางอากาศนอกน้ำวนมรณะหยิน
เมื่อสายฟ้าปรากฏก็สะท้อนอากาศจนเป็นสีแดงโลหิต ราวกับกลายเป็นทะเลโลหิตนรก มองไปทุกอย่างเป็นแสงสีแดงฉาน
แสงนี้สว่างไปทั้งโลกแท้จริงดาราสัจธรรม ไปถึงหยินศักดิ์สิทธิ์ จักรพรรดิยมโลก และยังมีโลกแท้จริงที่สี่อันลึกลับ ต่อให้เป็นแดนรกร้างต้นกำเนิดจิตก็ยังถูกแสงสีแดงปกคลุมทุกอย่างที่หยุดนิ่งเอาไว้
สายฟ้านี้เพิ่งรวมขึ้นก็กลายเป็นแสงสีแดง ก่อนม้วนทั้งสามรกร้างให้กลายเป็นสายฟ้าด้วยพลังอำนาจยากจะบรรยาย จากนั้นจึงพุ่งเข้าไปในน้ำวนมรณะหยิน
ในระหว่างที่เข้าไป แสงที่มันส่องสว่างไปทั้งสามรกร้างพลันหดเข้ามา หลังรวมด้วยกันแล้วจึงทำให้สายฟ้าสายนี้กลายเป็นสีแดงที่สุดในฟ้าดิน!
สายฟ้าพลันพุ่งเข้าไปในน้ำวน น้ำวนสั่นสะท้านในทันใด แต่ขณะเดียวกัน สายฟ้าสีแดงสั่นไหวอย่างรุนแรง สีสันของมันอ่อนลงเล็กน้อย แต่ก็ยังพุ่งเข้าไป เกิดเสียงดังสนั่น มันทะลวงเข้าไปในหมอกน้ำวนมรณะหยินประหนึ่งไม่มีอะไรมาหยุดยั้งได้ ตรงไปยังส่วนลึกที่ซูหมิงอยู่ เหมือนว่ามันคือสายฟ้าติดตามชีวิต หลังกำหนดเป้าไปที่ซูหมิงแล้ว ไม่ว่าเขาจะซ่อนตัวอยู่ที่ใด มันจะต้องไปหาแน่นอน หากไม่ลบชีวิตเขาก็จะไม่ยอมเลิกรา
ซูหมิงใช้เวลาเจ็ดวันถึงมาถึงส่วนลึกของน้ำวนมรณะหยินได้ แต่สายฟ้ากลับรวมขึ้นและมาปรากฏอยู่ในสายตาเขาในทันใด
สายฟ้านั้นเป็นสีแดงฉาน ในตัวมันเหมือนเป็นตัวแทนความบ้าอำนาจและ ความบ้าคลั่งทำลายล้างของดวงจิตที่แกร่งที่สุดของสามรกร้าง ประหนึ่งเส้นเลือดฝอยในดวงตาคนคลุ้มคลั่ง ทันทีที่ซูหมิงเห็นสายฟ้านี้ สายฟ้าสีแดงนั้นเกิดเสียงดังสนั่นพร้อมกับเข้ามา
“เจ็ดภัยพิบัติบรรพชนวิญญาณ แต่ละครั้งจะยากขึ้นเรื่อยๆ !” ท่ามกลางเสียงชายชราวิญญาณสวรรค์ดังก้อง ตัวเขาเดินหน้าไป ทว่าช่วงที่เขายกเท้าขึ้น นัยน์ตา ซูหมิงฉายแววเหี้ยมโหด
นี่คือภัยพิบัติบรรพชนวิญญาณของเขา หากให้ชายชราวิญญาณสวรรค์ต่อต้าน คนเดียว เขาก็ไม่ยอม เขาอยากผ่านภัยพิบัติไปด้วยตัวเอง มีแต่แบบนี้เท่านั้น ไม่ว่าเขาจะเจออันตรายใดในภายภาคหน้าก็จะมีจิตใจแน่วแน่เดินต่อไป
เว้นแต่เขาจะไม่อาจข้ามผ่านถึงต้องการคนช่วย มิเช่นนั้น…เขาจะผ่านมันไปด้วยตัวเอง!
“เป็นภัยพิบัติหรือโชควาสนา!” ดวงตาซูหมิงวาววับ
“ผู้เยาว์ขอจัดการกับภัยพิบัติครั้งแรกนี้เอง!” ซูหมิงเอ่ยพร้อมขยับไหวตัว ดวงตาที่สามตรงระหว่างคิ้วเปิดออก สายฟ้าสีแดงที่เข้ามาใกล้อย่างรวดเร็วขยายใหญ่ขึ้นเป็นร้อยเป็นพันเท่ากระทั่งมากกว่านั้นในดวงตาซูหมิง เขายกมือขวาขึ้น ประสานมุทราตบดวงตาที่สามตรงระหว่างคิ้ว
ขณะเดียวกับที่ปิดดวงตาที่สาม ดวงจิตของโลกแท้จริงรวมถึงดวงจิตแห่ง บรรพชนวิญญาณในตัวเขาปะทุออกมา แม้โลกแท้จริงจะหยุดอยู่ข้างนอก แต่ซูหมิง ตัวเขาคือโลกแท้จริง เขาคือเจ้าปกครองของดวงจิตดาราสัจธรรม
“เคลื่อนย้ายภูผา!” ซูหมิงสะบัดแขนเสื้อ ยกสองมือขึ้น หลังประกบมือแล้วก็แทงขึ้นศีรษะ ทันใดนั้นเกิดภูเขาใหญ่แสนลูก
รอบตัวพร้อมกัน ก่อนรวมไปทางซูหมิงในทันใดพร้อมซ้อนทับเข้าด้วยกันเป็นยอดเขาสูงตระหง่าน จากนั้นชนเข้ากับสายฟ้าสีแดงที่ตรงเข้ามาจนเกิดเสียงดังสนั่น
มองไกลๆ ไม่เหมือนกับสายฟ้านั้นจะมีพลังมากมาย แต่เหมือนว่าซูหมิงเป็นฝ่ายลงมือก่อนด้วยซ้ำ พริบตาที่สายฟ้าปะทะกับยอดเขา ซูหมิงตัวสั่นไปทั่วร่าง ยอดเขาสูงใหญ่ที่รวมจากภูเขาแสนลูกรอบตัวเขาสั่นสะท้านอย่างรุนแรง มันพังลงอย่างต่อเนื่องภายใต้เสียงครึกโครม ชั่ววูบเดียวก็แตกเป็นเสี่ยงๆ
สายฟ้านั้นหมองลงอีกเล็กน้อย แต่ความเร็วยังคงเดิม พุ่งตรงไปยังระหว่างคิ้ว ซูหมิงด้วยจิตสังหารน่ำตกใจ