Skip to content

สู่วิถีอสุรา 1267

ตอนที่ 1267 ไม่มีทางเลือก

มหาโลกซางเซียง ภายในโลกแท้จริงอาณาจักรพิชัย บุตรแห่งซางที่กำลังหลับตาเหมือนติดต่อกับดวงจิตซางเซียงกลางพระราชวังลอยฟ้านั้นหรือก็คือซูหมิงอีกคนในโลกนี้พลันสั่นสะท้านไปทั่วร่าง

ร่างกายเขาเริ่มไม่แข็งทื่ออีก เงามายาผีเสื้อในดวงตาขยับวูบวาบอย่างรวดเร็ว ลมหายใจกระชั้นขึ้นหลายเท่า ภายในดวงตาสองข้างเปล่งประกายวาว ซ้ำยังมีความลังเลอยู่ลึกๆ

เมื่อครู่นี้เขาติดต่อกับดวงจิตซางเซียงหมายจะยืนยันการคาดเดาของตนว่าถูกต้องหรือไม่ อาศัยดวงจิตซางเซียงคำนวณว่าทำอย่างไรถึงสอดคล้องกับราคาจ่ายที่สูงสุด แต่หลังจากติดต่อแล้ว เขากลับตกอยู่ในห้วงความสับสนที่ลึกยิ่งกว่าเดิม

‘ตัวข้าอีกคนจากสามรกร้าง…ดวงจิตซางเซียงบ่งบอกว่าเป็นตัวข้าอีกคน อย่างชัดเจน น่าสนใจยิ่งนัก…’ ชายหนุ่มเงียบไปครู่หนึ่งแล้ว จิตสังหารในดวงตา ก็เด่นชัดขึ้นเล็กน้อย

‘ให้ข้าพาเขาไปที่หลุมศพแห่งซาง…หรือไม่ก็กินเขา ให้ข้ากับเขาหลอมรวมเป็นหนึ่งเดียว หากทำแบบนี้ได้ หากข้าได้เป็นตัวหลัก ก็จะสำเร็จความต้องการอย่างหนึ่งของข้า…’ ชายหนุ่มตรึกตรองอีกครั้ง สีหน้ามีความลังเลมากขึ้นเรื่อยๆ เหมือนกำลังตรึกตรองว่าจะเลือกอย่างไร

ไม่นาน มีเสียงฝีเท้าดังมาจากนอกพระราชวังที่เขาอยู่ เมื่อเสียงฝีเท้าดังก้อง ยังมีร่างเงาสตรีปรากฏอยู่ข้างประตูพระราชวัง นางงดงามมาก มีความอ่อนโยนและสุภาพ นางเดินเข้ามาในพระราชวังใหญ่ มาอยู่ข้างชายหนุ่มแล้วนั่งยองลงเงียบๆ กดไปที่มือชายหนุ่ม

ชายหนุ่มเงยหน้าขึ้นสบตานาง

หน้าตาของนาง หากซูหมิงอยู่ที่นี่จะต้องจำได้ในแวบแรกว่า นางคือ…อวี่เซวียน! หรือพูดได้ว่าเป็นอวี่เซวียนอีกคนในโลกนี้

เพียงแต่ว่าร่างกายนางดูเหมือนปกติ แต่ความจริงแล้วตอนที่มือสัมผัสกับมือ ชายหนุ่มกลับต่างเหมือนทะลวงผ่านกัน

ไม่ใช่ว่าชายหนุ่มไม่ใช่ของจริง แต่…อวี่เซวียนตรงหน้าต่างหากที่เป็นมายา

“เจ้า…ไม่เห็นจำเป็นต้องมา…” ชายหนุ่มมองหญิงตรงหน้า นี่คือคู่ชีวิตเขา นัยน์ตาเขาฉายแววสงสาร มือซ้ายยกขึ้นเหมือนจะลูบใบหน้านาง แต่ก็สัมผัสได้แต่อากาศ ในดวงตาเขาเผยความเจ็บปวดอย่างอดมิได้

“วิญญาณเจ้ากำลังหายไป ตอนนี้อย่าออกมาข้างนอก อยู่ในไม้ทมิฬที่ข้าเตรียมไว้ให้เจ้า ข้าสัญญาว่าสักวันหนึ่ง ข้าจะต้องให้เจ้าตื่นขึ้นจริงๆ ให้ได้!” ขณะที่ชายหนุ่มพึมพำ ความลังเลในสีหน้าหายไป แต่แทนที่ด้วยความยึดมั่นและแน่วแน่

นี่คือคนรักของเขา เป็นคนกึ่งเป็นกึ่งตายที่ต่อให้เขาเป็นบุตรแห่งซางก็ไม่อาจให้นางตื่นขึ้น วิญญาณกับร่างกายนางแยกกันบางครั้ง ลอยล่องไปตามอากาศ นั่นเป็นเพราะเหตุไม่คาดคิดเมื่อนานปีก่อน เขาที่เป็นบุตรแห่งซางพลันไม่รู้สึกตัวขณะที่ติดต่อกับดวงจิตซางเซียง

ตอนที่ตื่นขึ้นมา เขาเห็นคู่ชีวิตตนนอนอยู่ในอ้อมอกตัวเอง เป็นเขา…ที่ดึงวิญญาณของนางด้วยตัวเอง ให้นางหลับใหลด้วยมือตัวเอง นี่คือผลย้อนกลับของการเป็น บุตรแห่งซาง

ถึงเขาจะติดต่อกับบุตรแห่งซางได้ แต่ก็ต้องเจอกับผลย้อนกลับเช่นกันหากเกิดผลย้อนกลับ เขาจะเสียจิตสำนึก เขาจะกลายเป็นมือสังหารเย็นชา บุตรแห่งซางทุกคนเป็นเช่นนี้ เพียงแต่เขาไม่คิดเลยว่าผลย้อนกลับครั้งแรกของตนจะมาเร็วขนาดนี้

เขาบ้าคลั่งแล้ว เขาติดต่อกับดวงจิตซางเซียงโดยไม่สนสิ่งใด หมายจะให้คู่ชีวิตฟื้นคืนชีพ แต่ดวงจิตซางเซียงกลับไม่ตอบกลับมาแม้แต่น้อย

‘หลอมรวมตัวข้าอีกคน หนึ่งความต้องการ…’ ระหว่างที่ดวงตาชายหนุ่มขยับประกายวาววับ สตรีตรงหน้าเขากัดริมฝีปาก เงยหน้าขึ้นเหมือนไม่อยากให้คนรักของนางเลือกแบบนี้

“ข้าไม่มีทางเลือก เมื่อครู่นี้ข้าเห็นตัวข้าอีกคนในดวงจิตซางเซียง กำลังเคลื่อนไหวอยู่ในโลกดาราโบราณ เขาคือข้า ข้าคือเขา ข้ารู้สึกถึงสิ่งที่เขาคิด เขาจึงจงใจล่อให้ข้าไป

จริงๆ แล้ว ถึงเขาไม่ล่อให้ข้าไป ข้าก็จะไปหาเขาเอง นี่คือ…โชคชะตาของพวกเรา เป็นโชคชะตาที่มีคนเดียวที่รอด!

ตั้งแต่ที่ข้าเข้ามาที่นี่ ตั้งแต่ที่ข้าติดต่อกับดวงจิตซางเซียง โชคชะตานี้…ได้ลิขิตเอาไว้แล้ว หากเขาไม่ตาย…ก็เป็นข้าที่ตาย!” ชายหนุ่มเงียบไปชั่วครู่ก่อนลูบใบหน้าหญิงร่างมายาเบาๆ เหมือนสัมผัสนางจริงๆ ผ่านไปพักหนึ่ง เขาสะบัดแขนเสื้อ วิญญาณหญิงคนนั้นค่อยๆ กลายเป็นแสงหม่นหายไปในพระราชวังใหญ่

สิ่งที่หายไปพร้อมกันยังมีร่างเงาของชายหนุ่ม เขามาปรากฏตัวอีกทีอยู่ใต้พระราชวังใหญ่กลางห้องลับแห่งหนึ่ง ห้องลับนี้ถูกล้อมด้วยผนึกจำนวนมาก ผนึกเหล่านี้ไม่ได้ทำอันตราย แต่ตัดขาดจากมวลอากาศ แยกออกจากทั้งโลกแท้จริง ทำให้เวลาในห้องลับต่างกับภายนอกอย่างสิ้นเชิง แทบจะเรียกได้ว่าชั่วนิรันดร์

ภายในห้องลับมีไม้ยักษ์ท่อนหนึ่ง ตรงกลางไม้ยักษ์ถูกขุดกลวง ในนั้นมีสตรี ชุดคลุมแดงนอนหลับตาราวกับหลับใหล

ร่างเงาชายหนุ่มมาปรากฏอยู่ข้างไม้ยักษ์นี้ เขาเหม่อมองนาง มองคิ้ว มองดวงตา จมูกรวมถึงริมฝีปาก มองไปมองมา สีหน้าก็เศร้าโศก

คนอื่นรู้แค่ว่าบุตรแห่งซางสูงส่ง แต่ไม่รู้ว่าการเป็นบุตรแห่งซางต้องจ่ายเป็นผลย้อนกลับในบางครั้ง ผลย้อนกลับทุกครั้งจะมาอย่างกะทันหัน อีกทั้งไม่ได้เกิดขึ้น ตอนติดต่อกับดวงจิตซางเซียง แต่เสียจิตสำนึกได้ตลอดเวลา หากเสียจิตสำนึก ตอนที่ตื่นขึ้น ทุกอย่างรอบตัวจะถูกทำลาย

บุตรแห่งซางจึงมีญาติพี่น้องไม่ได้ มีสหายไม่ได้ เป็นเหมือนหลักการของโชคชะตา นี่คือ…ราคาต้องจ่าย

ดังนั้น เขาจึงไม่ออกไปข้างนอกในเวลาปกติ แต่จะผนึกตัวเองไว้ครึ่งหนึ่ง ขังอยู่ในพระราชวังใหญ่ เว้นแต่จำเป็นจริงๆ มิเช่นนั้นจะนั่งฌานตลอด

เขามองนางเงียบๆ ด้วยสีหน้าแน่วแน่ยิ่งกว่าเดิม ผ่านไปพักหนึ่งถึงยืนขึ้น ประกายรวดเร็วและดุดันในดวงตาตอนนี้ไม่ต่างอะไรกับของซูหมิงเลย

เขาสะบัดแขนเสื้อแล้วหายไปจากที่นี่ มาปรากฏตัวอีกทีอยู่กลางพระราชวังนั้น ก่อนเดินออกจากประตูพระราชวัง ตามด้วยเสียงดังกึกก้อง

“สิบผู้ไว้อาลัย!”

สิ้นเสียง พลันปรากฏร่างเงาบิดเบี้ยวสิบร่างกลางอากาศรอบตัวชายหนุ่ม พวกเขาแต่ละคนร่างเลือนราง กลิ่นอายมรณะเข้มข้น พวกเขาไม่ใช่คนเป็น แต่เป็นวิญญาณมรณะ

เดิมทีพวกเขาต้องตายไปตามกาลเวลาแล้ว แต่ชายหนุ่มกลับใช้พลังของดวงจิตซางเซียงฝืนดึงวิญญาณของผู้แข็งแกร่งที่สุดสิบคนจากไม่รู้กี่ปีมานี้ออกมาจากกาลเวลาหวนคืน ซ้ำยังใช้ดวงจิตซางเซียงรวมสมบัติล้ำค่าคุมขังวิญญาณสิบแปดชิ้นให้กับวิญญาณผู้ไว้อาลัยสิบดวง ทำให้พวกเขาสิบคนเป็นวงแหวนอาคมสังหารไม่มี ที่สิ้นสุด

“ติดตามข้าไปหลอมรวมดวงจิตซางเซียง สังหารต้นตอของปัญหาจากโลกภายนอก!” น้ำเสียงชายหนุ่มเย็นชา ขณะเอ่ยอยู่นี้ เงาผีเสื้อในดวงตาขยับวาววับอย่างเร็วไว อีกทั้งข้างหลังยังปรากฏเงาผีเสื้อรางๆ เขาพุ่งตรงไปยังมวลอากาศ วิญญาณแห่ง

สิบผู้ไว้อาลัยข้างหลังแผ่กลิ่นอายมืดหม่น พวกเขาสลายไปเงียบๆ แล้วก่อขึ้นเป็นสองปีกบินไป

มองไกลๆ จะเหมือนผีเสื้อของจริงตัวหนึ่งกำลังกระพือปีกกลางอากาศ ข้างล่างยังมีน้ำวนสิบแปดวงหมุนวนอยู่ นั่นคือแรงกดดันจากสมบัติล้ำค่าคุมขังวิญญาณ สิบแปดชิ้น มีเสียงคำรามแหลมดังแว่วมาจากกลางน้ำวนสิบแปดวงนี้ ในเสียงคำรามแฝงไว้ด้วยความเจ็บปวดและบ้าคลั่ง

จุดที่ผ่าน ทุกสิ่งมีชีวิตต้องกราบไหว้

……

ภายในโลกแท้จริงดาราโบราณ เฉียนเฉินมองสายรุ้งยาวบินมาจากไกลๆ อย่างรวดเร็ว ก่อนมองซูหมิงข้างกายโดยจิตใต้สำนึก

“มหาโลกซางเซียงกำลังเคลื่อนไหว…เจ้ารู้สึกหรือไม่” ซูหมิงไม่สนใจสายรุ้งยาวที่เข้ามาใกล้แม้แต่น้อย แต่เงยหน้าขึ้นมองอากาศพลางเอ่ยประโยคนี้

“อะไร?” เฉียนเฉินมึนงง

“ข้าอาจจะคิดไปเอง” ซูหมิงส่ายศีรษะ ชั่วพริบตาเมื่อครู่นี้ เขาเกิดความรู้สึกประหลาดอย่างหนึ่ง คล้ายกับว่าทั้งมหาโลกซางเซียงกำลังเคลื่อนไหว

เขาไม่เคยรู้สึกแบบนี้มาก่อน มีเพียง…หลังจากที่ได้รับดวงจิตของหนึ่งโลกแท้จริงของที่นี่ ที่ในจิตใจเขามีดวงจิตของโลกแท้จริงสองดวงแล้วเหมือนบรรลุถึงสมดุล ถึงได้เกิด…ความรู้สึกประหลาด

ความรู้สึกนี้เกิดขึ้นอย่างกะทันหัน พอตามหาดีๆ กลับไม่พบร่องรอย ทำได้เพียงมองว่าคิดไปเอง

เกิดเสียงดังสนั่นกึกก้อง สายรุ้งยาวเข้ามาใกล้ ในสายรุ้งยาวนั้นเป็นชายร่างกำยำสวมเกราะทองคนหนึ่ง ร่างกายเขากำยำยิ่ง มือขวาดันหอคอยสีทองอันหนึ่ง สีหน้าเขามีความเกรี้ยวโกรธ แต่ว่าตอนที่เห็นซูหมิงและผีเสื้อข้างหลังชัดเจนแล้ว ใบหน้าโกรธกลับกลายเป็นตะลึงและเหลือเชื่อ

“บะ…บุตรแห่งซาง!”

ชายร่างกำยำเกราะทองพลันหยุดชะงักครู่หนึ่ง หน้าเปลี่ยนสีต่อเนื่องกันตรงจุดที่ห่างจากซูหมิงราวร้อยจั้ง

“เหตุใดท่านบุตรแห่งซางถึงทำลายสำนักข้า!” ชายร่างกำยำเกราะทองฝืนกลั้นความโกรธเอาไว้ เขากัดฟันพูดมาทีละคำ

“คุกเข่าคารวะแล้วค่อยพูด!” ซูหมิงมีสีหน้าเฉยชา เขามองชายร่างกำยำอย่างเย็นชาแวบหนึ่งแล้วเอ่ยปากช้าๆ แทบเป็นทันทีที่ซูหมิงพูดออกไป ผืนฟ้าพลันเกิดเสียงครึกโครม เงามายาผีเสื้อข้างหลังซูหมิงกระพือปีกอย่างรวดเร็ว ทันใดนั้นมีดวงจิตมหึมาดวงหนึ่งแผ่มาจากตัวซูหมิงพร้อมกับเสียงครึกโครม ความแกร่งของดวงจิตนี้สั่นคลอนฟ้าดินได้ นั่นคือดวงจิตสูงสุดที่รวมสองโลกแท้จริงเข้าด้วยกัน

ดวงจิตนี้…ไม่มีทางที่ผู้ฝึกฌานจะต่อต้านได้ นี่คือระดับชีวิต เป็นขอบเขตที่ต่างกันอย่างสิ้นเชิง ภายใต้เสียงดังสนั่นและแรงกดดันของดวงจิต ชายร่างกำยำเกราะทอง ตัวสั่นไปทั่วร่าง

เขากระอักเลือดมาหนึ่งคำ เกิดเสียงกึกๆ ในร่างกายเหมือนร่างกายจะรับไม่ไหว

เขาคำรามเสียงต่ำ หอคอยล้ำค่าในมือบินขึ้นแล้วพลันขยายใหญ่เหมือนจะต่อต้าน แต่ไม่กี่ลมหายใจต่อมา หอคอยล้ำค่าระเบิดออกมาเป็นเสี่ยงๆ ตอนนี้เอง ชุดเกราะทั่วร่างชายร่างกำยำแตกออกพร้อมกัน เขากระอักเลือดอีกครั้ง ร่างกาย สั่นไหวจนต้องคุกเข่าลง

ประหนึ่งว่าทั้งผืนฟ้าถล่มลงที่ตัวเขา ด้วยพลังเขาจึงยากจะต่อต้าน ทำได้เพียงคุกเข่าคารวะ

เมื่อคุกเข่าลง มวลอากาศเงียบสงัด แรงกดดันจากฟ้าเหมือนแข็งค้างอยู่รอบๆ ประกายในแววตาชายร่างกำยำเกราะแตกทั่วร่างคนนี้หายไป พลังของเขาหยุดนิ่ง พลังชีวิตทั้งหมดในร่างกายสูญสิ้นไปพร้อมกับที่คุกเข่าลง!

เกิดเสียงกึกๆ ดังก้อง ขณะที่เฉียนเฉินใจสั่นไหว เขาเห็นหลี่เทียนหวังที่แข็งแกร่งดั่งพลานุภาพสวรรค์ในภาพจำเขา…สิ้นชีพลง!

พลังชีวิต ขั้นพลังรวมถึงวิญญาณสลายไปพร้อมกันขณะคุกเข่าลงเมื่อครู่!

การคุกเข่านี้คือความตาย!

“ยังมีศัตรูของเจ้าอีกหรือไม่?” ซูหมิงไม่มองหลี่เทียนหวัง แต่ถามเฉียนเฉินช้าๆ

“มะ…ไม่มีแล้ว…” เฉียนเฉินตะลึงค้างไปแล้ว เขารีบตอบกลับแทบจะติดอ่าง

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version