Skip to content

สู่วิถีอสุรา 1287

ตอนที่ 1287 หนึ่งสำนักหนึ่งเผ่าพันธุ์ต้องแกร่งด้วยตัวเอง

“สู้!”ในสำนักยอดเขาลำดับเก้า เกิดเสียงคำรามราวกับพยัคฆ์ดังสนั่น นั่นคือเสียงของหู่จื่อ เมื่อเสียงนี้ดังขึ้น หู่จื่อพลันมาปรากฏอยู่ในสายตาซูหมิง

ตอนที่ร่างกายราวกับพยัคฆ์เดินออกมาก็ชกหมัดที่ปะทุพละกำลังมหาศาล ซ้ำหู่จื่อยังคว้ากระบองเขี้ยวหมาป่ายักษ์ท่อนหนึ่งผ่านอากาศด้วยมือซ้าย มันมาปรากฏอยู่ในมือซ้ายทันที ก่อนพุ่งทะยานไปยังผู้ฝึกฌานเงามืดรุ่งอรุณกับ สิ่งศักดิ์สิทธิ์หวนคืนที่กำลังตรงเข้ามา

เกิดเสียงครึกโครมดังสนั่น หู่จื่อตรงนี้เป็นเพียงหนึ่งจุดที่ปะทะกันของกองทัพ สองฝ่ายเท่านั้น รอยตัวหู่ตื่อมีผู้ฝึกฌานยอดเขาลำดับเก้านับไม่ถ้วน กำลังทำสงครามเป็นตายกับเงามืดรุ่งอรุณสิ่งศักดิ์สิทธิ์หวนคืนอย่างบ้าคลั่ง

สงครามครั้งนี้พวกเขาสู้เพื่ออยู่รอด!

สงครามครั้งนี้พวกเขาสู้เพื่อแย่งชิงโชคชะตา!

อีกทั้งยังมีผู้ฝึกฌานเผ่าหมานในนั้น สงครามนี้ พวกเขาต่างแสดงพละกำลัง แกร่งกล้าของเผ่าหมาน!

ศัตรูที่พวกเขาเผชิญคือคนที่ลงมาเยือนแล้วก็โจมตีผู้ฝึกฌานที่รวมกันสามโลก จนแตกพ่ายไปหลายระลอกราวกับไม่มีอะไรมาหยุดยั้งได้ อีกทั้งยังสังหารผู้ยิ่งใหญ่ของโลกแท้จริงที่สี่ บีบให้โลกแท้จริงที่สี่ต้องปิดผนึกโลก ให้โลกแท้จริงที่สี่ต้องวาง วงแหวนอาคมใหญ่ ไม่ต่อสู้กับศัตรูอีก แต่ทำได้เพียงต่อต้าน

มิหนำซ้ำยังกวาดล้างโลกแท้จริงดาราสัจธรรม จุดที่ผ่านไม่มีผู้ฝึกฌานคนใดขวางมันได้แม้แต่น้อย พูดได้ว่า…นี่คือกองทหารแข็งแกร่งไร้พ่าย นั่นคือเงามืดรุ่งอรุณ นั่นคือ สิ่งศักดิ์สิทธิ์หวนคืน!

สงครามครั้งนี้ คนยอดเขาลำดับเก้าเตรียมตัวตายมาอย่างดีแล้ว แต่ถึงจะตาย ก็ไม่มีทางใช้ชีวิตอย่างเปล่าประโยชน์ในโลก แม้จะตาย ก็ต้องสังหารคนให้ตายตามไปด้วยอีกหลายคน สังหารหนึ่งเท่าทุน สังหารสองใช้ชีวิตไม่เสียเปล่า สังหารสามได้กำไรมาสอง!

ยอดเขาลำดับเก้าเป็นเช่นนี้ เผ่าหมานก็เช่นกัน เกิดเสียงระเบิดดังสนั่น เสียงเข่นฆ่าดังสะเทือนแก้วหู ดังกึกก้องทั้งผืนฟ้า กลายเป็นแสงสว่างที่พร่างพราวที่สุดในสายตาซูหมิง

ผู้ฝึกฌานเงามืดรุ่งอรุณกับสิ่งศักดิ์สิทธิ์หวนคืนที่ถูกผนึกพลังไปหกส่วนใช้พลัง สี่ส่วนกับยอดเขาลำดับเก้าแห่งโลกแท้จริงดาราสัจธรรมสามรกร้างแล้วก็ยังมี พลานุภาพไม่อ่อนแอ

ถึงอย่างไรเงามืดรุ่งอรุณก็ดี สิ่งศักดิ์สิทธิ์หวนคืนก็ดี พวกเขาสืบทอดมาจากสมัยที่สอง ในด้านระดับพลังกับวิชาต้องเหนือกว่าผู้ฝึกฌานสามรกร้างอยู่หลายขั้น หากมิใช่เพราะถูกซูหมิงผนึกพลังไว้หกส่วน สงครามครั้งนี้…คงไม่ต้องห่วงอะไรเลย

ตอนนี้สำหรับยอดเขาลำดับเก้าแล้วถือว่ายุติธรรม ความจริงแล้วซูหมิงผนึก เพิ่มได้อีกหลายส่วน แต่แบบนั้นจะไม่ถือเป็นการฝึกฝน เขาเลยผนึกแค่หกส่วน ให้เงามืดรุ่งอรุณกับสิ่งศักดิ์สิทธิ์หวนคืนเหนือกว่ายอดเขาลำดับเก้าไม่เกินครึ่งขั้นพลัง

เสียงเข่นฆ่าดังก้องฟ้าดินในยามนี้ ผู้ฝึกฌานเงามืดรุ่งอรุณกับสิ่งศักดิ์สิทธิ์หวนคืนเฮโลกันเข้าไปในช่องโหว่วงแหวนนอาคมจำนวนมาก แทบเป็นทันทีที่พวกเขาเข้าไป การต่อต้านของยอดเขาลำดับเก้า ความหนักแน่นทางสีหน้าของผู้ฝึกฌาน หลายแสนคนพลันปะทุขึ้นในตอนที่สองฝ่ายปะทะกัน

เพียงเพิ่งปะทะ สองฝ่ายเกิดการล้มตายจำนวนมาก สงครามหมู่แบบนี้ เป็นการทดสอบพลังของตัวบุคคลได้ดีที่สุด ตอนนี้ระหว่างปะทะกันยังเกิดเสียงอภินิหารดังขึ้นลง แสงสว่างจากของวิเศษกับการปะทะกันอย่างดุเดือดก่อให้เกิดระลอกคลื่นกระจายเป็นวงกว้าง

พริบตาเดียว เงามืดมรณะลงมาเยือนกลางผืนฟ้า โบกสะบัดมือแห่งการเก็บเกี่ยว เหมือนจะนำพาชีวิตคนไปมากมายไม่มีสิ้นสุด

นี่คือสงครามที่ฝ่ายเงามืดรุ่งอรุณกับสิ่งศักดิ์สิทธิ์หวนคืนบาดเจ็บล้มตายมากที่สุด ไม่ว่าจะเป็นการขวางตรงช่องโหว่สามรกร้างของสามโลกแท้จริงสามรกร้างในตอนนั้น หรือการกวาดล้างดาราสัจธรรมกับโลกแท้จริงอื่นๆ ที่ไกลยิ่งกว่าของฝ่ายเงามืด รุ่งอรุณกับสิ่งศักดิ์สิทธิ์หวนคืนหลังจากนั้นล้วนไม่เหมือนดั่งตอนนี้ ทันทีที่ปะทะกันก็เกิดการบาดเจ็บล้มตายกันจำนวนมาก

ถึงอย่างไรสงครามต่อเนื่องก่อนหน้านี้ ฝ่ายเงามืดรุ่งอรุณกับสิ่งศักดิ์สิทธิ์หวนคืนก็อาศัยพลังแกร่งกล้ามาอยู่ในจุดที่ไร้พ่าย

บรรพชนวิญญาณชุดคลุมขาวเก้าคนนั้น ตอนนี้กัดฟันพุ่งอยู่หน้าสุด จุดที่ผ่าน ผู้ฝึกฌานยอดเขาลำดับเก้าต่างพากันถอยไป ห้าคนคือคู่ต่อสู้ของพวกเขา แม้พวกเขาจะถูกลดพลังลงไปหกส่วน แต่ก็ยังมีจุดที่แข็งแกร่งอยู่

แต่ว่าช่วงที่เก้าคนนี้เข้าไปในช่องโหว่สามวงแหวนอาคมทั้งตัว เข้าไปในโลกที่อยู่ของสำนักดาราสัจธรรมนั้น ขณะที่พวกเขากำลังจะพุ่งไปหาหู่จื่อที่คลุ้มคลั่งที่สุดกลางผู้ฝึกฌานยอดเขาลำดับเก้า ทันใดนั้น ทะเลเต๋าข้างล่างโลกนี้ส่งเสียงหมุนม้วน เกิดเสียงไหลเชี่ยวดังเป็นระลอก ตามด้วยดวงจิตยักษ์วนเวียนเข้าปกคลุมเก้าคนนี้ แล้วจมพวกเขาลงไปในดวงจิตปานคลื่นยักษ์

นั่นคือบรรพชนแห่งทะเลเต๋า

เมื่อปกคลุมเก้าคนนี้อยู่ในดวงจิตตัวเอง การต่อสู้ระหว่างบรรพชนวิญญาณก็เริ่มขึ้นโดยออกห่างจากทุกคน มองไม่เห็นสายลมกลิ่นคาวเลือดฝนโลหิตมากนัก แต่สำหรับบรรพชนวิญญาณเก้าคนนั้นแล้ว หลังถูกลดพลังไปย่อมไม่อาจต่อต้านกับความแกร่งของบรรพชนแห่งทะเลเต๋า

ขณะเดียวกัน ผู้ฝึกฌานเผ่าหมานในยอดเขาลำดับเก้าต่างแสดงความโอหังของเผ่าหมาน หลังขั้นพลังยกระดับขึ้นมาจากครั้งก่อน เมื่อชินกับกลิ่นอายพลังโลกแท้จริงดาราสัจธรรมแล้วก็เริ่มผลัดเปลี่ยนอีกครั้ง การผลัดเปลี่ยนนี้คือการสั่งสมมานานก่อนปะทุขึ้น เป็นคุณค่าที่หลงเหลือในสายเลือดเผ่าหมานซึ่งคล้ายกับผู้มีชีวิตในวิหาร เหล่าเทพสละชีพเพื่อสนับสนุนชนรุ่นหลัง ในช่วงเร็วๆ นี้ ทั้งเผ่าพันธุ์แกร่งขึ้นอย่างต่อเนื่องก่อนทำสงครามบ้าคลั่งกับฝ่ายเงามืดรุ่งอรุณกับสิ่งศักดิ์สิทธิ์หวนคืน

ซูหมิงนั่งอยู่บนทะเลกระดูกขาว มองภาพต่างๆ ตรงหน้าด้วยสีหน้าเรียบนิ่ง ไม่ได้เปลี่ยนไปแม้แต่น้อย หากจะลับมีดก็ต้องมีขอบและมุมที่แตก หากต้นไม้จะเติบใหญ่จะต้องมีสายลมและฝนชโลม

ยอดเขาลำดับเก้า เผ่าหมาน สองสิ่งนี้คือครอบครัวที่สำคัญยิ่งกับซูหมิง หากพวกเขาอยากจะเติบโตก็ต้องผ่านสายลมและฝน ผ่านทุกอย่างในสิ่งที่ทุกขุมอำนาจต้องผ่านเพื่อผงาดขึ้น

มีแต่แบบนี้เท่านั้น พวกเขาถึงเติบโตสูงเสียดฟ้าได้ มีแต่แบบนี้เท่านั้นพวกเขาถึงจะเปลี่ยนจากพึ่งพาเป็นแกร่งขึ้นด้วยตัวเองโดยที่ซูหมิงไม่ต้องปกป้องมากนักอีก!

ซูหมิงทำได้เพียงให้สงครามนี้ยุติธรรมขึ้นเล็กน้อย เพียงแต่ว่าหากสุดท้ายยอดเขาลำดับเก้าไม่อาจปรับตัวกับสงครามแบบนี้ได้ เขาก็จะช่วย และจากนี้จะไม่ให้ยอดเขาลำดับเก้ากับเผ่าหมานออกมาอีก เพราะว่ายอดเขาลำดับเก้ากับเผ่าหมานแบบนั้น อาจจะไม่มีวันที่ได้พวกเขาผงาดขึ้นอีก สู้อยู่ในแดนมรณะหยินเสียยังจะดีกว่า

แต่หากพวกเขาเติบโตได้ พวกเขามีความเชื่อมั่นที่กล้าสู้สุดชีวิต มีจิตใจแน่วแน่ที่สู้กับฟ้า สู้กับมนุษย์ สู้กับทุกอย่าง เช่นนั้น ซูหมิงจะใช้พลังทั้งหมดให้ยอดเขา ลำดับเก้ากับเผ่าหมานกลายเป็นเผ่าพันธุ์กับสำนักที่แกร่งที่สุดในจักรวาล!

ไม่มีหนึ่งในบรรดาอีก!

ซูหมิงมองสงครามที่เกิดขึ้นตรงหน้า สีหน้าเขาเริ่มมีความชื่นชมทีละน้อย มองการต่อต้านของยอดเขาลำดับเก้า มองเห็นความไม่ยอมและยึดมั่นของพวกเขา เห็นแสงสว่างพร่างพราวที่สุดในชีวิตเปล่งมาจากทุกชีวิต

โดยเฉพาะหู่จื่อปานพยัคฆ์ในกลุ่มคน เขาถือกระบองเขี้ยวหมาป่ายักษ์ในมือพร้อมร้องตะโกน ระหว่างกวัดแกว่งกระบองยังด่าทอเสียงดังไปพลาง บุกทะลวงกองทหารอย่างน่าทึ่งไปพลาง ไม่เห็นเขามีสีหน้าทึ่มทื่ออีก แต่กลับมีความเหี้ยมโหดจนทำให้ศัตรูข้างกายใจสั่นไหว

และยังมีศิษย์พี่ใหญ่ไร้หัวที่นั่งขัดสมาธิลอยอยู่กลางอากาศนอกประตูสำนัก ยอดเขาลำดับเก้า เขาไม่ได้ลงมือ คนที่ลงมือคือวิญญาณเชมันจำนวนมากที่วนเวียนรอบตัว วิญญาณเหล่านี้ส่งเสียงร้องแหลม บ้างก็พุ่งออกไปยังผู้ฝึกฌานฝ่ายเงามืด รุ่งอรุณกับสิ่งศักดิ์สิทธิ์หวนคืน

ข้างกายศิษย์พี่ใหญ่เป็นศิษย์พี่รอง เขาในกิริยาวาจาสุภาพอ่อนโยนตอนนี้ เคร่งขรึมอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน เขาเป็นคนออกคำสั่งต่างๆ ควบคุมทุกการเปลี่ยนแปลงของสนามรบ รอบตัวยังมีผู้ฝึกฌานยอดเขาลำดับเก้าที่ไม่ลงมืออีกไม่น้อย แต่รออย่างเคร่งขรึม

ไกลออกไปยิ่งกว่า ยอดเขาของเขาลำดับเก้า ฟางชางหลันยืนอยู่ตรงนั้นเงียบๆ มองทอดไกลด้วยสีหน้าเรียบนิ่ง

ศิษย์พี่รองคือ จิตวิญญาณของยอดเขาลำดับเก้า ฟางชางหลันคือจิตวิญญาณของเผ่าหมาน!

แต่ซูหมิง เขาไม่ใช่จิตวิญญาณของสำนักกับเผ่าพันธุ์นี้อีก เขาถอยออกมาจากสายตา กลายเป็น…เทพเจ้าของสำนักนี้กับเผ่าพันธุ์นี้!

ซูหมิงในตอนนี้เรียกว่าเป็นเทพเจ้าได้จริงๆ หากเขายังไม่เรียกว่าเทพอีก โลกนี้ ก็คงไม่มีเทพแล้ว คนที่มีดวงจิตสามโลกแท้จริง ทำให้จักรพรรดิรุ่งอรุณเหยียนเผยกลัวจนตัวสั่นได้ นี่…ก็คือซูหมิง!

ซูหมิงยิ้มทีละน้อย แต่จักรพรรดิรุ่งอรุณเหยียนเผยที่นั่งต่ำกว่าเขากลับมีสีหน้า ขมขื่นขึ้นเรื่อยๆ เขาไม่กล้าหันไปมอง ได้แต่มองสงคราม ถึงในสงครามผู้ฝึกฌาน ฝ่ายเงามืดรุ่งอรุณกับสิ่งศักดิ์สิทธิ์หวนคืนจะอยู่เหนือกว่าเล็กน้อย ทว่า…ในตัวพวกเขาไม่มีพลังอำนาจแล้ว

พลังถูกผนึกไปหกส่วนอย่างน่าประหลาด เดิมทีเรื่องนี้สร้างแรงกดดันไร้รูปและแรงสะเทือนอย่างรุนแรงยิ่งให้กับผู้ฝึกฌานสิ่งศักดิ์สิทธิ์หวนคืนกับเงามืดรุ่งอรุณ สร้างความตกตะลึงแก่พวกเขา

เดิมทีไม่ควรทำสงครามต่อ แต่ด้วยคำสั่งจากจักรพรรดิรุ่งอรุณเหยียนเผยจึงต้องสู้ ผลจากเรื่องราวต่างๆ เหล่านี้ทำให้พลังอำนาจของผู้ฝึกฌานเงามืดรุ่งอรุณกับ สิ่งศักดิ์สิทธิ์หวนคืนไม่แข็งแกร่ง

หากการโต้กลับของยอดเขาลำดับเก้าไม่ได้รุนแรงไปนัก เช่นนั้นพลังอำนาจของ ผู้ฝึกฌานสิ่งศักดิ์สิทธิ์หวนคืนกับเงามืดรุ่งอรุณจะค่อยๆ กลับมา แต่สิ่งที่พวกเขาพบกลับเป็นการเข่นฆ่าอย่างที่ไม่เคยเห็นมาก่อนจากยอดเขาลำดับเก้า เมื่อเกิดการ ล้มตายกันมากขึ้นเรื่อยๆ ชั่วพริบตาที่ผู้ฝึกฌานยอดเขาลำดับเก้าเริ่มมีคนเลือก ระเบิดตัวเอง พลังอำนาจของผู้ฝึกฌานเงามืดรุ่งอรุณกับสิ่งศักดิ์สิทธิ์หวนคืนถูกควบคุมเอาไว้อย่างสมบูรณ์

ผู้ฝึกฌานฝ่ายเงามืดรุ่งอรุณกับสิ่งศักดิ์สิทธิ์หวนคืนเหล่านั้น พวกเขาเห็น ผู้ฝึกฌานตะโกนขึ้นว่ายอดเขาลำดับเก้าจงเจริญก่อนตาย ชั่วขณะที่ตะโกนประโยคนี้ร่างก็ระเบิดออก…หากเพียงแค่ระเบิดตัวเอง เช่นนั้นคงไม่ทำให้ผู้ฝึกฌานเงามืด รุ่งอรุณกับสิ่งศักดิ์สิทธิ์หวนคืนตกตะลึง แต่ว่า…คนที่ระเบิดตัวเองเหล่านั้น ระลอกคลื่นที่เกิดขึ้นตอนระเบิดตัวเองกลับเหนือกว่าแรงระเบิดตัวเองของพวกเขา

เพราะว่าในตัวพวกเขามีแผ่นหยกที่แฝงไว้ด้วยพลังคละปนกันมัดเอาไว้กับตัวจำนวนมาก และยังมีของวิเศษที่ระเบิดตามด้วยอีกจำนวนมาก แล้วก็เม็ดยาระเบิดตัวเองที่สร้างโดยยอดเขาลำดับเก้าอีกเล็กน้อย สิ่งเหล่านี้…เมื่อผู้ฝึกฌานระเบิดตัวเองพร้อมกัน จึงทำให้แรงระเบิดตัวเองของพวกเขามากขึ้นหลายเท่า

ความบ้าคลั่งสั่นคลอนเงามืดรุ่งอรุณกับสิ่งศักดิ์สิทธิ์หวนคืน

ไม่ใช่แค่คนสองคน แต่เป็นพันเป็นหมื่น เกิดเสียงระเบิดดังสนั่นฟ้า ระลอกคลื่นแรงระเบิดตัวเองถาโถมในสนามรบราวกับมือใหญ่มรณะเอาชีวิตที่ไม่อยากจากไป

นอกจากนี้แล้ว ในคนที่ระเบิดตัวเองเหล่านั้นยังมีเผ่าหมานอีกเล็กน้อย พวกเขาตะโกนว่าเผ่าหมานก่อนตาย ในน้ำเสียงแฝงไว้ด้วยการไม่อยากจากต่อเผ่าหมาน แต่กลับให้ร่างกายที่บาดเจ็บจนไม่อาจฟื้นกลับมาระเบิดออกอย่างไม่ลังเล ใช้แรงระเบิดมาทำให้ช่วงสุดท้ายในชีวิตพวกเขาสว่างวาววับจับตา

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version