Skip to content

สู่วิถีอสุรา 1294

ตอนที่ 1294 งานแต่ง

โดยเฉพาะหมิงหวงที่มีพลังสูงสุดในวิหารใหญ่นี้ ทันทีที่เขายืนขึ้นก็กระอักโลหิตมาหนึ่งคำ เขาสะบัดแขนเสื้อแล้วกลายเป็นสายรุ้งยาวพุ่งออกจากวิหารใหญ่

“เกิดอะไรขึ้น!”

ผู้ฝึกฌานคนอื่นๆ ในวิหารข้างหลังเขาต่างหน้าขาวซีด ซ้ำยังมีสองคนมีโลหิตไหลจากมุมปาก ถูกเสียงคำรามดังก้องในโลกแท้จริงนี้กระทบถึงเส้นเลือดหัวใจ เกิดการกระเทือนจนบาดเจ็บ

‘นี่คือ…เสียงคำรามด้วยความเจ็บปวดของดวงจิตโลกแท้จริงนี้’ ช่วงที่หมิงหวงมองฟ้า ใบหน้าพลันขาวซีด สูดลมหายใจเข้าด้วยความตกใจ

ขณะเดียวกันในพระราชวังผู้สูงส่งยมโลก ผู้ยิ่งใหญ่แห่งโลกแท้จริงจักรพรรดิยมโลก บุรุษผู้สวมเสื้อคลุมยาวสีม่วงซึ่งใบหน้าจะเปลี่ยนแปลงเป็นบางครั้ง หนึ่งลมหายใจก่อนหน้านี้เป็นเด็กหนุ่ม ลมหายใจต่อมาเป็นชายชรา ระหว่างกลางกลายเป็น วัยกลางคน เขากำลังยืนอยู่ตรงนั้นด้วยสีหน้าเคารพ ตรงหน้าเขาคือซูเซวียนอีกำลัง นั่งฌานด้วยสีหน้าสงบนิ่ง

ซูเซวียนอีในชุดคลุมขาวมีสีหน้าเฉยเมย เขามองกระดานหมากตรงหน้า มือขวาถือตัวหมากสีดำตัวหนึ่ง หลังวางลงช้าๆ แล้วก็มองไปยังชายวัยกลางคนชุดคลุมดำซึ่งอยู่ตรงข้าม

ชายคนนั้นมีเส้นผมยาวพาดไว้บนไหล่ ทั้งตัวแผ่ความรู้สึกหยิ่งยโสเหนือผู้ใด ซ้ำยังมีแรงกดดันรุนแรงอย่างหนึ่ง ทำให้ผู้ยิ่งใหญ่ของโลกนี้ข้างหลังซูเซวียนอี ใจเต้นระรัว ในความรู้สึกเขา ชายชุดคลุมดำคนนี้เหมือนกับพยัคฆ์หมอบอยู่ตรงนั้น แต่ตนเป็นเพียงคนธรรมดา

“ท่านจักรพรรดิรุ่งอรุณ ถึงตาท่านแล้ว เสร็จกระดานหมากนี้ พวกเขาควรไปงานแต่งของบุตรสาวข้าได้แล้ว ตอนนี้เตรียมการใกล้จะเสร็จแล้ว” ซูเซวียนอียิ้มเล็กน้อย ชายชุดคลุมดำตรงหน้าเขาก็คือ…ผู้แข็งแกร่งที่สุดจากฝ่ายเงามืดรุ่งอรุณ จักรพรรดิรุ่งอรุณเหยียนเผย!

คนที่ตกใจกลัวซูหมิงจนถอยไปคือร่างแยก ตอนนี้ที่อยู่ที่นี่คือร่างจริง แต่ต่อให้เป็นอย่างนี้ เขากลับรู้เรื่องทุกอย่างเกี่ยวกับร่างแยกในโลกแท้จริงดาราสัจธรรมอย่างชัดเจน มันกลายเป็นความหวาดกลัวที่หยั่งลึกที่สุดในมหาโลกสามรกร้างซึ่งซ่อนอยู่ในส่วนลึกในใจเขา

และเพราะเรื่องนี้เองเขาถึงเลือกอยู่ในโลกแท้จริงจักรพรรดิยมโลกระยะยาว ตามความคิดเขา ตัวประหลาดน่าสะพรึงในโลกแท้จริงดาราสัจธรรมนั่นสนใจแค่ ยอดเขาลำดับเก้าเท่านั้น ขอเพียงตนไม่ล่วงเกินยอดเขาลำดับเก้า ตัวประหลาด น่ากลัวนั่นคงไม่มาสร้างปัญหาให้ตน

มิเช่นนั้นแล้วร่างแยกเขาในตอนนั้นคงไม่มีทางหนีรอด หลังผ่านเรื่องนี้มา เขามองออกว่าอีกฝ่ายมิได้คิดจะสังหารตน แต่ถึงจะเป็นอย่างนั้นเขาก็ยังกังวลอยู่เล็กน้อย ดีที่หลายเดือนผ่านมาแล้วยังไม่เกิดอะไรขึ้น เขาจึงสบายใจขึ้นบ้าง แต่ไม่ว่าอย่างไรก็ตามจะไม่มีทางไปโลกแท้จริงดาราสัจธรรมอย่างเด็ดขาด

เหยียนเผยยิ้มด้วยสีหน้าปกติไม่เผยว่าสุขหรือโกรธ รอยยิ้มนั้นน้อยมาก เขายกมือขวาขึ้นวางตัวหมากสีขาวลงบนกระดาน ขณะกำลังจะกล่าวนั้นหน้าเปลี่ยนสีในฉับพลัน

ตอนนี้เองผู้ยิ่งใหญ่โลกนี้ข้างซูเซวียนอีหน้าเปลี่ยนสี ตอนที่เงยหน้าขึ้นพลันกระอักเลือด ร่างซวนเซถอยไปหลายก้าวแล้วกระอักเลือดอีกครั้ง อาการบาดเจ็บ หนักกว่าหมิงหวง เพราะผู้ยิ่งใหญ่ของโลกนี้มีได้เพียงคนเดียว ดังนั้นเสียงคำราม อย่างไม่ยอมของดวงจิตโลกแท้จริงจักรพรรดิยมโลกจึงทำอันตรายเขามากที่สุด

ส่วนซูเซวียนอีไม่รู้สึกแม้แต่น้อย เดิมทีเขาไม่ใช่คนโลกนี้อยู่แล้ว ตอนนี้แค่ขมวดคิ้ว เขารู้สึกถึงการสั่นสะเทือนจากโลกแท้จริงข้างนอก และยังสังเกตเห็นว่าเกิดเรื่องไม่คาดคิดบางอย่างกับดวงจิตของโลกแท้จริงนี้ มันจึงส่งเสียงคำราม

ขณะตกอยู่ในห้วงความคิดเขาหลับตาลง ตอนที่ปิดตาลงนั้น จิตสำนึกเขา ข้ามผ่านไปไกลไม่มีสิ้นสุด ยืดยาวไปถึงกลางน้ำวนประหนึ่งหมอกหมุนตลบตรง ส่วนลึกของโลกแท้จริงจักรพรรดิยมโลก

ตรงใจกลางน้ำวนมีร่างเงานั่งขัดสมาธิอยู่คนหนึ่ง หน้าตาเขา…ก็เป็นซูเซวียนอี ช่วงที่เขาลืมตาขึ้น ดวงตาฉายแววผ่านโลกมาเนิ่นนานและเย็นชา ตรงนี้คือร่างจริงของเขา แต่คนที่เล่นกระดานหมากกับจักรพรรดิรุ่งอรุณเหยียนเผยคือร่างแยก

‘ด้วยการจัดการของข้าเมื่อหลายปีก่อน ต้นกำเนิดดวงจิตโลกนี้ค่อยๆ รวมออกมาเป็นน้ำวนนี้ ภายในนั้นสามารถสร้างเป็นดวงจิตใหม่ได้…ในน้ำวนมีโลหิตบริสุทธิ์ของข้าอยู่ ขอเพียงดวงจิตนี้กำเนิดก็จะหลอมรวมกับร่างข้าทันที สมควรตาย หรือว่าจะเกิดเหตุไม่คาดคิด’ ซูเซวียนอีขมวดคิ้ว จิตสัมผัสแผ่กระจายไปรอบๆ โลกแท้จริงจักรพรรดิยมโลก แต่กลับไม่พบเงื่อนงำใดๆ ส่วนซูหมิง…เขาไม่พบ

เขาเห็นเพียงโลกแท้จริงจักรพรรดิยมโลกกำลังร้องคำรามและดิ้นรนด้วย ความเจ็บปวด เหมือนว่าดวงจิตกำลังถูกคนยึดครอง แต่ไม่ว่าซูเซวียนอีจะหาอย่างไรก็หาร่องรอยการยึดครองดวงจิตโลกแท้จริงไม่พบ

‘หรือจะเป็นเพราะว่าดวงจิตในน้ำวนจะถือกำเนิดแล้ว? ดังนั้นเลยทำให้ดวงจิตจักรพรรดิยมโลกต่อสู้ดิ้นรน…’ ซูเซวียนอีเหมือนเกิดความคิดขึ้น เขาทำเสียงหึขึ้นจมูกแล้วหลับตาลง

ชั่วพริบตาที่หลับตาลง เขาในพระราชวังผู้ยิ่งใหญ่แห่งยมโลกลืมตาขึ้น

“ดวงจิตโลกนี้เกิดปัญหาเล็กน้อย” จักรพรรดิรุ่งอรุณเหยียนเผยกล่าวขึ้นเรียบๆ ก่อนหน้านี้เขาก็ใช้จิตสัมผัสตรวจสอบทั้งโลกแท้จริงแล้วกลับไม่พบเงื่อนงำใดๆ ทว่าก็มองออกว่าดวงจิตโลกแท้จริงจักรพรรดิยมโลกกำลังถูกลดกำลังลงอย่างรวดเร็ว เหมือนว่ากำลังจะตายไปอย่างเร็วไว แต่บอกว่ารวดเร็ว ทว่าหากเปลี่ยนเป็นเวลา ตามความเร็วแบบนี้แล้ว ต้องใช้เวลาราวร้อยปีถึงจะตายไปอย่างแท้จริง

“ช่างเถอะ เรื่องของแซ่ซูไม่ได้เกี่ยวกับโลกภายนอกมากนัก ท่านเหยียนเผย กระดานหมากนี้…หืม?” ซูเซวียนอียังไม่ทันพูดจบก็หน้ามืดทะมึนทันใด เขามองไกลออกไป สายตามองผ่านมวลอากาศไปยังงานแต่งครั้งใหญ่ที่ตอนนี้เตรียมการเสร็จแล้วและกำลังรอเขาไปถึงบนดาวจักรพรรดิยมโลกของโลกนี้ นี่คือจุดสำคัญมากในแผนการหลายหมื่นปีของซูเซวียนอี เขาไม่มีทางยอมให้เกิดเหตุไม่คาดคิดใดๆ ทว่าตอนนี้…ดันเกิดขึ้นแล้ว

“ข้ารู้ เขา…น่าจะเผยสัญญาณทรยศข้าในวันนี้!” ซูเซวียนอีกล่าวอย่างเย็นชาพร้อมยืนขึ้นประสานมือคารวะเหยียนเผย

“เป็นศิษย์ของข้าก่อกบฏ เด็กคนนี้ติดตามข้ามาหลายปี เฮ้อ…” ซูเซวียนอีส่ายศีรษะ

“อืม ข้าเข้าใจความหมายของสหายซู คนนี้…ข้าจะช่วยเจ้าสังหารเอง ถือเสียว่าเป็นรางวัลชมเชยที่เจ้าร่วมมือกับฝ่ายเงามืดรุ่งอรุณของข้า ส่วนเรื่องเผ่ายมโลกของพวกเจ้า ในเมื่อข้ารับปากแล้วย่อมไม่คืนคำ มหาโลกสามรกร้างจะไม่มีทางคงอยู่ได้ยาวนานอีกแล้ว จากนี้ไป…จะเป็นของเผ่ายมโลกของเจ้าเท่านั้น”

“ขอบคุณมากท่านจักรพรรดิรุ่งอรุณ” ซูเซวียนอีคารวะเหยียนเผยลึกๆ อีกครั้ง แต่มีแค่เขาที่ได้ยินเสียงหัวเราะในใจตัวเอง ด้วยความสามารถที่โดดเด่น และมองการณ์ไกล เขาจะไปยอมอยู่ใต้คนอื่นได้อย่างไร การใช้ประโยชน์จากฝ่าย เงามืดรุ่งอรุณเป็นเพียงส่วนหนึ่งที่แตกต่างของแผนการที่มีไว้เสริมส่วนที่ขาดก่อนจุดชนวนก็เท่านั้น

ต่างฝ่ายต่างใช้ประโยชน์กันและกัน จุดนี้เหยียนเผยก็รู้ดี เขามองซูเซวียนอีที่คารวะตนพลางยิ้มเยาะในใจเช่นกัน มองคนตรงหน้าเป็นเพียงตัวหมาก แต่เขาต่างหากที่เป็นคนวางหมาก ต่อให้ตัวหมากสำคัญกว่านี้ แต่สุดท้ายก็ไม่ส่งผลกระทบใดๆ กับคนวางหมาก อย่างมาก…ก็แต่เล่นกระดานหมากใหม่เท่านั้น

ณ โลกแท้จริงจักรพรรดิยมโลก บนดาวจักรพรรดิยมโลก นั่นคือดาวแท้จริงใหญ่ยักษ์ยิ่งที่ใช้ยอดอภินิหารจากดาวเกือบพันดวง ขนาดของมันคือมองไกลๆ ก็ยังใหญ่มหึมา จึงยิ่งไม่ต้องพูดถึงว่าหากยืนอยู่บนดาวแท้จริงดวงนี้ ความรู้สึกว่าฟ้าดินกว้างใหญ่ไพศาลคงทำให้เกิดภาพหลอนว่าฟ้ากระจ่างดาวกลายเป็นแผ่นดิน

บนดาวใหญ่ยักษ์ กลางมหาสมุทรกว้างใหญ่สุดลูกหูลูกตา บนต้นไม้โบราณใหญ่ที่ขึ้นมาจากก้นทะเลต้นหนึ่ง มีผู้ฝึกฌานมากกว่าล้านคนกำลังอวยพรในงานแต่งงานครั้งใหญ่

ความใหญ่ของต้นไม้โบราณนี้คือทุกใบไม้จะเหมือนเป็นลานแห่งหนึ่ง มองไกลๆ ต้นไม้นี้สูงระฟ้า จริงๆ แล้วมีตำนานอย่างหนึ่งบนดาวจักรพรรดิยมโลก

ตำนานเล่าว่าเมื่อนานมาแล้ว สาเหตุที่ดาวเกือบพันดวงรวมกันกลายเป็นดาวดวงนี้ก็เพราะพบต้นไม้โบราณต้นนี้ ช่วงเวลาที่มันอยู่เหมือนว่าจะไม่ใช่ยุคนี้ แต่เป็นยุคที่นานยิ่งกว่า กระทั่งมีตำนานเล่าว่าต้นไม้นี้…น่าจะเป็นวัตถุที่เหลือจากยุคก่อน หนีพ้นความเป็นตายจากมหันตภัยมาจนถึงวันนี้

แน่นอนว่าต่อมาผู้ฝึกฌานทั่วไปไม่มีสิทธิ์รู้ตำนานนี้ แต่จะเป็นยอดฝีมือเหล่านั้นที่รู้ อีกอย่างหนึ่งมีเพียงผู้ฝึกฌานที่เข้าใจประวัติศาสตร์สามรกร้างอยู่บ้างเท่านั้นถึงจะรู้และเผยแพร่ต่อได้ ซ้ำยังถูกมองว่าแทบจะเป็นเรื่องจริง

หนึ่งเค่อก่อนหน้านี้ ผู้ฝึกฌานที่รวมอยู่ล้านคนบนต้นไม้โบราณนี้ล้วนเป็น ผู้ฝึกฌานของโลกแท้จริงจักรพรรดิยมโลก มาจากทุกเผ่าพันธุ์ มาอวยพรกันที่นี่ เพราะว่าฝ่ายชายในงานแต่งเป็นองค์ชายสามของโลกแท้จริงจักรพรรดิยมโลก ไม่ว่าจะเป็นใบหน้า พลังหรือฐานะ พูดได้ว่าเขาสูงส่งยิ่งในโลกแท้จริงจักรพรรดิยมโลก เป็นโอรสของหมิงหวง และยังมีพลังขั้นกุม ทุกอย่างรวมเข้าด้วยกันกลายเป็น พลังอำนาจที่มากพอจะทำให้คนมากมายต้องอิจฉา

แม้องค์ชายสามจะมีมลทินอยู่บ้าง เคยมีนิสัยเหี้ยมโหด ซ้ำยังมีชื่อเสียงด้าน ความโหด แต่สิ่งเหล่านี้คืออดีต หลายปีในเร็วๆ มานี้องค์ชายสามเปลี่ยนนิสัย ไม่เหี้ยมโหดอีก ไม่ใช้อำนาจบาตรใหญ่ระรานคนอื่นอีก ถึงขนาดที่หน้าตายังเปลี่ยนไปตามนิสัยทีละน้อย ดูมีความน่าเกรงขามขึ้นมาไม่น้อย

เหมือนกับว่าเติบโตขึ้นแล้ว จุดนี้เด่นชัดยิ่ง ทำให้คนมากมายเริ่มจับตามองกันในช่วงเวลานี้

เห็นๆ อยู่ว่าเขาดูเหมือนขั้นกุม แต่ไม่ว่าขั้นกุมคนใดอยู่ตรงหน้าเขาล้วนต้องใจสั่นเหมือนถูกควบคุม ต่อให้เป็นขั้นเกิดก็เช่นกัน กระทั่งผู้นำแปดตระกูลใหญ่ที่เป็น ราชายมโลกซึ่งมีพลังขั้นดับยังเกิดความรู้สึกถูกควบคุมเมื่อพบกับองค์ชายสาม

ทางฝ่ายหญิงก็เป็นที่รู้จักของผู้คน นางมีสายเลือดราชายมโลกผู้หนึ่งของตระกูลที่ถูกทำลายในอดีต มีนามว่าอวี่เซวียน หญิงที่หนีงานแต่งในตอนนั้น ตอนนี้ก็ยังคง ยืนอยู่ที่นี่

เกิดความครึกครื้นไม่ธรรมดา เสียงคนดังจอแจ เสียงหัวเราะดังก้อง คำอวยพรจากทุกตระกูลดังขึ้นลง ทำให้การเตรียมงานแต่งครั้งนี้สมบูรณ์แบบใกล้จะได้เริ่มงานแล้ว แต่ว่า…นี่คือหนึ่งเค่อก่อนหน้านี้

ตอนนี้มีเสียงคำรามจากดวงจิตจักรพรรดิยมโลกดังขึ้นก่อน ทำให้ผู้ฝึกฌานทุกคนที่นี่ใจสั่น เกิดความวุ่นวายขึ้นราวกับวันสิ้นโลกมาเยือน จากนั้น…ท่ามกลางเสียงคำรามต่ำที่แฝงไว้ด้วยการผ่านโลกมาเนิ่นนาน ชายชราคนหนึ่งที่ใบหน้าดูแก่ชรากว่าตอนนั้นมากเป็นสายรุ้งยาวตรงเข้ามาอย่างไม่ลังเล จุดที่ผ่านฟ้าดินจะเหมือนถูก แยกออก เขาพุ่งทะยานไปยังใจกลาง มองอวี่เซวียนที่เฉยชาปานหุ่นไม้อยู่ไกลๆ

ข้างกายอวี่เซวียนคือ องค์ชายสามผู้มีสีหน้าไร้คลื่นอารมณ์มาตลอด สายตามองความวุ่นวายรอบๆ ด้วยแววตาเย็นชา

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version