Skip to content

สู่วิถีอสุรา 1304

ตอนที่ 1304 เรื่องในอดีตผ่านไปตามสายลม

สหายสนิทในอดีต สหายในวัยเยาว์

‘ซูหมิง ข้าจะบอกกับเจ้าว่าจากนี้ไปข้าเหลยเฉินจะเป็นเจ้าเผ่าเขาทมิฬ เจ้าก็ต้องพยายามเป็นเจ้าหมานให้ได้ ถึงตอนนั้นใครจะกล้ารังแกพวกเรา…’

‘ฝึกหมานไม่ได้ก็ไม่เป็นไร เจ้าวางใจเถอะ จากนี้เหลยเฉินจะปกป้องเจ้าเอง’

‘เอ่อ…ซูหมิง เจ้าว่าหนูน้อยคนนี้เป็นอย่างไร ข้ารู้สึกชอบนางมาก…’

‘ในอนาคต พวกเราจะเปลี่ยนไปหรือไม่…’

คำพูดจากในความทรงจำดังกึกก้อง แต่ตอนนี้กลับมีระยะห่างของหนึ่งกระบี่ขวางเอาไว้ ทำให้ถอนหายใจในความซับซ้อน

“เขาคือบิดาข้า” เหลยเฉินไม่มีสีหน้าซับซ้อนอีก แต่มองซูหมิง ดวงตาสองข้างใส พูดขึ้นเบาๆ

“ข้าจะไม่สังหารเขา” ซูหมิงเงียบ ผ่านไปพักใหญ่ถึงตอบกลับเบาๆ ต่อให้มี จิตสังหารรุนแรงกว่านี้อีก ตอนนี้เหลยเฉินอยู่ที่นี่ ซูหมิง…ลงมือไม่ได้

ความจริงตั้งแต่ที่พบเหลยเฉินในมหาโลกซางเซียง ซูหมิงก็คาดการณ์เอาไว้เล็กน้อยแล้ว เพราะเขารู้สึกถึงกลิ่นอายพลังเมล็ดพันธุ์แห่งการทำลายล้างชีวิตครึ่งหนึ่งที่ซูหมิงบำรุงซึ่งต่อมาซูเซวียนอีเอากลับไปจากในตัวเหลยเฉิน จนกระทั่งเข้ามาในโลกแท้จริงจักรพรรดิยมโลก คำตอบทุกอย่างถูกเปิดเผย

อวี่เซวียนไม่มีทางเป็นทายาทซูเซวียนอี นางเป็นเพียงคู่ชีวิตที่ซูเซวียนอีเตรียมไว้ให้บุตรชาย เป็นหม้อหลอมที่บำรุงเมล็ดพันธุ์แห่งการทำลายล้างชีวิตอีกครึ่งที่เตรียมไว้เหมือนกับซูหมิง

เช่นนั้นก็มีเพียงองค์ชายสามที่อยู่ข้างกายอวี่เซวียนและดำเนินงานแต่งนี้ก็คือเหลยเฉิน

เขาต่างหากคือ ทายาทแท้จริงของซูเซวียนอี!

เหลยเฉินมองซูหมิง พอได้ยินคำพูดซูหมิงแล้วหลับตาลง ทันทีที่หลับตา ซูหมิงเดินหน้าหนึ่งก้าว วูบเดียวก็ผ่านร่างเหลยเฉิน มาปรากฏอยู่ตรงหน้าซูเซวียนอี ก่อนยกมือขวาวาดผ่าน

แสงสีม่วงสว่างวาบ ชั่ววูบเดียวก็ย้อมฟ้าเป็นสีม่วง ช่วงที่แสงนี้หายไปในพริบตา ซูเซวียนอีหน้าซีด ร่างซวนเซถอยไปหลายก้าว

ในตัวเขาเปล่งแสงสีม่วง ใบหน้าย่ำแย่ขึ้นเรื่อยๆ เขารู้สึกชัดเจนว่าเมื่อแสงม่วงขยายออก ร่างกายเขาอ่อนแอลงเรื่อยๆ ตอนนี้เองดวงจิตซูหมิงถาโถมเข้าไปเป็น ดวงจิตคมกริบ พุ่งเข้าไปในจิตใจผ่านดวงตาซูเซวียนอี

ซูเซวียนอีเหมือนกลายเป็นเส้นใย พอดวงจิตซูหมิงทะลวงเข้าไป แสงม่วงก็ขยายไปตามเส้นใย พริบตาแรก…บนดาวแท้จริงกันดานแห่งหนึ่งในโลกแท้จริง จักรพรรดิยมโลก ภายในถ้ำภูเขาสูงแห่งหนึ่งมีร่างเงานั่งขัดสมาธิอยู่คนหนึ่ง ร่างเงานี้สวมเสื้อคลุมยาว ตอนนี้พลันเงยหน้าขึ้นเผยสีหน้าแก่ชรา แต่ในดวงตากลับมีแสงม่วงทะลวงออกมา

เขา คือร่างแยกหนึ่งของซูเซวียนอี ตอนนี้หลังจากที่ดวงตาสองข้างขยับแสงสีม่วง มีมือไร้รูปข้างหนึ่งยื่นมาจากในแสงม่วงกดกลางกระหม่อมชายชรา ไม่อาจหลบได้ ท่ามกลางเสียงครึกโครม ร่างชายชราสั่นสะท้าน ก่อนเป็นควันสลายหายไป วิญญาณดับสูญ…

พริบตาที่สอง ในโลกแท้จริงหยินศักดิ์สิทธิ์ กลางหมู่วิหารมหึมา มีชายวัยกลางคนผู้หนึ่งกำลังนั่งอยู่ตรงตำแหน่งสูงของวิหารใหญ่ด้วยสีหน้าเคร่งขรึม สายตาเย็นชามองทุกคนข้างล่าง ขณะอ้าปากจะพูดอะไรบางอย่างนั้น เขาตัวสั่นสะท้านไปทั่วร่าง ในดวงตามีแสงสีม่วงพุ่งขึ้นฟ้า ขณะที่ผู้ฝึกฌานข้างล่างกำลังประหลาดใจ มือของ ซูหมิงยื่นมาจากในแสงม่วงกดระหว่างคิ้วชายวัยกลางคนแบบง่ายๆ เกิดเสียงระเบิด ดังก้อง ร่างชายวัยกลางคนสั่นไหวก่อนแหลกสลายไปทั้งตัว

พริบตาที่สาม ในโลกแท้จริงจักรพรรดิยมโลก กลางน้ำวนมหึมาตรงส่วนลึก ตรงจุดที่วิญญาณแห่งต้นกำเนิดใหม่จะกำเนิดขึ้น ร่างจริงซูเซวียนอีก็ดีหรือร่างแยกก็ดี ตอนนี้…ร่างเขาสั่นไหว ไม่ได้ลืมตาขึ้น เหมือนรู้ว่าหากลืมตาจะมีแสงม่วงเปล่งออกมา ร่างเงานี้ขยับวูบไหว ขณะกำลังจะจากไปอย่างรวดเร็วนั้น ร่างกายเขาเปล่งแสงม่วง แสงม่วงนี้กลายเป็นมือซูหมิงตบเข้ามาเบาๆ และไม่อาจหลบได้ดุจลิขิตเอาไว้ ช่วงที่ตบโดนหน้าผาก เกิดเสียงแตกหักดังกังวาน หลังแสงม่วงหายไป ทุกอย่างกลายเป็นความว่างเปล่า

พริบตาที่สี่ ในเตาหลอมลำดับห้า บุรุษเย็นชาคนนั้นที่นั่งฌานเงียบๆ อยู่ข้าง ศพภรรยาซูเซวียนอีมาตลอดหลายปี ตอนนี้ถอนหายใจเบา ลืมตาขึ้น ปล่อยให้ แสงม่วงในดวงตาปกคลุมอากาศ ปล่อยให้มือซูหมิงปรากฏในแสงม่วง ตอนที่กดระหว่างคิ้ว การปกป้องหลายปีของเขาสิ้นสุดลงในวันนี้…

พริบตาที่ห้า กลางทะเลดาราต้นกำเนิดจิต ไกลออกไปจากดาวทมิฬ ภายใน ซากปรักหักพังกว้างใหญ่ ในแดนจุดยุทธศาสตร์ที่สำคัญอย่างยิ่ง มีชายชราคนหนึ่ง เส้นผมยุ่งเหยิง ทั่วร่างผอมแห้ง มีกลิ่นอายมรณะเข้มข้นมาจากในตัว กำลังนั่งขัดสมาธิอยู่ในวงแหวอาคม

วงแหวนนอาคมนี้โบราณอย่างยิ่ง เหมือนเป็นผนึกแห่งหนึ่งควบคุมทุกอย่างในนี้ ชายชราคนนี้ดูเหมือนมีกลิ่นอายมรณะมากจนมองเห็นไม่ชัด แต่กลับมีเสี้ยวพลังชีวิตที่ยังไม่มอดดับ ทว่าเหล่านี้ไม่ใช่ความประหลาดของเขา ที่ประหลาดจริงๆ คือบนหลังชายชรามีศพนอนหมอบอยู่หนึ่งร่าง!

ไม่รู้ว่าศพนั้นตายมากี่ปีแล้ว แต่ก็ติดอยู่กับหลังชายชราแน่นหนา สูบพลังชีวิต ชายชราตลอดเวลา ต่อให้เป็นกลิ่นอายมรณะยังถูกสูบไปด้วยราวกับเป็นกาฝาก…

ชายชรามีสีหน้าเจ็บปวด เหมือนใช้ชีวิตแบบนี้มาไม่รู้กี่ปีแล้ว แต่ในตอนนี้ ชายชราพลันลืมตาขึ้น กลางแสงม่วงในดวงตาสองข้างไม่มีความลนลาน แต่แฝงไว้ด้วยความดีใจที่เหมือนเฝ้ารอมานานมาก

เมื่อแสงม่วงขยับประกาย มือขวาซูหมิงพลันโผล่มาจากส่วนลึกแล้วกดระหว่างคิ้วชายชรา ชายชรากลั้นความตื่นเต้นในใจไม่ไหว เขาไม่หลบฝ่ามือจากดวงจิตซูหมิงแม้แต่น้อย จนกระทั่งร่างชายชราแหลกสลาย วิญญาณดับสูญไป…

หลังแสงม่วงหายไป ศพแห้งที่ไม่มีตัวฝากอาศัยพลันลืมตาขึ้น เปล่งเสียงคำรามบ้าคลั่งแหลมเล็กและเต็มไปด้วยความดื้อรั้นไปทางวงแหวนอาคมนั้น

พริบตาที่หก พริบตาที่เจ็ด…

หลายร่างแยกของซูเซวียนอีในตอนนี้แหลกเป็นเสี่ยงๆ ถูกซูหมิงลบหายไปจนสิ้นภายใต้การกวาดล้างด้วยดวงจิตของเขา เหลือเพียงร่างที่ถอยไปตรงหน้าและหน้าซีดขาวขึ้นเรื่อยๆ ซูหมิงไม่ได้ลบร่างนี้ เขารับปากกับเหลยเฉินแล้วว่าจะให้ซูเซวียนอีรอด

แต่ว่าการรอดชีวิตที่ว่า ซูหมิงเลือกลบร่างแยกซูเซวียนอีทั้งหมด แม้จะมีร่างจริงของซูเซวียนอีอยู่ก็ตาม แต่สำหรับเผ่ายมโลกแล้ว ถึงร่างจริงจะตาย ร่างแยกก็ยังใช้วิธีพิเศษบางอย่างมีชีวิตรอดได้

หลังทำทุกอย่างเสร็จแล้ว ซูหมิงมองซูเซวียนอีที่พลังลดลงอย่างรวดเร็วเพราะ ร่างแยกสิ้นชีพหมดจนเหลือเพียงระดับฟ้าแวบหนึ่ง เขาส่ายศีรษะก่อนหมุนตัวเดินไปหาอวี่เซวียน พอกลับมาถึงข้างกายนางแล้วก็กดระหว่างคิ้วนางเบาๆ

อวี่เซวียนยังคงมองซูหมิง นางไม่หลบ แต่เมื่อนิ้วซูหมิงกดลง ดวงจิตซูหมิงหลั่งไหลเข้าไปในร่างนาง หมุนโคจรรอบหนึ่ง เมล็ดพันธุ์แห่งการทำลายล้างชีวิตคล้ายเรือครึ่งลำถูกซูหมิงตัดการเชื่อมต่อกับอวี่เซวียน ก่อนถูกนำออกมาจากในตัวนาง

ตอนที่เมล็ดพันธุ์แห่งการทำลายล้างชีวิตถูกเอาออกมา รอบตัวมันเต็มไปด้วยเส้นหนวดขยับยึกยือจำนวนมากจนซูหมิงมีสีหน้ารังเกียจ ตอนนั้นสิ่งนี้อยู่ในตัวเขาเหมือนกัน ตอนนี้เมื่อนำออกมาแล้วก็โยนสิ่งนี้ให้กับเหลยเฉิน

เมล็ดพันธุ์แห่งการทำลายล้างชีวิตครึ่งหนึ่งตรงไปหาเหลยเฉินทันที พริบตาที่สัมผัสกับเหลยเฉินมันก็หลอมรวมเข้าไปในร่างเขา หลอมรวมกับเมล็ดพันธุ์แห่ง การทำลายล้างชีวิตครึ่งหนึ่งที่ซูหมิงบำรุงชิ้นนั้นในร่างเหลยเฉินอย่างสมบูรณ์ กลายเป็น…ครบสมบูรณ์!

“ในเมื่อบิดาเจ้าพยายามมากเพื่อจะได้สิ่งนี้มา ทั้งยังหลอมรวมในร่างกายเจ้า เช่นนั้น…จากนี้เจ้ากับข้าสองคน บุญคุณก็ดี ความแค้นก็ดี ในเมื่อเข้าใจไม่ชัด พูดไม่เข้าใจ สู้ปล่อยเรื่องในอดีตไปตามสายลมดีกว่า ให้ความทรงจำว่างเปล่า…” ซูหมิงมองเหลยเฉินอย่างลึกซึ้งแวบหนึ่งแล้วดึงอวี่เซวียนมาอยู่ตรงหน้าท่านปู่ ก่อนคารวะพร้อมกับอวี่เซวียน ท่านปู่เผยรอยยิ้ม

“ท่านปู่ พวกเรา…กลับบ้านกันเถอะ” ซูหมิงพูดเบาๆ

รอยยิ้มท่านปู่เมตตายิ่งกว่าเดิม เขาพยักหน้า สองคนเหยียบมวลอากาศเดินออกจากต้นไม้โบราณ ตอนนี้เองซูหมิงพูดเสียงทุ้มต่ำดังข้างหูจักรพรรดิรุ่งอรุณเหยียนเผย

“สิบปีจากนี้ ไปรอข้าที่ช่องโหว่สามรกร้าง”

เหลยเฉินมองเงาแผ่นหลังซูหมิง แล้วพลันพูดขึ้นด้วยสีหน้ามัวหมอง

“ซูหมิง…”

ซูหมิงหยุดชะงัก ยามที่หันหน้าไปมอง เสียงเหลยเฉินดังแว่วมาด้วยความหมายไม่ชัดเจน

“คำตอบในตอนนั้น ข้าจะตอบเจ้าในตอนนี้ ข้าไม่เปลี่ยน…” เหลยเฉินตัวสั่นไหวเบาๆ เขามองสหายในวัยเยาว์ มองสหายสนิทในชีวิตพร้อมพูดพึมพำ

“แต่เจ้า…เปลี่ยนไปแล้ว” ในดวงตาซูหมิงแฝงไว้ด้วยความหยั่งลึกที่มองทะลุ ทุกอย่าง บางทีก่อนหน้าที่ซูหมิงจะมา เขาคงไม่ได้สังเกตเห็นมากนัก แต่ตอนที่ร่างเงาสีแดงนั้นปรากฏ ซูหมิงรู้คำตอบแล้ว

จนกระทั่งทำลายร่างแยกซูเซวียนอีในช่วงสุดท้าย หากจะบอกว่าจบบุญคุณความแค้น สู้บอกว่าแท้จริงแล้วนี่เป็นส่วนหนึ่งของแผนการซูเซวียนอีจะดีกว่า

อาศัยพลังของซูหมิงมาตัดภาวะตกอับของซูเซวียนอี ส่วนเหลยเฉินบอกกับ ซูเซวียนอีเรื่องซูหมิงไปมหาโลกซางเซียงหรือไม่นั้น ซูหมิงไม่อยากนึกถึง เป็นอย่าง ที่เขาว่าไว้ ให้เป็นความว่างเปล่า นับจากนี้เป็นคนแปลกหน้า เจ้าไม่ล่วงเกินข้า ข้าก็ไม่เห็นเจ้า

“นี่ต่างหากคือซูเซวียนอีที่ข้ารู้จัก” ซูหมิงหันหน้าไปกวาดสายตามองเหลยเฉิน สิ่งที่เห็นคือซูเซวียนอีที่มีสีหน้าสงบนิ่ง แต่ดวงตาสองข้างกลับแฝงไว้ด้วยความลุ่มลึกเหมือนกับตน การสบตากันของสองคนเป็นเพียงชั่วพริบตาที่สายตาตัดผ่านกัน

ซูหมิงไปแล้ว พาอวี่เซวียน พาท่านปู่ออกจากแมกไม้ ผู้ฝึกฌานล้านคนข้างหลังต่างประสานมือคารวะจากใจจริง พวกเขาคารวะบุญคุณที่ซูหมิงช่วยชีวิต

“รอเดี๋ยว” บนมหาสมุทร หลังออกจากต้นไม้โบราณและผู้ฝึกฌานล้านคนคารวะแล้วนั้น ท่ามกลางสายตามัวหมองซับซ้อนของเหลยเฉินกับแววตาหยั่งลึกและสีหน้าสงบนิ่งของซูเซวียนอี ซูหมิงหยุดชะงักอีกครั้ง

เขาหันกลับไป ครั้งนี้ไม่ได้มองบนแมกไม้ แต่มองข้างต้นไม้โบราณข้างล่าง ตอนนี้ชายหนุ่มผู้ดูมีความรู้และสง่าคนนั้นกำลังมองซูหมิง

ทันทีที่สองคนสบตากัน ซูหมิงยิ้ม เขามองชายหนุ่มคนนั้น มองมหาสมุทร มองต้นไม้โบราณพลางพูดกับอวี่เซวียนและท่านปู่เบาๆ

“ข้าจะไปพบกับผู้อาวุโสท่านหนึ่งก่อน พวกเจ้า…รอข้าประเดี๋ยว”

ซูหมิงพูดพลางเดินไปยังต้นไม้โบราณ ชายหนุ่มใต้ต้นไม้ยิ้มมองซูหมิงเดินเข้ามา ภาพนี้อยู่นอกทะเลยืดยาว ข้างต้นไม้โบราณ สีเขียวแก่เหมือนต่อเนื่องไม่ขาดสาย

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version