Skip to content

สู่วิถีอสุรา 1307

ตอนที่ 1307 ให้ทะเลนี้กับต้นไม้หลอมรวมด้วยกัน

ท่านปู่มองกระดานหมาก อวี่เซวียนยิ้มนั่งอยู่ข้างซูหมิงด้วยสีหน้าตั้งใจมาก นางมองกระดานหมากเช่นกัน ขณะที่ซูหมิงพูด นัยน์ตานางฉายแววเจ้าเล่ห์ ยกมืองามขึ้นรวบเส้นผมที่ปลิวไสวตามสายลมไว้หลังหู ชางหลันด้านข้างพลันกระแอมไอเบาๆ ทีหนึ่ง

“ท่านปู่” ท่านปู่เงยหน้าขึ้น ทันทีที่มองฟางชางหลัน อวี่เซวียนวางมือลงแล้ว นางขยับตัวหมากสีขาวของท่านปู่บนกระดานหมากเบาๆ

“ท่านปู่ มีชาวเผ่าหมานไม่น้อยที่อยากมาคารวะท่าน ท่านว่าจะให้พวกเขามาในช่วงสองสามวันนี้ดีหรือไม่?” ชางหลันมีสีหน้าปกติไม่ได้เปลี่ยนไปแม้แต่น้อย เพียงพูดเบาๆ กับท่านปู่อย่างอบอุ่นด้วยสีหน้าดูเคารพมาก

“เรื่องนี้…เจ้าจัดการก็แล้วกัน” ท่านปู่ยิ้มอย่างอ่อนโยน ขณะกล่าวยังก้มหน้าลงโดยจิตใต้สำนึกหมายจะมองกระดานหมาก ตอนนี้เองสวี่ฮุ่ยข้างซูหมิงยิ้ม นางกวาดสายตามองชางหลันกับอวี่เซวียนแล้วพูดขึ้นทันที

“ท่านปู่ อีกเดี๋ยวค่อยเล่นหมากต่อก็ได้กระมัง มาคุยกับพวกเราเรื่องวัยเด็กของ ซูหมิงกันเถอะ”

“ใช่ ท่านปู่ พูดเรื่องวัยเยาว์ของเขากับพวกเราเถอะ พี่สาวชางหลัน เจ้าว่าดีหรือไม่” อวี่เซวียนรีบพูดขึ้น เทียบกับชางหลันที่อ่อนโยนและสุภาพแล้ว ระหว่างพวกนางไม่มีการแบ่งเรื่องอายุ ไม่ว่าจะเป็นอวี่เซวียนหรือสวี่ฮุ่ยต่างเรียกชางหลันว่าพี่สาว

สวี่ฮุ่ยรองลงมา เพราะอวี่เซวียนไม่ว่าจะนิสัยหรือคำพูดในเวลาปกติจะให้ความรู้สึกน่านัก ดังนั้นจึงเล็กสุดในสามคน

ท่านปู่หัวเราะเสียงดัง ไม่มองกระดานหมากอีก แต่เงยหน้ามองสามสตรีข้างกายซูหมิงด้วยรอยยิ้มเมตตากว่าเดิม สามสตรีนี้ต่างมีอายุเป็นพันๆ ปี ทุกคนล้วนเป็น ธิดาสวรรค์ เขามองพวกนางแล้วก็มองซูหมิงที่ตอนนี้หลับตา ก่อนเล่าเรื่อง ตอนเยาว์วัยของซูหมิงให้พวกนางฟังอย่างสนุกสนาน

แต่เขาไม่รู้ว่ากระดานหมากเปลี่ยนไปแล้ว ทำให้สถานการณ์ย่ำแย่ในเดิมทีของฝ่ายซูหมิงกลับมาได้เปรียบ

ซูหมิงไม่ได้สนใจทุกอย่างนี้ ทันทีที่เขาหลับตาลง จิตสัมผัสกระจายออก กลายเป็นดวงจิต…ไปเยือนในโลกแท้จริงที่สี่

โลกแท้จริงที่สี่วุ่นวาย จิตสัมผัสบรรพชนวิญญาณจำนวนมากอัดแน่นอยู่โดยรอบ มีการทำลายและบ้าคลั่ง ซ้ำยังมีความเย่อหยิ่งที่เหมือนจะฉีกฟ้าดิน ตอนที่ผงาดขึ้น พวกเขาล้อมโลกแท้จริงที่สี่ กำลังจะเปิดฉากสังหารกลิ่นคาวเลือด

นอกจากโลกแท้จริงที่สี่แล้ว สงครามยังลามไปถึงโลกแท้จริงหยินศักดิ์สิทธิ์ กระทั่งในโลกแท้จริงดาราสัจธรรมยังมีบรรพชนวิญญาณจากโลกแท้จริงที่สี่มาบ้าง กำลังหัวเราะอย่างบ้าคลั่ง ทำสงครามเป็นตายกับฝ่ายเงามืดรุ่งอรุณกับสิ่งศักดิ์สิทธิ์หวนคืน ทุกครั้งที่มีผู้ฝึกฌานฝ่ายเงามืดรุ่งอรุณกับสิ่งศักดิ์สิทธิ์หวนคืนสิ้นชีพลง จะถูกบรรพชนวิญญาณเหล่านั้นสูบไปทันที ผู้ฝึกฌานที่ถูกสังหารจะถูกสูบเข้าสู่ร่างไปพร้อมกับร่างกายเหมือนกับการกลืนกิน

ถึงขั้น…บรรพชนวิญญาณที่ถูกเปิดผนึกออกมาจากโลกแท้จริงที่สี่เหล่านี้ยังไม่สนใจว่าศัตรูจะเป็นฝ่ายเงามืดรุ่งอรุณกับสิ่งศักดิ์สิทธิ์หวนคืนหรือไม่ แม้แต่ผู้ฝึกฌานโลกแท้จริงอื่นยังถูกพวกเขาโจมตีราวกับเป็นอาหาร

ทุกครั้งที่กินผู้ฝึกฌานหนึ่งคนจะทำให้พวกเขาแกร่งขึ้นเล็กน้อย ดังนั้นแล้ว บรรพชนวิญญาณที่มาจากโลกแท้จริงที่สี่จึงก่อหายนะอีกชนิดต่อมหาโลกสามรกร้าง

ขณะเดียวกัน พอผู้ฝึกฌานสามรกร้างหรือผู้ฝึกฌานฝ่ายเงามืดรุ่งอรุณกับ สิ่งศักดิ์สิทธิ์หวนคืนสิ้นชีพลงอย่างต่อเนื่องในช่วงหลายปีมานี้ โดยเฉพาะการปรากฏตัวและเข่นฆ่าของบรรพชนวิญญาณในปีนี้ ทำให้ทั้งมหาโลกสามรกร้างต่างกับอดีตไปเล็กน้อย ซูหมิงรู้สึกได้ว่าเมื่อคนเหล่านี้ตายลง ดวงจิตตนยกระดับขึ้นรางๆ ไม่น้อย อีกทั้งในมหาโลกสามรกร้างยังเต็มไปด้วยการทำลายล้างกับพลังไร้รูปที่ทำให้คนคลุ้มคลั่ง

เหมือนกับดอกไม้แห่งกลิ่นคาวเลือดในวันสิ้นโลกกำลังเบ่งบานไม่หยุด โดยเฉพาะ…ซูหมิงรู้สึกชัดเจนว่าในสิบปีนี้มหาโลกสามรกร้างขยับตัวเร็วขึ้น เทียบได้กับเจ็ดแปดสิบปีก่อนการเข่นฆ่า

ทุกอย่างเหมือนจะเร็วขึ้นเจ็ดเท่า!

มีแต่แบบนี้เท่านั้นถึงทำให้ภัยพิบัติจากการซ้อนกันของสี่ปีกที่จะเกิดขึ้นในอีก สามพันกว่าปีเหลือเพียงห้าร้อยปี

ซูหมิงมองการเปลี่ยนแปลงของมหาโลกสามรกร้าง เขาปูทุกอย่างไว้ในก้นบึ้งหัวใจ ในใจสงบนิ่งไม่เกิดคลื่นใดๆ ราวกับเข้าใจทุกอย่าง เขาเข้าใจ ร้อยปีจากนี้สำหรับเขาคือเคราะห์ภัย ซึ่งมันมาจากดวงจิตสามรกร้าง

หากซูหมิงผ่านเคราะห์ภัยนี้ไม่ได้ก็ไม่ต้องพูดถึงจากนั้นอีก หากผ่านไปได้ เช่นนั้นห้าร้อยปีจากนี้จะเป็นภัยพิบัติของสามรกร้าง ทันทีที่ซ้อนทับกันเขาจะทำการยึดร่างสามรกร้าง นี่คือเรื่องที่ซูหมิงตัดสินใจแล้ว

เขาไม่เลือกร่วมมือกับดวงจิตสามรกร้าง ข้ามเรื่องทางเลือกที่ดวงจิตสามรกร้างให้ซูหมิงก่อน นั่นไม่ใช่ทางเลือกเลย แต่เป็นการปลูกเมล็ดพันธุ์ในก้นบึ้งหัวใจเขา อย่างโจ่งแจ้ง ร้อยปีจากนี้เมล็ดพันธุ์จะเติบโตขึ้น ตอนนั้นมันจะมาพร้อมกับหายนะสังหารถูกผนึก

ต่อให้ดวงจิตสามรกร้างจะร่วมมือกับซูหมิงจริงๆ ซูหมิงก็ไม่เลือกอย่างนั้น เพราะว่า…อย่างที่เขาพูดไว้ เส้นทางของเขากับดวงจิตสามรกร้าง…ต่างกัน!

พอฝึกถึงระดับอย่างซูหมิงกับดวงจิตสามรกร้างแล้ว ระหว่างสองฝ่ายจะแยกความดีความชั่วไม่ออก และก็ไม่มีความแค้นใดๆ จะมี…ก็เพียงการแย่งชิงแห่งดวงจิตที่เส้นทางต่างกันไม่อาจหารือด้วยกันได้

เดิมทีซูหมิงก็ไม่ได้มั่นใจกับเรื่องนี้นัก แต่ว่า…ต้นไม้โบราณนั้นบนดาวจักรพรรดิยมโลก ซูหมิงเดินเข้าใกล้มองอย่างลึกซึ้งสามครั้ง สามครั้งนี้ทำให้เขาเข้าใจเหตุและผล

ร้อยปีจากนี้ ซูหมิงหนีคำสัญญาใต้ต้นไม้กับดวงจิตสามรกร้างไม่ได้ เขาต้องไป!

เหมือนกับนอกทะเลยาวเหยียด ข้างต้นไม้โบราณ สีเขียวแก่ต่อเนื่องไม่ขาดสาย สีเขียวแก่คือทะเล สีเขียวคือต้นไม้ หลอมละลายมัน นำฟ้าเชื่อมกันบนทะเลอย่างแท้จริง ให้ทะเลนี้กับต้นไม้หลอมรวมเป็นหนึ่ง…

‘บางที พวกมันอาจจะเป็นร่างเดียวกัน…’ ซูหมิงถอนหายใจเงียบๆ อยู่ภายใน ดวงจิตเป็นสมาธิ ไม่คิดถึงเรื่องเหล่านี้อีก แต่เมื่อขยายดวงจิตออกไป พริบตาเดียวก็ปกคลุมทั้งมหาโลกสามรกร้าง ต่อให้ดวงจิตโลกแท้จริงหยินศักดิ์สิทธิ์ไม่ใช่ของซูหมิง ต่อให้ดวงจิตโลกแท้จริงที่สี่เกิดการต่อต้าน แต่ด้วยความมหึมาของดวงจิต สี่โลกแท้จริงของซูหมิง ชั่ววูบเดียวเลยกำราบอยู่เหนือสองดวงจิตนี้ ทำให้พวกมัน… ไม่กล้าเผยกลิ่นอายพลัง แต่อยู่ในโลกแท้จริงตัวเองชั่วคราว ปล่อยให้ดวงจิตซูหมิงผ่านไป

ทางตะวันออกของโลกแท้จริงที่สี่ กลางฟ้ามีดินเลนยักษ์แห่งหนึ่ง ดินเลนนี้ส่งกลิ่นคาวเลือด ภายในมีซากศพนับไม่ถ้วนแช่อยู่ มีของฝ่ายเงามืดรุ่งอรุณกับ สิ่งศักดิ์สิทธิ์หวนคืน และก็มีของผู้ฝึกฌานสามรกร้าง กระทั่งมีหลายสิบคนที่เป็น ศิษย์ของยอดเขาลำดับเก้า พวกเขาเสียชีวิตแล้ว ขณะร่างแช่อยู่นี้ก็กำลังเน่าเปื่อยและถูกดูดไปช้าๆ รอบๆ ดินเลนเป็นผู้ฝึกฌานฝ่ายเงามืดรุ่งอรุณกับสิ่งศักดิ์สิทธิ์หวนคืนเกือบสามหมื่นคน คนเหล่านี้มีสีหน้าตื่นตัว กำลังใช้อภินิหารโจมตีดินเล่นแห่งนี้ภายใต้การนำของบรรพชนวิญญาณของพวกเขาสามคน

ท่ามกลางเสียงครึกโครมดังสนั่น ภายในดินเลนปรากฏใบหน้าหนึ่งขึ้น ใบหน้านี้มองผู้ฝึกฌานรอบๆ ด้วยความเหี้ยมโหด

“พวกเจ้า…ต้อง…ตาย!” ท่ามกลางเสียงคำรามต่ำดังกังวาน น้ำวนพลันใหญ่ขึ้น ทว่าตอนนี้เองมันทำให้ผู้ฝึกฌานสามหมื่นคนนั้นความคิดขาวโพลน ต่อให้เป็น บรรพชนวิญญาณแห่งฝ่ายเงามืดรุ่งอรุณกับสิ่งศักดิ์สิทธิ์หวนคืนสามคนนั้นยังหมือนถูกผนึกวิญญาณ เสียจิตสำนึกทั้งหมดไป น้ำวนมหึมาพลันสั่นไหว ใบหน้าด้านบนเงยหน้าจ้องมวลอากาศตาเขม็ง ขณะดวงตาหรี่ลงอย่างรวดเร็วก็ฉายแววตกใจ

“ใคร เจ้าเป็นใคร!”

ขณะที่เสียงตะโกนดังก้องมีเสียงหึดังแว่วมา ต่อมาปรากฏมือข้างหนึ่งกลางอากาศ มือนี้ไม่ใหญ่ มันกดลงข้างล่างเบาๆ ทันใดนั้นดินเลนเกิดเสียงดังสนั่น ร่างมันแห้งลงด้วยความเร็วระดับสายตา ซ้ำยังเกิดรอยร้าวขึ้นจำนวนมาก ขณะที่เกิดเสียงดังปุงปัง ร่างเขาพังลงเกือบสี่ส่วนพร้อมกัน

“เรื่องสังหารฝ่ายเงามืดรุ่งอรุณกับสิ่งศักดิ์สิทธิ์หวนคืนกับผู้ฝึกฌานสามรกร้าง ซูหมิงไม่ยุ่งเกี่ยว แต่ล่วงเกินยอดเขาลำดับเก้า…ครั้งนี้ผ่อนปรนให้ ครั้งหน้าอย่าทำเช่นนี้อีก” เสียงซูหมิงเข้าถึงหูบรรพชนวิญญาณดินเลนคนนั้น กลายเป็นอำนาจคุกคามหยั่งลึก ทำให้ดินเลนสั่นไหว ในตอนนี้ไม่มีความกล้าต่อสู้ดิ้นรนหรือต่อต้านแม้แต่น้อย

ตอนนี้คำว่ายอดเขาลำดับเก้าถูกประทับลึกลงในจิตสำนึกบรรพชนวิญญาณดินเลน กลายเป็นสิ่งต้องห้าม!

ความน่ากลัวของซูหมิงสร้างความหวาดหวั่นกับบรรพชนวิญญาณคนนี้อย่างลึกซึ้ง ต่อให้เขาจะคลุ้มคลั่งกว่านี้อีก แต่เมื่อเผชิญหน้ากับพลังสุดยอดที่แค่พลิกมือก็ทำลายเขาได้แล้ว เขาจึงทำได้เพียงก้มหน้าแสดงความเคารพ

โลกแท้จริงที่สี่ ทางตะวันตก เสียงหัวเราะอย่างบ้าคลั่งดังสนั่นฟ้า คนผู้หนึ่งมี ร่างปกติ แต่กลับมีสองเท้าที่ใหญ่ถึงสิบจั้งกำลังเดินอยู่กลางฟ้า ตัวเขาดูไม่มีอำนาจคุกคามมากนัก แต่ค่อนข้างประหลาด ทว่ามีกลิ่นอายพลังน่าสะพรึงแผ่มาจาก ตัวเขาจริงๆ เส้นผมยุ่งเหยิง เปลือยกายท่อนบน ระหว่างก้าวเดินยังยิ้มอย่างหมกมุ่นในกามรมณ์ ตอนนี้กำลังไล่ตามผู้ฝึกฌานเจ็ดแปดคนตรงหน้า

เจ็ดแปดคนนี้มีสามคนมาจากฝ่ายเงามืดรุ่งอรุณกับสิ่งศักดิ์สิทธิ์หวนคืน มีสี่คนมาจากจักรพรรดิยมโลก และมีผู้ฝึกฌานสตรีคนหนึ่งคารวะเข้าสำนักสาขายอดเขา ลำดับเก้าในโลกแท้จริงหยินศักดิ์สิทธิ์เมื่อสามปีก่อน

ท่ามกลางเสียงหัวเราะคนประหลาดเท้าใหญ่ เขายกมือขวาขึ้นยื่นออกไปในพริบตา สร้างเป็นเหมือนสุญญากาศดูดผู้ฝึกฌานฝ่ายเงามืดรุ่งอรุณกับสิ่งศักดิ์สิทธิ์หวนคืน สามคนนั้นเข้ามา จากนั้นก็บีบกลางฝ่ามือดังปัง สามคนนั้นกลายเป็นโคลนเนื้อ

มือใหญ่โผล่มาอีกครั้ง โคลนเนื้อเหล่านั้นเหมือนกลายเป็นอาวุธคมกริบที่สุดพุ่งไปหาผู้ฝึกฌานห้าคนที่เหลือ ขณะที่ผู้ฝึกฌานจักรพรรดิยมโลกสี่คนนั้นร้องโหยหวน พลันถูกโคลนเนื้อเหล่านั้นทะลวงผ่านร่างกลายเป็นส่วนหนึ่งของโคลนเนื้อ ส่วนผู้ฝึกฌานสตรีแห่งยอดเขาลำดับเก้า ตอนนี้หน้าขาวซีด ถูกมือใหญ่มหึมา หลายเท่าของคนประหลาดคว้าเอาไว้ ตอนที่วางนางลงตรงหน้า ความหมกมุ่นใน กามรมณ์ในแววตาคนประหลาดเข้มข้นกว่าเดิม

“ไม่เลวๆ ทำเป็นเตาหลอมได้” คนประหลาดหัวเราะเสียงดัง โยนหญิงคนนั้น เข้าไปในแขนเสื้อ ภายในแขนเสื้อ ตอนนี้ในแขนเสื้อที่ดูเหมือนไม่ใหญ่มีผู้ฝึกฌานสตรีหลายพันคน ทุกคนล้วนถูกเขาจับตัวมา

ขณะหมุนตัวจะจากไปนั้น คนประหลาดกลับร่างสั่นสะท้าน สีหน้าจริงจังขึ้นมาโดยพลัน ดวงตาสองข้างหรี่ลงไม่รู้จ้องไปที่ใดตาเขม็ง ตอนนี้เองปรากฏร่างเงา ชุดคลุมขาวขึ้นข้างหลังเขา

“บรรพชนวิญญาณแบบนี้ ไม่ควรถูกผนึก แต่ควรลบไปเลยจะดีกว่า” ซูหมิงขมวดคิ้ว เอ่ยขึ้นเรียบๆ พลางเดินหน้าหนึ่งก้าว คนประหลาดผู้นั้นคำรามทีหนึ่ง เขารู้สึกถึงอันตรายเป็นตายจากในตัวซูหมิง ยามนี้คิดถอย แต่ซูหมิงเดินผ่านข้างกายเขาแล้ว

เมื่อซูหมิงเดินไกลออกไป คนยักษ์สั่นไหวไปทั่วร่าง ศีรษะหลุดออกจากบ่า ร่างกายยังแห้งเหี่ยวลงในพริบตา แขนเสื้อกลายเป็นเศษ ตอนที่ผู้ฝึกฌานสตรี หลายพันคนในนั้นหนีออกมาทั้งหมด ร่างคนประหลาดระเบิดออกดังปัง กลายเป็นกลิ่นอายพลังหลายพันสายหลอมรวมเข้าไปในร่างสตรีหลายพันคน กลายเป็น โชควาสนาครั้งใหญ่ที่สุดที่เพิ่มพลังให้พวกนาง

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version