Skip to content

สู่วิถีอสุรา 1311

ตอนที่ 1311 กลิ่นอายพลังนี้มาจากโลกข้างนอก

ณ ฝ่ายเงามืดรุ่งอรุณ ภายในหนึ่งร้อยแปดสิบโลก ห่างจากเส้นแบ่งแดนของ ฝ่ายสิ่งศักดิ์สิทธิ์หวนคืน ในพื้นที่อีกแห่งของฝ่ายเงามืดรุ่งอรุณที่ห่างจากช่องโหว่ สามรกร้างไกลมาก ในโลกที่หนึ่งร้อยสามสิบเจ็ด

โลกนี้มีเผ่านามว่าลายหมี เผ่านี้ยึดครองหนึ่งโลก สืบทอดมาจากสมัยที่สองใน ยุคนี้ของสามรกร้าง สืบสายเลือดจนมาถึงวันนี้ ชาวเผ่ามีมากกว่าหลายแสนคน ถือว่าไม่มาก และไม่น้อย

ทั้งโลกที่หนึ่งร้อยสามสิบเจ็ดนี้เรียกว่าโลกลายหมี เผ่าลายหมีเป็นเจ้าปกครองโลกนี้

ในโลกลายหมี กลางฟ้ากระจ่างดาวไร้ที่สิ้นสุดมีแท่นบวงสรวงสามแห่งมาตลอดกาล พวกมันลอยอยู่ในฟ้า แน่นิ่งไม่ขยับไหว เป็นอย่างนี้มาไม่รู้กี่ปีแล้ว เผ่าลายหมีวาง วงแหวนอาคมผนึกไว้รอบๆ แท่นบวงสรวงสามแห่งนี้ ล้อมรอบที่นี่เรื่อยๆ จนทำให้มันเป็นแดนต้องห้าม

ปกปักอยู่ที่นี่ เหมือนนี่เป็นภารกิจของเผ่าลายหมีที่ต้องปฏิบัติต่อกันไป

ลักษณะแท่นบวงสรวงสามแห่งนี้ค่อนข้างโบราณ หนึ่งในนั้นเสียหายไปมากกว่าครึ่ง แผ่กระจายกลิ่นอายโบราณเสื่อมโทรม และยังมีอีกแห่งที่ตรงกลางมีรอยแยกยักษ์ รอยหนึ่ง คล้ายว่าทะลวงผ่านแท่นบวงสรวงนี้ไปแล้ว หากยืนบนแท่นบวงสรวงแล้ว ก้มหน้าลงจะเห็นว่าในรอยแยกนั้นเป็นฟ้ากระจ่างดาวอยู่ข้างล่าง

ถึงรอยแยกนี้จะทะลวงผ่านแท่นบวงสรวงนี้ แต่เหมือนว่าในตัวมันมีพลังประหลาดบางอย่างทำให้แท่นบวงสรวงไม่แตกออก แต่เหมือนดูดเข้ามากันจึงหยุดนิ่ง

เทียบกันแล้ว แท่นบวงสรวงที่สามดูสมบูรณ์มาก ในวันนี้แท่นบวงสรวงที่ถือว่ายังสมบูรณ์พลันเกิดแสงหม่นสว่างวูบ แสงหม่นพลันสว่างจ้าแสบตา หลังทั้งแท่นหิน ลดระดับลงไปแล้ว ด้านบนยังมีไอน้ำลอยขึ้นมาเล็กน้อยเหมือนกลายเป็นบึงน้ำ

“ใคร! ใครกำลังนินทาท่านกระเรียน…” กระเรียนขนร่วงตัวสั่น มันโผล่หัวออกมาจากแท่นบวงสรวง ระหว่างที่ออกแรงตะเกียกตะกาย ตัวมันบินออกมาจากใน แท่นบวงสรวงที่คล้ายบึงน้ำนี้ เพิ่งบินออกมาก็มองไปรอบๆ อย่างระแวง หลังจากเข้ามาในโลกของเงามืดรุ่งอรุณสิ่งศักดิ์สิทธิ์หวนคืนแล้ว ส่วนลึกในใจมันเหมือนมีอารมณ์ความคิดประหลาดลอยขึ้นมาในหัว ทำให้มันอยากไปตามหา แต่กลับหาต้นตอไม่พบ

ต่อมา ปรากฏร่างเงาจักรพรรดิรุ่งอรุณเหยียนเผยขึ้นบนแท่นบวงสรวงคล้ายบึงน้ำ ตอนที่เป็นสายรุ้งยาวสายหนึ่งบินออกไป เขาพลันประสานมือคารวะไปทาง แท่นบวงสรวง

แทบเป็นทันทีที่คารวะ ร่างเงาซูหมิงเผยตัวจากในแท่นบวงสรวงช้าๆ เดินออกมาทีละก้าว แท่นหินบวงสรวงที่กลายเป็นบึงน้ำใต้เท้าประหนึ่งดินโคลน แต่ช่วงที่ ซูหมิงเดินออกมามันกลับแยกออกเอง ราวกับไม่กล้าขวางเท้าซูหมิง จนกระทั่งซูหมิงเดินมาอยู่ในผืนฟ้าแล้ว แท่นบวงสรวงข้างหลังแข็งถึงตัวอีกครั้ง แสงหม่นหายตามไป

ซูหมิงมองไปรอบๆ อย่างเย็นชา แล้วมองเหยียนเผยด้วยแววตานิ่งๆ

“นายท่าน จุดที่ช่องโหว่สามรกร้างอยู่คือของ ฝ่ายสิ่งศักดิ์สิทธิ์หวนคืน หากไปทางนั้นแล้วมาฝ่ายเงามืดรุ่งอรุณจะมีปัญหาเอาได้ ที่นี่คือวงแหวนอาคมเคลื่อนย้ายโบราณที่เชื่อมกับฝ่ายเงามืดรุ่งอรุณที่ข้าน้อยพูดถึงก่อนหน้านี้” เหยียนเผยพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเคารพอย่างยิ่งทันที

ซูหมิงกวาดสายตามองสามแท่นบวงสรวงนั้น เมื่อมองอย่างละเอียดอยู่หลายที เขาก็สังเกตเห็นว่าบนแท่นบวงสรวงสามแห่งนั้นไม่มีกลิ่นอายพลังของยุคนี้ แต่มีร่องรอยบางอย่างที่คงอยู่เมื่อครั้งอดีตนานมาแล้ว

เพียงแต่ว่าตอนนี้ด้วยความที่มันยังอยู่ในสภาพดี เหยียนเผยเลยปรับเปลี่ยนมันให้เป็นกลอุบายเอาตัวรอดของเขา จากคำพูดของเขาระหว่างทาง ไม่ว่าที่ใด ขอเพียงให้เวลาเขาเตรียมตัวเล็กน้อยก็จะเคลื่อนย้ายมาที่นี่ได้ทันที

เพราะเขาก็คือ ชาวเผ่าลายหมี เป็นจักรพรรดิรุ่งอรุณที่ออกมาจากเผ่านี้ แม้จะมีโลกจักรพรรดิรุ่งอรุณของตัวเองอยู่แล้ว แต่บ้านเกิดจริงๆ เขาคือ เผ่าลายหมี

ทว่าแท่นบวงสรวงสามแห่งนี้ก็มีเพียงชาวเผ่าลายหมีเท่านั้นถึงมีโอกาสศึกษาอย่างละเอียดและใช้ประโยชน์ ซึ่งเหยียนเผยคือผู้โดดเด่นที่ใช้ประโยชน์แท่นบวงสรวงนี้

“นายท่านสนใจแท่นบวงสรวงสามแห่งนี้รึ? จากการวิเคราะห์และสังเกตในหลายปี มานี้ของเผ่าลายหมี พวกเราพบว่าการใช้งานของแท่นบวงสรวงสามแห่งนี้เหมือนจะอยู่ในช่วงแรกสุด แท่นบวงสรวงแรกคือเคลื่อนย้ายคนไปในที่ที่ห่างไกลมาก ส่งไปที่ใดไม่รู้ แต่เทียบกับแท่นบวงสรวงที่สองแล้ว ระยะทางจะต้องสั้นกว่าไม่น้อย เพราะถึงกลิ่นอายพลังในแท่นบวงสรวงที่สองจะหายไปในช่วงหลายปีมานี้ แต่ในเผ่าเก็บ กลิ่นอายพลังบางส่วนเอาไว้ เรารู้สึกถึง…ความยิ่งใหญ่และยากจะบรรยาย เหมือนว่าที่ที่แฝงไว้ด้วยกลิ่นอายพลังนั้น ผู้ฝึกฌานเล็กจ้อยดั่งกับมดปลวด” เหยียนเผย ตรึกตรองอยู่ชั่วครู่ เขาไม่ได้อธิบายอย่างชัดเจนนัก เพราะเรื่องนี้เขาเองก็ไม่ได้เข้าใจทั้งหมด

เขารู้เพียงว่าแท่นบวงสรวงที่หนึ่งกับที่สองพังแล้ว เหลือเพียงแท่นบวงสรวงที่สามที่ให้คนใช้กลับมาจากที่ใดก็ได้ หากใช้อย่างชาญฉลาด จะเกิดผลในช่วงเวลาสำคัญได้!

“หากมีการเก็บกลิ่นอายพลังนี้ เช่นนั้นก็ต้องลองสัมผัสดู” ซูหมิงละสายตาจากแท่นบวงสรวง ขณะกล่าวเรียบๆ ผนึกวงแหวนอาคมไร้รูปนอกแท่นบวงสรวงสามแห่งพลันเปล่งแสงนุ่มนวล ก่อเป็นระลอกคลื่นกระจายออก มีสายรุ้งยาวหลายสิบสาย บินเข้ามาอย่างรวดเร็ว วูบเดียวก็เข้ามาใกล้กลายเป็นผู้ฝึกฌาน คนนำหน้าคือ ชายร่างกำยำ มีร่างกายค่อนข้างสูงใหญ่ ขณะเดินหน้ายังเหมือนมีเงาหมียักษ์ ปรากฏรางๆ พอเข้ามาใกล้แล้วจึงประสานมือคารวะเหยียนเผยลงลึก

“จ้าวเผ่าลายหมี คารวะท่านจักรพรรดิรุ่งอรุณ” เสียงชายร่างกำยำดุจดั่งน้ำหลาก ขณะเสียงดังอื้ออึง หลายสิบคนข้างหลังต่างประสานมือคารวะเหยียนเผยพร้อมกัน เสียงคารวะรวมเป็นคลื่นเสียงกระจายออก

“ในเผ่าตอนนี้ยังมีหินดาวเซ่นไหว้ที่เก็บกลิ่นอายพลังสมบูรณ์ไว้อีกกี่ก้อน?” ทันทีที่ระลอกคลื่นจากผนึกวงแหวนอาคมขยายเป็นวงกว้าง เหยียนเผยไม่แสดงท่าทีประจบสอพลอแม้แต่น้อย แต่กลายเป็นเคร่งขรึมเย็นชา เปลี่ยนเป็นจักรพรรดิรุ่งอรุณผู้สูงส่งในสายตาผู้ฝึกฌานเงามืดรุ่งอรุณ

กระเรียนขนร่วงข้างๆ มองด้วยสีหน้าเหยียดหยาม มันหันหน้าไปอย่างไม่แยแส แต่ในใจกลับแอบเลียนแบบทุกอย่างของเหยียนเผยเอาไว้แล้ว ความมุมานะเล่าเรียนคือนิสัยที่ดีมากอย่างหนึ่งของกระเรียนขนร่วง

“เรียนท่านจักรพรรดิรุ่งอรุณ หินดาวเซ่นไหว้…ตอนนี้ยังเหลืออีกห้าก้อน ที่สมบูรณ์ ผนึกยังไม่เคยเปิด ดังนั้นกลิ่นอายพลังจึงไม่ได้กระจายออก หากท่านต้องการ ข้าจะให้คนไปนำมาให้” ชายร่างกำยำเผ่าลายหมีตอบกลับด้วยความเคารพทันที ซ้ำยังชำเลืองตามองซูหมิงแวบหนึ่ง แอบคาดเดาฐานะซูหมิงอยู่ในใจ

“ไปเอามาสามก้อน หินที่แฝงด้วยกลิ่นอายพลังโบราณนี้มีจำนวนจำกัด เผ่าพวกเจ้าก็ต้องเก็บเอาไว้บ้าง” เหยียนเผยตรึกตรองอยู่ชั่วครู่แล้วตอบกลับช้าๆ ชายร่างกำยำประสานมือคารวะขานรับในฉับพลัน ก่อนหมุนตัวกลับไปมองชายชราคนหนึ่งข้างกาย พอชายชราพยักหน้าแล้วจึงขยับไหวตัวเป็นหมียักษ์ร้อยจั้งเงยหน้าคำรามขึ้นฟ้าพร้อมเป็นเศษเสี้ยวสายรุ้งยาวบินไกลออกไปในพริบตา

ตอนที่ชายชราบินไกลออกไป ซูหมิงไม่ได้สนใจการสนทนาของเหยียนเผยกับ ชาวเผ่าลายหมีคนนั้น แต่เดินไปข้างหน้าด้วยสีหน้าเฉยเมย กระเรียนขนร่วงรีบตามหลังไป แถมยังมองจักรพรรดิรุ่งอรุณเหยียนเผยอย่างลำพองใจอีกแวบหนึ่ง

ชาวเผ่าลายหมีเหล่านั้นไม่เคยพบซูหมิงมาก่อน และอ่านระลอกคลื่นพลังจากตัวซูหมิงไม่ได้แม้แต่น้อย แต่ก็รู้ว่าเดินทางมากับจักรพรรดิรุ่งอรุณได้จะต้องมีจุดที่ ไม่ธรรมดาแน่ จะล่วงเกินไม่ได้

ช่วงที่ผู้ฝึกฌานชาวเผ่าลายหมีหลายคนมองไป ทันใดนั้นชาวเผ่าหลายคนนี้ พลันหรี่ตาลง มีสีหน้าตกใจกลัว พวกเขาเห็นชัดว่าเมื่อซูหมิงสัมผัสกับระลอกคลื่น วงแหวนอาคมผนึกไร้รูปของที่นี่แล้ว วงแหวนอาคมพลันสั่นสะเทือนก่อนหายไปตรงหน้าซูหมิง คล้ายกับว่าเป็นฝ่ายถอยไปเอง

ภาพนี้ไม่เพียงทำให้ชาวเผ่าลายหมีหลายคนนั้นตกใจ ต่อให้เป็นชายร่างกำยำ จ้าวเผ่าลายหมีคนนั้นยังรู้สึกได้และหันไปมอง ดวงตาหรี่ลงโดยพลัน มีสีหน้าเหลือเชื่อ

วงแหวนอาคมที่เผ่าลายหมีของพวกเขาปิดล้อมนี้สืบทอดมานานมาก ชาวเผ่า ทุกสมัยตลอดไม่รู้กี่ปีมานี้ปรับปรุงมันมาตลอด จากนั้นมาพลานุภาพของมันอาจจะไม่ใช่การโจมตี แต่ระดับการป้องกันแบบเรียบง่ายของมันนั้น ต่อให้เป็นผู้แข็งแกร่ง ขั้นไม่อาจกล่าวก็อย่าคิดว่าจะทำลายมันได้ในครึ่งเค่อ จึงยิ่งไม่ต้องพูดถึงตอนนี้ วงแหวนอาคมไม่เกิดระลอกคลื่นเลย ราวกับว่า…

ราวกับว่าวงแหวนอาคมถอยไปเอง ประหนึ่งขุนนางคารวะองค์จักรพรรดิ ไม่กล้าขวางทางแม้แต่น้อย นี่…คือความรู้สึกที่โผล่ขึ้นมาในความคิดจ้าวเผ่าลายหมีตอนนี้

“ขะ…เขาเป็นใคร?” จ้าวเผ่าลายหมีหน้าเปลี่ยนสีเด่นชัด ขณะใจเต้นระรัวดัง อื้ออึงก็ถามออกไปโดยไม่รู้ตัว

“คนที่ต่อให้รวมทั้งฝ่ายเงามืดรุ่งอรุณเข้าด้วยกันก็ยังไม่ใช่คู่ต่อสู้เขา…ผู้ฝึกฌานที่แข็งแกร่งที่สุดในจักรวาล” นัยน์ตาจักรพรรดิรุ่งอรุณเหยียนเผยฉายแววฮึกเหิมพร้อมตอบกลับเบาๆ

ซูหมิงเดินออกมาจากวงแหวนอาคมแล้วมองฟ้ากระจ่างดาวตรงหน้า ดวงจิตพลันขยายออกไปรอบๆ ด้วยสีหน้าราบเรียบ ชั่วพริบตาเดียวก็ปกคลุมพื้นที่ทั้งหมด ในโลกนี้

‘เป็นโลกที่เล็กมาก ทั้งยังไม่มีดวงจิตกำเนิด…แต่เห็นได้ชัดว่ามีเส้นแบ่งแดนกับโลกอื่นๆ ไม่เหมือนเกิดขึ้นเอง แต่เหมือนกับว่า…มีคนใช้ยอดอภินิหารสร้างขึ้นโดยการแยกมันออก’ ช่วงที่ซูหมิงแผ่ขยายดวงจิต เหยียนเผยบินออกมาจากวงแหวนอาคมนี้อย่างรวดเร็ว จนมาอยู่ข้างซูหมิง

“เจ้าไปตรวจสอบคนฝ่ายเงามืดรุ่งอรุณที่เฝ้าเส้นทางที่วางไว้แม้ยังไม่เปิดเส้นทางกลางทะเลลำดับห้าในแดนรกร้างต้นกำเนิดจิตแห่งสามรกร้างหน่อยว่าตอนนี้อยู่ที่ใด” ซูหมิงพูดขึ้นเรียบๆ แล้วดึงดวงจิตกลับ เขาไม่ได้ฝืนถาโถมไปทั้งหนึ่งร้อยแปดสิบโลก ถึงอย่างไร…ที่นี่ก็เป็นของดวงจิตสามรกร้าง

เหยียนเผยขานรับ ขณะกำลังจะพูดต่อนั้น ไกลออกไปมีสายรุ้งยาวสายหนึ่ง ตรงเข้ามาอย่างรวดเร็ว เป็นชายชราที่ไปเอาหินดาวเซ่นไหว้มาคนนั้น พอชายชรา เข้ามาใกล้ก็คารวะเหยียนเผยทันที จากนั้นส่งกล่องหยกสามใบในมือให้

ซูหมิงกวาดสายตามองกล่องหยกนี้ ดวงตาพลันหรี่ลงน้อยจนไม่สังเกตเห็น มือขวายกขึ้นคว้าอากาศ ฉับพลันนั้นกล่องหยกสามใบพุ่งตรงเข้ามา ถูกคว้าเอาไว้ หนึ่งกล่อง เพียงบีบเบาๆ กล่องหยกแตกออก เผยเป็นหินขนาดเท่าเล็บมือหนึ่งก้อนข้างใน

ทันทีที่กล่องหยกแตกออก หินพลันแผ่กลิ่นอายพลังที่ทำให้ซูหมิงมีสีหน้าจริงจัง!

ซูหมิงจำแนกกลิ่นอายพลังนี้ไม่ได้ แต่เขามองแวบเดียวก็ตัดสินได้ว่ากลิ่นอายพลังนี้ไม่ได้มาจากมหาโลกสามรกร้าง ไม่ได้มาจากซางเซียง หรืออาจพูดได้ว่า…กลิ่นอายพลังนี้ไม่ใช่วัตถุบนตัวผีเสื้อซางเซียงกลางจักรวาลกว้างใหญ่!

กลิ่นอายพลังนี้ มาจาก…โลกข้างนอก!

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version