ตอนที่ 1315 พูดจาเหลวไหล
ร่างเงาซูหมิงเป็นดั่งสายรุ่งยาวในฟ้ากระจ่างดาว ตลอดทางมวลอากาศข้างหลังจะเปล่งแสงสว่างพร่างพราวเหมือนกับวงแสงที่เกิดขึ้นจากการเสียดสีผืนฟ้า ปะปนกับเสียงดังแหลม ทำให้จุดที่เขาผ่านเกิดเสียงดังสนั่นฟ้าดิน
ซูหมิงไม่ได้จงใจปกปิดพลัง และก็ไม่ได้ปล่อยดวงจิตออกไปเป็นพิเศษ เพียงแค่เดินทางในมวลอากาศอย่างสงบนิ่งแบบนี้ สีหน้าเฉยชา มุ่งหน้าไปสู่โลกของ เผ่าวิญญาณที่บรรยายในแผนที่แผ่นหยกเงามืดรุ่งอรุณในความคิด
เขาจะไปเผ่าวิญญาณ ไปยังที่ที่มารดากำเนิด ไม่มีสาเหตุอื่น เพียงแค่อยากไปเห็นเท่านั้น นี่ไม่ใช่ใบไม้หวนคืนสู่ราก เพราะรากของซูหมิงไม่อยู่ที่นี่อีก และก็ไม่ใช่ โลกแท้จริงที่ห้า
รากในอดีตอยู่เผ่าหมาน รากในอดีตอยู่ยอดเขาลำดับเก้า แต่ตอนนี้รากของ ซูหมิง…อยู่ในใจ จุดที่ผ่านจะเป็นจุดที่มีรากของเขาอยู่ ไม่มีความแน่นอน และไม่ใช่ปุยขาวของต้นหลิว แต่เป็นท่วงทำนองหนึ่ง
โลกของเผ่าวิญญาณห่างไกลยิ่งสำหรับผู้ฝึกฌานทั่วไป การจะบินไปต้องใช้เวลาหลายร้อยไปถึงพันปีขึ้นไปถึงจะข้ามผ่านไปทีละโลกจนไปถึง ต่อให้ใช้วงแหวนอาคมเคลื่อนย้ายก็ต้องใช้หินผลึกจำนวนมหาศาล
ดังนั้นแล้วผู้ฝึกฌานที่มีคุณสมบัติข้ามผ่านแต่ละโลกจึงมีไม่มากในฝ่ายเงามืดรุ่งอรุณ อีกทั้งไม่มีความจำเป็นต้องข้ามผ่านแต่ละโลกด้วย ผู้ฝึกฌานจำนวนมากฝึกฝนตลอดชีวิตอยู่ในเพียงสองถึงสามโลกเท่านั้น
แต่เมื่อฝึกถึงขั้นไม่อาจกล่าว ทุกอย่างจะต่างออกไป แม้ยังไม่ถึงขั้นหนึ่งความคิดเดินทางไร้ที่สิ้นสุด แต่ก็ข้ามผ่านแต่ละโลกได้ค่อนข้างง่าย ขั้นไม่อาจกล่าวยังเป็นเช่นนี้ จึงยิ่งไม่ต้องพูดถึงซูหมิง แทบทุกก้าวที่เดินจะข้ามไปมากกว่าครึ่งโลก สองก้าวข้ามไปหนึ่งโลก
จนกระทั่งตรงหน้าเขาปรากฏปราการแห่งโลกอีกชั้น ตามคำบรรยายของแผนที่แผ่นหยกในความคิดแล้ว ที่นั่น…คือโลกของเผ่าวิญญาณ
ซูหมิงยืนอยู่นอกปราการ ไม่ได้เข้าไปในทันที แต่หลับตาลงสัมผัสเงียบๆ อยู่ครู่หนึ่ง ตอนที่ลืมตาขึ้น เขายกเท้าเดินหน้าหนึ่งก้าว ทันทีที่สัมผัสกับปราการ ทั้งตัวเขาหายไปข้างใน กระเรียนขนร่วงตามหลังมาตลอดทาง ตอนนี้ก็ตามซูหมิงเข้าไปในโลก เผ่าวิญญาณเช่นกัน แต่ช่วงที่ซูหมิงหายไปนั้น ท่ามกลางระลอกคลื่นกระจายเป็น วงกว้างไกลออกไป ชางซานหนูปรากฏกายขึ้นชัดเจน นัยน์ตามีจิตสังหาร สีหน้าปกติแต่มีความน่าเกรงขาม เขาสะบัดแขนเสื้อตัวใหญ่ ร่างเงาพลันกลายเป็นสายรุ้งยาวเข้าไปใกล้ปราการแห่งโลกทันที เมื่อปราการเกิดระลอกคลื่นราวกับผิวน้ำแล้ว ร่างเงาเขาถึงหายตามไป
ณ โลกเผ่าวิญญาณ กลางฟ้ามีก้อนน้ำแข็งยักษ์ลอยอยู่ก้อนหนึ่ง ตอนนี้ สตรีภายในก้อนน้ำแข็งคนนั้นที่ซูหมิงพบในมหาโลกสามรกร้างลืมตาขึ้น
หลังจากนางไปน้ำวนมรณะหยินแล้วก็เลือกจากไป กลับมายังฝ่ายเงามืดรุ่งอรุณผ่านช่องโหว่สามรกร้าง เมื่อกลับมาถึงเผ่าวิญญาณแล้วก็ปิดด่านนั่งฌานที่นี่อีกครั้ง ในเมื่อให้กระบี่เล่มนั้นกับซูหมิงแล้ว ในเมื่อไม่อาจเอาพลังของเผ่าวิญญาณคืนจาก ซูหมิงได้ เช่นนั้นนางก็จะล้มเลิก ไม่สืบสาวราวเรื่องอีก ทุกอย่างนี้ นอกจากเกี่ยวกับสตรีศักดิ์สิทธิ์รุ่นก่อนแล้ว ที่สำคัญที่สุดคือ…ซูหมิงปลุกมังกรทำลายล้างของ เผ่าวิญญาณ
แต่ยามนี้พริบตาที่ซูหมิงเข้ามาในเผ่าวิญญาณ สตรีภายในก้อนน้ำแข็งลืมตาขึ้น มองไกลออกไปด้วยความลังเลเสี้ยวหนึ่ง
ด้วยพลังของนางเดิมทีไม่มีทางสังเกตเห็นการมาของซูหมิง แต่ถึงอย่างไรนางก็เป็นสตรีศักดิ์สิทธิ์เผ่าวิญญาณ และในกลิ่นอายพลังซูหมิงมีจิตแห่งมังกรทำลายล้าง สำหรับนางแล้วมันเหมือนกับแสงไฟที่สว่างที่สุดในยามค่ำคืน ดังนั้นจึงสัมผัสได้ในทันที
ถึงอย่างไรนอกจากนางจะเป็นสตรีศักดิ์สิทธิ์แล้ว หนึ่งโลกนี้…คือโลกของ เผ่าวิญญาณ พวกเขาสืบสายเลือดกันมาไม่รู้กี่ปีในโลกนี้จนทำให้ในโลกนี้เต็มไปด้วยความคิดแห่งเผ่าวิญญาณไม่มีสิ้นสุด
การมาของซูหมิงทำให้ความคิดแห่งเผ่าวิญญาณเหล่านี้เดือดพล่านขึ้นมาทั้งหมด ต่างสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายพลังมังกรทำลายล้างที่เป็นตำนานสูงสุดของเผ่าวิญญาณจากตัวซูหมิง!
“เขา…มาแล้วรึ…” นางเงียบ พึมพำพลางขยับไหวตัวหายไปจากในก้อนน้ำแข็ง
ณ โลกเผ่าวิญญาณ บนดาวดวงหนึ่งที่ไม่ได้สว่างพร่างพราวเป็นพิเศษ แต่เป็น สิ่งศักดิ์สิทธิ์อย่างยิ่งในใจชาวเผ่าวิญญาณทุกคน นามของมันคือ จื่อฮุ่ย
ดาวจื่อฮุ่ยเป็นสถานที่ที่จ้าวเผ่า ผู้นำสูงสุดรวมถึงสตรีศักดิ์สิทธิ์ของเผ่าวิญญาณทุกรุ่นสิ้นชีพลง ที่นี่ฟังร่างบรรพบุรุษเผ่าวิญญาณมาไม่รู้กี่ปี ทุกรุ่น หากสิ้นชีพ จะฝังที่นี่
ท้องฟ้าที่นี่เป็นสีคราม ไม่มีดาวมากนัก บนพื้นดินเป็นมหาสมุทรกว้างใหญ่ นี่คือดาวที่มีแต่ทะเล ด้านบนนอกจากเกาะไม่น้อยแล้วก็ไม่มีแผ่นดินที่ค่อนข้างใหญ่เลย
ทุกเกาะล้วนฝังจ้าวเผ่า ผู้นำสูงสุดกับสตรีศักดิ์สิทธิ์เอาไว้ทุกรุ่น อยู่กันแน่นขนัดกระจัดกระจายไปทั่ว น้ำทะเลเกิดเป็นฟองคลื่นไหลเชี่ยว ยามที่ม้วนตัวจะเหมือนว่าข้างในมีมังกรทะเลเวียนว่าย ยามสงบนิ่งมองไปจะเหมือนกับกระจก เพียงแต่ว่ากระจกไม่สะท้อนเงาคน แต่สะท้อนเพียงสีของท้องฟ้า
มองไปตามสายตาซูหมิง นั่นคือหนึ่งในเกาะจำนวนมากบนมหาสมุทร เกาะนี้ไม่ใหญ่ โดยรอบเป็นสีเขียวมรกต มีพืชเติบโตเต็มไปหมด ด้านบนมีแท่นบวงสรวงสามแท่น จุดนี้เหมือนกับเกาะอื่นๆ ทุกเกาะที่นี่ล้วนมีแท่นบวงสรวงสามแท่นวางเป็นลักษณะ ตัว品
ตรงกลางคือผู้นำสูงสุด ทางขวาคือจ้าวเผ่า ทางซ้ายคือสตรีศักดิ์สิทธิ์ในแต่ละรุ่น
ซูหมิงมองไปเงียบๆ มองป้ายหลุมศพสตรีศักดิ์สิทธิ์ทางขวาบนเกาะเล็กนี้ ด้านบน…ว่างเปล่า บนเกาะทั้งมหาสมุทรนี้ ป้ายหลุมศพสตรีศักดิ์สิทธิ์ทุกคนจะมี นามเขียนไว้ มีบันทึกตลอดชีวิต มีเพียงตรงนี้ที่…ไม่มี!
ที่ว่างเปล่าไม่ได้หมายความว่าตอนนี้นางยังมีชีวิต เพราะหากมีชีวิตจะไม่ตั้งป้ายหลุมศพ แต่ถือว่านางตายตกไปในกาลเวลาแล้ว ทว่าป้ายหลุมศพตรงนี้กลับไม่มีอักษร เลยเป็นที่น่าสนใจ…
ผ่านไปพักใหญ่ซูหมิงถึงเดินหน้าหนึ่งก้าวมาปรากฏตัวอยู่บนแท่นบวงสรวงทางขวาบนเกาะเล็กนี้ ยืนอยู่ใต้ป้ายหลุมศพตรงกลางแท่นบวงสรวง มองป้ายหิน ว่างเปล่า ด้านบนไม่มีนาม มีเพียงร่องรอยแห่งวิญญาณจางๆ ที่เหมือนถูกตัวอักษรรวมขึ้นและหายไปในอากาศธาตุแล้ว
ตอนที่ซูหมิงสัมผัสถึงร่องรอยนี้ ในใจเขาสั่นไหว เหม่อมองป้ายหินพลางสัมผัสถึง…การคงอยู่ของมารดา
“เหตุใดป้ายถึงไม่มีอักษร…อยากจะให้ชนรุ่นหลังของเผ่ารู้ถึงการคงอยู่ของตัวเองหรือ หรือว่า…ไม่อยากให้ข้า…” ซูหมิงเงียบ สีหน้าห่อเหี่ยวเล็กน้อย เขาบอกไม่ถูกว่าตอนนี้รู้สึกอย่างไร มีความซับซ้อน มีเสียงถอนหายใจ มีขมขื่น
“บอกข้า เพราะเหตุใด” ซูหมิงมองป้ายหลุมศพพลางพูดขึ้นช้าๆ เขาไม่ได้ถามป้ายหินว่างเปล่าอีก แต่กำลังถามร่างเงาที่ออกมาจากมวลอากาศข้างหลัง
ร่างเงานี้ไม่ใช่ชางซานหนู แต่เป็นร่างสตรีคนหนึ่ง นางคือ…สตรีศักดิ์สิทธิ์รุ่นนี้ ของเผ่าวิญญาณ สตรีคนนั้นที่เขาพบในมหาโลกสามรกร้าง เป็น…น้าสาวของเขา
“ก่อนที่อายุขัยจะหมดลง นางสั่งเสียเอาไว้ว่าอย่าเขียนใดๆ ลงไปบนศิลาหิน เพราะนางรู้สึกละอายใจต่อเผ่าวิญญาณ…นางไม่อยากให้ชนรุ่นหลังรู้นามของนาง นาง…” สตรีที่ปรากฏข้างหลังซูหมิงลังเลอยู่เล็กน้อย ตอนที่เสียงดังก้องซูหมิงพลันยกมือขวาขึ้นกดบนป้ายหินนั้น
เพียงกดไป สตรีคนนั้นก็อึ้งไป ปฏิกิริยาโต้ตอบอย่างแรกในใจคือซูหมิงจะทำลายป้ายหลุมศพนี้ ชั่วขณะที่นางหน้าเปลี่ยนสีและจะตรงเข้าไปนั้น ซูหมิงยกมือขึ้น ในมือมีผงหินเพิ่มมาเล็กน้อย ขณะเดียวกันในผงหินนั้นยังมีร่องรอยของเสี้ยววิญญาณ ดวงนั้น หลังซูหมิงกำร่องรอยนี้ไว้ในมือแล้วก็กดตรงระหว่างคิ้ว ทันใดนั้นมีกลิ่นอายพลังแห่งเวลาเผยมาจากในตัวเขา
กลิ่นอายพลังนี้หายไปอย่างไร้ร่องรอยในพริบตา ซูหมิงเดินหนึ่งก้าวหายวับไปในสายตาสตรีคนนี้ ไม่รู้ว่าไปที่ใด ตอนนี้เองนางมีสีหน้าไม่มั่นคง…
“เขา…” นางไม่ได้พูดประโยคหลัง พอกล่าวถึงตรงนี้แล้วก็เงียบไป ขณะเงียบยังมองแท่นบวงสรวงของจ้าวเผ่ารุ่นก่อนด้วยแววตาซับซ้อน ก่อนถอนหายใจเบาอยู่ในใจพร้อมหมุนตัวจากไป
แต่ช่วงที่นางจะจากไปนั้น ซูหมิงปรากฏกายขึ้นตรงจุดที่เขาหายไปในฉับพลัน เหมือนไม่เคยหายไป ที่หายไปเป็นเพียงร่างเงาในสายตานางเท่านั้น
นั่นคือตอนที่ซูหมิงใช้พลังแห่งเวลา เขาจะนำตัวเองหลอมรวมเข้าไปในความรู้สึก สร้างภาพลวงตาให้อีกฝ่าย ซึ่งความจริงเขายังอยู่ที่นี่มาตลอด
ชั่วพริบตาที่ร่างเงาเขาปรากฏ ซูหมิงมีสีหน้ามืดทะมึน นัยน์ตาฉายแววโกรธที่พบเห็นไม่บ่อยในพันกว่าปีมานี้ ความโกรธที่ว่าไม่ใช่โกรธเล็กน้อย แต่โกรธมาก!
ผู้อ่อนแอโกรธจะองอาจห้าวหาญไม่หวั่นฟ้าดิน ผู้แข็งแกร่งโกรธจะส่งผลถึงจักรวาล แต่ผู้ฝึกฌานโกรธ โลหิตจะสาดกระจายไปรอบๆ และหากยอดฝีมือโกรธ…ฟ้าดินจะไม่เงียบสงัด!
ความโกรธของซูหมิง คนอื่นจะเห็นได้จากสีหน้าเหี้ยมโหดของเขา เปลวเพลิงในดวงตาประหนึ่งแผดเผาทุกชีวิตได้ เหมือนกับภูเขาไฟทำลายล้างโลกกำลังจะปะทุ
“พูดจาเหลวไหล!” น้ำเสียงซูหมิงแฝงไว้ด้วยความอึมครึม เขาหมุนตัวกลับมามองสตรีคนนั้น
สตรีคนนั้นหน้าเปลี่ยนสี ยามนี้นางรู้สึกว่าซูหมิงเหมือนกลายเป็นมารร้ายสมัย ดึกดำบรรพ์ หนึ่งคำพูด หนึ่งแววตา พลันทำให้จิตใจนางแทบจะแหลกสลายไป จึงต้องถอยไปหลายก้าวโดยจิตใต้สำนึก
แต่นางเพิ่งถอยซูหมิงพลันเข้ามาใกล้ ยกมือขวาขึ้นบีบคอนาง
“ข้าจะไม่ฆ่าเจ้า…” ซูหมิงแค่นเสียงขึ้นจมูกพร้อมบีบมือขวา เกิดเสียงระเบิด ดังขึ้น นางหน้าขาวซีดไม่มีการเปลี่ยนแปลงใดๆ ทว่าก้อนน้ำแข็งยักษ์ที่นางใช้ปิดด่านนั่งฌานตลอดปีกลางฟ้าซึ่งห่างจากที่นี่ไปไกลกลับเกิดรอยร้าวจำนวนมากขึ้น เกิดเสียงระเบิดพร้อมกับแตกเป็นเสี่ยงๆ
“ทำลายผลึกถนอมชีวิตของเจ้าถือเป็นการลงโทษที่ตอนนั้นเจ้าเงียบ!”
สตรีคนนั้นเหมือนยังอยากจะพูดอะไรบางอย่าง แต่สิ้นเสียงซูหมิง ใบหน้านางกลับขาวซีด ไม่มีคำพูดใดอีก เมื่อซูหมิงคลายมือ นางถอยไปหลายก้าว ซ้ำยัง กระอักเลือด มองป้ายหินว่างเปล่าเงียบๆ แวบหนึ่ง น้ำตารินไหลมาจากดวงตา
“พี่ ข้าขอโทษ…”
“ต่อไปถึงคราวเจ้าแล้ว คนที่ช่วงชิงชะตาของเผ่าคิดจะมีอายุยืนอย่างเจ้า วันนี้…อายุขัยของเจ้ามาถึงจุดจบแล้ว!” ซูหมิงหมุนตัวกลับ เงยหน้าขึ้นมองหลุมศพซึ่งเป็นตัวแทนของผู้นำสูงสุดของเผ่าวิญญาณรุ่นก่อนในแท่นบวงสรวงสามแท่นบนเกาะเล็ก