Skip to content

สู่วิถีอสุรา 1321

ตอนที่ 1321 มาจากจักรวาลกว้างใหญ่

ระหว่างที่ซูหมิงข้ามผ่านไปแต่ละโลกด้วยความรวดเร็ว เขาไปหยุดอยู่ที่โลก ค่อนข้างห่างไกลแห่งหนึ่ง ที่นี่เป็นซากปรักหักพัง ปราการโลกโดยรอบถูกผนึกเอาไว้

และคนที่ผนึกโลกนี้ไว้ก็คือชางซานหนู ตอนนั้นหลังจากเขาทำลายเผ่าจิตโบราณแล้วก็ผนึกโลกนี้เอาไว้ ให้เป็นแดนต้องห้ามของเขา คนนอกห้ามย่างกรายเข้าไปแม้แต่น้อย

ด้วยความแกร่งของผนึกที่มีเพียงขั้นไม่อาจกล่าวเท่านั้นถึงทำลายได้ ดังนั้นจึงไม่มีใครกล้ามาที่นี่ ประกอบกับความแกร่งของชางซานหนูที่เป็นผู้นำของจักรพรรดิ รุ่งอรุณ ดังนั้นแล้วต่อให้เป็นขั้นไม่อาจกล่าวก็ไม่มีทางมาทำลายผนึกที่นี่

และตอนนี้เมื่อชางซานหนูสิ้นชีพลง ผนึกที่นี่จึงเหมือนกับพืชไร้ราก เริ่มพังลงช้าๆ ซูหมิงมองปราการโลกตรงหน้าพลางขยับเดินหน้าไป กระเรียนขนร่วงข้างๆ บินออกไป ก่อนร้องเสียงดังพร้อมพุ่งชนปราการนั้น ตอนที่ทะลวงผ่านไป ซูหมิงก็เดินออกมาจากในปราการเช่นกัน

ตรงหน้าเขาเป็นซากปรักหักพัง ศพลอยอยู่กลางฟ้าเกลื่อนกลาด แต่กลับไม่มี การเน่าเปื่อย ซากของดวงดาว กลิ่นอายมรณะอบอวลทำให้ที่นี่กลายเป็นยมโลก

ซูหมิงกวาดสายตามองไปบนพระราชวังสูงใหญ่แห่งหนึ่งใจกลางโลก พระราชวังนี้ผุพัง แต่กลับไม่ถล่มลง แผ่กลิ่นอายโบราณออกมา ภายในประตูใหญ่ของพระราชวังที่ เปิดอ้ามืดทึบ เหมือนกับสัตว์ร้ายตัวหนึ่งอ้าปากก่อนตาย

ในความทรงจำชางซานหนู เขาได้เศษชิ้นส่วนนั้นมาจากในพระราชวังนี้ ซูหมิง กวาดสายตามองพระราชวังก่อนขยับข้ามผ่านมวลอากาศมาปรากฏอยู่นอกพระราชวัง จากนั้นเดินหนึ่งก้าวเข้าไปในพระราชวัง

ทันทีที่เดินเข้าไป ตะเกียงน้ำมันรอบๆ พระราชวังแห่งนี้ติดไฟขึ้นเอง ทำให้ที่นี่มีแสงสว่าง ซูหมิงอาศัยจากแสงนี้เห็นว่าใจกลางพระราชวังมีบัลลังก์ตัวหนึ่ง บนบัลลังก์ตัวนั้นมีซากศพนั่งขัดสมาธิอยู่ร่างหนึ่ง ดูแล้วเหมือนกับชายชรา เสียพลังชีวิตไป นั่งอยู่ตรงนั้นเงียบๆ มือขวาแบมือยันขึ้นข้างบน เหมือนเดิมทีเขาถือวัตถุบางอย่าง

ซูหมิงมองศพชายชราคนนั้น ในความทรงจำชางซานหนู ตอนนั้นที่เขาเข้ามาที่นี่ ชายชราคนนี้ตายไปแล้ว สิ่งที่เขายันอยู่ในมือขวาก็คือ เศษชิ้นส่วนนั้น

ซูหมิงกวาดสายตามองชายชราคนนี้ มองไปรอบๆ โดยรอบมีภาพวาดจำนวนหนึ่ง แต่ภาพวาดเหล่านั้นเลือนรางมาก นั่นเป็นเพราะกาลเวลาผ่านไป ประกอบกับการทำลายล้างเผ่าจิตโบราณ จึงทำให้ทุกอย่างที่นี่เป็นอดีตไป

แต่นี่ไม่มีผลกับซูหมิง เขาเดินมาอยู่ข้างกายชายชรา ยกมือขวาขึ้นกดบนมือขวาชายชรา ชั่วพริบตาที่สองคนสัมผัสกัน ซูหมิงใช้วิชาแห่งกาลเวลา

เขายังคงยืนอยู่ในพระราชวัง แต่สิ่งที่เห็นตรงหน้ากลับเป็นภาพนับไม่ถ้วน ม้วนถอยไป ประหนึ่งย้อนเวลาอย่างรวดเร็วในดวงตา ซูหมิงเห็นว่าชางซานหนู ปรากฏตัวในพระราชวังแห่งนี้

ชางซานหนูผู้มีปณิธานฮึกเหิม มาพร้อมกับกลิ่นคาวเลือดและการเข่นฆ่ามากมาย หลังปรากฏตัวที่นี่แล้ว เขามีสีหน้าซับซ้อนยิ่งตรงหน้าศพชายชรา ผ่านไปพักใหญ่… ถึงได้หยิบเอาเศษชิ้นนั้นจากมือชายชราไป

“ท่านปู่…ตอนนั้นที่พวกเจ้าขับไล่ข้าออกจากเผ่า เคยคิดหรือไม่ว่า…ข้าชางหนูจะมีวันนี้!” ชางซานหนูมีสีหน้าเหี้ยมโหด แต่พอเงียบแล้วก็ยังถอนหายใจ เพียงแค่นำ เศษชิ้นนั้นหมุนตัวจากไป

กาลเวลายังคงย้อนกลับไป ซูหมิงเห็นว่าก่อนที่ชางซานหนูจะมา ที่พระราชวังแห่งนี้จะมีคนมาปัดกวาด จัดระเบียบ กราบไหว้อยู่บ่อยๆ ทั้งเผ่าจิตโบราณดูเจริญรุ่งเรือง แต่ว่าแม้ภาพบนกำแพงเหล่านั้นจะไม่เลือนรางอีก แต่ภาพแกะสลักเหล่านั้นก็เป็นพิธีคารวะปกติจริงๆ ไม่ได้มีสิ่งใดเป็นประโยชน์กับซูหมิง

จนกระทั่งซูหมิงเห็นคนจำนวนมากกำลังแกะสลัก ภาพฝาผนังเหล่านั้นจากชัดเจนไปเลือนราง จนกระทั่งว่างเปล่าแล้วจึงปรากฏภาพฝาผนังใหม่ ภาพเหล่านี้วนเวียนเป็นวัฏจักร ภาพฝาผนังเหล่านั้นถูกแกะสลักซ้ำไม่หยุด ถูกเปลี่ยนตลอด แต่ไม่มีประโยชน์กับซูหมิงเลย ทว่าเขาก็ไม่รีบร้อน ยังคงใช้วิชาแห่งเวลามองไปเงียบๆ

ภาพฝาผนังรอบๆ เปลี่ยนไปไม่รู้กี่ครั้ง จนกระทั่งซากศพนั้นตรงหน้าซูหมิงเกิดพลังชีวิตขึ้นมาช้าๆ จนกระทั่งพลังชีวิตเข้มข้นขึ้นเรื่อยๆ ซากศพนี้ย้อนกลับมาอยู่ในสภาพก่อนที่จะละสังหารในอดีต จนกระทั่งเขายืนอยู่ในพระราชวังด้วยสีหน้าเจ็บปวด กำลังว่ากล่าวเด็กหนุ่มคนหนึ่ง เด็กหนุ่มคนนั้นคุกเข่า ก้มหน้าลง แต่มีสีหน้าไม่ยอมและอาฆาตแค้น ซูหมิงเห็นชัดว่าเด็กหนุ่มคนนั้นคือ ชางซานหนู

จนกระทั่งซูหมิงเห็นพระราชวังสมบูรณ์ขึ้นเรื่อยๆ จนกระทั่ง…คนที่เป็นซากศพไปแล้วแต่ตอนนี้มีชีวิตคนนั้นมองเศษชิ้นส่วนนั้นเงียบๆ ก่อนยกมือขวาขึ้นลบภาพ ฝาผนังรอบๆ

ตอนนี้เองแววตาซูหมิงเป็นสมาธิ เขามองไป ภาพที่ถูกลบในสายตาเขาต่างกับภาพเหล่านั้นที่เห็นในกาลเวลาอย่างสิ้นเชิง พอเพ่งมองไป เขาเห็นว่าภาพที่ถูกลบเหล่านี้ เป็นร่างเงาที่ยังมีชีวิตคนนั้นที่เป็นคนแกะสลักขึ้นเอง!

ทั้งภาพถูกแบ่งเป็นสี่ส่วน

ส่วนแรกคือหลังชายหนุ่มคนหนึ่งคารวะบรรพบุรุษแล้วก็ออกจากเผ่าไป ชาวเผ่าข้างหลังส่งเขาออกเดินทาง ให้เขาก้าวเดินบนเส้นทางแห่งการเป็นผู้ใหญ่ของเขา

ส่วนที่สองปรากฏหลุมศพแห่งหนึ่ง ชายหนุ่มคนเดิมเดินเข้าไปในหลุมศพโบราณแห่งนี้ รอบตัวเขามีสิ่งมีชีวิตหน้าตาประหลาดล้อมรอบมากมาย จนกระทั่งตรงส่วนลึกของหลุมศพปรากฏวงแหวนอาคมแห่งหนึ่ง ร่างเงาชายหนุ่มยืนอยู่บนวงแหวนอาคมนั้น ร่างกายเปลี่ยนเป็นเลือนรางก่อนถูกเคลื่อนย้ายออกไป

ส่วนที่สาม หลังจากถูกเคลื่อนย้ายมาแล้ว ชายหนุ่มมาปรากฏตัวอยู่ใน โลกประหลาดแห่งหนึ่ง โลกนี้เหมือนกับจักรวาลกว้างใหญ่ ในจักรวาลกว้างใหญ่มี ช่องโหว่ยักษ์ช่องหนึ่ง ไม่รู้ว่าส่งไปที่ใด ตอนที่ชายหนุ่มจะเข้าไปใกล้ ทันใดนั้นปรากฏชายชราคนหนึ่งตรงช่องโหว่นั้น

ทั่วร่างชายชราเต็มไปด้วยโลหิต เขายืนอยู่บนเรือโบราณลำหนึ่ง เหมือนเดินทางนอกช่องโหว่นั้นมานานมากๆ ถึงจะหาช่องโหว่นี้พบ ถึงได้เข้ามาที่นี่จากข้างนอกเป็นครั้งแรก

ส่วนที่สี่ ชายหนุ่มมอบยาจำนวนหนึ่งให้กับชายชรา มอบแผนที่แผ่นหยกให้เขา ชายชราคนนั้นประสานมือคารวะชายหนุ่ม ตอนที่ยกมือขึ้นเขายังฉีกเศษชิ้นส่วนหนึ่งตรงช่องโหว่นั้นให้ชายหนุ่มด้วย

ภาพจบลง

ซูหมิงเห็นถึงตรงนี้ก็ใจสั่นสะท้าน ตอนที่มองต่อไป ภาพในกาลเวลาหวนคืนถูกคนที่เป็นซากศพแต่ตอนนี้มีชีวิตคนนั้นลบไปกับมือตัวเองแล้ว

ทำให้สี่ภาพนี้หายไปในกาลเวลาชั่วนิรันดร์ คนนอกยากจะได้เห็น สิ่งที่เห็นคือภาพฝาผนังสี่ภาพที่แกะสลักขึ้นมาใหม่หลังลบภาพนั้นไปแล้ว

ซูหมิงลืมตาขึ้น ความจริงเขาก็ไม่ได้หลับตาอะไร ตอนนี้สิ่งที่ลืมตาคือดวงจิต ยกมือขวาขึ้นจากมือซากศพนั้น ทุกอย่างรอบตัวกลับมาเป็นปกติ ยังคงผุพัง ยังคง ผ่านโลกมาเนิ่นนาน ภาพวาดเหล่านั้นยังคงเลือนราง

ซูหมิงเงียบ เห็นได้ชัดว่าสี่ภาพนั้นคือประสบการณ์ตอนที่ซากศพนี้ยังมีชีวิต พูดจริงๆ คือเป็นเรื่องราวที่เขาได้รับเศษชิ้นส่วนนั้นมา เห็นได้ว่าเขาไม่เคยพูดเรื่องนี้กับคนอื่น ต่อให้เป็นภาพฝาผนังนี้ หลังจากวาดแล้วก็ลบด้วยมือตัวเอง ไม่ยอมให้คนอื่นได้ รู้เรื่องนี้

ซูหมิงรู้แล้ว แต่พอรู้เรื่องนี้แล้ว ยามนี้เขาดูเหมือนสงบนิ่ง แต่ในใจเกิดคลื่น ลูกใหญ่ยักษ์ ไม่ได้มีความสงบนิ่งเลยแม้แต่น้อย ทว่าเมื่อหลับตาลง ในความคิดจึงลอยขึ้นมาเป็นภาพฝาผนังเหล่านั้นไม่หยุด

‘หากภาพนี้เป็นจริง เช่นนั้นก็มั่นใจได้ว่าเศษชิ้นส่วนนี้…ไม่ใช่ของผีเสื้อตัวอื่น มันคือส่วนหนึ่งของปีกซางเซียงตัวที่ข้าอยู่!

ขณะเดียวกันก็มั่นใจได้ว่าบนสี่ปีกของซางเซียง…มีช่องโหว่แห่งหนึ่ง…ช่องโหว่ที่เชื่อมไปยังจักรวาลกว้างใหญ่! และช่องโหว่นี้ไม่อยู่ในมหาโลกซางเซียง ไม่อยู่ใน มหาโลกสามรกร้าง และก็ไม่อยู่ในเงามืดรุ่งอรุณกับสิ่งศักดิ์สิทธิ์หวนคืน แต่น่าจะ… อยู่โลกของปีกที่สี่!

หากทุกอย่างเป็นเช่นนี้จริงๆ เช่นนั้น…สถานที่ที่เขาคนนี้ไปก็คือปีกที่สี่ ชายชราคนนั้นที่เขาพบที่นั่น…มาจากที่ใด…’ ซูหมิงนึกถึงตรงนี้พลันลืมตาขึ้น ดวงตาหรี่ลง เกิดความคิดหนึ่งที่ทำให้ใจเขาสั่นสะท้านโดยไร้การควบคุมในความคิด

‘ชายชราคนนั้น เขา…มาจากจักรวาลกว้างใหญ่!’ ซูหมิงลมหายใจกระชั้น ภาพฝาผนังลอยขึ้นมาในความคิดไม่หยุด สุดท้ายก็ไปหยุดอยู่ที่ภาพตอนชายชราคนนั้นเข้ามาในช่องโหว่

‘ทั่วร่างเขาอาบไปด้วยเลือด น่าจะได้รับบาดเจ็บ ใช้เรือลำนั้นเป็นของวิเศษข้ามผ่านมวลอากาศมายังที่นี่ ผู้แข็งแกร่งแบบนี้ ใครทำให้เขาบาดเจ็บได้ แล้วเขามาจาก…หืม?’ ซูหมิงตัวสั่นสะท้าน เขาถอยหลังไปหลายก้าวโดยจิตใต้สำนึก เขานึกไปถึงภาพที่ชายหนุ่มชุดคลุมดำคนนั้นทำลายผีเสื้อ

ซูหมิงหน้าเปลี่ยนสีอย่างรวดเร็ว

‘มีความเป็นไปได้หรือไม่ว่าเขาจะมาจาก…ในโลกของผีเสื้ออีกตัว เขาหนีออกมาก่อนที่โลกผีเสื้อตัวนี้จะถูกทำลาย! เรือ เรือ…ในความทรงจำข้า มีคนหนึ่ง เขานั่งเรือโบราณลำหนึ่งมาตลอด เขาคือ…ผู้เฒ่าเมี่ยเซิง!’ ซูหมิงถอยไปอีกครั้ง หน้าเปลี่ยนสีอย่างต่อเนื่อง จนผ่านไปพักใหญ่พลันเงยหน้ามองซากศพบนบัลลังก์นั้น

‘ผู้เฒ่าเมี่ยเซิงมากับเรือลำหนึ่ง ออกตามหาวัตถุที่เขาต้องการจากในมหาโลก สามรกร้าง คนที่เซ่นไหว้ให้เขาจะมีสิทธิ์ได้ถูกเขียนนามลงในเพลงกลอน แต่เพลงกลอนนั้นเป็นบทที่ไม่มีวันสิ้นสุดลง ทำให้สิ่งมีชีวิตที่ถูกเขียนลงในนั้น ไม่สูญสลายไป

เขาอยู่ในสมัยที่สาม ปรากฏตัวที่มหาโลกสามรกร้าง จุดนี้ตรงกับเนื้อหาใน ภาพฝาผนัง บางทีตอนนั้นเขาอาจจะ…มาในโลกผีเสื้อของซางเซียงตัวนี้เป็นครั้งแรก!

เขาคือผู้เฒ่าเมี่ยเซิง มาจากฝ่ายเงามืดรุ่งอรุณ…เงามืดรุ่งอรุณ ที่นี่ก็เป็นฝ่าย เงามืดรุ่งอรุณ!’ ซูหมิงหรี่ตาลงอีกครั้ง ไอหนาวแผ่มาอบอวลในก้นบึ้งหัวใจ แผ่ไปทั้งทั่วร่าง

‘เช่นนั้นเขา…หลังจากโลกเขาถูกชายหนุ่มชุดคลุมดำทำลายล้างไปแล้ว เขาหนีออกมา เข้ามาในโลกนี้มีเป้าหมายอะไร!’

‘และตอนนี้เขาอยู่ที่ใด เล่าลือว่าผู้เฒ่าเมี่ยเซิงสิ้นชีพลงในช่วงปลายสมัยที่สาม กลายเป็นเมล็ดพันธุ์แห่งการทำลายล้างชีวิต แต่เมล็ดพันธุ์แห่งการทำลายล้างชีวิตครึ่งหนึ่งที่ข้าบำรุงตอนนี้มันสมบูรณ์แล้ว อยู่กับซูเซวียนอี อยู่ในตัวเหลยเฉิน!

ซูเซวียนอี…เขารู้เรื่องพวกนี้หรือไม่!’ ซูหมิงหลับตาลงจนกระทั่งตอนนี้เขาถึงได้พบว่า ต่อให้เขามีพลังแกร่งที่สุดในยุค แต่หมอกที่อยู่ตรงหน้ากลับมากขึ้นเรื่อยๆ ตามขั้นพลังที่แกร่งขึ้น!

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version