Skip to content

สู่วิถีอสุรา 1345

ตอนที่ 1345 จักรวาลกว้างใหญ่

จักรวาลกว้างใหญ่

จักรวาลคือสีของฟ้า กว้างใหญ่มีความหมายแฝงคือไร้พรมแดน สองคำนี้รวมเข้าด้วยกันจึงเรียกว่าจักรวาลกว้างใหญ่ แต่ฟ้า ฟ้ากระจ่างดาวก็เป็นฟ้า จักรวาลก็เป็นฟ้า อากาศก็ถือว่าเป็นฟ้า ดังนั้นจึงเกิดเป็น…จักรวาลกว้างใหญ่นอกช่องโหว่ในตอนนี้

ที่นี่ใหญ่เพียงใด ซูหมิงไม่รู้ เขาเชื่อว่าต่อให้เป็นชายหนุ่มชุดคลุมดำบนเข็มทิศนั่นก็ไม่รู้ว่าจักรวาลนี้กว้างใหญ่เพียงใด

ที่นี่ต่างกับฟ้ากระจ่างดาว ทันทีที่ก้าวออกจากมหาโลกซางเซียง ซูหมิงพลันรู้สึกว่าร่างกายหนักขึ้น เหมือนว่ามีภูเขากดทับบนตัวลูกหนึ่ง ภูเขานี้หนักอึ้ง ทำให้หายใจไม่ออกเล็กน้อย รู้สึกไม่ค่อยชินอยู่บ้าง

กระทั่งแขนขาสี่ข้างก็เหมือนถูกมัดไว้อย่างไร้รูป ทำให้ตอนที่ยกขึ้นจะเกิดความฝืดเล็กน้อย

และยังมีหมอกบางรอบๆ ซูหมิงรู้สึกถึงอันตรายในระดับที่มั่นคงจากในหมอกนี้ ราวกับว่าหมอกกินพลังชีวิตได้ ทำลายร่องรอยทุกชีวิตได้

ซูหมิงยกมือขวาขึ้นเงียบๆ สัมผัสกับหมอกบางนั้น ทันทีที่สัมผัส มือขวาพลันเกิดการเสื่อมสภาพโดยเห็นได้ด้วยตาเนื้อทันที ขนาดเล็บปลายนิ้วยังเกิดสีเทา คล้ายกับจะกลายเป็นเถ้าธุลี แต่เมื่อซูหมิงโคจรพลัง นิ้วมือก็สมดุลกับการเสื่อมสภาพจากภายนอก

‘ด้วยพลังของข้ายังเป็นเช่นนี้ ขั้นไม่อาจกล่าวตอนกลางอยู่ที่นี่ได้หลายสิบปี ส่วนขั้นไม่อาจกล่าวตอนต้น…อย่างมากสุดครึ่งปีก็สิ้นชีพลง และต่ำกว่าขั้น ไม่อาจกล่าว…เมื่อก้าวสู่จักรวาลกว้างใหญ่จะถูกลบร่องรอยทุกอย่างไปในพริบตา

อีกทั้ง…’ ซูหมิงขมวดคิ้ว เขาไม่รู้สึกถึงดวงจิตกับร่องรอยพลังในการฟื้นฟูขั้นพลังจากในจักรวาลกว้างใหญ่แม้แต่น้อย หรือพูดได้ว่าที่นี่…พลังจะไม่ฟื้นกลับมา ใช้ไปเท่าไรก็เสียไปเท่านั้น

สำหรับผู้ฝึกฌานส่วนใหญ่แล้วนี่เป็นเรื่องที่รับไม่ไหว แต่ซูหมิงก็ไม่ได้ปรับตัวไม่ได้มากขนาดนั้น ถึงอย่างไรไม่ว่าจะเป็นที่ทะเลดาราต้นกำเนิดจิตหรือโลกของวิหารเหล่าเทพ เขาก็เคยผ่านเรื่องคล้ายๆ แบบนี้มาแล้ว

ซูหมิงจึงชำนาญการค่อยๆ ใช้พลังที่มีจำกัดอย่างยิ่งแล้ว ทำได้ถึงจุดที่เรียกว่า สง่างาม แต่ว่า…นอกจากนี้แล้ว แม้เขาจะไม่ได้แผ่กระจายดวงจิตในจักรวาลกว้างใหญ่ แต่ก็รู้ได้ว่าดวงจิตมหึมาของเขาเหมือนจะไหลออกอยู่ตลอดเวลา

จากความเร็วในการไหลออกแบบนี้ เดาว่าสักร้อยปีดวงจิตเขาจะหายไปจนหมดราวกับถูกจักรวาลกว้างใหญ่กินไป

ซูหมิงถอนหายใจเบา ความคิดที่จะซ่อนตัวจากภัยพิบัติในจักรวาลกว้างใหญ่หายไปไม่น้อย ที่นี่ไม่ใช่ที่ที่ผู้ฝึกฌานจะอยู่ได้

อีกอย่างหมอกบางเหล่านั้นรอบตัวเขาตอนนี้เป็นเพียงสิ่งที่พบเห็นได้บ่อยที่สุดในจักรวาลกว้างใหญ่ ที่นี่ยังมีสิ่งที่แม้แต่ซูหมิงยังหวาดกลัวอยู่อีกไม่น้อย อย่างเช่นน้ำวน อย่างเช่นสิ่งมีชีวิตประหลาดที่กำเนิดที่นี่

สิ่งเหล่านี้ บางทีคนอื่นอาจจะไม่เข้าใจ แต่ซูหมิงที่ผ่านเหตุการณ์ชายหนุ่มชุดคลุมดำในอดีตมาแล้ว เขารู้ถึงความลับและความน่ากลัวของจักรวาลกว้างใหญ่ไม่น้อย

ตอนนี้ได้สัมผัสด้วยตัวเองอีกครั้ง จึงได้เข้าใจลึกซึ้งกว่าเดิมไม่น้อย

ซูหมิงตรึกตรองอยู่ชั่วครู่ ดวงตาสองข้างพลันขยับประกายวาวเด็ดขาดเสี้ยวหนึ่ง ก่อนขยับไหวกลายเป็นสายรุ้งยาวบินไกลออกไปยังจักรวาลกว้างใหญ่ เขาไม่ใช่คนที่ยอมล้มเลิกความคิดง่ายๆ สามทางเลือกภายใต้ภัยทำลายล้างจะไม่มีทางถูกยกเลิก ไปหนึ่งข้อเพียงเพราะข้อวินิจฉัยง่ายๆ แน่

หากอยู่ในจักรวาลกว้างใหญ่ได้ มีวิธีให้คนอยู่รอดได้ นี่จะเท่ากับว่าซูหมิงหาวิธีให้ญาติพี่น้องสหายของเขาปลอดภัยในเคราะห์ภัย

เพียงแต่ว่าเขาไม่แน่ใจว่าพวกฟางชางหลันจะออกจากมหาโลกซางเซียงได้หรือไม่ ถึงอย่างไรขั้นพลังพวกนางก็ไม่สูง หลายปีมานี้ด้วยคุณสมบัติและโอกาสต่างกัน จึงทำให้ระยะห่างของพลังระหว่างคนกับคนมากขึ้นเรื่อยๆ เรื่องนี้ซูหมิงเองก็ไม่มีวิธี การจะฝืนยกระดับพลังจะแก้ไขได้ชั่วคราวเท่านั้น อีกอย่างหนึ่งซูหมิงไม่อาจให้ทุกคนก้าวสู่ขั้นไม่อาจกล่าวได้

แต่ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม จักรวาลกว้างใหญ่…ก็คือหนึ่งในสามทางเลือก มีเพียงต้องมั่นใจในการเดินทางในเส้นทางนี้เท่านั้น ซูหมิงถึงจะคิดวิธีแก้ปัญหาอื่นๆ ได้

ซูหมิงเคลื่อนตัวไปเร็วยิ่งด้วยแววตาเด็ดขาด ชั่ววูบเดียวก็บินไกลออกไป หายไปกลางจักรวาลกว้างใหญ่ที่ดูเหมือนบาง แต่ความจริงเป็นหมอกหนักอึ้ง

เมื่อซูหมิงบินไกลออกไป หมอกบางเหล่านั้นรวมที่ตัวเขาจนเกิดเป็นร่องรอยสีเทา นานเข้าแทบทุกส่วนของร่างกายเหมือนกลายเป็นรอยสีเทา แต่เขารักษาระดับพลังที่สมดุลเอาไว้ เลยทำให้เขาดูเหมือนจะเสื่อมสภาพลง แต่ความจริงแล้วยังไม่มีปัญญาอะไร

หากเป็นเด็กเลี้ยงสัตว์ เขาเข้ามาในจักรวาลกว้างใหญ่หลายครั้งก็จริง ทว่าก็ ไม่กล้าออกไปไกลนัก วนเวียนอยู่แต่ใกล้ๆ แต่ถึงจะเป็นอย่างนั้น ทุกครั้งที่เดินทางจะต้องเตรียมตัวอย่างมาก มิหนำซ้ำหมอกนี้ยังทำอันตรายเขาไม่น้อย แทบทุกร้อย ลมหายใจเขาจะต้องกินเม็ดยาเพื่อฝืนโคจรพลังและปรับลมหายใจ

ไม่เหมือนกับซูหมิงตอนนี้ เขาห้อเหยียดไปตลอดทางโดยไม่หยุดแม้แต่น้อย จนกระทั่งดวงตาเขาขยับประกายกลางจักรวาลกว้างใหญ่ พลันยกมือขวาขึ้นคว้าไปยังหมอกทางขวา ทันใดนั้นหมอกในพื้นที่นั้นหดตัวเข้ามาทั้งหมด ปรากฏใบหน้าที่มีดวงตาสามดวงขึ้น ใบหน้านี้เป็นมายา เปล่งแสงหม่น ยามนี้เผยความเหี้ยมโหด แต่กลับให้ความรู้สึกว่าไม่มีสติปัญญา

มันร้องคำรามเสียงแหลมพลางพุ่งตรงมาหาซูหมิง ซูหมิงใช้มือขวาคว้าไปอย่างไม่ลังเล เกิดเสียงดังครึกโครมขึ้น ใบหน้านั้นแหลกเป็นเสี่ยงๆ ทว่ากลับไม่หายไป แต่กลายเป็นสิบส่วนพุ่งตรงไปหาซูหมิงพร้อมกัน

ซูหมิงขมวดคิ้ว แม้จะไม่ได้ใช้พลังจากฝ่ามือทั้งหมด แต่ก็สังหารขั้นไม่อาจกล่าวตอนต้นได้ ทว่ากลับไม่อาจสังหารสิ่งมีชีวิตประหลาดที่นี่ได้

เขาแค่นเสียงขึ้นจมูก ก่อนสะบัดแขนเสื้อต่อหน้าใบหน้าสิบกว่าส่วนที่พุ่งตรงเข้ามา ครั้งนี้เขาใช้ดวงจิตด้วย เมื่อสะบัดแขนเสื้อผ่านไป เกิดเสียงครึกโครมดังก้องในจักรวาลกว้างใหญ่ ใบหน้าสิบกว่าส่วนนั้นร้องโหยหวนเสียงแหลม ก่อนเป็นควันหายไปทีละส่วน

แต่ซูหมิงมีสีหน้าย่ำแย่เล็กน้อย ถึงจะรู้แล้วว่าดวงจิตจะสลายไปที่นี่ แต่เขาไม่นึกเลยว่าการใช้ดวงจิตที่นี่ จะทำให้เวลาที่ดวงจิตสลายไปเพิ่มขึ้นเป็นร้อยเท่าจากตอนที่ไม่ใช้ดวงจิต

หากเป็นอย่างนี้ แค่ปีเดียว…ดวงจิตมหึมาของเขาจะแห้งเหี่ยวลงที่นี่

อีกทั้งสิ่งมีชีวิตประหลาดเมื่อครู่นี้ ซูหมิงต้องใช้ดวงจิตที่มีพลังเทียบเท่ากับขีดจำกัดของขั้นไม่อาจกล่าวตอนต้นถึงจะสังหารมันได้ มิหนำซ้ำสัตว์ประหลาดแบบนี้ก็ไม่ได้หายากอะไรที่นี่…

ซูหมิงเงียบอยู่ครู่หนึ่งก่อนลอบถอนหายใจ ไม่ต้องพิสูจน์อะไรที่นี่อีกแล้ว ที่นี่…ไม่เหมาะกับผู้ฝึกฌาน เพราะต่อให้เป็นเขาก็อยู่ได้แค่ช่วงเวลาหนึ่ง ไม่อาจอยู่นานนัก จุดจบสุดท้ายก็มีแต่ความตาย

ขณะเงียบอยู่นี้ ซูหมิงไม่ได้เดินหน้าต่อ แต่หมุนตัวกลับไปทางผีเสื้อซางเซียง มองไกลๆ เขาเห็นเพียงปีกที่เอียงขึ้นข้างบนซึ่งต่างกับจักรวาลกว้างใหญ่อย่างชัดเจน

ความใหญ่ของปีกนั้น ซูหมิงมองไม่เห็นสุดขอบเขตเหมือนกัน

ความต่างของมุมสายตาทำให้ความใหญ่เล็กของวัตถุต่างกัน เหมือนกับตอนที่ ซูหมิงมองจากในวิชาย้อนเวลาไปในอดีต ผีเสื้อตัวนั้นดูเหมือนไม่ได้ใหญ่มาก ตอนที่ซางเซียงชี้นำให้เขาได้เห็นความทรงจำในยุคโบราณก็เช่นกัน เหมือนว่าผีเสื้อทุกตัวมีขนาดเท่าฝ่ามือทารก

แต่ตอนนี้สิ่งที่เขาเห็นกลับยิ่งใหญ่จนไม่อาจบรรยาย

เขายืนเหม่ออยู่ตรงนั้น มองผีเสื้อยักษ์ตรงหน้า เขามองไม่เห็นหน้าตาผีเสื้อ เห็นแต่เพียงปีกที่สี่ของมัน แม้แต่ปีกที่สี่ก็ยังเห็นไม่หมด

เขายากจะบรรยายความรู้สึกนี้ มันซับซ้อนมาก และยังมีความปลงอนิจจังอย่าง น่าประหลาด เขาเห็นกลิ่นอายมรณะในตัวผีเสื้อ ความเข้มของกลิ่นอายมรณะนั้น เกรงว่าต่อให้อยู่ไกลมากก็ยังรู้สึกได้

ไม่รู้ว่ากลิ่นอายมรณะเข้มข้นนี้ดึงดูดสิ่งมีชีวิตในจักรวาลกว้างใหญ่รอบๆ หรือไม่ ทำให้หมอกทางซ้ายของซูหมิงหดตัวเข้ามาอีกครั้ง ปรากฏเงามืดบิดเบี้ยวดุจวิญญาณร่างหนึ่ง

ขณะเงียบ ดวงตาซูหมิงพลันฉายแววยึดมั่นอีกครั้ง เขายังไม่ยอมล้มเลิกเส้นทางแห่งจักรวาลกว้างใหญ่ แม้สุดท้ายความพยายามจะไม่เกิดผล กระทั่งยังต้องจ่ายไปเล็กน้อยก็ตาม แต่เขาก็ยัง…อยากดูสักครั้งว่าจักรวาลนี้กว้างใหญ่เพียงใด ได้เห็นว่า ในนั้นมีสิ่งมีชีวิตประหลาดเท่าไร และยังอยากใช้อีกมุมมองสายตา…มองหน้าตา ซางเซียงตัวนี้ทั้งตัว!

เขามาพร้อมกับความยึดมั่นที่มากเป็นพิเศษ เหมือนกับเขาในตอนนั้นที่ยอมกินสมุนไพรจำนวนมากเพราะจะทำลายประตูห้องที่ท่านปู่ผนึกไว้เพื่อเผ่าเขาทมิฬ ความยึดมั่นของเขาเหมือนกับตอนที่ถูกผนึกเจ็ดอารมณ์หกความปรารถนาใน ทะเลดาราต้นกำเนิดจิต แต่เขาก็ยังใช้ตุ๊กตาปมหญ้า หลั่งโลหิตบันทึกใบหน้าที่ไม่อยากลืมเอาไว้ และก็เหมือนกับตอนที่เขารู้ว่าเดิมทีซูเซวียนอีไม่ใช่บิดาของตน แต่ตนอยู่แดนมรณะ เขาจึงผงาดขึ้นในสภาวะจิตใจหดหู่

สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นความยึดมั่น หากไม่มีความยึดมั่นเขาก็ไม่มีทางมาถึงตอนนี้ได้ หากไม่มีความยึดมั่น ซูหมิง…ก็จะไม่ใช่ซูหมิงอีก เขาจะไม่มีพลังอย่างตอนนี้ แต่จะกลายเป็นเพียงคนธรรมดาในสามัญชนทั่วไป

ภายใต้ความยึดมั่นแบบนี้ ซูหมิงเลือกทำในสิ่งที่บางทีไม่ควรทำที่สุดในจักรวาลกว้างใหญ่…เขาแผ่ดวงจิตมหึมาของตนออกไปทั้งหมด

เหมือนอย่างที่เขาว่าไว้ เขาอยากเห็น!

เหมือนกับที่จ้าวหมานเผ่าหมานกล่าวไว้ตอนทำนายฟ้าอีกครั้ง โลกที่เขาเห็น คนอื่นมองไม่เห็น!

เหมือนกับตอนซูหมิงอยู่แดนหมาน ตอนที่เขาเงยหน้ามองฟ้า ความปรารถนาในใจเขาคือต้องได้เห็นโลกที่ทุกคนมองไม่เห็น!

เขาในตอนนี้ เมื่อแผ่ขยายดวงจิตออกไปพลันมีเสียงคำรามแหลมนับไม่ถ้วน ดังมาจากในจักรวาลกว้างใหญ่ ขณะเดียวกันหมอกที่นี่หมุนม้วนอย่างรวดเร็ว เหมือนกับว่าดวงจิตเขาเป็นแสงไฟในคืนมืดกลางจักรวาล ขณะเดียวกับที่ส่องแสง ยังเป็นของที่อยู่ที่นี่ไม่ได้!

ซูหมิง…เห็นแล้ว!

เขาเห็นว่าในจักรวาลกว้างใหญ่นี้มีสิ่งมีชีวิตประหลาดอยู่หลายพันตัว เห็นจักรวาลกว้างใหญ่นี้…เหนือกว่าดวงจิตเขาอย่างไม่มีที่สิ้นสุด ขณะเดียวกัน… ยังเห็นร่างซางเซียงทั้งตัวกลางจักรวาล!

นั่นคือผีเสื้อที่งดงามตัวหนึ่ง สี่ปีกของมันตั้งขึ้นทั้งหมด ตอนนี้…ห่างจากการซ้อน ทับกันอีกเสี้ยวเดียว กระทั่งมองไปแวบแรกยากจะเห็นช่องลอดระหว่างปีกแล้ว!

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version