Skip to content

สู่วิถีอสุรา 1349

ตอนที่ 1349 ไม้เทพ

ซูหมิงมีสีหน้าเฉยชากว่าร้อยยี่สิบปีก่อน ดวงตาหยั่งลึกยิ่งกว่าเดิม ทั้งตัวดูเหมือนไม่มีความแค้นใดๆ แต่กลับเป็นดั่งน้ำใสสะอาด

สงบนิ่ง เฉยเมย เหมือนว่าโลกพังลงตรงหน้าก็ไม่อาจทำให้เขาหน้าเปลี่ยนสีไปได้มากนัก เว้นแต่…จะมีคนล้ำเส้น

‘เต๋าไร้ที่สิ้นสุด…ไม่คิดเลยว่าการตระหนักรู้ครั้งนี้จะเป็นการสัมผัสเต๋าไร้ที่สิ้นสุดครั้งแรกของข้า น่าเสียดายเวลาไม่พอ…หากให้เวลาตระหนักรู้หมื่นปีหรือนานกว่านั้น บางทีอาจได้ก้าวสู่ระดับเต๋าไร้ที่สิ้นสุดด้วยขั้นพลังตอนนี้’ แม้ซูหมิงจะมีความเสียดายเล็กน้อย แต่เขาเข้าใจว่าตนไม่มีเวลามากพอ ภัยพิบัติจะมาถึงแล้ว หากยังอยู่ใน การตระหนักรู้ ตอนที่ตื่นขึ้นทุกอย่างจะไม่มีอยู่แล้ว เกรงว่าความเสียใจคงจะถูกฝังในการตกตะกอนของเวลา อยากหาก็หาไม่พบ

ถึงอย่างไรวิชาแห่งเวลาก็ไม่ใช่วิชาที่ใช้ได้สารพัดอย่าง…

‘แม้จะไม่ได้ก้าวสู่ขั้นเต๋าไร้ที่สิ้นสุดจริงๆ แต่ข้าในตอนนี้มีกลิ่นอายพลังของ เต๋าไร้ที่สิ้นสุดสายหนึ่งแล้ว รวมขึ้นเป็น…จิตเต๋าที่ผู้เฒ่าเมี่ยเซิงพูดถึง…’ ดวงตาที่สามตรงระหว่างคิ้วเขาขยับประกายวาว เห็นรางๆ ว่าในดวงตาที่สามมีเงามายานั่งขัดสมาธิอยู่

เงามายานั้นแผ่กลิ่นอายพลังน่ากลัวอย่างยิ่ง ความแกร่งของกลิ่นอายพลังนี้ ต่อให้เป็นซางเซียงในสภาพสมบูรณ์พบก็ยังต้องถอยโดยจิตใต้สำนึก นี่คือ…จิตเต๋าที่ ซูหมิงได้มาจากการก้าวออกไปยังเต๋าไร้ที่สิ้นสุดก้าวแรก

จิตของเต๋าไร้ที่สิ้นสุด!

จิตนี้เป็นดั่งเมล็ดพันธุ์ และยังมีคุณสมบัติหนึ่ง มีเพียงคนที่รวมจิตเต๋าได้เท่านั้นถึงจะมีโอกาสก้าวสู่ขั้นเต๋าไร้ที่สิ้นสุด และนี่ก็เป็นสาเหตุที่ผู้เฒ่าเมี่ยเซิงเชื่อมั่นว่าซูหมิงไม่มีทางสำเร็จในการตระหนักรู้ครั้งเดียว เพราะซูหมิงก่อนตระหนักรู้ยังไม่มีคุณสมบัติรวมจิตเต๋า แต่ตอนนี้ต่างออกไป เขาที่มีจิตเต๋าได้ยกระดับชีวิตอีกครั้ง เขากับ ดวงจิตสามรกร้างในตอนนี้แทบจะไม่มีความต่างกันแล้ว กระทั่งในบางด้านซูหมิงยังเหนือกว่าเล็กน้อย

ถึงจะไม่บรรลุถึงจุดสูงสุดของขั้นไม่อาจกล่าวตอนปลาย แต่ซูหมิงรู้สึกถึงขีดจำกัดแล้ว รู้สึกถึงทิศทางแล้ว

“อีกอย่างขั้นพลังกับพลังเป็นเพียงส่วนหนึ่งบนเส้นทางในการแสวงหา ความเข้าใจ ไม่จำเป็นต้องสนใจขนาดนั้น” ซูหมิงพึมพำพลางสะบัดแขนเสื้อ มองไปรอบๆ การตระหนักรู้ร้อยกว่าปีเป็นเพียงพริบตาเดียวสำหรับเขา ความทรงจำเขายังคงหยุดอยู่ที่ร้อยกว่าปีก่อน เพียงแต่มีความรู้สึกเต็มไปด้วยฝุ่นขึ้นมา นั่นเป็นเพราะการเปลี่ยนแปลงของเวลา แน่นอนว่านั่นเป็นความรู้สึกไม่ชินที่เล็กน้อยจน ไม่มีค่าพอให้เอ่ยถึง

ซูหมิงเดินบนผืนฟ้า เริ่มไม่สนใจความรู้สึกไม่ชินที่ด้อยค่านี้ไป ตอนที่มองไปยังผืนฟ้า เขาเห็นว่าในมวลอากาศเหมือนมีดาวร่างแปลงของเด็กเลี้ยงสัตว์อยู่รางๆ

ขณะเดียวกันเขาก็เห็นไม้เทพยักษ์ที่ลอยอยู่กลางฟ้า

ก่อนจะออกจากโลกฟ้าแหว่งที่เป็นปีกที่สี่ ซูหมิงต้องไปไม้เทพสักครั้ง จากนั้นไปพบพวกเด็กเลี้ยงสัตว์อีกครั้ง ส่งมรดกพวกเขาไปยังโลกที่อาจจะมีหรืออาจจะไม่มีนั่น

เมื่อทำสิ่งเหล่านี้เสร็จ เขาจะออกจากที่นี่ ออกจากโลกฝ่ายเงามืดรุ่งอรุณกับ สิ่งศักดิ์สิทธิ์หวนคืน กลับไปมหาโลกสามรกร้าง เพราะเทียนเสียจื่อก็ดี เลี่ยซานซิวก็ดี คนชุดคลุมดำสามคนนั้นตอนนี้ไปมหาโลกสามรกร้างแล้ว

ดวงจิตโลกดาราสัจธรรมของซูหมิงเฝ้ามองทุกอย่างอยู่ กระทั่งซูหมิงที่มีจิตเต๋าแล้วมีความรู้สึกว่าหากต้องการ ขอแค่หลับตาลง ตอนที่ลืมตาอีกครั้ง ดวงจิตโลก ดาราสัจธรรมจะรวมเป็นตัวเองออกมาอีกคน

คงอยู่ทุกที่ นี่คือความเข้าใจหลังได้รับจิตเต๋า

ซูหมิงเดินไปกลางฟ้าด้วยสีหน้าเฉยเมย จนกระทั่งตรงหน้าปรากฏไม้เทพยักษ์ ความใหญ่ของมันมีความยาวหลายแสนจั้ง ตอนนี้ลอยอยู่กลางฟ้า เต็มไปด้วยความรู้สึกยิ่งใหญ่จนน่าตกใจ

ซูหมิงหยุดเดิน ยามที่มองไกลๆ เขาแผ่ดวงจิตเข้าไปใกล้ไม้เทพแล้วทำการกวาดเข้าไป พลังประหลาดที่เคยขวางดวงจิตเขาก่อนหน้านี้ปรากฏขึ้นอีกครั้ง ทำให้ดวงจิตเขารู้สึกลำบาก ไม่อาจขยายเข้าไปในไม้เทพได้

ซูหมิงมีสีหน้าปกติ ดวงตาที่สามตรงระหว่างคิ้วพลันเปิดขึ้น จิตเต๋าที่นั่งขัดสมาธิในลูกตาที่สามลืมตาขึ้นเช่นกัน ทันทีที่ลืมตา ดวงตาที่สามตรงระหว่างคิ้วร่างเงานี้ก็ ลืมตาเช่นกัน….พบว่าในลูกตาที่สามของร่างเงานี้ก็มีอีกร่างเงานั่งขัดสมาธิอยู่ ร่างเงานี้ลืมตาขึ้นตาม

ไม่มีเริ่มต้นไม่มีสิ้นสุด…มีกี่ร่างเงากันแน่ซูหมิงไม่รู้ นี่คือความลึกลับและมหัศจรรย์ของจิตเต๋า แทบเป็นช่วงที่ร่างเงาเหล่านี้ลืมตาที่สาม ดวงจิตซูหมิงพลันมีกลิ่นอายพลังของเต๋าไร้ที่สิ้นสุดสายหนึ่งเพิ่มมา กลิ่นอายพลังนี้เป็นดั่งแม่ทัพใหญ่ในกองพลทหาร เมื่อปรากฏขึ้นมาแล้วก็ตรงไปยังไม้เทพทันที พลังที่ขวางมันทั้งหมดเมื่อปะทะกันแล้วจะแตกเป็นเสี่ยงๆ ทำให้ซูหมิงเห็นโลกในไม้เทพได้อย่างง่ายดาย

ภายในไม้เทพนั้นมีถ้ำอยู่นับไม่ถ้วน ถ้ำส่วนใหญ่มีผู้ฝึกฌานหลับใหล แต่ตอนนี้ช่วงที่ดวงจิตซูหมิงไปเยือนไม้เทพ ผู้ฝึกฌานที่อาจจะหลับใหลหรือตื่นเหล่านี้ล้วนจิตใจสั่นสะท้าน ชั่วพริบตาเดียวก็ลืมตาขึ้นทั้งหมด ในใจเกิดความกลัว

ตัวประหลาดที่อยู่มานานไม่รู้กี่ยุคเหล่านี้ตอนนี้ตกอยู่ในความกลัว พลันรู้สึกถึงอันตรายน่าสะพรึงจนเนื้อเต้น ขณะเดียวกันยังได้ยินเสียงราบเรียบดังแว่วมาข้างหู

เสียงนี้ไม่ดัง เพียงดังก้องเรียบๆ ไม่มีอำนาจคุกคามใดๆ และก็ไม่มีแรงกดดันที่ ทำให้ใจสั่นไหว มีเพียงความหมายแฝงจากในคำพูดที่แฝงไว้ด้วยความบ้าอำนาจ ที่ข้าเป็นใหญ่เพียงหนึ่งเดียวอย่างเปิดเผยไม่ปิดบังแม้แต่น้อย

“ข้าต้องการไม้นี้ พวกเจ้าจงออกไปในสิบลมหายใจ”

ซูหมิงกล่าวราบเรียบ พูดจบก็ไม่พูดอีก แต่รอสิบลมหายใจเงียบๆ ทั้งไม้เทพพลันเงียบสงัด

เวลาผ่านไปทีละลมหายใจ เมื่อลมหายใจที่ห้ามาถึงมีผู้แข็งแกร่งบางส่วนที่นี่ บินออกมา หลังพุ่งออกจากไม้เทพแล้วเห็นซูหมิงอยู่ไกลๆ พวกเขาใจสั่นสะท้าน พร้อมกัน จำได้ทันทีว่าซูหมิงก็คือคนที่เดินอย่างสับสนในผืนฟ้าตลอดร้อยกว่าปีมานี้

ถึงอย่างไรแม้ผู้แข็งแกร่งในไม้เทพส่วนใหญ่จะหลับใหลและก็มีบางส่วนตื่นอยู่ แต่คนเหล่านี้ก็ไม่ได้อยู่ในไม้เทพนานนัก ออกไปข้างนอกเป็นบางครั้ง บ้างได้เห็น ซูหมิงกับตาหรืออาจจะได้ยินคนเล่ามา เลยรู้จักซูหมิง

ลมหายใจที่แปด…มีผู้ฝึกฌานจากไม้เทพเพียงสองส่วนที่เลือกออกจากไม้เทพ ทว่าก็ไม่ได้ไปไกลนัก แต่มองซูหมิงอย่างเย็นชา พวกเขาอยากรู้ว่าอีกฝ่ายอวดดีเพียงใดถึงคิดว่าด้วยพลังตัวคนเดียวจะต่อต้านกับผู้แข็งแกร่งเกือบหลายหมื่นคนใน ไม้เทพได้

เป็นที่รู้กันว่าผู้แข็งแกร่งเหล่านี้ทุกคนล้วนเป็นผู้แข็งแกร่งจากในยุคของตัวเอง มีคุณสมบัติไม่ดับสูญไปในภัยพิบัติ ทุกคนมีพลังทำให้ผืนฟ้าสั่นสะเทือน

ผ่านไปสิบลมหายใจ ซูหมิงเงยหน้าขึ้น สีหน้ายังคงราบเรียบดังเดิม เพียงแค่ ยกมือขวาชี้ไปยังไม้เทพยักษ์

“ด้วยดวงจิตข้า ด้วยจิตเต๋าข้า เล็ก…”

แค่เอ่ยคำว่าเล็ก ไม้เทพยักษ์เกิดเสียงดังสนั่นหวั่นไหวขึ้น ทั่วไม้สั่นสะเทือนอย่างรุนแรง ภายใต้สายตาค้างของผู้ฝึกฌานที่ยิ้มเยาะมองมารอบๆ พวกเขาเห็นกับตาว่าไม้เทพหดลงเกือบหนึ่งเท่า

ตอนนี้เกิดคลื่นลูกใหญ่ในใจพวกเขา ต่างพากันตกใจกลัวดูเหลือเชื่อ ในภาพจำ พวกเขา ไม้เทพนี้เป็นวัตถุไม่ถูกทำลาย ไม่ถูกเปลี่ยนแปลง กระทั่งไม่อาจดูหมิ่น

เคยมีหลายคนลองหลอมไม้เทพเป็นสมบัติของตัวเอง แต่ไม่มีใครทำสำเร็จ ไม่ว่าจะแกร่งเพียงใดก็ทำไม่ได้ ถึงขนาดคนที่ลองหลอมเหล่านั้นได้รับผลย้อนกลับอย่างรุนแรง ต่างสิ้นใจไปอย่างน่าอนาถ

แต่ตอนนี้ไม้เทพกลับหดลงหนึ่งเท่าด้วยการชี้นิ้วของซูหมิง ความตกใจของทุกคนประหนึ่งเสียงฟ้าผ่าล้านสาย

คนนอกยังเป็นเช่นนี้ จึงยิ่งไม่ต้องพูดถึงผู้แข็งแกร่งในไม้เทพที่ไม่ปฏิบัติตามคำสั่งซูหมิง ยามนี้พากันหน้าเปลี่ยนสีอย่างรุนแรง พวกเขารู้สึกชัดเจนว่าพอไม้เทพหดลง แต่ร่างกายพวกเขาไม่เปลี่ยนไปแม้แต่น้อย ถ้ำของทุกคนหดลงมาหนึ่งเท่า

ถึงขนาดด้วยความที่ถ้ำมีขนาดต่างกัน ตอนนี้จึงมีถ้ำของบางคนแคบมากแล้ว!

เวลานี้เองผู้ฝึกฌานแทบทั้งหมดที่อยู่ในไม้เทพต่างออกมาด้วยหน้าเปลี่ยนสี ร่างเงาแต่ละสายปรากฏกายจากไม้เทพ ในนั้นมีหลายคนที่แม้จะใช้ชีวิตมานานมาก แต่ก็ยังมีนิสัยฉุนเฉียวอยู่ พอพุ่งออกมาแล้วก็ตะโกนเสียงดังทันที

แต่เสียงตะโกนพวกเขาดังได้หนึ่งพริบตาก็เปลี่ยนไปเพราะคำว่าเล็กคำที่สองจากซูหมิง พวกเขาหุบปากลงโดยพลัน กลายเป็นใจเต้นดังตึกๆ

“เล็ก…”

ไม้เทพที่ยังคงใหญ่อยู่ตอนนี้สั่นไหวอีกครั้งก่อนหดลงอีกหนึ่งเท่า ตอนนี้ดูเหมือนไม่มีความยาวแสนกว่าจั้งอีก แต่เป็นเพียงหลายหมื่น!

การเปลี่ยนแปลงของขนาดไม่ได้ทำให้ผู้ฝึกฌานสิ้นชีพลง ถึงอย่างไรซูหมิงก็ให้เวลาพวกเขาที่มากพอแล้ว ดังนั้นผู้ฝึกฌานของไม้เทพจึงลอยอยู่บนฟ้ารอบๆ มองไม้เทพที่หดเหลือเพียงหลายหมื่นจั้ง ความรู้สึกตกใจจนเนื้อเต้นกลายเป็น ความตื่นกลัวรุนแรงในใจ

พวกเขาคาดการณ์ได้ว่าหากยึดมั่นจะอยู่ในไม้เทพต่อ เกรงว่าตอนนี้…คงจะถูก ถ้ำของตนบีบใส่ร่าง…

จนกระทั่งซูหมิงเอ่ยคำว่าเล็กครั้งที่สาม ไม้เทพหลายหมื่นจั้งนั้นสั่นไหวอีกครั้ง ขณะที่ทุกคนหรี่ตาลงในฉับพลัน ไม้เทพนั้นหดลงอีกครั้ง ครั้งนี้ไม่ได้หดลงหนึ่งเท่าอีก แต่จากหลายหมื่นจั้งมาเป็น…หลายร้อยจั้ง!

โดยเฉพาะเมื่อซูหมิงคว้ามือขวาไปยังไม้เทพขนาดหลายร้อยจั้ง ไม้เทพพุ่งตรงมาที่มือเขา ระหว่างทางมันหดลงอีกครั้ง จนเมื่อมาอยู่ในมือซูหมิงมันหดลงมาจนมีขนาดเท่ากับฝ่ามือ!

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version