Skip to content

สู่วิถีอสุรา 1366

ตอนที่ 1366 นามเลื่องลือก่อนภัยพิบัติสามรกร้าง 3

“ใช่! ข้ายอมส่งหินผลึกหนึ่งล้านก้อน ขอให้ผู้อาวุโสลงมือช่วยด้วย!” ในผู้ฝึกฌานบนแผ่นดินพลันมีคนได้สติจึงรีบตอบกลับเสียงดัง คนอื่นก็พากันได้สติจากความ ตกตะลึง จึงรีบพูดขึ้นทีละคน

“ช่างเถอะ เดิมทีข้าไม่สนสิ่งนอกกายอยู่แล้ว ข้าฝึกฝนมาก่อนดวงจิตสามรกร้างแห่งนี้เสียอีก จะไปให้ความสำคัญกับหินผลึกเหล่านี้ได้อย่างไร แต่เห็นแก่ที่พวกเจ้าจริงใจ ช่างเถอะๆ ข้าจะช่วยพวกเจ้าสักครั้ง” ตอนที่กระเรียนขนร่วงกล่าวขึ้น ในใจมันตื่นเต้นอย่างยิ่งแล้ว มันอยากจะเห็นหินผลึกล้านก้อนนั้นใจจะขาด แต่กลับไม่เผยมาทางสีหน้าแม้แต่น้อย เพียงมองผู้แข็งแกร่งยุคก่อนที่พากันเงียบเพราะการตายของชายชรา

“ท่านคือเจ้าปกครองดาราสัจธรรมรึ?” หนึ่งในสามผู้นำของผู้แข็งแกร่งยุคก่อนเกือบร้อยหรือชายชราหน้าแดงชุดคลุมม่วงมองกระเรียนขนร่วงพลางถามขึ้นเนิบๆ

“หนึ่งคำถามข้าจะลงมือหนึ่งครั้ง” กระเรียนขนร่วงสะบัดแขนเสื้อด้วยท่าทีโอหังมาก ในใจตื่นเต้นยิ่งกว่า นึกถึงตอนแรกที่ซูหมิงทำแบบนี้มันอิจฉามาก ยามนี้ในที่สุดก็ถึงเวลาที่วันจะได้โอหังเช่นนี้แล้ว

‘น่าเสียดายมังกรยมโลกไม่อยู่ ถ้าไม่อย่างนั้นมันจะต้องเลื่อมใสข้าอย่างยิ่งแน่’ กระเรียนขนร่วงเชิดคางขึ้น ท่าทีนี้เต็มไปด้วยความรู้สึกดั่งเซียนสูงส่ง…แม้กำลัง หลงระเริง แต่กลับไม่ลืมยกมือขวาโบกไป ไม้นั้นพลันขยับวูบหายไปอีกครั้ง ตอนที่ มีเสียงร้องโหยหวนดังแว่วมา ไม้นั้นกลับมาอยู่ข้างกระเรียนขนร่วงแล้ว มีผู้แข็งแกร่งยุคก่อนอีกคนร่างกลายเป็นเศษเนื้อหายไปพร้อมกับวิญญาณ

“อะแห่ม อย่างข้าก็พอจะเรียกได้ว่าเจ้าปกครองดาราสัจธรรม” กระเรียนขนร่วงลูบเครา พยายามทำให้ตนดูเฉยเมยมากที่สุด

ผู้แข็งแกร่งยุคก่อนเกือบร้อยตอนนี้พากันมองกระเรียนขนร่วง พากันเงียบ ในนั้นมีจำนวนหนึ่งเริ่มถอยไป ต่อให้เป็นสามผู้นำก็ยังเงียบ ไม่พูดสิ่งใดอีก

การปรากฏตัวของกระเรียนขนร่วงไม่เท่าไร แต่ความแกร่งของไม้นั้นทำให้ พวกเขาพากันตื่นตกใจ สมบัติล้ำค่าชิ้นนี้ดูเหมือนไม้ธรรมดา แต่หากสัมผัสกับมันจะต้องตายตกไป

ด้วยแววตาเหี้ยมโหดของคนเหล่านี้ย่อมมองออกในแวบแรกถึงความไม่ธรรมดาของสิ่งนี้ มีหลายคนเกิดความโลภขึ้นในใจทีละน้อย

เห็นคนเหล่านี้เงียบไม่ยอมร่วมมือกับตน กระเรียนขนร่วงรู้สึกไม่พอใจทันที แต่ในเมื่ออีกฝ่ายไม่ถาม ตนก็ย่อมไม่พูดออดไปเอง ทว่าแบบนี้ทำให้มันรู้สึกไม่สบายตัวยิ่งนัก ใช้คำที่เตรียมเอาไว้ไม่ได้จึงได้แต่ถลึงตามอง

“ช่างเถอะๆ วันนี้ท่านกระเรียนอารมณ์ดี จะบอกพวกเจ้าให้ก็ได้ ข้าฝึกฝนอยู่ก่อนดวงจิตสามรกร้าง เด็กน้อยสามรกร้างในตอนนั้นเคยคุกเข่าอยู่หน้าถ้ำข้าร้อยปี ข้าถึงให้เขาพบหน้าข้าได้

ข้าชี้นำเส้นทางแก่เขา กระทั่งตอนนั้นที่ข้าฝึกฝนช่วงแรกสุด ฟ้ายังเป็นจักรวาลกว้างใหญ่ ข้าท่องไปในจักรวาลกว้างใหญ่ ข้ารู้สึกเบื่อมากเลยหลับตาลง ยามที่ลืมตาอีกครั้ง ข้าได้สร้างโลกนี้ขึ้นมา ตอนนี้ผ่านไปนานขนาดนี้แล้ว…” ชายชราร่างแปลงกระเรียนขนร่วงกล่าวขึ้นพร้อมกับแผ่กระจายกลิ่นอายโบราณทั่วร่าง สีหน้าหวนรำลึก เหมือนกำลังนึกถึงอดีตเก่าแก่

เสียงมันดังก้องทำให้ผู้ฝึกฌานบนแผ่นดินต่างมีสีหน้าประหลาดใจ ต่อให้เป็น ผู้แข็งแกร่งยุคก่อนตรงหน้าก็ยังคาดไม่ถึงว่าชายชราตรงหน้าจะพูดเช่นนี้

“นึกถึงตอนนั้น เจ้าสามรกร้างจะคารวะข้าเป็นอาจารย์ หึหึ ข้าเห็นเขาจริงใจเลยไม่ได้ปฏิเสธ ข้าบอกกับเขาว่าเว้นแต่จะทำเรื่องใหญ่สะเทือนฟ้าดิน มิเช่นนั้นข้าจะไม่ยอมรับศิษย์อย่างเด็ดขาด

นึกถึงตอนนั้น โลกเปิดออกเป็นครั้งแรก ข้าสะบัดแขนเสื้อสร้างทุกชีวิตขึ้น…

นึกถึงตอนนั้น…” กระเรียนขนร่วงเริ่มพูดไม่หยุด พูดไปพูดมาก็ลำพองดีใจ กระทั่งตัวมันยังเชื่อจริงๆ กลิ่นอายพลังเก่าแก่ยิ่งกว่าเดิม ความตื่นเต้นในใจมากขึ้นเรื่อยๆ

“ลงมือพร้อมกัน!” ช่วงที่มันกำลังหลงระเริงกับตัวเองอย่างหนัก สามคนที่นำ ผู้แข็งแกร่งยุคก่อนเหล่านั้นมีคนกล่าวขึ้นทันที สิ้นเสียง ร้อยคนนี้กลายเป็นสายรุ้งยาวต่างใช้อภินิหารของตนตรงเข้าไปหากระเรียนขนร่วง

อีกทั้งในร้อยคนนี้แบ่งออกเป็นมากกว่าครึ่งล้อมไว้รอบๆ เหมือนจะรวมเป็น วงแหวนอาคมบางอย่างหมายจะขังสมบัติล้ำค่าไม้นั้น คนที่เหลือก็มาอยู่ตรงหน้ากระเรียนขนร่วงทันที ก่อนใช้อภินิหารพร้อมกันทั้งหมด

กระเรียนขนร่วงตกใจ มันยังอยู่ในความหลงระเริง ตอนนี้พอเห็นคนมากมายเช่นนี้พุ่งเข้ามาจึงถอยไปอย่างรวดเร็วโดยจิตใต้สำนึกพลางด่าทอไม่หยุด ลืมรักษาท่าทีประหนึ่งเซียนสูงส่ง

“สมควรตายๆ พวกเจ้ารนหาที่ตาย ช่างเถอะๆ ข้าเห็นพวกเจ้าน่าสงสาร จะไม่สร้างความลำบากให้…” กระเรียนขนร่วงยังพูดไม่จบ ก็มีเพลิงมหาศาลพุ่งเข้ามา มันจึงร้องเสียงแหลม ชี้ไปยังไม้นั้น

ทันทีที่มันชี้ไปยังไม้นั้น ผู้แข็งแกร่งยุคก่อนเกือบหกสิบคนที่ล้อมรอบไม้ร้องคำรามพร้อมกัน ภายใต้เสียงคำราม ฟ้ากระจ่างดาวเกิดเสียงดังสนั่น ขั้นพลังพวกเขาหกสิบรวมเข้าด้วยกัน วางเป็นวงแหวนอาคมโบราณลักษณะตาข่ายใหญ่มวลอากาศ ขังไม้นั้นเอาไว้ภายใน

ตอนนี้เองมีเสียงถอนหายใจดังแว่วมาจากในมวลอากาศ กระเรียนขนร่วงได้ยินเสียงถอนหายใจแล้วก็ตื่นเต้นทันที ความตระหนกทางสีหน้าหายไป เปลี่ยนเป็นอวดดีบ้าอำนาจ ชี้ผู้แข็งแกร่งยุคก่อนเหล่านั้นพลางพูดด้วยความหยิ่งยโส

“พวกเจ้าตายแน่ พวกเจ้ากล้าลงมือกับท่านกระเรียนผู้ยิ่งใหญ่ สมควรตาย พวกเจ้าต้องตายจริงๆ แน่!” ตอนนี้กระเรียนขนร่วงขยับวูบไหวคืนร่างเดิม แสดงท่าทีดุร้ายด้วยความลำพองใจ

ขณะเดียวกัน ช่วงที่เสียงถอนหายใจดังก้อง เสียงนี้เข้าไปถึงหูร้อยคน เหมือนเกิดเสียงอื้ออึงดังขึ้นในใจร้อยคนนี้ ทำให้พวกเขาหน้าเปลี่ยนสี

ซูหมิงเดินเข้ามาจากไกลๆ หนึ่งก้าวเหยียบลงมาเกือบอยู่ข้างกายกระเรียนขนร่วง ก้าวที่สองเหยียบลงเดินเข้าไปในวงแหวนอาคมที่รวมจากหกสิบกว่าคน มาปรากฏอยู่ข้างไม้

“ใหญ่!” ซูหมิงเอ่ยเรียบๆ พร้อมยกมือขวาคว้าไปยังไม้นั้น ทันใดนั้นไม้ใหญ่ขึ้นจนมีขนาดหลายจั้ง

“ใหญ่!” สิ้นคำว่าใหญ่คำที่สอง ไม้นี้เปลี่ยนเป็นมีขนาดเกือบร้อยจั้ง ค่อยๆ กลับมาในลักษณะเดิมของมัน

“ใหญ่!” สิ้นคำว่าใหญ่คำที่สาม ไม่นี้มีขนาดพันจั้ง มันไม่ใช่ท่อนไม้อีก แต่เป็น…ไม้เทพของโลกปีกที่สี่!

“นี่คือ…”

“ไม่เทพ! นี่คือไม้เทพ!”

“ขะ…เขาคือคนที่เอาไม้เทพไปตอนนั้น!” ในผู้ฝึกฌานเกือบร้อยคนมีไม่น้อยที่มาจากโลกปีกที่สี่ ถึงขั้นมีบางส่วนที่เคยเห็นซูหมิงกับตา ตอนนี้ต่างมีสีหน้าหวาดกลัวอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน สำหรับพวกเขานี่ไม่ใช่การแข่งขันแล้ว ภาพที่ซูหมิงเก็บ ไม้เทพไปในตอนนั้นกลายเป็นภาพที่พวกเขาตื่นตกใจที่สุดนานแล้ว

ซูหมิงยกมือขวาคว้าอากาศไปด้วยสีหน้าเรียบนิ่ง พลันปรากฏมือใหญ่มายาข้างหนึ่งตรงหน้า มือใหญ่นี้คว้าไม้เทพพันจั้งกวาดไปรอบๆ

ตอนที่กวาดไป ฟ้ากระจ่างดาวเกิดเสียงดังสนั่นหวั่นไหว เพียงเสียงลากผ่านก็ทำให้ผู้แข็งแกร่งยุคก่อนร้อยคนกระอักเลือดกันไม่น้อย ช่วงที่พวกเขาถอยไปด้วย ความกลัว ซูหมิงกล่าวขึ้นเรียบๆ

“ใหญ่!” เมื่อกล่าวคำว่าใหญ่คำที่สี่ ไม้เทพพันจั้งกลายเป็นหมื่นจั้ง ก่อนกวาดผ่านวาดออกมาเป็นเส้นโค้งครึ่งวงกลม!

เสียงครึกโครมที่เพิ่งดังขึ้นถูกเสียงลากผ่านน่าตะลึงกลบหายไป การลากผ่านครั้งนี้ ในร้อยคนไม่มีใครหนีได้ หลังจากถูกไม้เทพชนกันหมดแล้ว ร่างพลันระเบิดกระจุย วิญญาณสูญสลายไป

ต่อให้เป็นผู้นำชายชราสามคนก็ไม่รอดชีวิต หลังจากไม้เทพลากผ่านไป โลกเงียบลง ผู้ฝึกฌานยุคก่อนเกือบร้อยไม่มีใครรอด!

ภาพนี้สร้างความตื่นตกใจแก่ผู้ฝึกฌานทุกคนบนแผ่นดินใหญ่ข้างหลังซูหมิง ทำให้พวกเขาหน้าซีดขาว ไม่รู้ว่าใครคุกเข่าคารวะเป็นคนแรก ไม่นานผู้ฝึกฌานที่เห็นการต่อสู้ทั้งแผ่นดินต่างคุกเข่าคารวะด้วยอาการตัวสั่น

กระเรียนขนร่วงรีบวิ่งมาอยู่ข้างซูหมิงอย่างลำพองใจ มองไม้เทพนั้นอย่างชื่นชมแล้วรีบพูดขึ้น

“นายท่านมีพลังไร้ขีดจำกีด องอาจห้าวหาญ อดีตไม่มีผู้ใดเหมือน อนาคตก็ไม่มีผู้ใดเหมือน เป็นดั่งดวงตะวันหมื่นจั้งเจิดจรัสบนฟ้า เป็นดั่งดวงจันทร์ในคืนมืดที่ให้ หมู่ดาวมัวหมอง นั่นช่าง…”

ซูหมิงยิ้มมองกระเรียนขนร่วง แววตาอ่อนโยนทำให้มันยกกงเล็บขึ้นมาเกาหัวขนร่วงอย่างเก้อเขิน ไม่ได้พูดต่ออีก

ซูหมิงหันไปมองแผ่นดินใหญ่แวบหนึ่ง กวาดสายตามองผู้ฝึกฌานด้านบนทั้งหมด สุดท้ายก็มองเด็กหญิงน้อยคนหนึ่งด้วยรอยยิ้มอ่อนโยน เดิมทีเด็กหญิงคนนั้นเหมือนไม่เห็นเขา แต่เวลานี้เห็นแล้ว จึงอ้าปากเล็ก นัยน์ตาฉายแววตกใจ

“ห้าสิบปีนี้ให้มหาโลกสามรกร้างสงบสุขหน่อยแล้วกัน” ซูหมิงหันหน้าไปมองมวลอากาศ ก่อนเดินตรงเข้าไปพลางพูดพึมพำ กระเรียนขนร่วงตามหลังมาทันที มันพบว่าการติดตามซูหมิงก็ค่อนข้างไม่เลวเลยทีเดียว มีซูหมิงอยู่ข้างกายจึงอวดดี ได้ยิ่งกว่าเดิม

“ท่านพ่อ เป็นท่านอาคนนี้ที่ตอนนั้นพาคนเลวคนนั้นออกไป” บนแผ่นดินใหญ่ ในหมู่ผู้ฝึกฌานที่กำลังคารวะจำนวนมาก มีบุรุษหนึ่งสตรีสองคน เด็กหญิงอายุราวแปดเก้าขวบข้างกายพวกเขาดึงแขนเสื้อมารดาพร้อมพูดขึ้นเบาๆ

ขณะเดียวกัน ในน้ำวนมรณะหยินภายในโลกแท้จริงดาราสัจธรรม ภายในโลกที่ ตี้เทียนอยู่ ตอนนี้โลงไม้ของเขาไม่มีฝาโลงแล้ว ร่างที่เดิมทีนอนอยู่ในนั้นหายไปแล้ว

ณ ยอดเขาของโลกนี้ ตี้เทียนสวมชุดคลุมจักรพรรดิ สวมมงกุฎจักรพรรดิยืนอยู่ตรงนั้น ข้างหลังมีร่างเงาเจ็ดคนอยู่ระหว่างมายากับความจริง

“ใกล้ถึงเวลาแล้ว สหายทั้งเจ็ดท่านตัดสินใจแล้วรึยัง?” ผ่านไปพักใหญ่ ตี้เทียนหมุนตัวกลับมามองเจ็ดคนนั้นด้วยสีหน้าเย็นชา ดวงตาราวกับแฝงไว้ด้วย ฟ้ากระจ่างดาว ยามที่มองไปเหมือนว่าในตัวเขาซ่อนวิญญาณเลือดเย็นเอาไว้

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version