ตอนที่ 1365 นามเลื่องลือก่อนภัยพิบัติสามรกร้าง 2
ห้าสิบปีสุดท้ายก่อนภัยพิบัติ
เหมือนกับเงามืดตะวันยามรุ่งอรุณตรงหน้า การเริ่มต้นและมอดดับของเงามืดทั้งหมดในฟ้าดิน มหาโลกสามรกร้างในตอนนี้คือช่วงเวลานั้น สำหรับคนธรรมดาแล้วห้าสิบปีคือครึ่งชีวิต สำหรับผู้ฝึกฌานอาจเป็นเพียงแค่พริบตาเดียว
แต่เหล่าผู้แข็งแกร่งยุคก่อนที่ตื่นขึ้นเหล่านั้น พวกเขาไม่ยอมให้ห้าสิบปีเป็นเพียงพริบตา พวกเขาต้องปะทุความบ้าคลั่งที่สั่งสมมาในห้าสิบปีนี้ ปลดปล่อย ความปรารถนาทุกอย่าง จนกระทั่งก้าวสู่ภัยพิบัติไปพร้อมกับโลก หลังจากผ่าน ภัยพิบัติไป พวกเขาจะทำแบบนี้อีกครั้งเป็นเวลาร้อยปีในโลกใหม่
จากนั้นหลับใหล รอภัยหลังผ่านไปไม่รู้กี่สมัยของยุคใหม่นั้นเพื่อตื่นขึ้นอีกครั้ง
นี่คือชีวิตพวกเขา วนเวียนไม่รู้จบสิ้น แต่ละยุคเหมือนนิรันดร์ไม่มีจุดสิ้นสุด ต่อให้เป็นพวกเขาก็ยังคิดแบบนี้ มีน้อยคนนักที่จะรู้ว่าภัยพิบัติครั้งนี้ไม่เพียงแค่ส่งผลต่อ ทุกชีวิต แต่ยังรวมพวกเขาด้วย!
ดอกไม้เบ่งบานดอกไม้ร่วงโรย สุดท้ายก็ได้กำหนดจำนวนไว้แล้ว พลังในการผลิบานของกลีบดอกไหนเลยจะไม่ใช่ความปราถนาในการร่วงโรย และมีกี่คนที่คิดได้ว่า ความงามที่ดอกไม้นั้นเคยเบ่งบานในอดีตจะทำให้ผึ้งกี่ตัวต้องอาลัยอาวรณ์
หนึ่งวัฏจักร หนึ่งเต๋า!
เมื่อเวลาผ่านไป ผู้แข็งแกร่งยุคก่อนเข้าไปในเงามืดรุ่งอรุณ สิ่งศักดิ์สิทธิ์หวนคืน มหาโลกสามรกร้างมากขึ้นเรื่อยๆ ในฝ่ายเงามืดรุ่งอรุณกับสิ่งศักดิ์สิทธิ์หวนคืน ต่อให้พวกเขาบ้าคลั่งกว่านี้ก็เหมือนจะควบคุมไว้ได้เล็กน้อย ไม่ได้บ้าคลั่งถึงจุดสูงสุด อย่างมากก็คุ้มดีคุ้มร้าย สังหารค่อนข้างมากเท่านั้น
แต่ในมหาโลกสามรกร้าง คนที่บุกเข้ามาเหล่านี้เดิมทีเป็นคนที่หลับใหลอยู่ที่นี่ พวกเขาเหมือนจะทำตามอำเภอใจกว่า บ้าคลั่งกว่า สังหาร ยึดร่าง หลอม หล่อในเตา ทุกเรื่องสารพัดชั่วร้ายไปอยู่ทั่วมหาโลกสามรกร้าง
พวกเขาโอหัง นั่นเป็นเพราะพวกเขาคิดว่าไม่มีใครสังหารพวกเขาได้ พวกเขาบ้าคลั่ง ก็เพราะไม่รู้กี่ปีมานี้ พวกเขาไม่ถูกเรียกว่าผู้ฝึกฌานอีก แต่กลายเป็นส่วนหนึ่งของ ภัยพิบัติ
มีเพียงผู้แข็งแกร่งบางส่วนที่มีจำนวนน้อยยิ่งที่ยังคงมีสติ ยังคิดว่าตนไม่ใช่สัตว์ร้าย แต่เป็นผู้ฝึกฌาน คนจำพวกนี้จะออกไปข้างนอกน้อยมาก มักจะอยู่อย่างเดิมใน ร้อยปีนี้เหมือนกับเด็กเลี้ยงสัตว์
สำหรับผู้แข็งแกร่งยุคก่อนเหล่านี้ เดิมทีซูหมิงไม่อยากสนใจมากนัก พวกเขาจะสังหารก็ดี จะชั่วร้ายอย่างยิ่งก็ดี ล้วนแล้วแต่เป็นการปลดปล่อยช่วงสุดท้ายของชีวิต ทุกสิ่งมีชีวิตก็ดี ฟ้ากระจ่างดาวก็ดี ฟ้าสิบปีสุดท้ายนี้กลายเป็นกลียุค เป็นวันสิ้นโลก แต่ความจริงแล้ว…เป็นเพียงบทเพลงที่กำลังจะบรรเลงถึงใจความสำคัญเท่านั้น
เดิมทีด้วยนิสัยของซูหมิง ขอเพียงไม่เข้ามาในโลกแท้จริงดาราสัจธรรม ไม่รบกวนเรื่องการเตรียมสู้กับดวงจิตสามรกร้าง เขาจะไม่สนใจการเปลี่ยนแปลงของผู้แข็งแกร่งยุคก่อนข้างนอกมากนัก เพราะในสายตาเขา คนเหล่านี้…เป็นดั่งมดปลวดจริงๆ
ระดับชีวิตต่างกัน ขั้นพลังต่างกัน ทำให้สายตาที่ซูหมิงมองโลกหยั่งลึกต่างกัน แม้ผู้แข็งแกร่งยุคก่อนเหล่านี้จะเป็นขั้นไม่อาจกล่าว แม้จะห่างกับซูหมิงเพียงขั้น พลังเดียวหรือสองขั้น แต่…ซูหมิงตระหนักรู้เต๋า แต่พวกเขาละทิ้งความเป็นไปได้ในการตระหนักรู้ไปแล้ว
สำหรับผู้คนที่ลี้ภัยมาที่โลกแท้จริงดาราสัจธรรม ซูหมิงไม่ห้าม ทุกชีวิตมีโอกาสมีชีวิตรอด พวกเขาเลือกที่นี่ เลือกใช้ชีวิตห้าสิบปีอย่างสงบที่นี่ เช่นนั้นนั่นก็คือการเลือกของพวกเขา
เพียงแต่ว่าซูหมิงดูถูกความบ้าคลั่งและอวดดีของผู้แข็งแกร่งยุคก่อนเหล่านั้น เดิมทีเขาคิดจะใช้การขับไล่ชายชราคนนั้นออกจากดาราสัจธรรมแล้วสังหารเป็น การเตือน ถึงอย่างไรเรื่องการสังหาร…ซูหมิงก็ผ่านมามากนักในชีวิต ห้าสิบปีก่อน ภัยพิบัติโลก ในเมื่อทุกชีวิตถูกลิขิตไว้แล้วว่าต้องตาย ซูหมิงก็ไม่อยากแย่งชีวิตจาก ภัยพิบัติมากนัก
เสียงคำรามก่อนตายของชายชราทำให้ผู้แข็งแกร่งยุคก่อนไม่น้อยตกใจ แต่ว่า…ขณะเดียวกับที่พวกเขาตกใจ พลันปะทุความตื่นเต้นและฮึกเหิมอย่างควบคุมไว้ไม่ได้
พวกเขาตื่นเต้น ตื่นเต้นอย่างยิ่ง พวกเขาฮึกเหิม ระดับความฮึกเหิมทำให้นัยน์ตาพวกเขาฉายแววกระหายเลือด พวกเขาไม่ได้รู้สึกว่าตัวเองตายได้แบบนี้มานาน มากๆ แล้ว
ราวกับวิญญาณที่ตายไปนานมาก มันกระหายชีวิต แต่ผู้มีชีวิตที่อยู่มานานมากกลับกระหายความตาย นี่ไม่ใช่ว่าอยากตาย แต่ความรู้สึกโลหิตไหลเวียนอย่างรวดเร็วระหว่างความเป็นตายมันน่าหลงใหลต่างหาก
พวกเขารู้อยู่นานแล้วว่าในโลกแท้จริงดาราสัจธรรมมีผู้แข็งแกร่งอยู่คนหนึ่ง ที่นั่นคือถิ่นฐานของเขา ไม่อนุญาตให้คนนอกเข้ามา จุดนี้ตอนที่ร้อยปีเพิ่งมาถึง ผู้แข็งแกร่งยุคก่อนที่ปรากฏตัวที่นี่เป็นกลุ่มแรกก็รู้สึกถึงจิตของซูหมิงแล้ว ดังนั้นจึงเล่าต่อๆ กันไปถึงได้มีช่วงเวลาสงบห้าสิบปี
แต่ว่าตอนนี้เมื่อชายชราคนนั้นตายลง ความสงบถูกทำลาย ขณะเดียวกับที่ พวกเขาตื่นเต้น ในสายตาผู้แข็งแกร่งยุคก่อนจำนวนมาก โลกแท้จริงดาราสัจธรรมที่ ซูหมิงอยู่รวมถึงท่าทีโอหังแบบนี้ทำให้พวกเขา…เกิดความคิดจะยั่วยุ
ถึงอย่างไรคนที่มีชีวิตรอดจากในภัยพิบัติหลายยุคก็เป็นโอรสสวรรค์ในตอนนั้น ซ้ำยังเป็นคนที่มีโชควาสนาครั้งใหญ่ พวกเขาแต่ละคนต่างไม่ยอมกัน จึงยิ่งไม่ต้องพูดถึงซูหมิงที่ซ่อนตัวอยู่ในโลกแท้จริงดาราสัจธรรมและพวกเขาไม่เคยพบมาก่อน
ดังนั้นผู้แข็งแกร่งยุคก่อนเกือบร้อยคนโดยมีตาแก่ที่อยู่มานานสุดสามคนเป็นผู้นำจึงบุกเข้าไปในโลกแท้จริงดาราสัจธรรมเป็นครั้งแรกหลังจากชายชราคนนั้นสิ้นชีพ ไปสามปี
ผู้แข็งแกร่งเกือบร้อย ขั้นไม่อาจกล่าวตอนกลางเกือบร้อย ส่วนชายชราสามคนนั้นก็ใกล้ถึงจุดสูงสุดของขั้นไม่อาจกล่าวตอนกลาง วันหนึ่งหลังจากสามปีให้หลัง พวกเขาเข้ามาในโลกดาราสัจธรรมจากชายแดนเชื่อมกับโลกแท้จริงหยินศักดิ์สิทธิ์ตรงจุดที่ชายชราตอนนั้นสิ้นชีพ
แม้พวกเขาจะเข้ามาเพียงร้อยคน แต่ความจริงตอนนี้ผู้แข็งแกร่งยุคก่อนเกือบทั้งมหาโลกสามรกร้างใช้วิธีการต่างกันในการเฝ้ามอง กระทั่งพวกเขายังเปิดเดิมพัน มองเรื่องนี้เป็นบทละครในชีวิต เป็นการหวนรำลึกที่อาจจะงดงามมากในช่วงเวลาตื่นซึ่งมีไม่มากของพวกเขา
เมื่อผู้แข็งแกร่งเกือบร้อยเข้ามา ทั้งโลกแท้จริงดาราสัจธรรมเกิดระลอกคลื่นราวกับพายุคลั่ง ระลอกคลื่นขยายออกไปอย่างรวดเร็ว ตอนที่กวาดล้างไปทั้งโลกแท้จริงดาราสัจธรรม เหล่าผู้ฝึกฌานที่ซ่อนตัวอยู่ในโลกแท้จริงดาราสัจธรรมพากันใจสั่นไหว มีสีหน้าตื่นกลัวและสิ้นหวัง พวกเขาไม่รู้ว่าที่นี่จะเป็นแดนแห่งความสุขอยู่อีกหรือไม่
กลิ่นอายพลังแก่กล้าเกือบร้อยกลายเป็นพายุหมุนตอนระลอกคลื่นถาโถม พายุนี้แรงขึ้นเรื่อยๆ เสียงคำรามประหลาดดังก้องฟ้า แฝงไว้ด้วยความชั่วร้ายและโอหัง
ตอนนี้ซูหมิงลืมตาขึ้นในสำนักยอดเขาลำดับเก้า
“เจ้าขนร่วง นำสิ่งนี้ไปลบคนพวกนั้นเถอะ” ตอนที่ซูหมิงกล่าวราบเรียบ กระเรียนขนร่วงที่รู้สึกเบื่อหน่ายอย่างยิ่งแล้วตื่นเต้นขึ้นมาทันใด มันส่งเสียงร้อง ดวงตาวาววับ ฉายประกายตื่นเต้นและฮึกเหิม
‘หินผลึก หินผลึก คนเหล่านี้อยู่มานานขนาดนั้น จะต้องมีหินผลึกเยอะมากแน่ๆ!’ ดวงตากระเรียนขนร่วงเผยประกายแวววาว มันมองซูหมิงสะบัดแขนเสื้อด้วย ความตื่นเต้น พลันมีไม้ขนาดเท่าฝ่ามือท่อนหนึ่งลอยอยู่ตรงหน้ามัน
“นี่คือ?” กระเรียนขนร่วงอึ้งไป มันยังคิดว่าซูหมิงจะเอาสมบัติล้ำค่าสะเทือนฟ้าดินอะไรออกมา แต่ตอนนี้มองไปไม้นี้ธรรมดามาก ไม่มีความพิเศษเลย
“เจ้าแค่นำสิ่งนี้ฟาดใส่ตัวอย่างไรก็ได้ อีกฝ่ายจะถูกลบหายไป” ซูหมิงกล่าวขึ้นพร้อมหลับตาลงอีกครั้ง ตกอยู่ในห้วงตระหนักรู้ เขาต้องมั่นใจว่าห้าสิบปีจากนี้จะต้องอยู่ในสภาพสูงสุดเพื่อรับมือกับภัยและการทำลายล้างทุกอย่าง
“ได้!” กระเรียนขนร่วงตื่นเต้นจนตัวสั่น มันคว้าไม้นั้นก่อนขยับวูบไหวพลางหัวเราะอย่างชั่วร้ายกลายเป็นสายรุ้งยาวบินไกลออกไป ทะลวงผ่านมวลอากาศเข้าไปในฟ้ากระจ่างดาว
สำหรับผู้แข็งแกร่งยุคก่อนเหล่านั้นแล้ว นี่คือการแข่งขัน สำหรับกระเรียนขนร่วงนี่ก็เป็นการแข่งขันเช่นกัน เพียงแต่หากผ่านด่านแล้ว มันจะได้รับหินผลึกจำนวนมาก มีรางวัลนี้อยู่เลยทำให้มันบ้าคลั่งขึ้นมา
มันร้องเสียงประหลาดตลอดทาง โอหังตลอดทาง ความเร็วมากกว่าขีดจำกัดในอดีต หรือพูดได้ว่าในตัวกระเรียนขนร่วงไม่มีคำว่าขีดจำกัด หินผลึกที่มากพอจะทำให้มันปะทุพลังได้เกือบไม่มีที่สิ้นสุด
ดาวในโลกแท้จริงดาราสัจธรรมมีไม่มาก ส่วนใหญ่จะเป็นแผ่นดินลอยอยู่เล็กน้อย ตอนนี้ในผืนฟ้านอกแผ่นดินในนั้น ผู้แข็งแกร่งเกือบร้อยเป็นสายรุ้งยาวร้อยสายพุ่ง เข้ามา
“ที่นี่มีคนอยู่ไม่น้อย ฮ่าๆ อย่าแย่งข้าเชียว ที่นี่เป็นของข้า ข้าจะหลอมแผ่นดินนี้รวมถึงทุกชีวิตให้เป็นส่วนประกอบของสมบัติล้ำค่าข้า!” ชายชราคนหนึ่งในร้อยคนหัวเราะเสียงดังก้อง ก่อนขยับวูบลงไปยังแผ่นดิน ตอนที่ยกมือขวาขึ้นมีเปลวเพลิง สีขาวลอยขึ้นมาจากกลางมือ เมื่อปรากฏเปลวเพลิงแม้แต่ผืนฟ้ายังหลอมละลาย จากนั้นเขาสะบัดเปลวเพลิงให้มันแผ่ขยายลงไปข้างล่าง
คนอื่นๆ โดยรอบมองพลางหัวเราะ แต่ก็ไม่มีคใครแย่ง ชายชราคนนั้นคาดการณ์ไว้แล้วว่าลมหายใจต่อไปเขาจะได้ยินเสียงร้องโหยหวนนับไม่ถ้วน จะได้เห็นแผ่นดินนี้ถูกหลอมเป็นส่วนประกอบของสมบัติล้ำค่า
แต่ยามนี้เอง ทันทีที่เปลวเพลิงจะไปถึง ชั่วขณะที่ผู้ฝึกฌานจำนวนมากบนแผ่นดินสิ้นหวัง กระเรียนขนร่วงเดินออกมาจากมวลอากาศภายใต้เปลวเพลิงด้วยท่าทีราวกับกิ้งก่าได้ทอง มีสีหน้าโอหังอย่างยิ่ง พอปรากฏกายแล้วยังยกกงเล็บขึ้น พลันมีไม้ชิ้นหนึ่งลอยตรงไปที่เปลวเพลิง
พริบตาที่สัมผัสไม่เกิดเสียงครึกโครมมากนัก เปลวเพลิงสั่นไหว ชั่ววูบเดียวก็พังลง แต่ไม้นั้นไม่หยุดแม้แต่น้อย หลังทะลวงผ่านเปลวเพลิงไปแล้ว ลมหายใจต่อมาก็ไปปรากฏตรงหน้าชายชราที่มีสีหน้าตกตะลึง ก่อนตีไปที่ตัวเขาเบาๆ
การตีครั้งนี้…ฟ้ากระจ่างดาวเงียบสงัด
แต่ไม่อยากเชื่อว่าด้วยการปะทะกับไม้ขนาดเท่าฝ่ามือจะทำให้ร่างชายชรากลายเป็นเศษเนื้อโดยพลัน เลือดเนื้อแหลกละเอียด วิญญาณสูญสลายไป
ขณะเดียวกับที่ฟ้ากระจ่างดาวเงียบสงัด กระเรียนขนร่วงยังตกใจกับความแกร่งของไม้นี้ แต่ไม่นานก็ได้สติกลับมา กลอกตา พลันกลายร่างเป็นชายชราดุจดั่งเซียน
เขายิ้มอย่างโอหังพร้อมพูดขึ้นเรียบๆ
“ข้าทูเฮ่อจื่อ (กระเรียนขนร่วง) ได้ยินมาว่าผู้ฝึกฌานที่นี่ยอมจ่ายหินผลึก หนึ่งล้านก้อนเพื่อเลี่ยงภัยในวันนี้ มีเรื่องนี้จริงๆ รึไม่?” กระเรียนขนร่วงก้มหน้ามอง ผู้ฝึกฌานบนแผ่นดินเรียบๆ พร้อมพูดขึ้น