Skip to content

สู่วิถีอสุรา 1364

ตอนที่ 1364 นามเลื่องลือก่อนภัยพิบัติสามรกร้าง 1

ซูหมิงยืนอยู่นอกทะเลลำดับห้า นอกมวลอากาศที่ไม่มีหมอกอีก มองเงียบๆ อยู่นานมากก่อนยกเท้าเดินเข้าไป

หนึ่งปีต่อมา…

ซูหมิงไม่ได้กลับมาเพราะไม่มีความจำเป็น เขาที่นั่งขัดสมาธิอยู่ในโลกแท้จริง ดาราสัจธรรมลืมตาขึ้น ในดวงตามีภาพที่หลงเหลือในลูกตา หากมองดีๆ จะเห็นว่า นั่นคือ ซากปรักหักพัง เป็นผืนฟ้าแห่งหนึ่ง

นั่นคือโลกแท้จริงที่ห้า

ซูหมิงไปทะเลดาราต้นกำเนิดจิตแล้ว หาทางเข้าโลกแท้จริงที่ห้าพบแล้ว เขาไปยังจุดที่ซูจ้านสิ้นชีพกลางซากปรักหักพังนั้นที่เปื้อนฝุ่นมานานมากแล้ว หลังจากไป ทุกที่ครบ ดวงตาซูหมิงสงบนิ่งทีละน้อย ก่อนสะท้อนออกมาเป็นสำนักยอดเขา ลำดับเก้าเงียบสงบอีกครั้ง

“ร้อยปีสุดท้าย…” ซูหมิงพูดเสียงเบา หลับตาลง ร้อยปีนี้ เขาต้องเตรียมตัวต่อสู้กับดวงจิตสามรกร้างเป็นครั้งสุดท้าย

การต่อสู้ยึดร่างหลังจากร้อยปีนี้ไม่เกี่ยวกับบุญคุณความแค้น ซางเซียงก็ดี ดวงจิตสามรกร้างก็ดี แต่ละคนต่างสู้เพื่อความอยู่รอด

“มีโลกแท้จริงเท่าไรไม่มีความหมายแล้ว จุดสำคัญของการต่อสู้ครั้งนี้คือจิต คือความยึดมั่นต่อชีวิต…” ซูหมิงเงยหน้ามองมวลอากาศแวบหนึ่งก่อนหลับตาลงช้าๆ

แทบเป็นขณะเดียวกับที่ซูหมิงหลับตา ภายในโลกแท้จริงดาราสัจธรรม ภายในโลกวิหารเหล่าเทพ ปรากฏร่างเงาเขาขึ้นกลางเผ่าหมานใหญ่ในอดีต ซูหมิงนั่งขัดสมาธิลงเริ่มทำการยกระดับวิญญาณเป็นเวลาร้อยปี ในอีกร้อยปีให้หลังเขาต้องเป็น เทพบรรพชน

เขากำลังเตรียมการทุกอย่าง รอแค่ร้อยปีจากนี้ภัยพิบัติสามรกร้างมาถึง รอช่วงเวลาแห่งภัยทำลายล้างมาถึง

เวลาผ่านไปทีละปี มหาโลกสามรกร้างสั่นไหวรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ กระทั่งมีผืนฟ้า ไม่น้อยที่เหมือนบางลง เหมือนเห็นได้รางๆ ว่าใต้ฟ้ายังมีโลกอีกแห่งกำลังเข้ามาใกล้

สิ่งมีชีวิตนับไม่ถ้วนตื่นตระหนัก พืชจำนวนมากแห้งเหี่ยวลง สัตว์ร้ายที่มีสติปัญญาทั้งหมดเหมือนสังเกตได้ว่ากำลังจะเดินมาถึงสุดทางของชีวิต โลกกำลังจะถูกทำลาย

แต่พลังวิญญาณทั้งมหาโลกสามรกร้างกลับปะทุขึ้นอย่างรวดเร็วในปีนี้ ราวกับเป็นการปลดปล่อย และยังเหมือนกับการสะท้อนแสงของคนใกล้ตาย เมื่อพลังวิญญาณปะทุขึ้น เมื่อสิ่งมีชีวิตแห้งเหี่ยวลง เมื่อผู้แข็งแกร่งยุคก่อนปรากฏ ตัวกันจำนวนมาก ทั้งโลกก็เข้าสู่โกลาหล

ในความโกลาหล สิ่งมีชีวิตไม่ใช่สิ่งมีชีวิตอีก อ่อนแอจนรับการโจมตีครั้งเดียวไม่ไหว การเปลี่ยนแปลงความเป็นตายมากจนทำให้คนเฉยชา ผู้แข็งแกร่งยุคก่อนที่ตื่นขึ้นเหล่านั้นมาพร้อมกับความเหี้ยมโหด มาพร้อมกับรสนิยมน่ารังเกียจที่จะปลดปล่อยอย่างเต็มที่ในร้อยปีนี้ เหมือนอยากจะระบายความเหงาจากการหลับใหลออกมาในร้อยปีสั้นๆ ทั้งหมด ทั้งมหาโลกสามรกร้างเกิดกลียุคขึ้น ที่นี่ไม่มีลำดับขั้นตอน ไม่มีความเมตตา ยอมทิ้งเกียรติทุกอย่างเพื่อมีชีวิตรอด ยอมจ่ายทุกอย่างเพื่อได้เม็ดยาเม็ดเดียว กระทั่งผู้แข็งแกร่งยุคก่อนเหล่านั้นยังสู้กันเองบ่อยครั้ง ทำให้มหาโลก สามรกร้างวุ่นวายยิ่งกว่าเดิม

ทุกปีจะมีสิ่งมีชีวิตจำนวนมากหายไป จนกระทั่งตอนที่ดวงดาวถูกผืนฟ้าจม จนกระทั่งฟ้าบิดเบี้ยวกลายเป็นระลอกคลื่นเริ่มแผ่ขยายออกเป็นวงกว้าง ความวุ่นวายและความบ้าคลั่งรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ

ไม่เพียงแค่มหาโลกสามรกร้างที่เป็นเช่นนี้ ฝ่ายเงามืดรุ่งอรุณกับสิ่งศักดิ์สิทธิ์หวนคืน ก็เช่นกัน ด้วยพลังของพวกเหยียนเผยจึงไม่อาจหยุดเรื่องที่เกิดขึ้นได้ ทำได้เพียงมองทุกอย่างดำเนินไป มองฝ่ายเงามืดรุ่งอรุณกับสิ่งศักดิ์สิทธิ์หวนคืนเข้าสู่โกลาหลไม่มีที่สิ้นสุด

มีเพียงโลกแท้จริงดาราสัจธรรม โลกนั้นที่ซูหมิงอยู่ แทบไม่เกิดเรื่องแบบนี้เลย ตอนที่เวลาร้อยปีผ่านไปเกือบสามส่วน โลกแท้จริงดาราสัจธรรมที่ซูหมิงอยู่เริ่มมี ผู้ฝึกฌานจำนวนมากหลั่งไหลกันเข้ามา

ผู้ฝึกฌานเหล่านี้ลี้ภัยเข้ามา บ้านเกิดและสำนักพวกเขาถูกทำลาย พวกเขา กุมความเป็นตายของตัวเองไม่ได้อีก จนกระทั่งเคยมีคนจำนวนหนึ่งมาถึงโลกแท้จริงดาราสัจธรรมแล้วพบว่าเหล่าผู้แข็งแกร่งที่ล่าสังหารตนเกิดความลังเล พอไม่ได้ ตามล่าต่อ โลกแท้จริงดาราสัจธรรมจึงเหมือนกลายเป็นแดนความสุขกลางวันสิ้นโลก

ไม่นานผู้ฝึกฌานที่เข้ามาโลกแท้จริงดาราสัจธรรมมีเยอะขึ้นเรื่อยๆ พวกเขาหาที่พักของตัวเองในโลกนี้ ทั้งยังพบว่าโลกที่เกิดโกลาหลนี้ มีโลกแท้จริงดาราสัจธรรมที่ยังคงเงียบสงบดังเดิม ที่นี่ไม่มีการล่าสังหารจากศัตรูแข็งแกร่ง ไม่มีอำนาจคุกคามจากความเป็นตาย ทุกอย่างที่นี่ดำเนินไปเหมือนเดิมตามในความทรงจำพวกเขา

พวกเขาไม่รู้เหตุผล แต่เมื่อเวลาผ่านไป เมื่อผ่านไปครึ่งหนึ่งของร้อยปี ก็มีคนรู้ คำเล่าลือที่ว่าโลกแท้จริงดาราสัจธรรมเป็นแดนความสุขมากขึ้น โดยเฉพาะเหล่า ผู้ฝึกฌานที่ปลอดภัยในโลกแท้จริงดาราสัจธรรมเหล่านั้น พวกเขาใช้ทุกวิถีทางบอกกับสหายญาติพี่น้องว่าต้องหาวิธีมาที่นี่ให้ได้

เพราะมีเพียงที่นี่ที่ปลอดภัยที่สุดในกลียุค

วันนี้ในผืนฟ้าโลกแท้จริงหยินศักดิ์สิทธิ์ใกล้กับโลกแท้จริงดาราสัจธรรม มีผู้ฝึกฌานชายหญิงคู่หนึ่งกำลังเดินทางอย่างรวดเร็วกลางฟ้า หญิงคนนั้นแบกเด็กหญิงน้อย คนหนึ่งข้างหลัง เด็กหญิงคนนี้อายุราวห้าหกขวบ มีสีหน้าตื่นกลัว แต่ไม่ร้องไห้

เห็นได้ชัดว่าหญิงคนนั้นบาดเจ็บ แต่กลับกัดฟันยืนหยัด บุรุษข้างกายก็เป็นบิดาของเด็กหญิงคนนี้ เป็นคู่ชีวิตของหญิงคนนั้น สองคนเงียบมาตลอดทาง แต่กลับใช้ความเร็วสูงสุด ถึงจะต้องกินเม็ดยาต่อเนื่องกันก็ยังรักษาความเร็วมุ่งหน้าไปสู่ โลกแท้จริงดาราสัจธรรมได้

“ใกล้แล้ว อีกไม่นานพวกเราจะเข้าโลกแท้จริงดาราสัจธรรมแล้ว ศิษย์พี่ข้ากำลังรอพวกเราอยู่ ขอแค่อยู่ที่นั่นพวกเราจะปลอดภัย” ชายคนนั้นมองภรรยาข้างกายแล้วก็มองเด็กหญิงด้วยสีหน้าแน่วแน่ เขาบอกกับตัวเองตลอดว่าจะต้องพาครอบครัวเข้าโลกแท้จริงดาราสัจธรรมให้ได้

หญิงคนนั้นหน้าซีดขาว แต่ยังเผยรอยยิ้มอบอุ่น นางจับมือบุรุษ สองคนต่างเห็นถึงความแน่วแน่ของกันและกันจึงเร่งความเร็วมากกว่าเดิม

ความจริงพวกเขายังเร็วได้กว่านี้อีกเล็กน้อย แต่เด็กหญิงข้างหลังยังเด็กเกินไป จึงต้องแผ่พลังคุ้มกัน ดังนั้นจึงไม่อาจเร็วกว่านี้ได้

เวลาผ่านไป ไม่นานก็ไปหลายชั่วยาม ตอนที่พวกเขาเห็นปราการโลกแท้จริง ดาราสัจธรรม พวกเขาเห็นชายวัยกลางคนผู้หนึ่งกำลังรออย่างร้อนรนที่นั่น พอเห็นพวกเขาแล้วก็มีสีหน้าตกใจระคนดีใจ

ปราการในอดีตที่นี่ตอนนี้เสียหายอย่างหนัก ความจริงพูดได้ว่าไม่มีอยู่แล้ว เข้าออกได้ตามใจชอบ

สองสามีภรรยาตื่นเต้น พริบตาเดียวก็เข้าไปใกล้ปราการ ก่อนขยับแสงวูบวาบออกจากโลกแท้จริงหยินศักดิ์สิทธิ์เข้าไปในโลกแท้จริงดาราสัจธรรม ไปรวมกับ ชายวัยกลางคนที่มารับ

“ฮ่าๆ ปลอดภัยแล้ว พวกเจ้าอยู่ที่นี่จะปลอดภัย ไปเถอะ ข้าจะพาเจ้าไปพบอาจารย์ ช่วงนี้เขาคิดถึงพวกเจ้าตลอดเลย” ขณะที่ชายวัยกลางคนพูดขึ้นด้วยความ ดีใจ ทันใดนั้นมีเสียงหัวเราะมืดทะมึนแหลมดังก้องผืนฟ้า เมื่อเสียงหัวเราะดังขึ้น สองสามีภรรยาจากดีใจพลันหน้าเปลี่ยนสีอย่างรุนแรง

เมื่อเสียงหัวเราะดังกังวานก็มีร่างเงาหนึ่งเดินออกมาจากมวลอากาศ เป็นชายชราชุดคลุมดำ ในมือถือธงใหญ่ การปรากฏตัวของเขาไม่เพียงแต่ทำให้สองสามีภรรยาหน้าเปลี่ยนสี แม้แต่ชายวัยกลางคนที่กำลังพูดอยู่ยังหน้าเปลี่ยนสีอย่างชัดเจนด้วยเช่นกัน

“หนีมาเร็วจริงๆ ช่างเถอะ วันนี้ข้าจะไม่สร้างความลำบากให้พวกเจ้า ทิ้งเด็กคนนี้เอาไว้แล้วพวกเจ้าไปได้” ขณะชายชรากล่าวราบเรียบ สามคนในโลกแท้จริง ดาราสัจธรรมมองตากันและกันก่อนกลายเป็นสายรุ้งยาวสามสายบินไปอย่างเร็วไว

“วางใจเถอะ ถึงที่นี่แล้ว เขาจะไม่ตามมา ที่นี่ปลอดภัย!” ชายวัยกลางคนพูดขึ้นอย่างเด็ดขาด ชั่วณะที่สามคนนี้จากไปไกลอย่างเร็วไวนั้น ชายชรานอกปราการ แค่นเสียงหึ เหมือนมีความลังเลเล็กน้อย แต่ในเสียงหึเย็นชานั้นเขาก็ยังขยับวูบไหวเข้าไปในโลกแท้จริงดาราสัจธรรม

แม้ในหมู่ผู้แข็งแกร่งยุคก่อนจะมีคำเตือนที่ส่งต่อกันมาว่าห้ามทุกคนเข้า โลกแท้จริงดาราสัจธรรมแม้แต่ครึ่งก้าว ดังนั้นหลายปีมานี้พวกเขาจึงระวังมาตลอด แต่ห้าสิบปีผ่านไป ผู้ฝึกฌานเข้ามาโลกแท้จริงดาราสัจธรรมจำนวนมาก จึงทำให้ ความระวังเริ่มไม่เป็นดั่งแต่ก่อนอีก

“หลังข้าเข้าไปสังหารสามคนแล้วก็กลับทันที คงใช้เวลาไม่นาน น่าจะไม่เป็นอะไร!” พริบตาที่ชายชราเข้าไปในโลกแท้จริงดาราสัจธรรม เขายกมือขวาขึ้นชี้ไปข้างหน้า หญิงที่กำลังห้อเหยียดอยู่ข้างหน้าหยุดชะงัก ตัวสั่นไม่อาจขยับตัวได้ ยามที่น้ำตา รินไหล บุรุษข้างกายดวงตาแดงก่ำ เปล่งเสียงคำราม ทว่าภายใต้ดรรชนีของชายชราคนนั้น ร่างกายเขาจึงเหมือนถูกผนึกทุกอย่างไว้

และยังมีชายวัยกลางคนคนนั้น ร่างเขาหยุดนิ่งเช่นกัน ส่วนสองสามีภรรยาเหมือนถูกมือใหญ่จากมวลอากาศคว้าเอาไว้จึงถูกดึงกลับไป

“เข้ามาที่นี่ก็ปลอดภัยแล้วรึ ต่อหน้าข้า ฟ้าดินนี้ไม่มีที่ที่พวกเจ้าปลอดภัย” ขณะชายชรากล่าวอย่างโอหัง เขาคว้ามือขวาไปอย่างแรง ขณะที่สามคนนี้มีสีหน้า สิ้นหวัง ขณะที่เขากำลังจะบีบทำลายวิญญาณสามคนนี้ รวมถึงเด็กหญิงน้อยที่เขาจะหลอมเป็นวิญญาณธงจะถูกบดทำลายไปด้วยนั้น…

“ท่านอา…” เด็กหญิงข้างหลังสตรีคนนั้นพลันมองฟ้า ก่อนยิ้มพูดขึ้น

เสียงนางไพเราะมาก ทันทีที่กล่าวประโยคนี้ ความหวาดกลัวทางสีหน้าหายไป กลายเป็นรอยยิ้มไร้เดียงสา

ร่างเงาซูหมิงยืนอยู่ข้างหลังชายชราคนนั้น ยิ้มน้อยๆ มองเด็กหญิงคนนั้น

ยามที่ซูหมิงยิ้ม ทั้งโลกหยุดนิ่งลง ชายชรายังคงท่าทีโอหัง ซูหมิงยกมือขวาโบกไป ร่างอีกฝ่ายสั่นสะท้าน ก่อนถอยไปในฉับพลัน กลายเป็นสายรุ้งยาวสายหนึ่งถูก ลากออกจากโลกแท้จริงดาราสัจธรรม จากนั้นเกิดเสียงระเบิดดังสนั่นในโลกแท้จริง หยินศักดิ์สิทธิ์ ร่างกายเขาสูญสิ้นไปจนกระทั่งตายลง เขาก็ยังมีสีหน้าโอหัง…

พอทำสิ่งเหล่านี้เสร็จ ร่างซูหมิงหายไป โลกกลับมาปกติ พลังที่ผนึกสามคนนั้นหายไปแล้ว สามคนนี้จึงกลับมาดังเดิม แต่ไม่นานพวกเขาก็หน้าเปลี่ยนสีอย่างรุนแรง เหม่อมองทุกอย่าง พวกเขาไม่เห็นซูหมิง และก็ไม่รู้เรื่องที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ แต่ชายชราที่พวกเขาหวาดกลัวหายไปแล้ว

“เมื่อครู่มีท่านอาคนหนึ่งมา” เด็กหญิงน้อยที่นอนหมอบอยู่ข้างหลังมารดาพูดขึ้นเสียงใส

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version