Skip to content

สู่วิถีอสุรา 1413

ตอนที่ 1413 ราคาต้องจ่าย!

ภายในฟ้าเหนือฟ้าชั้นเจ็ด เด็กหนุ่มชุดคลุมขาวไม่ได้หน้ามืดทะมึน มองคลื่นอารมณ์ไม่ออก เขาเพียงแค่ถอนหายใจเบาแล้วยิ้ม ก่อนยืนขึ้นช้าๆ มองธูปติดไฟที่ตอนนี้เหลือประมาณสามส่วนตรงหน้า จากนั้นเงยหน้าขึ้นมองกู่ไท่แล้วประสานมือคารวะเล็กน้อย

“ครั้งนี้แซ่เซินแพ้แล้ว ทว่าท่านเป็นผู้อาวุโสที่มีคุณธรรมสูงส่ง กลอุบายในครั้งนี้มันออกจะ…แต่ข้าก็นับถือ ไม่คิดเลยว่าการมาของสำนักเอกะเต๋าจะถูกผู้อาวุโสใช้ประโยชน์ กลายเป็นโอกาสให้องค์ชายสามทะลวงพลัง!

เกรงว่าหากพวกข้าไม่มา เขาจะต้องใช้เวลาหลายร้อยปีกว่าจะทะลวงพลัง” ชายหนุ่มชุดคลุมขาวยิ้มกล่าวขึ้น น้ำเสียงไม่มีคลื่นอารมณ์มากนัก แต่นัยน์ตาเป็นประกายแสงหม่น

“อาจไม่ถึงหลายร้อยปี แต่ก็ไม่ใช่เร็วๆ นี้แน่ เรื่องนี้ต้องขอบคุณที่สำนักเอกะเต๋าให้ความช่วยเหลือ” กู่ไท่ตอบกลับราบเรียบด้วยสีหน้าปกติ หน้าไม่เปลี่ยนสี ทว่า ยามนี้เขายืนอยู่ที่นี่กลับทำให้เซินมู่หวาดกลัวยิ่งกว่าเดิม

เขารู้ว่าตนไม่ได้แพ้แค่เรื่องเกี่ยวกับซูหมิง แต่เป็นทั้งกระดาน ตั้งแต่ประทะกันครั้งแรกก็แพ้อย่างย่อยยับแล้ว

แผนการของสำนักเอกะเต๋า การหาตำแหน่งของซูหมิง วงแหวนอาคมเหมันต์ เจ็ดจันทราที่เต้าหานใช้ รวมถึง…เถียนเหอที่แทรกซึมผ่านวงแหวนอาคมเข้าไปยัง ฟ้าเหนือฟ้าชั้นห้า กระทั่งการมาของเซินมู่ ผนึกและแผ่แรงกดดัน ทุกอย่างนี้ เดิมทีในมุมมองพวกเขามันสมบูรณ์แบบ เป็นความลับ

เห็นได้ชัดว่าเรื่องเหล่านี้ปิดบังแทบทุกคนทั้งสำนักเจ็ดจันทราได้ ทว่าปิดบัง ชายชรากู่ไท่ไม่ได้ แต่กู่ไท่ก็ไม่ได้ขวาง กลับปล่อยให้เรื่องราวดำเนินไปอย่างราบรื่นราวกับใช้มือส่งเรือ จนกระทั่งยืมพลังของสำนักเอกะเต๋าให้ซูหมิงทะลวงพลัง หลอมรวมวิชาเจ็ดชะตา บรรลุถึงขอบเขตเตรียมวิญญาณเต๋า!

เรื่องนี้ทำให้เซินมู่พูดไม่ออก พวกเขาวางแผนต่อสำนักเจ็ดจันทราได้ สำนักเจ็ดจันทราก็วางแผนต่อพวกเขาได้ โดยเฉพาะสัญญาระหว่างสองคนก่อนหน้านี้ ยามนี้หันกลับ ไปมอง นั่นมันไม่ใช่สัญญา แต่เป็นหลุมพราง…

“นับถือๆ…” เด็กหนุ่มชุดคลุมขาวมองชายชรากู่ไท่ตรงหน้าอย่างลึกซึ้งแวบหนึ่ง เพราะชายชราผู้มีชื่อเสียงโด่งดังในแคว้นกู่จั้งมาหลายปี ใช้พลังตัวคนเดียวให้ สำนักเจ็ดจันทราผงาดขึ้นคนนี้เอง ในที่สุดเขาจึงเข้าใจแล้วว่าเหตุใดในสำนักตนถึงมีคนบางส่วนให้ความสำคัญกับสำนักเจ็ดจันทรา

พวกเขาไม่ได้ให้ความสำคัญกับสำนักเจ็ดจันทรา แต่เป็น…กู่ไท่!

“ในเมื่อแพ้แล้ว ข้าก็ขอเอาของเดิมพันของเจ้าด้วย” กู่ไท่พูดขึ้นเรียบๆ พร้อม ยกมือขวาคว้าไปบนฟ้า ทั้งฟ้าเหนือฟ้าชั้นเจ็ดพลันสั่นสะเทือน ผนึกทั้งหมดใน ฟ้าเหนือฟ้าชั้นห้าพังลงเป็นเสี่ยงๆ

อีกทั้งในยามนี้ ในพื้นที่วงแหวนอาคมพายุหิมะเจ็ดจันทราที่เต้าหานควบคุมอยู่พลันปรากฏมือใหญ่ขึ้นข้างหนึ่งในพายุหิมะ มือใหญ่ไม่ได้คว้าไปที่ใด แต่กำหมัด

ทันทีที่กำหมัด พายุหิมะพลันหยุดนิ่ง แต่ลมหายใจต่อมา เมื่อมือใหญ่คลายหมัดออก หิมะน้ำแข็งยักษ์ก็คลุ้มคลั่งกว่าก่อนหน้านี้เกือบร้อยเท่า บ้าคลั่งอย่างที่ไม่เคยเป็น มาก่อน

เกิดเสียงดังสนั่น จุดที่พายุหิมะผ่าน ผู้ฝึกฌานสำนักเอกะเต๋าที่บุกเข้ามาล้วนถูกแช่แข็ง พลังชีวิตมอดดับในพริบตา กลายเป็นรูปปั้นน้ำแข็ง

มองไป รูปปั้นน้ำแข็งแบบนี้มีมากกว่าหลายหมื่นรูป เมื่อพายุหิมะหมุนวนก็เกิดเสียงกึกๆ ดังแว่วมา ตอนที่เกิดเสียงร้องด้วยความตกใจและตื่นกลัว ผู้ฝึกฌาน สำนักเอกะเต๋ามากกว่าเดิม บ้างกำลังใช้อภินิหาร บ้างมีสีหน้าหวาดกลัว บ้างกำลังถอยหนี บ้างพุ่งเข้ามาอย่างเหี้ยมโหด แต่ไม่ว่าจะทำอะไรอยู่ล้วนกลายเป็นอดีต ตอนนี้…พวกเขาถูกแช่แข็งกลายเป็นรูปปั้นน้ำแข็ง!

มองไกลๆ เหมือนว่าแผ่นดินใหญ่กลายเป็นโลกพายุหิมะ ทุกสิ่งที่มิใช่ผู้ฝึกฌานสำนักเจ็ดจันทราในโลกนี้กลายเป็นรูปปั้นน้ำแข็งทั้งหมด!

รูปปั้นน้ำแข็งเกือบแสน ภาพนี้ดูกว้างใหญ่ มากจะทำให้ผู้มองใจสั่นสะท้านอย่างรุนแรง

มีเพียงชายชราชุดคลุมดำที่ประมือกับเต้าหานก่อนหน้านี้ ยามนี้มองทุกอย่างด้วยความตกใจ เขาถอยอย่างสุดกำลังในพายุหิมะอย่างไม่ลังเล ภยันตรายมรณะ ลอยขึ้นมาในใจ แต่ขณะที่ถอยไปนั้น ร่างกายเขาเกิดเสียงกึกๆ เกิดความหนาวเยือก ยังถอยไปไม่ถึงร้อยจั้ง ร่างเขาก็กลายเป็นรูปปั้นน้ำแข็งแล้ว

แต่แม้จะเป็นอย่างนั้น ถึงอย่างไรเขาก็บรรลุขอบเขตวิญญาณเต๋า ยามนี้คำรามเสียงแหลม ประสานมุทรา ทั่วร่างเต็มไปด้วยหมอกดำ เกิดเสียงโครมดังขึ้น ชั้นน้ำแข็งนอกตัวเขาปริแตกโดยพลัน แตกออกเป็นเพียงรอยร้าวสายหนึ่ง ทว่ารอยร้าวนี้กลับทำให้ชายชราชุดคลุมดำหายวับไปกับตา

แต่พริบตาที่หายไปกลับมีแสงสีแดงพุ่งออกมาจากในพายุหิมะ นั่นคือโลหิตหยดหนึ่ง…โลหิตของเต้าหาน มันเป็นสายรุ้งยาวบินมา ระหว่างทางพลันกลายเป็นผลึกหิมะคมกริบหนึ่งหยดตามชายชราชุดคลุมดำไป ได้ยินเสียงร้องดังแว่วมาจากในรอยร้าว ชั้นน้ำแข็งเบาๆ เสียงนั้นเบามากเหมือนได้รับบาดเจ็บ

เห็นได้ชัดว่าต่อให้เขาหนีไปแล้ว แต่ก็มีราคาต้องจ่ายสาหัส

เรื่องนี้ยังไม่จบลง หลังจากผู้ฝึกฌานสำนักเอกะเต๋าทั้งหมดบนแผ่นดินกลายเป็นรูปปั้นน้ำแข็งแล้ว รอยแยกของแผ่นดินที่แตกอยู่โดยรอบล้วนถูกพายุหิมะกลบเป็น พื้นน้ำแข็งดุจกระจก มองไป นอกสำนักเจ็ดจันทราเหมือนไม่มีรอยแยกอยู่อีก

ขณะเดียวกันพายุหิมะพุ่งขึ้นฟ้า เค้าโครงมวลอากาศหนึ่งในสามรูปปั้นใหญ่ สำนักเอกะเต๋าที่รวมจากรอยแยกบนฟ้า ตอนนี้กำลังหายไปอย่างรวดเร็ว ราวกับจะอาศัยจังหวะที่พายุหิมะเข้ามาใกล้หนีไป แต่มันยังช้าไปก้าวหนึ่ง พริบตาที่จะหายไปนั้น เกิดเสียงกึกๆ ดังแว่วมา เค้าโครงที่รวมจากรอยแยกพลันถูกหิมะผนึกอยู่บนฟ้า ผนึกน้ำแข็งกำลังขยายออกอย่างรวดเร็ว อีกไม่นานทั้งเค้าโครงจะกลายเป็น รูปปั้นน้ำแข็ง

“บรรพบุรุษเซินมู่ช่วยด้วย!” ทันทีที่เสียงร้องด้วยความร้อนรนดังแว่วออกมา เด็กหนุ่มชุดคลุมขาวบนฟ้าเหนือฟ้าชั้นเจ็ดมีสีหน้าปกติ ยังคงยิ้มมองชายชรากู่ไท่ตรงหน้า แต่แสงหม่นในแววตากลับมีความเย็นเยียบ

เขาไม่เคลื่อนไหว นี่คือของเดิมพันระหว่างสองฝ่าย ด้วยฐานะและพลังเขา เขาเมินเฉยต่อเรื่องนี้ได้ แต่ไม่ทำตามสัญญาไม่ได้

ตอนนี้ธูปยังคงติดไฟ เหลืออยู่เพียงราวสองส่วน ทว่าตอนนี้เอง ซูหมิงบน ฟ้าเหนือฟ้าชั้นห้าประสานมือคารวะแล้วพูดขึ้นเนิบๆ

“ท่านเจ้าสำนักอย่าแช่แข็งทั้งหมด ถึงคนเหล่านี้จะวางแผนต่อข้า แต่ข้าก็จะสังหารเพียงคนเดียว ยากจะจำไหว” ซูหมิงพูดขึ้นพร้อมเดินหน้าหนึ่งก้าว พลันออกจากฟ้าเหนือฟ้าชั้นห้ามาปรากฏในโลกพายุหิมะฟ้าเหนือฟ้าชั้นหนึ่ง กวาดสายตามองแผ่นดิน เมื่อเห็นรูปปั้นหิมะเกือบแสนแล้ว จึงเงยหน้าขึ้นมองเค้าโครงที่รวมจาก รอยแยกที่ตอนนี้ถูกแช่แข็งบนฟ้า จากนั้นขยับไหวกลายเป็นสายรุ้งยาวสีดำสายหนึ่งพุ่งไปยังดวงตาขวาเค้าโครงรูปปั้น

“อ้อ?” ชายชรากู่ไท่บนฟ้าเหนือฟ้าชั้นเจ็ดดวงตาเปล่งประกาย ยิ้มมุมปาก ในประกายในแววตามีความชื่นชม

เขาไม่คิดเลยว่าซูหมิงจะตัดสินใจแบบนี้ ยามนี้ยิ้มพลางส่ายศีรษะ ก่อนมอง เด็กหนุ่มชุดคลุมขาวด้วยแววตาตำหนิ

เด็กหนุ่มชุดคลุมขาวเงียบ ไม่ตอบ เพียงแค่ตอนที่หมุนตัวกลับเขาเหมือนมองทะลุสำนักเจ็ดจันทรา มองเห็นซูหมิงในตอนนี้ ดวงตาหรี่ลงเล็กน้อย

“คนจากราชวงศ์ล้วนไม่ใช่จะดูถูกกันได้ตามอำเภอใจจริงๆ” เด็กหนุ่มชุดคลุมขาวพูดเสียงเบา ในเวลาเดียวกันสายรุ้งสีดำจากซูหมิงพุ่งเข้าไปในดวงตาขวาเค้าโครง รูปปั้นบนฟ้าในพริบตาแล้ว

เมื่อเข้ามาข้างใน เขามาอยู่บนทะเลสาบของโลกนี้ ตอนนี้ทะเลสาบกลายเป็นน้ำแข็ง ทั้งโลกกลายเป็นน้ำแข็ง มีเพียง…ศาลากลางทะเลสาบที่เป็นสีอื่นนอกจาก สีขาวของโลกนี้

และยังมีบัณฑิตวัยกลางคนสองคนที่ตอนนี้กำลังนั่งขัดสมาธิอยู่กลางศาลา เหมือนกำลังใช้พลังทั้งหมดยืนหยัดต่อต้าน

หากมีคนอื่นอยู่ด้วย จะต้องคุ้นตาบ้างแน่ๆ เพราะตอนที่ชายหนุ่มคิ้วกระบี่เข้าไปใกล้ซูหมิง ซูหมิงก็กำลังนั่งฌานอยู่ เพียงแต่ตอนนี้สับฐานะกัน บัณฑิตสองคนนั่งฌาน ซูหมิงพุ่งเข้ามาด้วยจิตสังหาร

แน่นอนว่าซูหมิงย่อมไม่พูดมากเหมือนชายหนุ่มคิ้วกระบี่ก่อนหน้านี้ เมื่อปรากฏตัวแล้วก็พุ่งเข้ามาใกล้ในทันใด ตอนนี้เองบัณฑิตสองคนลืมตาขึ้นพร้อมกัน เผยดวงตาที่เหมือนจะถูกแช่แข็งแล้ว

ในมุมมองคนอื่นสองคนนี้มีพลังที่แกร่งมาก แต่ในมุมมองซูหมิง หนึ่งบรรลุจิตเต๋าขั้นสอง อีกหนึ่งจิตเต๋าขั้นหนึ่ง แทบเป็นทันทีที่พวกเขาลืมตา ซูหมิงเข้ามาใกล้แล้ว ยกมือขวาขึ้นชี้ไปข้างหน้า

ทันใดนั้นบัณฑิตจิตเต๋าขั้นสองคำรามเสียงต่ำ อ้าปากพ่นโลหิต โลหิตกลายเป็นม่านแสงสีเลือดหมายจะขวางซูหมิงเอาไว้ แต่ตอนที่ซูหมิงปะทะกับม่านแสงมันกลับหายไป บัณฑิตจิตเต๋าขั้นสองหรี่ตาแคบลง ในใจเต้นระรัว ทันใดนั้นเองซูหมิงมาปรากฏอยู่ตรงหน้าเขา ชั่วขณะที่บัณฑิตจิตเต๋าขั้นสองขยับวูบไปข้างหน้าหมาย จะหลบ นิ้วชี้มือขวาซูหมิงที่ยังกดไปจึงทะลวงผ่านหน้าอกอีกฝ่าย เกิดเสียงดังกึก บัณฑิตร่างสั่นไหว ร่างกายพลันดำมืด วิญญาณสูญสลายไป

“เป็นเจ้าที่ควบคุมแผนการครั้งนี้รึ?” ซูหมิงดึงมือขวากลับ หมุนตัวกลับมามองบัณฑิตอีกคน บัณฑิตคนนั้นหน้าซีดขาว นั่งขัดสมาธิจ้องซูหมิงอย่างเย็นชา ฉับพลันนั้นเองใบหน้าเขาจากสีขาวเปลี่ยนเป็นสีแดง พลังการระเบิดตัวเองปะทุมาจากในร่างกาย กลายเป็นยิ้มมุมปากอย่างโอหัง นั่นคือความตาย เป็นเกียรติสูงส่งที่ตายด้วยมือตัวเอง ไม่ใช่คนอื่น

“การตายไม่ได้ง่ายขนาดนั้น” ซูหมิงพูดขึ้นเรียบๆ

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version