Skip to content

สู่วิถีอสุรา 143

ตอนที่ 143 ข้าลืมอะไรไป

ซูหมิงยืนอยู่ไกลๆ เดิมทีเขาจากไปแล้ว กำลังจะไปเรือนพักเผ่าบูรพาสงบโดยมีฟางมู่เป็นคนนำทาง ทว่าขณะนั้นเกิดเสียงโครมดังขึ้นอย่างกะทันหัน อีกทั้งเสียงยังเหมือนมาจากทางหอ เห็นชาวเผ่าบูรพาสงบพากันตรงเข้าไปด้วยสีหน้าตื่นตะลึง อีกทั้งฟางมู่ยังมีท่าทีวิตกกังวล เขาจึงตามกลับมาด้วย

เขาเห็นหอกลายเป็นฝุ่นละอองปลิวว่อน ทั้งยังเห็นหญิงสาวอยู่กลางซากปรักหักพัง เห็นนางมองเขาด้วยแววตาซับซ้อน และยามนี้กำลังเดินมาทางเขาทีละก้าว

ซูหมิงใส่หน้ากากสีดำทึบ ผู้อื่นเห็นเพียงดวงตาของหน้ากากภายใต้เสื้อคลุมดำ มองไม่เห็นสีหน้าของเขา ขณะชางหลันกำลังเดินมา ชาวเผ่าบูรพาสงบข้างกายซูหมิงล้วนทำความเคารพนาง จนกระทั่งนางมายืนตรงหน้าซูหมิง

แววตาซูหมิงสงบนิ่งมองหญิงสาวรูปร่างอรชรตรงหน้า นางงดงามยิ่งนัก บนใบหน้านางไม่พบร่องรอยของกาลเวลา ทำให้มองอายุไม่ออก

“ท่านอา…..” ฟางมู่ข้างกายซูหมิง รีบกล่าวทำความเคารพ

ชางหลันคล้ายไม่ได้ยิน นางมองซูหมิง สีหน้าซับซ้อนราวกับอยากพูดอะไรบางอย่าง ทว่าก็ต้องห้ามใจเอาไว้ ท่าทางแปลกๆ เช่นนั้นทำให้ซูหมิงระวังตัว

“สหายโม่ บอกนามจริงของท่านได้หรือไม่?” ผ่านไปนาน ชางหลันกล่าวเสียงเบาด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล

ซูหมิงขมวดคิ้วน้อยๆ ไม่กล่าวอะไร

“หากวันหนึ่งท่านนึกอะไรออก…มาหาข้าได้ที่สำนักเหมันต์สวรรค์…” ชางหลันก้มหน้าโค้งตัวคำนับซูหมิง มองเขาด้วยสายตาหยั่งลึกอีกครั้ง แววตานั้นไม่มีความซับซ้อนอีก แต่เป็นเห็นใจ แล้วหมุนตัวเดินจากไป

“คำพูดของท่านหมายความว่าอย่างไร” ซูหมิงยังคงขมวดคิ้ว เขาไม่เข้าใจคำพูดแปลกๆ ของนาง ขณะเดียวกันกลับไม่รู้ว่าเพราะเหตุใดในใจถึงเกิดความรู้สึกว่างเปล่า

“ผู้อาวุโสโม่ นาง…นางเป็นท่านอาของข้า นามฟางชางหลัน เมื่อสิบปีก่อนบุกโซ่เขาหานสำเร็จจึงได้เป็นศิษย์สำนักเหมันต์สวรรค์……” ฟางมู่ลังเลครู่หนึ่งก็กล่าวเสียงเบา

ซูหมิงพยักหน้า มองชางหลันหายลับไปจากสายตา ใบหน้าภายใต้หน้ากากมีความสงสัย

เผ่าบูรพาสงบกว้างใหญ่ยิ่งนัก แม้เขาอยู่บนยอดเขานี้แห่งเดียว แต่ซูหมิงกลับสัมผัสได้ถึงความยิ่งใหญ่ของบูรพาสงบ เดิมทีฟางมู่จะพาซูหมิงไปเดินชมเผ่าเพื่อความคุ้นเคย ทว่าเพราะการปรากฏตัวของฟางชางหลันทำให้ซูหมิงเกิดความร้อนใจอย่างประหลาด จึงกลับเรือนพักที่เตรียมเอาไว้โดยเผ่าบูรพาสงบทันที แล้วนิ่งเงียบอยู่เพียงลำพัง

ฟางมู่ทราบว่าซูหมิงมีนิสัยแปลก ชอบความเงียบสงบ หลังจากส่งอาหารและผลไม้เล็กน้อยแล้ว จึงทำความเคารพแล้วกล่าวลาทันที

ภายในห้องไม่ใหญ่มากนักยังคงสร้างขึ้นจากภูเขา ไม่มีความชื้น บางครามีสายลมพัดผ่าน ทำให้รู้สึกเย็นสบาย ทว่ายามนี้ซูหมิงนั่งขัดสมาธิอยู่บนเตียงหิน ลืมทุกสิ่งเหล่านี้ ในความคิดเขาปรากฏเพียงสายตาเห็นใจของชางหลัน สายตานั้นทำให้เขาสงสัยและร้อนใจมากยิ่งขึ้น เขาคิดว่าชางหลันยังพูดไม่หมด

‘ตอนที่ข้าอยู่ในหอกับฟางเซินนางน่าจะอยู่ด้วย…หลังจากข้าไปแล้ว ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นถึงทำให้หอถล่ม นางเองก็ได้รับบาดเจ็บ…สีหน้าของนางไม่เหมือนเสแสร้ง อีกทั้ง…ด้วยฐานะของนางไม่จำเป็นต้องเสแสร้งต่อหน้าข้า”

‘คำพูดของนางหมายความว่าอย่างไร…ตอนที่ข้านึกอะไรออก ให้ไปหานางที่สำนักเหมันต์สวรรค์…ข้าจะนึกอะไรออก?’ ซูหมิงไม่เข้าใจ แววตาเป็นประกายสั่นไหวตกอยู่ในห้วงความคิด

‘นึกอะไรออก…หากฟังกลับกันจะหมายถึงข้าลืมอะไรไปบางอย่าง แต่ข้าลืมอะไรไป?’ ซูหมิงหลับตา เดิมทีเขาไม่สับสนเพราะคำพูดของอีกฝ่าย แต่ตัวเขาก็ยังไม่เข้าใจว่าเหตุใดพอได้ฟังคำพูดเหล่านั้นรวมถึงสายตาเห็นใจของอีกฝ่ายแล้ว กลับทำให้รู้สึกร้อนใจแปลกๆ เหมือนกับอยากตะโกนเสียงดัง แต่พบว่าตัวเองเป็นใบ้พูดไม่ออก

ซูหมิงหลับตา หวนนึกถึงความทรงจำอย่างละเอียด ตั้งแต่เด็กจนถึงตอนนี้ ผ่านไปนานจึงลืมตาขึ้น

‘หลอกลวง!’ ซูหมิงยิ้มเยาะ แม้ในใจยังสับสน กลับฝืนตัวเองให้ลืมเรื่องดังกล่าวไป และค่อยๆ ทำให้จิตใจให้สงบลง

เวลาผ่านไป ไม่นานท้องฟ้าเป็นสีดำ เผ่าบูรพาสงบในยามค่ำคืนมีหมอกด้านนอกจึงดูไม่คึกคักเหมือนแต่ก่อน ทว่ากลับเงียบสงบ

ในค่ำคืนแห่งนี้ซูหมิงพยามทำให้จิตใจสงบลงหลายครั้ง

กว่าจะทำสำเร็จก็ยามใกล้ฟ้าสาง ทำให้ความร้อนใจจากคำพูดของชางหลันสงบลง แม้เป็นเช่นนั้น กลางใจซูหมิงกลับเหมือนมีเมล็ดพันธุ์ฝังลึกอยู่ข้างใน

วันที่สองยามเช้าตรู่ เดิมทีมีแสงตะวันส่องไปทั่วหล้า ทว่าเพราะมีหมอกหนา แม้แต่แสงตะวันจึงยังถูกบดบัง ทำให้ฟ้าดินถูกปกคลุมด้วยหมอกขมุกขมัว ดีว่ายอดเขาเผ่าบูรพาสงบอยู่ในตำแหน่งพิเศษ บนภูเขาลูกนี้หากมองในระยะไม่ไกลมากก็ยังคงเห็นชัดเจน

ในยามรุ่งเช้าฟางมู่มาหา เขานำข่าวสารจากบิดามาให้ว่าอนุญาตให้ซูหมิงเป็นแขกพิเศษของเผ่าบูรพาสงบ รับสวัสดิการทุกอย่างแบบแขกพิเศษ และได้เข้าร่วมการเดินทางในแดนลับเมืองเขาหานครั้งนี้

“ผู้อาวุโสโม่ ความจริงแล้วท่านไม่จำเป็นต้องเข้าไปในแดนลับเมืองเขาหานก็ได้…ได้ยินมาว่าที่นั่นอันตรายยิ่งนัก คนที่เข้าไปจากสามชนเผ่ามีไม่มาก ส่วนใหญ่จะเป็นแขกพิเศษที่ถูกเชิญมา อีกทั้งที่นั่นความเป็นตายห่างกันเพียงเส้นด้าย

สามชนเผ่าเหมือนจะร่วมมือกัน ทว่าความจริงแล้วแอบเป็นศัตรูกัน โดยเฉพาะในแดนลับเมืองเขาหาน และด้วยเหตุนี้…” ฟางมู่กล่าวโน้มน้าวซูหมิงขณะเดินไปทางยอดเขาบูรพาสงบ บิดาของเขากับผู้นำเผ่าหลายคนรออยู่ที่นั่นเพื่อส่งคนเข้าไปในแดนลับรอบต่อไป

“ในวันสร้างบรรพกาลทุกครั้งจะมีหมอกหนาปรากฏ เส้นทางลับเมืองเขาหานถูกเปิด จะต้องมีคนตายจำนวนมาก…ผู้อาวุโสต้องการสมุนไพรอะไรบอกข้ามาให้หมด ข้าจะให้ท่านพ่อส่งคนเข้าไปนำกลับมาให้” ฟางมู่มองซูหมิงเดินขึ้นไปบนยอดเขาพลางกล่าวเสียงเบา สีหน้าเป็นกังวล แม้จะเป็นเรื่องของอีกฝ่ายก็อดเป็นห่วงมิได้

นัยน์ตาซูหมิงฉายแววอ่อนโยน เด็กหนุ่มตรงหน้าคนนี้ทำให้เขาเกิดความรู้สึกดีมาโดยในตลอดช่วงเวลาสี่ปี

“ไม่เป็นไร หลังจากเข้าไปแล้วข้าจะระวังตัว” น้ำเสียงซูหมิงไม่เย็นชาอีก ยกมือขึ้นลูบศีรษะของฟางมู่ เหมือนกับตอนที่ท่านปู่ลูบศีรษะของเขาในวัยเยาว์

ฟางมู่ตกตะลึงไปครู่หนึ่ง เห็นได้ชัดว่าหลายปีที่ผ่านมา ความเย็นชาและรักสันโดษของซูหมิงฝังลึกในจิตใจของเขา การกระทำเช่นนี้ทำให้เขารู้สึกแปลกเล็กน้อย เมื่อได้ยินคำตอบของซูหมิง เขาก็รีบลืมเรื่องดังกล่าวไป แล้วถอนหายใจเบา

“ในเมื่อผู้อาวุโสตัดสินใจแล้ว ผู้เยาว์ก็จะไม่พูดอีก แต่ว่าผู้อาวุโสต้องระวังแขกพิเศษของอีกสองเผ่า คนที่เข้าไปในแดนลับเมืองเขาหานได้ไม่ใช่ผู้อ่อนแอ…” ขณะฟางมู่กล่าวก็หยิบแผ่นไม้ไผ่บันทึกหนึ่งม้วนจากในอกเสื้อส่งให้ซูหมิง

“ผู้อาวุโส หลายปีมานี้ท่านช่วยรักษาอาการบาดเจ็บของข้า นอกจากช่วยหาสมุนไพรแล้วก็ไม่มีสิ่งอื่นที่ผู้เยาว์จะทำได้อีก แผ่นไม้บันทึกม้วนนี้มีข้อมูลของแขกพิเศษเผ่าเหยียนฉือและเผ่าผู่เชียงเล็กน้อย หวังว่าจะมีประโยชน์กับผู้อาวุโส”

ซูหมิงรับบันทึกมาเปิดดู ภายในอัดแน่นไปด้วยอักษรเล็กมากมาย และยังมีภาพวาดเล็กน้อย โดยเฉพาะบนตัวอักษรยังมีผงไม้อยู่ น่าจะเพิ่งแกะสลักได้ไม่นาน

“อีกอย่าง แขกพิเศษของเผ่าบูรพาสงบที่เข้าไปในแดนลับจะมีโอกาสเลือกศาสตราวุธหมานเลียนแบบ ท่านพ่อฝากให้ข้ามาบอกท่านด้วย อีกเดี๋ยวยามเลือก ขอให้ท่านเลือกแส้” ฟางมู่กล่าวเสียงเบา ไม่นานก็พาซูหมิงมาถึงยอดเขาบูรพาสงบ

มันเป็นที่ราบราวกับถูกตัดปลายยอดเขาออก หมอกเนืองแน่น เห็นตรงกลางรางๆ ว่ามีเงาคนกำลังนั่งขัดสมาธิอยู่เก้าคน มีเจ็ดคนโอบล้อมอยู่ด้านนอก ตรงกลางมีสองคนมองไม่เห็นลักษณะหน้าตา ทว่าสัมผัสได้ถึงพลังโลหิตจากพวกเขาทั้งสอง

เมื่อส่งซูหมิงเข้าไปแล้วฟางมู่ก็ถอยออกมายืนอยู่ไกลๆ ท่ามกลางชนเผ่าที่มีความเข้มงวดเท่าเทียมกัน ต่อให้เขาเป็นบุตรชายจ้าวเผ่า ในสถานการณ์นี้ก็ยังเข้าใกล้มิได้

ซูหมิงมีสีหน้าเรียบเฉย เดินไปทางคนทั้งเก้า ขณะเข้าใกล้แววตาค่อยๆ เคร่งขรึม ในคนทั้งเก้าล้วนเป็นผู้แข็งแกร่งื้งสิ้น

โดยเฉพาะชายชราที่อยู่หน้าสุดกลางเจ็ดคนที่โอบล้อมอยู่ด้านนอก เขาสวมเสื้อคลุมสีฟ้าเส้นผมขาว แม้หลับตาอยู่ ทว่าเขานั่งอยู่ตรงนั้นประหนึ่งใจกลางจุดยุทธศาสตร์ ทำให้ซูหมิงหัวใจเต้นแรง

ด้านซ้ายชายชราเป็นจ้าวเผ่าบูรพาสงบ ชายร่างกำยำประดุจหอคอยเหล็กมองซูหมิงด้วยแววตาเป็นประกาย ใบหน้าเผยรอยยิ้ม ด้านขวาชายชราเป็นชายร่างกำยำแข็งแกร่งเช่นกัน เขาน่าจะตัวไม่สูงมากนัก แม้อยู่ในท่านั่งขัดสมาธิยังดูเตี้ยกว่าฟางเซินเล็กน้อย ทว่ากลิ่นอายพลังจากในตัวเขากลับไม่ด้อยไปกว่าเสวียนหลุน เห็นได้ชัดว่าเขาทะลวงสู่ขั้นชำระล้างแล้ว

ซูหมิงกวาดสายตามองเจ็ดคนที่โอบล้อมอยู่รอบนอก นอกจากชายชรากับชายร่างกำยำรูปร่างเตี้ยแล้ว ยังมีอีกคนเป็นขั้นชำระล้าง เขาเป็นชายชราสวมเสื้อคลุมดำ หันหลังให้ซูหมิง

‘เผ่าบูรพาสงบที่ข้าเห็นตอนนี้มีชำระล้างสามคน…อีกทั้งชายชราเสื้อคลุมฟ้ายังให้ความรู้สึกที่แข็งแกร่งกว่าเสวียนหลุน…ส่วนคนที่เหลือก็มีพลังโลหิตมหาศาล เกรงว่าน่าจะมีเส้นเลือดแปดร้อยกว่าเส้นขึ้นไป

อีกทั้งนี่ไม่น่าใช่ขุมพลังทั้งหมดของเผ่าบูรพาสงบ…..ส่วนสองคนตรงกลาง หรือว่าเป็นแขกพิเศษที่จะเข้าไปในแดนลับเมืองเขาหานพร้อมกับข้า?’ ซูหมิงมีสีหน้าเป็นปกติ ขณะเข้าใกล้พลันชะงักฝีเท้า

“เจ้าคือโม่ซู?” น้ำเสียงเย็นชาดังเข้ามาเรียบๆ คนที่กล่าวคือชายวัยกลางคนสวมเสื้อคลุมแดงที่นั่งอยู่ข้างกายชายตัวเตี้ยร่างกำยำขั้นชำระล้าง เขามีสีหน้าเย็นชา แม้จะมีหมอกกั้นกลาง แต่คำพูดที่ลอยมากลับแฝงไว้ด้วยความหนาวเยือก

“ใช่” ซูหมิงกล่าวอย่างสงบนิ่ง

“เป็นเจ้าเองที่เข้าร่วมเผ่าบูรพาสงบแบบครึ่งทาง อยากจะเป็นแขกพิเศษ ทั้งยังยกข้อเสนอเหลวไหลเพราะอยากเข้าไปในแดนลับเมืองเขาหาน เรื่องนี้แม้ว่ามีจ้าวเผ่ารับประกัน ทว่ากับคนที่จู่ๆ ก็ปรากฏตัวขึ้นย่อมมีวัตถุประสงค์ชั่วร้ายแอบแฝง และยังสวมหน้ากากอีก ช่างน่าขันจริงๆ เว้นแต่เจ้าจะพิสูจน์ตัวเองได้ว่ามีคุณสมบัติพอ มิเช่นนั้น ข้าไม่เห็นด้วย!” ชายวัยกลางคนยิ้มเยาะ กวาดสายตามองซูหมิงก่อนจะไม่สนใจอีก แต่มองจ้าวเผ่าบูรพาสงบตรงหน้า

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version