Skip to content

สู่วิถีอสุรา 168

ตอนที่ 168 สามมหาเทวรูป

เก้าร้อยเจ็ดสิบเก้า เก้าร้อยสี่สิบสาม เก้าร้อยสิบสอง แปดร้อยแปดสิบเจ็ด…เส้นเลือดในตัวซูหมิงลดลงอย่างรวดเร็วจนน่าตื่นตะลึงภายใต้ความละเอียดอ่อน แรงกระตุ้นในการทะลวงขั้นชำระล้างค่อยๆ หายไปด้วยเช่นกัน

‘หากแม้แต่เวลาจะข้ามผ่านชำระล้างยังควบคุมมิได้ ก็ไม่ต้องกล่าวถึงโชคชะตาของตัวเอง!’ นัยน์ตาซูหมิงสั่นไหว ภายใต้ความละเอียดอ่อน เส้นเลือดในร่างกายถูกเก็บซ่อนมากขึ้น

ยามนี้เมื่อเส้นเลือดหายไปทีละเส้น หลังจากแรงกระตุ้นถูกซูหมิงฝืนยับยั้ง ผู้คนเกือบร้อยที่กำลังต่อต้านด้วยความสิ้นหวังอยู่นอกถ้ำหุบเขา พวกเขาหมดแล้วซึ่งความหวัง แทบทุกคนมีโลหิตไหลมาจากมุมปาก

กระทั่งพวกเขายังสัมผัสได้ถึงการมาเยือนของความตาย เห็นภาพอนาถตอนร่างกายระเบิด เส้นเลือดลอยออกจากตัว ความรู้สึกอยากมีชีวิตอยู่ ทำให้พวกเขายังคงต่อต้านสุดแรง พยามตามหาโอกาสที่จะมีชีวิตรอด แม้ทราบว่าเสียแรงเปล่าก็ตาม

ทว่ายามนี้ ในช่วงที่ซูหมิงปิดซ่อนเส้นเลือด ยับยั้งอารมชั่ววูบในการข้ามผ่านขั้นชำระล้าง เส้นเลือดในกายนักรบหมานเกือบร้อยคนผ่อนคลายลง แรงกดดันลึกลับที่ถาโถมมาหายไปอย่างรวดเร็ว

เหตุการณ์กะทันหันที่เกิดขึ้นทำให้คนที่คิดว่าต้องตายแน่เหล่านั้นเกิดความปีติยินดี พวกเขาส่วนใหญ่อึ้งงันไปชั่วครู่ ก่อนยันกายขึ้นแล้วห้อเหยียดจากไปอย่างไม่ลังเล ขณะที่หัวใจเต้นแรงและยังคงหวาดกลัวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ก็พยามหลบหนีอย่างสุดชีวิต

ทว่าในนั้นยังมีบางคนที่เข้าใจ แม้ว่าพวกเขาอยากหนีออกมาอย่างรวดเร็วก็ตาม แต่เพิ่งยกเท้าได้เพียงครึ่งก้าวกลับเกิดความลังเล ประสานมือคารวะไปทางหุบเขาที่ทำให้พวกเขาหวาดกลัว

“ขอบคุณผู้อาวุโสที่ยั้งมือ!”

“ขอบคุณผู้อาวุโสที่ไม่สังหารพวกเรา!”

คนเหล่านั้นมิได้กล่าวพึมพำ แต่ใช้พลังโลหิตทำให้น้ำเสียงดังกังวาน เมื่อเสียงเช่นนี้ดังขึ้นเรื่อยๆ ผู้คนที่กำลังหลบหนีเหล่านั้นจำต้องหยุดฝีเท้าด้วยความลังเลใจ ก่อนประสานมือคารวะไปทางหุบเขา พร้อมกล่าวประโยคคล้ายๆ กัน

เวลาผ่านไป เสียงนี้ดังมากขึ้น ก่อเป็นคลื่นเสียงแผ่กระจายในแดนลับภูเขาหาน

รอดพ้นจากความตาย แม้ผ่านไปแล้วยังมีความตื่นกลัวอยู่ นี่คือความรู้สึกของทุกคนที่เอาชีวิตรอดมาได้ในแดนลับภูเขาหาน หลังจากประสานมือคารวะขอบคุณแล้ว พวกเขาก็ห้อเหยียดจากไปด้วยความเร็วสูงสุด

บนท้องฟ้า เดิมทีกลุ่มเมฆก่อตัวกันอย่างเนืองแน่น แสงสีทองลอดผ่านชั้นเมฆ ปกคลุมไปมากกว่าครึ่งฟ้า กระทั่งภายในยังเห็นได้ชัดเจนว่ามีเทวรูปกำลังก่อตัวอย่างรวดเร็ว

ทว่ายามนี้ ในช่วงที่ซูหมิงยับยั้งแรงกระตุ้นในการทะลวงขั้นชำระล้าง ชั้นเมฆบนท้องฟ้าเกิดเสียงอึกทึกดังสนั่น ราวกับมีคนกำลังแผดเสียงคำรามด้วยความโกรธจากข้างใน

แสงสีทองขยับวูบวาบ ขณะที่มันอ่อนแสงลง เทวรูปซึ่งกำลังก่อตัวอย่างรวดเร็วราวกับมีจิตวิญญาณ เหมือนก้มหน้าลงมองจุดที่ซูหมิงอยู่ใต้เหวลึกหมื่นจั้งกลางเมืองเขาหาน

“ข้าถูกสร้างโดยเทพหมานรุ่นหนึ่ง เทวรูปชำระล้างแห่งเผ่าหมาน…” เสียงนั้นทรงพลังยิ่งนัก ราวเสียงฟ้าร้องปกคลุมผืนฟ้า แผ่นดินใหญ่สะเทือน ยอดเขาเมืองเขาหานสั่นไหวยิ่งขึ้น เศษหินจำนวนมากร่วงหล่น ฝุ่นฟุ้งกระจาย แต่เพิ่งตลบขึ้นก็ถูกแรงกดดันมหาศาลสยบลงไป

ไม่เพียงแค่เมืองเขาหานเท่านั้น ยอดเขาสามชนเผ่าโดยรอบเองก็สั่นสะเทือนเช่นกัน เสียงดังสนั่นทำให้ผู้คนเบื้องล่างเกิดความตื่นกลัว

ไม่รู้ว่าใครคุกเข่าเป็นคนแรก ทว่าหลังจากนั้นไม่นานแทบทุกคนล้วนคุกเข่าลงกับพื้น และกราบไหว้เทวรูปเลือนรางบนท้องฟ้า

ในเมืองเขาหาน กลุ่มคนคุกเข่าลงกับพื้น สีหน้าพวกเขาแฝงไว้ด้วยความเคารพและฮึกเหิม มองเงาคนบนท้องฟ้า ได้ยินเสียงทรงพลังดังก้อง เหตุการณ์เหล่านี้พวกเขาส่วนใหญ่ไม่เคยประสบมาก่อนในชีวิต

“ข้าเคยได้ยินว่าเผ่าหมานมีสามมหาเทวรูป เทพหมานรุ่นหนึ่งเป็นคนสร้างทั้งหมด แบ่งเป็นตัวแทนสามขั้นพลังของเผ่าหมานพวกเรา คือชำระล้าง เซ่นไหว้กระดูก และวิญญาณหมาน….ตอนแรกข้าคิดว่ามันเป็นแค่ตำนาน…ไม่คิดเลย…ไม่คิดเลย…”

“มันคือเรื่องจริง!”

“เทวรูปชำระล้าง หนึ่งในสามมหาเทวรูปของเผ่าหมานพวกเรา!”

หนานเทียนกับเคอจิ่วซือไม่มีสีหน้าสงบนิ่งอีก พวกเขาคุกเข่าลงกับพื้น มองเทวรูปเลือนรางบนท้องฟ้าด้วยความตื่นตะลึง

“เป็นครั้งที่สองแล้วที่แซ่เคอเห็นเทวรูปองค์นี้ ครั้งนี้ดูจะเลือนรางกว่าครั้งนั้นเล็กน้อย ทว่า…นี่เป็นครั้งแรกที่ข้าได้ยินเทวรูปกล่าว”

“แม้ข้าจะรู้ว่าตำนานของสามมหาเทวรูปเป็นเรื่องจริง ทว่านี่เป็นครั้งแรกที่แซ่หนานได้เห็นกับตา ตามตำนานกล่าวว่ามีเพียงขณะผู้แข็งแกร่งรวมโลหิตสมบูรณ์ทะลวงสู่ขั้นชำระล้างเท่านั้น ถึงจะเป็นการอัญเชิญเทวรูปแห่งราชวงศ์ต้าอวี๋มาเยือน สิ่งนี้เรียกว่า…คำอวยพรของเทพหมาน!”

ภายในเมืองเขาหาน เสวียนหลุนนั่งคุกเข่าลงข้างหนึ่ง มองเทวรูปบนท้องฟ้าอย่างเลื่อนลอย ได้ยินคำพูดของเทวรูปดังก้อง เขาพลันกำหมัดแน่น

“ตอนนั้นเส้นเลือดข้าจำกัดอยู่ที่เก้าร้อยสิบสามเส้น ขณะทะลวงชำระล้างไม่มีเมฆลมเคลื่อนตัว เทียบกับบุคคลนี้แล้ว…” เสวียนหลุนกำหมัดแน่นยิ่งกว่าเดิม ในใจเกิดความริษยา ความริษยานี้ไม่ใช่เพราะคน แต่เป็นเพราะเรื่องราว

เหยียนฉือ ผู่เชียง และบูรพาสงบทั้งสามชนเผ่า ยามนี้ล้วนคุกเข่าลงกราบไหว้ มองเทวรูปบนท้องฟ้า เต็มไปด้วยความเคารพ เทวรูปคือทุกอย่างของเผ่าหมาน!

“ตำนานกล่าวว่าในยุคสมัยของเทพหมานรุ่นหนึ่ง ทุกคนคือหมาน ไม่มีการแบ่งขั้นพลัง ไม่มีการฝึกฝน…ทว่าเทพหมานรุ่นหนึ่งใช้พลังมหาศาลและใช้เวลาในการศึกษาร่างกายของตัวเอง สร้างสามเทวรูปขึ้นมา จากนั้นก็ก่อตั้งขั้นพลังแห่งการฝึกฝนของเผ่าหมาน ชำระล้าง เซ่นไหว้กระดูก วิญญาณหมาน!

มิใช่ว่าข้าเพิ่งเคยเห็นเทวรูปเทพชำระล้างเป็นครั้งแรก…ทว่านี่เป็นครั้งแรกที่ข้าได้ยินเขาพูด!” บนยอดเขาเหยียนฉือ เหยียนหลวนมีสีหน้าเคารพ มองไม่เห็นความงามบนใบหน้าเหมือนก่อนหน้านี้แม้แต่น้อย นางในยามนี้บริสุทธิ์เหมือนแผ่นไม้บันทึกสะอาดหมดจดที่ยังไม่มีการสลักอักษร

เทวรูปเลือนรางบนท้องฟ้า น้ำเสียงทรงพลังกึกก้องแล่นเข้าไปในหูของทุกคน และส่งถึงซูหมิงเช่นกัน เดิมทีเสียงนี้พูดกับเขา คนนอกไม่มีทางได้ยิน ทว่าซูหมิงอยู่ตรงนั้นเป็นเหมือนใจกลางน้ำวน เสียงดังสนั่นเหมือนสายฟ้านับหมื่นเส้นผ่าลงกลางใจราวกับร่างกายจะแหลกสลาย

ท่ามกลางเสียงดังก้อง ในช่วงที่ได้ยินเสียงดังสนั่นลั่นฟ้าดิน เขาพลันตัวสั่นเทา

มีโลหิตไหลจากมุมปากซูหมิง เขาควบคุมความละเอียดอ่อนในร่างกายไม่หยุด แหงนหน้ามองด้านบน เขามองไม่เห็นด้านนอก แต่กลับสัมผัสได้ว่าตรงที่มาของเสียงบนท้องฟ้า มีดวงตาคู่หนึ่งกำลังมองเขา

ดวงตาคู่นั้นเต็มไปด้วยความน่าเกรงขาม ทว่ากลับไม่มีพลังชีวิต เป็นเพียงวัตถุที่ตายแล้ว

“ข้ามีจิตใจอันแน่วแน่ ปฏิบัติตามเจตจำนงของเทพหมานรุ่นหนึ่ง เพื่อขั้นชำระล้างของเผ่าหมาน…บรรพชนชาวหมานสายเลือดข้นทั้งหมดได้รับคำอวยพรจากเทพหมาน ข้าอยู่ ข้ามอง” น้ำเสียงของเขาดังก้อง ทำให้แผ่นดินสะเทือนอีกครั้ง

“เจ้า…เหตุใดไม่ทะลวงขั้นชำระล้าง!” เทวรูปเทพเลือนรางบนท้องฟ้านัยน์ตาเปล่งประกายวาว ประกายแสงไร้พรมแดน ปกคลุมฟ้าดินในชั่วพริบตา ทำให้ผู้คนบนผืนดินราวกับถูกย้อมกลายเป็นสีทอง!

ครั้นกล่าวประโยคสุดท้ายจบ ร่างกายของทุกคนสั่นสะท้าน กลายเป็นเสียงสะท้อนกลับในความคิดของซูหมิง ประหนึ่งมีคนกำลังแผดเสียงคำรามซักถาม

ซูหมิงตัวสั่นเทา เส้นเลือดที่เขาใช้ความละเอียดอ่อนเพื่อปิดซ่อน ยามนี้เสียการควบคุม แรงกระตุ้นในการทะลวงขั้นชำระล้างที่เขายับยั้งเอาไว้เผยออกมาอีกครั้ง!

ราวกับว่ามีความคิดแกร่งกล้าส่งมาจากเทวรูป บีบบังคับเขา ไม่ว่าอย่างไรวันนี้ก็ต้องข้ามผ่านชำระล้าง!

‘ความทรงจำข้าเคยถูกลบไปส่วนหนึ่ง…เรื่องนี้ข้ามิได้เป็นคนกำหนด…ข้ามาจากภูเขาทมิฬ ถูกดูดเข้าไปในมิติ…..เรื่องนี้ข้ามิได้เป็นคนกำหนด…ข้ามาแดนอรุณใต้ พบเจอกับเรื่องราวมากมาย แทบทุกเรื่องเจอแต่อุปสรรคกว่าจะผ่านมาได้ เรื่องนี้ข้าก็มิได้เป็นคนกำหนด…

ข้าตามหาว่าข้าเป็นใคร อยากลืมตามองโลกที่คนอื่นอาจมองไม่เห็น ทว่าท้ายที่สุดข้าก็ต้องหลับตาลง…เรื่องนี้ ข้าก็มิได้เป็นคนกำหนด…ตลอดชีวิตข้าซูหมิง ข้าโม่ซู ในความทรงจำของข้า ไม่ว่าเรื่องใดล้วนมีคนมากำหนด ไม่ให้ข้าเปลี่ยนหรือกำหนดโชคชะตา…

คนอย่างข้าที่แม้แต่เส้นทางและโชคชะตาของตัวเองยังกำหนดไม่ได้…วันนี้ ข้าจะกำหนดเอง! ข้าจะกำหนดเส้นทางของข้า ข้าจะไม่ยอมข้ามผ่านขั้นชำระล้างตอนนี้ ไม่ว่าใครก็เปลี่ยนไม่ได้! จะไปถึงชำระล้างเมื่อใด ข้าจัดการเอง!’

ซูหมิงกล่าวอย่างสงบนิ่ง แม้ใจเขายังสั่นไหวกับความน่าเกรงขาม ทว่าความยึดมั่นจากน้ำเสียงกลับเป็นตัวแทนหัวใจของเขา!

‘ท่านบอกว่าเทพหมานรุ่นหนึ่งเป็นคนสร้างท่าน เป็นเทพชำระล้างแห่งเผ่าหมาน เช่นนั้นเทพหมานรุ่นหนึ่งที่สร้างท่านเขาไปถึงชำระล้างอย่างไร! มีใครไปบังคับเขารึไม่! ข้าซูหมิงจะข้ามผ่านขั้นชำระล้าง…ไม่ต้องการท่าน!’ ในช่วงที่เขากล่าวผ่านความคิด ก็เริ่มใช้ความละเอียดอ่อนควบคุมเส้นเลือดอีกครั้ง ค่อยๆ ปิดมันทีละเส้น

เทวรูปเลือนรางบนท้องฟ้าเงียบไปชั่วครู่ ก่อนมองเหวลึกภูเขาหานด้วยความเย็นชา

“ผู้ฝ่าฝืนเจตนารมณ์ของเทพหมานรุ่นหนึ่ง…ความผิดครั้งแรกคือการเตือน!”

น้ำเสียงของเขายังคงเหมือนเดิม ไม่มีคลื่นอารมณ์แม้แต่น้อย กล่าวจบเทวรูปเทพค่อยๆ เลือนหายเหมือนกับหลอมละลายกับฟ้าดิน แสงสีทองจางหายไปพร้อมกับชั้นเมฆหนา

ฟ้าดินกลับมาสงบนิ่งดังเดิม ปรากฏการณ์เช่นนี้ทำให้ทุกคนเกิดความตื่นตะลึง มันเพียงพอจะทำให้ทุกคนเงียบขรึม แล้วมองลงไปยังเหวลึกใต้เมืองเขาหานด้วยแววตาซับซ้อน นี่เป็นครั้งแรกที่พวกเขาพบว่ามีคนกำลังทะลวงขั้นชำระล้าง แต่กลับเลือกปฏิเสธ

“เขาเป็นใคร เหตุใดถึงทำเช่นนี้…”

“จะต้องเป็นผู้แข็งแกร่งรวมโลหิตสมบูรณ์แน่ ทว่ากลับปฏิเสธขั้นชำระล้าง ยากจะคาดเดาจริงๆ”

“ฝ่าฝืนเจตนารมณ์ของเทพหมานรุ่นหนึ่ง ไม่เห็นเคยได้ยินมาก่อนเลย….”

แทบจะเป็นช่วงที่เทวรูปบนท้องฟ้ากับชั้นเมฆเลือนหาย สายรุ้งหลายต่อหลายสายพลันลากยาวจากในเมืองเขาหาน จากยอดเขาเหยียนฉือ ยอดเขาผู่เชียง และยอดเขาบูรพาสงบ ตรงดิ่งไปยังเหวลึก คนที่มาเหล่านั้นเป็นผู้แข็งแกร่งเมืองเขาหานและสามชนเผ่า พวกเขาอยากรู้ว่าคนที่ทำให้เกิดปรากฏการณ์เช่นนี้คือใครกันแน่!

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version