ตอนที่ 169 ท่านลุง ที่นี่
ในสายรุ้งยาวเหล่านั้นมีเหยียนหลวน จ้าวหมานบูรพาสงบ ผู้แข็งแกร่งขั้นชำระล้างห้าคนแห่งเมืองเขาหาน และยังมีคนอื่นๆ ในสามชนเผ่า หานชางจื่อ หายเฟยจื่อก็รวมอยู่ในนั้น เพียงแต่ว่าการค้นหาในครั้งนี้ไม่ต้องการผลตอบแทน
ถ้ำหุบเขาของซูหมิง เว้นแต่ตัวเขาจะออกไป มิเช่นนั้นภายในครึ่งชั้นของมิติระดับสี่ที่หานคงสร้างขึ้น แม้แต่อาจารย์ใหญ่โจวสำนักเหมันต์สวรรค์ก็ยังไม่พบ แล้วคนอื่นจะไปพบได้อย่างไร
คนเหล่านั้นออกตามหาติดต่อกันหลายวัน พวกเขาค่อยๆ ล้มเลิกไปทีละคนเพราะไม่พบเบาะแสใดๆ ในความคิดพวกเขา ผู้แข็งแกร่งรวมโลหิตสมบูรณ์ลึกลับคนนี้น่าจะจากไปแล้ว
ภายในหนึ่งเดือนหลังจากนั้น ฐานะของคนลึกลับขั้นรวมโลหิตสมบูรณ์ค่อยๆ กลายเป็นประเด็นร้อนในวงสนทนาของผู้คนในเมืองเขาหาน มีการคาดเดาต่างๆ นานา ทั้งยังมีคนคิดว่าเป็นเพียงเรื่องเหลวไหลเหมือนกับโม่ซูลึกลับคนนั้นซึ่งตอนนี้กลายเป็นที่จดจำของชาวเมืองเขาหาน
เมื่อค่อยๆ เป็นที่โจษจันมากขึ้น กระทั่งเพราะความลึกลับ ในด้านชื่อเสียงจึงยังมากกว่าผู้แข็งแกร่งขั้นชำระล้างห้าคนในเมืองเขาหาน กลายเป็นเหมือนท้องฟ้าโอบล้อมตะวัน
มีคนเคยสงสัยว่าโม่ซูกับผู้แข็งแกร่งรวมโลหิตสมบูรณณ์ลึกลับเป็นคนเดียวกันรึไม่
ทว่าก็ได้แค่คิด ส่วนผู้นำสามชนเผ่ากับผู้แข็งแกร่งชำระล้างห้าคนในเมืองเขาหานกลับไม่คิดเช่นนั้น ในกลุ่มพวกเขาเคยมีคนใกล้ชิดกับโม่ซูมาก่อน ฉะนั้นจึงมองข้ามเรื่องนี้ไป
จนกระทั่งสองเดือนหลังจากมหาเทวรูปปรากฏ แดนลับภูเขาหานไม่มีการเปลี่ยนแปลงใดๆ จึงเริ่มมีคนหาญกล้ามากขึ้นและกลับลงไปใหม่ ออกตามหาทรัพยากรสมุนไพรที่อาจยังไม่มีใครพบ เพียงแต่ว่าคนเหล่านั้นมีไม่มาก แต่ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม หลังจากเงียบสงบมาสองเดือน ใต้เหวลึกหมื่นจั้งภูเขาหานเริ่มมีเงาคนขยับไปมา
เฉียวต๋าคือหนึ่งในคนหาญกล้า แม้เขาแก่ชราทว่ากลับสนใจเรื่องตามหาสมบัติยิ่งนัก เขามาที่แดนลับภูเขาหานแห่งนี้นับครั้งไม่ถ้วน ตอนนี้จึงอาศัยจังหวะคนน้อยลงมาอีกครั้ง
ครั้งนี้เขาไม่ได้มาเพียงลำพัง ข้างกายเขามีเด็กหนุ่มคนหนึ่ง เด็กหนุ่มดูมึนงงเล็กน้อย แต่ก็ปฏิบัติตามคำสั่งของเฉียวต๋า ทั้งสองคนกำลังห้อเหยียดอยู่ในหุบเขา หยุดพักเป็นบางครั้ง ออกตามหาเรือนลับที่ยังไม่มีใครพบ
“ท่านลุง ที่นี่ไม่มีอะไรเลย”
“ท่านลุง ที่นี่ก็ไม่มีเหมือนกัน”
“ท่านลุง ที่นี่ก็ไม่มี” ทั้งสองคนออกค้นหาอยู่ในหุบเขาแห่งหนึ่ง เด็กหนุ่มท่าทางมึนงงกล่าว
“ท่านลุง ที่นี่…” ตรงปากหุบเขา ขณะเด็กหนุ่มกำลังกล่าว พบว่าเฉียวต๋าที่ไม่พบสมบัติอะไรเลยในช่วงเวลาหลายวันติดต่อกัน หันกลับมามองพร้อมกับตำหนิ
“ฮ่าๆๆ ข้ารู้ว่าเจ้าจะพูดอะไร หุบปาก!”
“ท่านลุง ที่นี่…” เด็กหนุ่มส่ายศีรษะ ทว่าเพิ่งกล่าวกลับถูกขัดอีกครั้ง
“ไม่ต้องพูดแล้ว…รู้อย่างนี้ไม่น่าพาเจ้ามาด้วยเลย หากทุกที่มีสมบัติพวกเราจะมาทำไมกัน? นี่เรียกว่าการผจญภัย การผจญภัยเจ้ารู้จักหรือไม่ เจ้ายังเด็กจงจำเอาไว้ สิ่งที่พวกเราค้นหามิใช่สมบัติ แต่คือความสนุกในการผจญภัย!” เฉียวต๋ากล่าวอย่างจริงจัง
เด็กหนุ่มเบิกตากว้าง สีหน้ามึนงง ทำให้เฉียวต๋าเหมือนคุยกับตัวเอง อดคลึงระหว่างคิ้วมิได้
“ท่าทางของเจ้ามันไม่ถูกต้อง ลุงบอกเจ้าแล้วไง การค้นหาสมบัติเป็นเรื่องน่าสนุก อย่าคิดถึงแต่เรื่องสมบัติ การผจญภัยต่างหากที่สำคัญกว่า เจ้าคิดว่าเหตุใดลุงถึงออกค้นห้าสมบัติ? ข้าจะบอกเจ้าให้ ก็เพื่อความสนุกในการค้นหา!” เฉียวต๋าตัดสินใจกล่าวเตือนสติรุ่นเยาว์ในเผ่าของตัวเอง
“เจ้าเข้าใจหรือไม่?”
“…ท่านลุง ที่นี่…” เด็กหนุ่มกะพริบตา ทว่าเพิ่งกล่าวเฉียวต๋าพลันหัวเราะแห้งๆ เขารู้ว่าอีกฝ่ายจะกล่าวอะไร ส่ายศีรษะไม่สนใจอีก ก่อนเดินหน้าต่อไป
“ท่านลุง ข้าเข้าใจแล้ว สิ่งที่พวกเราต้องการคือความสนุกในการผจญภัย” เห็นเฉียวต๋าไม่สนใจตน เด็กหนุ่มเหมือนจะเข้าใจ เขารีบวิ่งตามหลัง เขี่ยนิ้วพลางกล่าวเสียงเบา
“เมื่อครู่ข้าเพิ่งเห็นสมบัติ แต่ท่านลุงคงไม่สนใจ อืม ข้าเข้าใจแล้ว สิ่งที่เราต้องการคือความสนุกในการผจญภัย……” เด็กหนุ่มยังคงกล่าวเบาๆ
“ถูกต้อง ต่อให้เจ้าพบสมบัติ ข้าก็…อะไรนะ…เมื่อครู่เจ้าว่าอย่างไรนะ? สมบัติ เจ้าเห็นสมบัติรึ?” เฉียวต๋าลูบเครา ขณะเดินพยักหน้า ทว่าพลันชะงักฝีเท้า หันกลับมามอง เบิกตากว้าง
เด็กหนุ่มท่าทางมึนงง ชี้นิ้วไปทางหุบเขาที่เพิ่งเดินออกมา
“ตรงนั้น เมื่อครู่ข้าก็บอกท่านแล้ว ในนั้นมีจุดที่มีแสงอยู่”
เขาเพิ่งกล่าวจบ เฉียวต๋าพลันตรงเข้าไปในหุบเขาด้วยความเร็ว
เด็กหนุ่มเกาศีรษะมึนงงเล็กน้อย เห็นอยู่ว่าท่านลุงไม่สนใจสมบัติ แล้วเหตุใดถึงได้หยุดการผจญภัย ปัญหานี้เขาคิดว่ามันหยั่งลึกยิ่งนักและยากจะเข้าใจ ทว่าก็ตามไปติดๆ
ในช่วงที่เข้ามาในหุบเขา พบว่าเฉียวต๋ากำลังสำรวจไปรอบๆ
“อยู่ไหน จุดที่มีแสงอยู่ไหน?”
“ตรงนี้ เมื่อครู่ข้าเห็นว่ามีแสงอยู่” เด็กหนุ่มเดินไปหลายก้าว ก่อนชี้ไปยังจุดหนึ่งบนผนังหิน ในช่วงที่ชี้ นิ้วของเด็กหนุ่มกลับทะลวงเข้าไปในผนังหิน
ภาพดังกล่าว ทำให้เฉียวต๋ามีสีหน้าฮึกเหิมและปีติยินดี เขารีบมองไปรอบๆ หลังจากมั่นใจแล้วว่าไม่มีใครตามเด็กหนุ่มมา ก็สำรวจผนังหินครู่หนึ่ง ก่อนวางมือขวาด้านบนแล้วทะลวงเข้าไป
“ฮ่าๆ ในที่สุดข้าเฉียวต๋าก็หาถ้ำลับเจอ!” เฉียวต๋าคว้าเด็กหนุ่มท่าทางมึนงงทะลวงผ่านผนังหินเข้าไปด้านใน
“ว่านใบเมฆามากขนาดนี้เชียวรึ ตอนนี้ต้นหนึ่งขายได้หนึ่งร้อยเหรียญหิน รวยแล้ว รวยแล้ว!” เฉียวต๋าเข้ามา แววตาเป็นประกายวาว มองแหล่งเพาะปลูกสมุนไพรห่างไปไม่ไกลตรงหน้า ถูมือสองข้างดูตื่นเต้นยิ่งนัก
“ท่านลุง ที่นี่…” เด็กหนุ่มกล่าวอย่างเหม่อลอย
“รู้แล้วๆ ที่นี่มีสมุนไพร พวกมันเป็นสมบัติล้ำค่า” เฉียวต๋าสาวเท้าไวๆ มาถึงแหล่งเพาะปลูกสมุนไพรเหล่านั้น นั่งย่อตัวรีบหยิบมาทีละต้น ใบหน้าเต็มไปด้วยความยินดี
“ท่านลุง ที่นี่…” เด็กหนุ่มเสียงสั่นเล็กน้อย
“รู้แล้วน่า เจ้าคงอยากถามว่าเหตุใดลุงถึงไม่เสพสุขกับการผจญภัยต่อใช่หรือไม่ ลุงจะบอกเจ้าให้ การผจญภัยเป็นเรื่องสำคัญก็จริง ทว่าสมบัติสำคัญกว่า อืม จุดนี้เจ้าก็ต้องจำเอาไว้ด้วย!” เฉียวต๋ากำลังอารมณ์ดี กล่าวอธิบายพลางรีบเก็บสมุนไพรต่อ
“ท่านลุง ที่นี่…” เด็กหนุ่มเสียงสั่นมากขึ้นและยังแฝงไว้ด้วยความกลัว น่าเสียดายที่ยามนี้เฉียวต๋าสนใจเพียงสมุนไพรเท่านั้น
“แปดต้น สิบต้น สิบสามต้น…..รวยแล้ว ครั้งนี้รวยแล้วจริงๆ สิบสี่ต้น สิบห้าต้น…เฮ้ย เจ้าจะพูดอะไร มิใช่ว่าข้าสอนเจ้าไปแล้วรึ” เฉียวต๋าเลียริมฝีปาก รีบเก็บสมุนไพร
“เขาอยากบอกว่ามีคนอยู่ในนี้” น้ำเสียงเย็นชาพลันดังกังวานและกะทันหันยิ่งนัก ทำให้เฉียวต๋าที่กำลังเก็บสมุนไพรต้นที่สิบหกพลันหยุดชะงัก หันกลับไปมองด้วยสีหน้าตกตะลึง
พบว่าข้างกายเด็กหนุ่มมีคนยืนอยู่ บุคคลนี้สวมเสื้อคลุมดำ ใบหน้าหล่อเหลา ใต้ดวงตาสองข้างมีรอยแผลเป็นรางๆ กำลังมองเขาด้วยแววตาเย็นชา
“ท่านลุง เขาพูดถูก สิ่งที่ข้าอยากบอกคือมีคนอยู่ในนี้…” เด็กหนุ่มหายใจแรง สีหน้าตึงเครียด
เฉียวต๋าหัวใจเต้นระรัว ในใจเกิดความคิดชั่วร้าย ในความคิดเขาสมุนไพรเหล่านี้ล้ำค่ายิ่งนัก จะเสียไปมิได้ ทว่าเด็กหนุ่มอยู่ข้างกายของอีกฝ่าย นั่นทำให้เฉียวต๋าเกิดความลังเลใจ
ทันใดนั้นพบว่าชายหนุ่มที่กำลังมองเขา ความหนาวเยือกในแววตากลับเหมือนของจริง ทำให้เฉียวต๋าตัวสั่นเทาเหมือนอยู่ท่ามกลางน้ำแข็ง ตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้าขาวซีด
“ผู้…ผู้อาวุโส…ผู้อาวุโสไว้ชีวิตด้วย!” เฉียวต๋าตัวสั่น รีบคุกเข่าลงกับพื้นแล้ววิงวอนขอชีวิตไม่หยุด แม้เขาไม่ทราบถึงขั้นพลังของอีกฝ่าย ทว่าเพียงแค่สายตากลับทำให้เขาหนาวเยือก นี่มิใช่สิ่งที่ขั้นรวมโลหิตจะทำได้ โดยเฉพาะยามนี้เขาพบว่าต่อหน้าบุคคลดังกล่าว แม้แต่เส้นเลือดของตัวเองยังเรียกขึ้นมามิได้ นี่ยิ่งทำให้เขาหวาดกลัว
ชายหนุ่มคนนี้คือซูหมิง!
ภายในเวลาสองเดือน ซูหมิงค่อยๆ ยับยั้งเส้นเลือดลง ตอนนี้ออกฌานเลยอยากมาดูว่าแดนลับเป็นอย่างไรบ้าง เขาเดินออกมาจากมิติครึ่งระดับก็มาปรากฏตัวอยู่ในถ้ำแห่งนี้ ขณะกำลังออกไปกลับพบว่ามีชายชรากับเด็กหนุ่มบุกเข้ามา เดิมทีชายชรามองไม่เห็นเขา ตรงเข้าหาว่านใบเมฆาทันที มีแค่เด็กหนุ่มยืนเหม่อมองเขาอยู่
ซูหมิงมองชายชรา แววตาขบคิด
‘หลังจากหานคงตาย หรือว่าที่นี่จะเกิดการเปลี่ยนแปลงขึ้น ชายชราคนนี้มีขั้นพลังประมาณลำดับเจ็ดรวมโลหิตเท่านั้น แต่กลับกล้าพาเด็กหนุ่มเข้ามาในนี้…..’
เฉียวต๋าหัวใจเต้นแรง ดูตึงเครียดอย่างยิ่ง ภายใต้สายตาของซูหมิง มีเม็ดเหงื่อผุดตรงหน้าผากเขาจำนวนมาก
“เล่าเรื่องเมืองเขาหานที่เกิดขึ้นในช่วงเวลาหลายปีนี้มา หากข้าพอใจ สมุนไพรเหล่านี้จะเป็นของเจ้า” ซูหมิงกล่าวเรียบๆ
เฉียวต๋าไม่กล้าปาดเหงื่อตรงหน้าผาก และไม่กล้าเดาว่าอีกฝ่ายถามเช่นนี้เพื่ออะไร ได้ยินดังนั้นก็รีบกล่าวขานรับด้วยความนอบน้อม เล่าแทบทุกอย่างที่เขาทราบในเมืองเขาหานในช่วงเวลาหลายปีที่ผ่านมาให้ฟัง ช่วงที่เขากล่าวถึงว่าเมื่อหลายเดือนก่อนแดนลับแห่งนี้เปิดเสรี สีหน้าซูหมิงยังคงเรียบเฉย
“…ความลึกลับของโม่ซูก็เริ่มจากตรงนี้…และยังมีผู้แข็งแกร่งรวมโลหิตสมบูรณ์ที่ลึกลับยิ่งกว่าคนนั้น……” เฉียวต๋ากล่าวเสียงสั่น เล่าเรื่องของโม่ซูและผู้แข็งแกร่งรวมโลหิตสมบูรณ์ รวมถึงปรากฏการณ์บนท้องฟ้าทั้งหมดให้ฟัง ขณะกล่าวตัวเขาสั่นมากยิ่งขึ้น มองซูหมิงด้วยความสงสัย
ซูหมิงยืนอย่างสงบนิ่งชั่วครู่ เบนสายตาไปทางเด็กหนุ่มข้างกาย
“เจ้าชื่ออะไร?”
“ข้าชื่อเฉียวหง…” เด็กหนุ่มยังคงมีสีหน้ามึนงง
“สมุนไพรเหล่านี้ ข้าให้เจ้า” ซูหมิงกล่าวจบก็มองเด็กหนุ่มแวบหนึ่ง ก่อนหมุนตัวเดินหายออกไปด้านนอก
ถึงตอนนี้เฉียวต๋าเพิ่งกล้าปาดเหงื่อตรงหน้าผาก ท่าทางยังคงตื่นกลัวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ชี้ไปทางเด็กหนุ่มก่อนกล่าวตำหนิ
“เจ้าเด็กคนนี้ เหตุใดไม่เตือนข้าก่อนว่ามีคน!”
“ข้าพูดแล้ว…แต่ท่านไม่ให้ข้าพูด…” เด็กหนุ่มมีสีหน้าน้อยเนื้อต่ำใจ
“เจ้า……เจ้า……ข้าโกรธเจ้าจะตายอยู่แล้ว จำเอาไว้ หลังจากนี้จะพูดอะไรก็ต้องพูดให้จบ ไม่ว่าใครจะขัดเจ้าก็ตาม ก็ต้องเปล่งเสียงออกมา ห้ามหยุด!” เฉียวต๋าปาดเหงื่อตรงหน้าผากอีกครั้ง มองสมุนไพรเหล่านั้นบนพื้น สีหน้าดูยินดี
“รวยแล้ว ครั้งนี้รวยแล้วจริงๆ!”
“ตกลง ข้าจะจำเอาไว้ ท่านลุงวางใจได้เลย หลังจากนี้ไม่ว่าใครขัดคำพูดข้า ข้าจะพูดออกมาให้หมด จะพูดให้จบภายในลมหายใจเดียว…” เด็กหนุ่มกล่าวจบพลันหอบหายใจแรง