ตอนที่ 170 ซือหม่าซิ่น
เด็กหนุ่มเฉียวหงผู้นี้ดูไม่ธรรมดา
ซูหมิงเดินออกมาจากถ้ำที่ซ่อนอยู่ในผนังหินของหุบเขา หันกลับไปมองแวบหนึ่ง ตรงนี้ยากจะตรวจพบนัก ต่อให้เป็นเขา หากไม่สังเกตอย่างละเอียดก็คงมองไม่ออก
หากเขาไม่ใช้เคล็ดวิชาตราประทับ ใช้เพียงดวงตามอง ทุกอย่างจะเหมือนปกติ มีเพียงแสดงเคล็ดวิชาตราประทับเท่านั้นถึงจะมองเห็นแสงวูบวาบตรงผนังหิน
ซูหมิงละสายตากลับ เขาไม่สวมหน้ากากอีกต่อไป แต่ใช้เสื้อคลุมดำปิดส่วนศีรษะเอาไว้ ก่อนเดินออกจากหุบเขาอย่างช้าๆ ขณะเดินอยู่ในแดนลับ ระหว่างทางเขาเห็นผู้คนออกล่าสมบัติเหมือนกับเฉียวต๋า พวกเขามักกวาดสายตามองซูหมิง จากนั้นไม่สนใจอีก
ไม่มีใครรู้ว่าโม่ซูที่หายตัวไปเมื่อหลายเดือนก่อนจะเดินอยู่ในเหวลึกยามโพล้เพล้
และไม่มีใครรู้ว่า ผู้แข็งแกร่งลึกลับขั้นรวมโลหิตสมบูรณ์ที่ทำให้เกิดปรากฏการณ์ฟ้าดินเทวรูปชำระล้างปรากฏเมื่อสองเดือนก่อนกำลังเดินอยู่ในเหวลึกแห่งนี้
ยามโพล้เพล้ทุกอย่างเหมือนปกติ แสงไฟในเมืองเขาหานสว่างไสวยิ่งนัก ยิ่งใกล้วันคัดเลือกศิษย์สำนักเหมันต์สวรรค์ เมืองแห่งนี้ยิ่งครึกครื้น ยอดเขาของสามชนเผ่ารอบเมืองเขาหานเงียบสงัด แต่ละเผ่าปิดเขา ไม่ต้อนรับผู้มาเยือนทุกคน ต่อให้เป็นผู้แข็งแกร่งขั้นชำระล้างก็ต้องหยุดอยู่หน้าสามชนเผ่าขนาดกลางทั้งสาม
ดวงตะวันยามโพล้เพล้ มองไปแล้วเป็นผืนสีแดง ทว่าสีแดงของมันไม่เหมือนเพลิงแผดเผา เป็นเพียงไฟริบหรี่ แผ่นดินใหญ่ถูกยามโพล้เพล้ย้อมสี กำลังค่อยๆ มืดสลัว
ณ เผ่าบูรพาสงบ ในช่วงที่ยามโพล้เพล้กำลังจากไป
ดวงตะวันยังไม่ลาลับขอบฟ้า แขกผู้หนึ่งที่พวกเขารอมาแสนนานมาเยือน
ซูหมิงสวมหน้ากากอีกครั้ง ยืนอยู่ตรงตีนเขาเผ่าบูรพาสงบ ยามนี้สายลมพัดผ่าน พัดเสื้อคลุมดำของเขาจนเกิดเสียงพึ่บพั่บ เขายืนอยู่อย่างนั้น มองยอดเขาอย่างสงบนิ่ง
นี่เป็นครั้งที่สองแล้วที่เขายืนอยู่ตรงนี้ นอกจากระยะห่างเรื่องเวลาแล้ว เทียบกับเมื่อก่อนเขาเหมือนผลัดเปลี่ยนกระดูก ผิดกันราวฟ้าและดิน
ก่อนหน้านี้ ซูหมิงอยากแสดงให้เห็นว่าเขาคือขั้นชำระล้าง แต่ครั้งนี้ไม่จำเป็น เขายืนอยู่ตรงนั้นก็ไม่มีใครเมินเฉยเขา กลิ่นอายพลังขั้นรวมโลหิตกลับไม่นับว่าหยั่งลึกมากนัก มีเพียงผู้แข็งแกร่งขั้นชำระล้างเท่านั้นที่จะสัมผัสได้ถึงแรงกดดันของขั้นรวมโลหิตสมบูรณ์จากในตัวเขาอย่างชัดเจน
ซูหมิงเดินขึ้นบันไดยอดเขาอย่างสงบนิ่ง ในช่วงที่เหยียบเท้าลงแรงต้านมหาศาลพลันกดทับ นี่คือพลังคุ้มครองจากภูเขาหลังจากบูรพาสงบปิดเผ่า ห้ามคนนอกเข้ามา พลังดังกล่าวซูหมิงเคยสัมผัสมาแล้ว ยามนี้เจออีกครั้งกลับสร้างผลกระทบไม่เหมือนกับครั้งแรก
หากเขาต้องการ ก็สามารถเมินเฉยแรงต้านเหล่านี้ได้โดยสิ้นเชิง
“โม่ซู มาขอพบจ้าวเผ่าบูรพาสงบ” ซูหมิงกล่าวด้วยน้ำเสียงเรียบๆ มิได้จงใจเพิ่มพลังโลหิตเหมือนกับครั้งแรกให้น้ำเสียงดังกังวาน
ตอนนี้ เขาเพียงกล่าวอย่างสงบตามธรรมชาติ คำพูดดังกล่าวก็ก้องไปทั้งยอดเขาบูรพาสงบ
ถัดจากเสียงของซูหมิง ยอดเขาบูรพาสงบที่เงียบสงัดราวกับพลันตื่นจากการหลับใหล แรงต้านจากภูเขาหายไปในชั่วพริบตา ขณะเดียวกันมีสายรุ้งหลายสายลากยาวลงมาจากยอดเขา
อีกทั้งในยามนี้ ชาวเผ่าบูรพาสงบจำนวนมากรับคำบัญชา พากันลงมาจากยอดเขาอย่างรวดเร็ว ยืนเรียงกันเป็นแถวสองข้าง สีหน้าเคารพนบนอบ กลายเป็นเส้นทางต้อนรับแขกยาวที่คดเคี้ยว
ภายในสายรุ้งมีอยู่เจ็ดแปดคน ผู้นำหน้าสุดคือฟางเซินจ้าวเผ่าบูรพาสงบ คนที่ติดตามอยู่ด้านหลังส่วนใหญ่เป็นคนสนิทในเผ่า และยังมีอีกคนนั่นคือผู้นำนักรบเผ่าบูรพาสงบ
คนเหล่านี้มาปรากฏตัวอยู่ตรงหน้าซูหมิงอย่างรวดเร็ว
“ท่านโม่ แซ่ฟางรอท่านมาหลายเดือนแล้ว เชิญ!” ฟางเซินพิจารณาซูหมิงแวบหนึ่ง ไม่นานสีหน้าก็เกิดความยินดี หัวเราะเสียงดังพลางประสานมือคารวะซูหมิง สีหน้าเขาดูเหมือนเป็นปกติ แต่ในช่วงที่เขามองซูหมิงแวบแรกกลับจิตใจสั่นไหว
ในความรู้สึกเขา บุคคลตรงหน้ากับโม่ซูก่อนหน้านี้ต่างกันโดยสิ้นเชิง ตอนแรกเขายังมองเห็นเงื่อนงำอะไรบางอย่างในตัวอีกฝ่าย และเพราะเงื่อนงำเหล่านี้จึงทำให้เขาสงสัยและลองหยั่งเชิง
ทว่ายามนี้ซูหมิงกลับเหมือนเหวลึก มองเห็นไม่ชัด ไม่ทะลุปรุโปร่ง กระทั่งหากเขามองอย่างละเอียด พลังโลหิตในร่างกายดุจจะเสียการควบคุม จะไม่ให้เขาตื่นตะลึงได้อย่างไร
โดยเฉพาะข่าวลือเหล่านั้นเกี่ยวกับโม่ซู แม้กล่าวว่าในนั้นมีบางส่วนที่เผ่าบูรพาสงบตั้งใจเปิดเผยก็ตาม ทว่าที่เหลือส่วนใหญ่ก็ทำให้เผ่าบูรพาสงบเกิดความสนใจเช่นกัน
“สังหารเหยียนก่วง ต่อกรกับหานเฟยจื่อ หนานเทียนเคารพ ข่มขวัญเสวียนหลุน…นามของท่านโม่ตอนนี้สั่นสะเทือนไปทั้งภูเขาหาน! ท่านโม่ เชิญ พวกเราขึ้นไปคุยกันบนเขาเถอะ” ฟางเซินเผยรอยยิ้มกว้างขึ้น
นอกจากฟางเซินแล้ว คนที่ตื่นตะลึงยังมีผู้นำนักรบที่ตามมาด้วย ชายร่างกำยำตัวเตี้ยผู้นี้อยู่ขั้นชำระล้าง ในช่วงที่เขามองซูหมิง สีหน้าพลันเปลี่ยน แอบหยุดชะงักเล็กน้อย ทำเอาเขาดวงตาเบิกกว้างทันใด
ในความคิดเขา เขาสัมผัสไม่ได้ถึงเส้นเลือดในตัวซูหมิง นี่เป็นแค่เรื่องรอง จุดสำคัญที่สุดคือเขาสัมผัสได้ถึงแรงกดดันที่ไม่อาจบรรยายจากตัวซูหมิง ความรู้สึกนี้ไม่มีตอนพบซูหมิงครั้งแรก
“ท่านโม่มาเยือน ถือเป็นเรื่องใหญ่สำหรับบูรพาสงบ! เชิญ!” ผู้นำนักรบสูดลมหายใจเข้าลึก ท่าทางต่างจากตอนแรก อมยิ้มประสานมือคารวะซูหมิง
“ไม่ต้องขึ้นเขา” ซูหมิงประสานมือคารวะตอบฟางเซินกับผู้นำนักรบ พร้อมกล่าวเรียบๆ
“แซ่โม่มานี่ นอกจากเพื่อคืนฐานะแขกพิเศษแล้ว ยังมีอีกสามเรื่อง หวังว่าสหายฟางจะช่วยเหลืออย่างเต็มที่”
ฟางเซินได้ยินซูหมิงกล่าว สีหน้าก็พลันจริงจัง
“สหายโม่ยังไม่ต้องรีบคืนฐานะแขกพิเศษหรอก ท่านมีเรื่องอะไรเชิญกล่าวมาก่อน”
“ขอบคุณมาก!” ซูหมิงหยักหน้า เขาไม่กล่าวถึงอันตรายที่พบใต้ภูเขาหาน เพราะเขาเป็นคนร้องขอเข้าไปเอง ไม่เกี่ยวกับคนอื่น
“เรื่องแรก เกิดเรื่องในภูเขาหาน ทำให้แซ่โม่หากิ่งไม้เสียงสวรรค์ไม่พบ แต่คิดว่าสหายฟางน่าจะได้มาบ้าง มอบมันให้ข้า หลังจากเตรียมการเสร็จแล้วข้าจะรักษาอาการบาดเจ็บของฟางมู่ให้เร็วที่สุด”
ฟางเซินไม่ต้องขบคิด พยักหน้ารับทันที
“แซ่ฟางได้กิ่งไม้เสียงสวรรค์มาแล้ว เดิมทีก็เตรียมไว้เพื่อสหายโม่ เรื่องของบุตรชายข้าต้องรบกวนสหายโม่แล้ว ข้าจะบอกให้คนไปนำมาทันที เชิญสหายโม่พูดเรื่องที่สองต่อ” ขณะฟางเซินกล่าว เขาหันกลับไปมองชาวเผ่าข้างกายแวบหนึ่ง ชาวเผ่าคนนั้นขานรับด้วยความเคารพ ก่อนกลับขึ้นเขาไปอย่างรวดเร็ว
“เรื่องสอง แซ่โม่อยากดูแผนที่ดินแดนอรุณใต้ของเผ่าท่าน” ซูหมิงกล่าวเนิบนาบ
ฟางเซินเงียบ ไม่ตอบกลับในทันที แต่ขมวดคิ้วลังเลครู่หนึ่ง แล้วจึงมองซูหมิง
“สหายโม่ สำหรับทุกเผ่าแผนที่เป็นสิ่งสำคัญมาก แผนที่หนึ่งแผ่นจำเป็นต้องใช้เวลาและความอุตสาหะของชาวเผ่าหลายยุคหลายสมัยกว่าจะค่อยๆ ร่างออกมาได้ เรื่องนี้ข้าต้องปรึกษากับจ้าวหมานก่อน”
ซูหมิงไม่กล่าวสิ่งใด แต่มองฟางเซินอย่างสงบนิ่ง ดวงตาเขาไม่มีระลอกคลื่นอารมณ์ แม้ในแววตาไม่มีความหมายแฝงหยั่งลึกมากนัก ทว่าฟางเซินเป็นจ้าวเผ่าบูรพาสงบ จะไปดูหยาบกร้านเหมือนภายนอกได้อย่างไร
ตั้งแต่ซูหมิงรู้จักกับฟางมู่จนถึงตอนนี้ เขาได้ดำเนินแผนการมาทีละก้าว นอกจากเกิดความรู้สึกดีกับฟางมู่เล็กน้อยแล้ว เป้าหมายหลักคือเพื่อใกล้ชิดกับเผ่าบูรพาสงบและแทรกซึมเข้ามาในเมืองเขาหาน แต่ท้ายที่สุดแล้วแผนการทุกอย่างก็เพื่อแผนที่!
ซูหมิงมิใด้ใช้การรักษาฟางมู่มาเป็นการบังคับ เรื่องนี้ฟางเซินทราบดี และด้วยเหตุนี้บางเรื่องเขาจึงปฏิเสธมิได้
การคบหาคน มารยาทยังคงเป็นเรื่องสำคัญ ซูหมิงรักษาอาการบาดเจ็บของฟางมู่ ฟางเซินก็หาสมุนไพรมาให้ซูหมิง แม้จะบอกว่าเป็นการแลกเปลี่ยนก็ตาม ทว่าความจริงแล้วมันคือน้ำใจคน
ฟางเซินทราบว่าตอนนี้ตนเป็นหนี้น้ำใจอยู่ ขณะเดียวกันเขาก็ทราบว่าโม่ซูตรงหน้ากล้ากล่าวถึงความต้องการที่สองนี้ เห็นได้ชัดว่านอกจากบอกให้เขาตอบแทนน้ำใจแล้ว ยังเป็นการยืนยันว่าจะรักษาอาการบาดเจ็บของฟางมู่ได้อย่างแน่นอน
“ได้ แซ่ฟางไม่จะมากความ เรื่องแผนที่ ต่อให้จ้าวหมานไม่ยอม ข้าก็จะนำมาให้ท่าน!” ฟางเซินพลันกล่าว
“ขอบคุณมาก!” ซูหมิงประสานมือคารวะฟางเซิน ในช่วงเงยหน้าขึ้นก็กล่าวต่อเรียบๆ “เรื่องสาม ข้าอยากขอพบหานชางจื่อ”
“สองเรื่องแรกแซ่ฟางรับประกันได้ แต่เรื่องที่สามแซ่ฟางจะกำหนดเองไม่ได้ แต่ข้าจะไปบอกกับนางให้ ให้นางเป็นคนตัดสินใจเอง” ฟางเซินมองซูหมิงพลางกล่าวอย่างช้าๆ
“ได้” ซูหมิงภายใต้หน้ากาก คนอื่นมองไม่เห็นสีหน้าของเขา เห็นได้เพียงดวงตาสงบนิ่งตลอดเวลา เงียบสงบเหมือนผืนน้ำ
หลังจากซูหมิงส่งตราแขกพิเศษบูรพาสงบคืนฟางเซิน เขาก็พยักหน้าบอกเป็นนัยกับผู้นำนักรบข้างกาย ก่อนหมุนตัวเดินลงบันได แล้วนั่งขัดสมาธิรออย่างเงียบๆ
“เรื่องเวลาในการรักษาบุตรชายข้า และก็…ข้าจะไปพบท่านได้อย่างไร”
ฟางเซินลังเลครู่หนึ่งจึงถาม
“ภายในสามเดือน ส่วนจะพบข้าได้อย่างไร ต่อให้ท่านหาข้าไม่พบ แต่หานชางจื่อจะหาพบ” ซูหมิงกล่าวเสียงเบา
“อ้อ?” ฟางเซินแววตาเป็นประกาย ใบหน้าเผยรอยยิ้ม
ประสานมือคารวะซูหมิง “สหายโม่มีความมั่นใจเช่นนี้ แซ่ฟางก็ขอแสดงความยินดีล่วงหน้า” ขณะกล่าวเขาหมุนตัวกลับ แล้วทะยานขึ้นยอดเขาพร้อมกับผู้ติดตาม
ผู้นำนักรบมองซูหมิงแวบหนึ่ง เกิดความลังเลใจ หลังจากทุกคนกลับขึ้นไปแล้ว เขาเงียบงันไปชั่วครู่ ก่อนหมุนตัวเตรียมกลับขึ้นเขาเช่นกัน
“ท่านผู้นำนักรบมีเรื่องอันใด เชิญพูดให้กระจ่าง” ซูหมิงลืมตามองผู้นำนักรบ
“สหายโม่ ท่านรู้จักซือหม่าซิ่นหรือไม่?”
“ซือหม่าซิ่น เขาเป็นใคร?” ซูหมิงส่ายศีรษะ
ผู้นำนักรบถอนหายใจเบาๆ นัยน์ตาฉายแววผิดหวังเล็กน้อย
“เขากับสหายโม่…เหมือนกันมากในด้านความรู้สึก…หากภายหลังสหายโม่มีโอกาสพบเขา รบกวนฝากบอกเขาด้วยว่า เป้ยซีแห่งเผ่าบูรพาสงบถึงขั้นชำระล้างแล้ว ขอให้เขากลับมา ขอบคุณมาก” ผู้นำนักรบคำนับซูหมิงก่อนหมุนตัวจากไป เงาแผ่นหลังของเขาดูซึมเซาเล็กน้อย ค่อยๆ หายลับไปจากสายตาของซูหมิง
“ซือหม่าซิ่น…เหมือนข้ามากอย่างนั้นรึ?” ซูหมิงขมวดคิ้ว
เขารอไม่นานนัก บนยอดเขาเผ่าบูรพาสงบก็มีคนลงมา เป็นชายวัยกลางคนร่างกำยำ สีหน้าเขาดูนอบน้อม วางกล่องปักดิ้นงดงามสองใบตรงหน้าซูหมิง ก่อนโค้งคำนับแล้วจากไป
แววตาซูหมิงมีความเฝ้าปรารถนาซ่อนอยู่หยั่งลึก เขาก้มหน้ามองกล่องสองใบตรงหน้า เขาทราบว่าหนึ่งในนั้นมีแผนที่อยู่!