Skip to content

สู่วิถีอสุรา 171

ตอนที่ 171 อีกคำสัญญา

ซูหมิงหลับตา พยามทำใจให้สงบ เขาเปิดกล่องแรก มีกลิ่นหอมสมุนไพรเข้มข้นโชยกระทบใบหน้า ทว่าช่วงที่ได้กลิ่น เขาราวกับได้ยินเสียงบทเพลงไม่ทราบว่าบรรเลงอย่างไร

เสียงบทเพลงลอยวนรอบกาย ไพเราะงดงาม ทำให้ผู้ฟังอดนึกว่ามันคือบทเพลงสวรรค์มิได้…

ผ่านไปนาน ซูหมิงมองกล่องปักดิ้นใบนั้น ภายในมีสมุนไพรสามต้น ลักษณะของมันแปลกยิ่งนัก เหมือนกับกิ่งไม้ ทว่าด้านบนกลับมีรูเล็กๆ จำนวนหนึ่ง ส่วนเสียงบทเพลงไพเราะก็มิใช่ความรู้สึกหลอน แต่เป็นสายลมพัดผ่านรูบนสมุนไพรเหล่านั้นจนเกิดเสียง

“กิ่งไม้เสียงสวรรค์” ซูหมิงตบมือขวาลงบนพื้น กิ่งไม้เสียงสวรรค์สามต้นพร้อมกับกล่องพลันหายไปในมือของซูหมิง อยู่ในถุงเก็บวัตถุ

ซูหมิงมองกล่องใบที่สอง ลมหายใจกระชั้นถี่เล็กน้อย แม้ทราบอยู่แล้วว่าแผนที่ในกล่องนั้นอาจไม่สมบูรณ์ก็ตาม ทว่านั่นก็เป็นความหวัง

เขาวางมือบนกล่องอย่างช้าๆ ขณะกำลังเปิด

“หากท่านเปิด ก็ต้องรักษาฟางมู่ให้ได้” เสียงอ่อนนุ่มดังมาจากข้างซูหมิง ทั้งยังมีกลิ่นหอมเบาๆ

กลิ่นหอมนี้แม้กล่าวว่ามาทีหลังกลิ่นหอมสมุนไพรของกิ่งไม้เสียงสวรรค์ กลับมอบความรู้สึกที่ต่างกัน กลิ่นหอมสมุนไพรเหมือนเก่าแก่ ส่วนกลิ่นหอมนี้เหมือนความฝัน

ซูหมิงมีสีหน้าเรียบเฉย เขาสัมผัสการมาถึงของหานชางจื่อได้ก่อนหน้านี้แล้ว มิได้หยุดชะงักเพราะคำพูดของนาง เขาเปิดกล่องใบนั้น พบว่ามีหนังสัตว์วางพับอยู่หนึ่งผืน

ซูหมิงมองหนังสัตว์ผืนนั้นด้วยแววตาซับซ้อน เขาพลันเกิดความรู้สึกไม่กล้ามองเล็กน้อย เขากลัวว่าสิ่งที่เห็นกับสิ่งที่คิดจะต่างกัน เขากลัวว่าโลกใบนี้…ไม่มีภูเขาทมิฬ!

หานชางจื่อเดินมาอยู่หน้าซูหมิง นั่งขัดสมาธิลง มองชายสวมหน้ากากตรงหน้า นางเห็นความซับซ้อนในแววตาของซูหมิงที่เขามิได้ปิดซ่อนเอาไว้

ทั้งสองคนเงียบอยู่ชั่วครู่ ซูหมิงหยิบแผนที่ในกล่องขึ้นมากาง แล้วเพ่งสายตามอง

“ผิดหวังหรือ?” หานชางจื่อกล่าวเบาๆ น้ำเสียงนุ่มนวล ทำให้ผู้ฟังเกิดความรู้สึกอธิบายไม่ถูก คนอย่างเช่นนาง ภายนอกดูงดงามเบาะบางน่าหลงใหล ทว่าภายในกลับแข็งแกร่งกว่าบุรุษ

ซูหมิงมองแผนที่ตรงหน้า มันวาดเอาไว้อย่างละเอียด ไม่ใช่มีเพียงภูมิประเทศใกล้เคียงภูเขาหานเท่านั้น กระทั่งบริเวณรอบทิศยังมีวาดเอาไว้ จากในแผนที่จะเห็นได้ว่าแดนอรุณใต้กว้างใหญ่ยิ่งนัก

เพียงแต่ว่า แม้มันวาดอย่างละเอียด ทว่ากลับไม่ใช่สิ่งที่ซูหมิงต้องการ เขาหลับตาเงียบขรึม ความจริงแล้วเขาทราบดีว่าแผนที่อย่างที่เขาต้องการมิใช่สิ่งที่เผ่าขนาดกลางจะมอบให้ได้ แต่รู้ก็เป็นเรื่องหนึ่ง ความหวังก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง

“เล็กน้อย” ยามนี้จิตใจเขาเหมือนกับสายตาซับซ้อนเมื่อครู่ เขาหวังจะได้เห็นแผนที่อย่างที่เขาต้องการ ทว่าลึกๆ แล้วก็ไม่อยากเห็น ความซับซ้อนเช่นนี้มาจากความสับสนที่ซ่อนอยู่ในก้นบึ้งหัวใจเขา

“สิ่งนี้ท่านได้แค่ดูเท่านั้น ห้ามนำไป” หานชางจื่อมองแววตาซูหมิง เกิดความสงสาร นางกล่าวเสียงเบา

“ข้าทราบ” ซูหมิงลืมตา ไม่มองหานชางจื่อ แต่มองทอดไปไกล เขาไม่รู้ว่าท่าทางของเขาในยามนี้ ในสายตาของหานชางจื่อ นางเห็นความโดดเดี่ยว

“เจ้าเคยบอกว่า ตอนที่ข้านึกอะไรบางอย่างได้ ให้มาหาเจ้า” ซูหมิงกล่าวพึมพำ

“ใช่” หานชางจื่อกล่าวเบาๆ

จากนั้นก็เงียบอีกครั้ง ครั้งนี้ค่อนข้างนาน ท้องฟ้ามืดลงมีแสงจันทร์สาดส่อง รอบดวงจันทร์มีดาวโอบล้อมเปล่งประกายระยิบระยับ สายลมพัดผ่านผืนดิน เส้นผมดำของหานชางจื่อปลิวไสว ภายใต้แสงจันทร์ทำให้นางดูงดงามไปอีกแบบ

“เจ้าเห็นอะไร” ซูหมิงทำลายความเงียบ กล่าวเบาๆ

หานชางจื่อไม่กล่าว แต่กัดริมฝีปากมองซูหมิง แววตาเป็นประกายน่าหลงใหลมองซูหมิงอยู่นาน เหมือนกำลังตัดสินใจอย่างเด็ดขาด

“ท่าน…สัญญากับข้าได้หรือไม่…”

ในช่วงที่คำว่าสัญญาหลุดจากปากนาง จิตใจซูหมิงสั่นไหว ความสั่นไหวดังกล่าวไม่อาจควบคุมได้ด้วยความเย็นชาของเขา เป็นส่วนที่ซ่อนอยู่ลึกยิ่งกว่าในจิตใจ เพราะบางเรื่องและบางคำพูดไปกระตุ้นจนเกิดความเจ็บปวด

ยามนี้บาดแผลถูกกระตุ้นอีกครั้ง กลายเป็นความเจ็บปวดประดุจน้ำหลากอบอวลในร่างกายและจิตวิญญาณเขา แม้ดูเหมือนปกติ ทว่าทุกอย่างในใจ ผู้อื่นมองไม่เห็น

เพียงแต่หานชางจื่อไม่ทราบ ด้วยลางสังหรณ์ของเพศหญิง นางกลับพบว่าโม่ซูตรงหน้า นอกจากความรู้สึกโดดเดี่ยวแล้วยังมีความเจ็บปวดที่ไม่อาจอธิบาย

“ท่าน…” หานชางจื่อเหม่อลอย นางเป็นคนฉลาด แทบจะคาดเดาได้ทันทีว่า ในคำพูดของตนอาจมีบางคำพูดเป็นบ่อเกิดความเจ็บปวดของโม่ซู

‘สัญญาหรือ…’ หานชางจื่อไม่กล่าว

“สัญญา…” เกิดความเจ็บปวดในใจซูหมิง ตัวเขาสั่นเทา ความเศร้าโศกพรั่งพรูไม่อาจควบคุม คำนี้มีความหมายแฝงพิเศษกับเขา

เคยมีเด็กสาวคนหนึ่งยืนอยู่ท่ามกลางหิมะ อมยิ้มมองเขา

‘หากพวกเราเดินอย่างนี้ต่อไปเรื่อยๆ จะเดินไปจนถึงวันที่เส้นผมขาวเลยหรือไม่…’

เคยมีเด็กสาวคนหนึ่งกอดอยู่บนหลังเขา ทั้งสองคนหัวใจเต้นแรงพร้อมกัน ใบหน้าที่ซุกอยู่ตรงหลังเขาแดงอย่างขวยเขิน

‘ไปเดินเล่นกับข้าได้หรือไม่…’

เคยมีเด็กสาวคนหนึ่ง ยืนกัดริมฝีปากอยู่ตรงนั้น ดวงตางามเป็นประกายมีเสน่ห์ กำลังปัดหิมะบนเสื้อให้เขา

‘ซูหมิง สัญญานะ…ข้าจะรอเจ้า…’

นี่เป็นคำสัญญา ทว่าซูหมิง ไม่ได้ทำตามสัญญานั้น…

“ใกล้จะห้าปีแล้ว…บางที อาจไม่ใช่แค่ห้าปี…” ซูหมิงเจ็บปวดยิ่งกว่าเดิม เต็มไปด้วยความขมขื่น

ความเจ็บปวดบนโลกใบนี้มีมากมาย บางทีเขาอาจไม่ใช่คนที่เจ็บปวดมากที่สุด แต่หากความเจ็บปวดมากที่สุดคือความเป็นและความตาย คือเครื่องกั้นกาลเวลาไร้ที่สิ้นสุด เช่นนั้นความเจ็บปวดของซูหมิง ก็ไม่ทราบว่าคือความเป็นและความตายหรือเครื่องกั้นกาลเวลาหรือไม่ บาดแผลนี้ทวีคูณด้วยความสับสนจนไปถึงความเจ็บปวด

“ขอโทษ…” หานชางจื่อกัดริมฝีปากก่อนกล่าวเบาๆ นางไม่เข้าใจบาดแผลของซูหมิง ทว่ากลับสัมผัสได้ถึงความเศร้าของคนตรงหน้า

“สัญญาอะไร” ซูหมิงกล่าวด้วยเสียงแหบพร่า มองหานชางจื่อตรงหน้า มองเส้นผมดำปลิวไสวบดบังใบหน้าของนาง ระหว่างนั้น เขาเหมือนเห็นไป๋หลิง เวลาต่างกัน สถานที่ต่างกัน คนต่างกัน ทว่าคำพูดเหมือนกัน – สัญญา!

“ช่วยข้าสังหารซือหม่าซิ่น แล้วข้าจะบอกทุกอย่างที่ข้าเห็น!” หานชางจื่อกล่าวเสียงเบา ในช่วงที่พูดชื่อซือหม่าซิ่น นางพลันลมหายใจกระชั้นถี่ กำหมัดแน่น

“ซือหม่าซิ่นเป็นใคร?” ซูหมิงสังเกตเห็นท่าทางเล็กน้อยเหล่านี้

“คนที่มีพรสวรรค์สูงสุดในประวัติศาสตร์สำนักเหมันต์สวรรค์…เขาได้ยินเสียงคำรามวิญญาณของเทพหมานรุ่นสองในวันสร้างบรรพกาล ได้รับขนานนามว่าเป็นหนึ่งในคนที่มีโอกาสเป็นเทพหมานรุ่นสี่มากที่สุด! และเป็นศิษย์พี่ของข้า…และเป็นเขาที่ทำร้ายฟางมู่” หานชางจื่อก้มหน้า กล่าวเสียงเบา

ซูหมิงมองหานชางจื่ออย่างสงบนิ่ง ไม่กล่าวสิ่งใด

“ข้ารู้ว่าท่านสงสัยว่าด้วยขั้นพลังกับฐานะของซือหม่าซิ่น เหตุใดต้องทำร้ายฟางมู่…”

หานชางจื่อเงยหน้า แสงจันทร์กระทบใบหน้า แม้ไม่งดงามหยดย้อย ทว่ากลับทำให้จิตใจสั่นไหว เพียงแต่นั่นไม่นับรวมซูหมิง

“พูดต่อ” ซูหมิงเงยหน้ามองดวงจันทร์บนท้องฟ้า

“ท่านเคยได้ยินเรื่องยอดวิชาเมล็ดพันธุ์หมานไร้ใจหรือไม่ เคล็ดวิชานี้สร้างโดยเทพหมานรุ่นสอง และซือหม่าซิ่นก็ฝึกฝนเคล็ดวิชานี้ ตั้งแต่สร้างโดยเทพหมานรุ่นสอง เผ่าหมานรุ่นหลังๆ ล้วนไม่มีใครสามารถฝึกฝนมันได้อย่างสมบูรณ์แบบ นั่นคือไม่อาจฝึกฝนจนไร้หัวใจ และด้วยเหตุนี้จึงล้มเหลว

หากฝึกถึงขั้นสมบูรณ์ พลังจากเมล็ดพันธุ์หมานทั้งหมดจะส่งมอบให้เขา เทพหมานรุ่นสองเองก็ใช้เคล็ดวิชานี้ สร้างร่างแยกเทพหมานของตัวเองในต่างแดน

ซือหม่าซิ่นมีพรสวรรค์น่าตะลึงอย่างแท้จริง เดิมทีเขาเป็นคนโอบอ้อมอารี จึงเลือกใช้ทางอื่น ปลูกความรักลงในหัวใจ จากนั้นสลายเมล็ดพันธุ์หมาน แยกความรักออก เพราะไม่มีความรักเลยไม่มีหัวใจ!

ตอนฟางมู่เกิด จ้าวหมานเคยตรวจสอบคุณสมบัติของเขา จึงได้ทราบว่าเขาคือความหวังของเผ่าบูรพาสงบ….ตอนนั้นซือหม่าซิ่นเป็นทูตจากสำนักเหมันต์สวรรค์มารับศิษย์ที่เมืองเขาหาน…ฟางมู่ กลายเป็นเมล็ดพันธุ์หมานของเขา และข้าเป็นคนที่เขาปลูกความรัก” หานชางจื่อกล่าวอย่างสงบนิ่ง ราวกับเรื่องที่กล่าวไม่ใช่ของตัวเอง ทว่ายิ่งนางสงบนิ่ง ซูหมิงยิ่งสัมผัสได้ถึงความแค้นในใจนาง

“ฟางมู่ไม่ได้บาดเจ็บ เขาเป็นเมล็ดพันธุ์หมานของซือหม่าซิ่น หากท่านจะรักษาเขาให้หายจริงๆ ก็จำเป็นต้องล่วงเกินซือหม่าซิ่น”

ซูหมิงเงียบขรึมมองหานชางจื่อ เขาไม่เชื่อคำพูดทั้งหมดของนาง

“ฟางมู่เป็นความหวังของเผ่าบูรพาสงบ แล้วเหตุใดปล่อยให้เกิดเรื่องนี้ขึ้น เผ่าบูรพาสงบไม่ห้ามเลยหรือ”

“ห้ามได้หรือ? แม้แต่พี่ชายข้าเป็นจ้าวเผ่ายังไม่รู้เรื่องนี้ คิดว่าฟางมู่แค่บาดเจ็บ คนที่รู้เรื่องนี้ในเผ่าบูรพาสงบ นอกจากข้าแล้วก็มีจ้าวหมาน เขาไม่เข้าไปห้ามและต่อให้พี่ชายข้ารู้ความจริงก็ทำได้แค่เงียบ เมล็ดพันธุ์ของซือหม่าซิ่นมีเยอะมาก คนที่เป็นเมล็ดพันธุ์ของเขา เป็นตัวแทนพลังของเทพหมานรุ่นสี่ในอนาคต ในความคิดของคนส่วนใหญ่แล้วมันคือเกียรติยศ

กระทั่งข้ายังไม่รู้เลยว่าหากฟางมู่รู้ความจริงแล้ว เขาจะคิดว่านี่เป็นเกียรติยศหรือไม่…แต่ข้าไม่คิดเช่นนั้น!” หานชางจื่อเงยหน้า ดวงตางามมองซูหมิง

“ท่านเองก็คิดเหมือนกับข้าใช่หรือไม่?”

ซูหมิงไม่กล่าว

“ไม่ใช่แค่เรื่องเมล็ดพันธุ์หมานคือเกียรติยศ ยังมีเรื่องคนที่ถูกปลูกความรักเหมือนกับข้าอีก แทบทุกคนคิดว่านั่นคือเกียรติยศ ชาวเผ่าหมานไม่เหมือนกับยุคสมัยเทพหมานรุ่นหนึ่งแล้ว เทพหมานรุ่นสองนำพาเผ่าหมานให้ตกต่ำลง…เผ่าหมานกำลังป่วย ทุกคนกำลังหลับสนิท ทุกคนคิดว่าการสละชีพคือเกียรติยศ คิดว่าการเป็นทาสคือเกียรติยศ! หานเฟยจื่อก็หลีกหนีไม่พ้นโชคชะตานี้เหมือนกัน!” หานชางจื่อมีน้ำเสียงกระชั้น

ซูหมิงมองนาง คำพูดของสตรีตรงหน้าทำให้เขาคิดว่านางแปลกไปเล็กน้อย

“ข้าจะเชื่อเจ้าได้อย่างไร?” ผ่านไปนาน ซูหมิงกล่าวขึ้นช้าๆ

หานชางจื่อเงียบไปชั่วครู่ ใบหน้าแดง มองซูหมิงแวบหนึ่งพลันกัดฟันงาม

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version