Skip to content

สู่วิถีอสุรา 178

ตอนที่ 178 โซ่เขาหาน

“เป็นเผ่าผู่เชียง!”

“เขาไม่เลือกเหยียนฉือกับบูรพาสงบ แต่เลือกผู่เชียง!”

“เผ่าผู่เชียงลึกลับมาตลอด คนบุกโซ่เผ่านี้ก็มีไม่มาก เหตุใดเขาเลือกผู่เชียง? อีกทั้งบูรพาสงบกับเหยียนฉือยังแสดงท่าทีต้อนรับเขาชัดเจน มีแค่เผ่าผู่เชียงที่เย็นชา อีกทั้งก่อนหน้านี้ยังมีปัญหากัน!”

หลังจากซูหมิงก้าวเดิน ภายในเมืองเขาหานพลันเกิดเสียงดังฮือฮาทันใด แทบทุกคนสนทนากันเรื่องนี้ การกระทำของซูหมิงทำให้พวกเขาสับสนยิ่ง

ตามหลักแล้วไม่ว่าจะบุกโซ่ของเผ่าใดก็เหมือนกัน สำนักเหมันต์สวรรค์รับศิษย์ มิได้กำหนดเอาไว้ว่าต้องเป็นเผ่าใดเผ่าหนึ่ง

หากเทียบกับผู้นำนักรบบูรพาสงบมาด้วยตัวเอง และเผ่าเหยียนฉือส่งตรามาให้เป็นฝ่ายแรกแล้ว เห็นได้ชัดว่าถ้าเป็นคนอื่นคงไม่มีทางเลือกเผ่าผู่เชียงที่มีปัญหากันอย่างแน่นอน โดยเฉพาะยิ่งเมื่อไปทำลายหมอกคุ้มกันภูเขาของพวกเขา!

ไม่เพียงแต่ทุกคนสับสน แม้แต่ผู้แข็งแกร่งขั้นชำระล้างสี่คนอย่างพวกหนานเทียน หลังจากเห็นการกระทำของซูหมิงแล้วยังเกิดความฉงน หนานเทียนมองเงาซูหมิงบนยอดเขา คิดไม่ออกว่าเหตุใดอีกฝ่ายถึงเลือกเช่นนี้

มีเพียงเสวียนหลุนที่พลันหรี่ตาลง ก่อนหน้านี้เขาเป็นแขกพิเศษผู่เชียง เข้าใจชนเผ่าแห่งนี้ดี แม้กล่าวว่าตอนนี้มิใช่แขกพิเศษแล้ว ทว่าความสัมพันธ์ในช่วงเวลาหลายปียังคงอยู่ ยามนี้เห็นการเลือกของซูหมิง ไม่ทราบว่าเหตุใดหัวใจเขาถึงเต้นรัวแรง

‘เขาต้องมีเป้าหมายบางอย่าง!’ เสวียนหลุนหรี่ตาทั้งสองข้าง จ้องซูหมิงบนยอดเขา เงียบไม่กล่าวสิ่งใด

คนที่ฉงนสงสัยยังมีเผ่าเหยียนฉือและบูรพาสงบ พวกจ้าวหมานบูรพาสงบอยู่บนยอดเขา มองเมืองเขาหานอยู่ไกลๆ ช่วงที่เห็นซูหมิงเลือกโซ่ผู่เชียง ฟางเซินจ้าวเผ่าบูรพาสงบขมวดคิ้ว

“โม่ซูท่านนี้ นอกจากอยากได้คุณสมบัติเข้าสำนักเหมันต์สวรรค์แล้ว เหมือนว่ายังมีเป้าหมายอื่นอีก…” จ้าวหมานบูรพาสงบดวงตาเป็นประกายวาววับพร้อมกล่าวเรียบๆ

ณ ยอดเขาเผ่าเหยียนฉือ หญิงชราจ้าวหมานเดิมทีดูเหนื่อยล้า ยามนี้นัยน์ตาเป็นประกายเฉียบคม นางมองภูเขาหาน สีหน้าขบคิด

เหยียนหลวนข้างกายนางก็ขมวดคิ้วเช่นกัน

“สิ่งที่ผู่เชียงมอบให้ได้ เหยียนฉือเราก็มอบให้ได้เช่นกัน…ทว่าเขากลับเลือกผู่เชียง บุคคลนี้มีเป้าหมาย มีการเตรียมตัว ก่อนบุกโซ่เขาหานคงตัดสินใจเอาไว้แล้ว เป้าหมายของเขามิใช่ระฆังเขาหาน แต่เป็น…ผู่เชียง!” หญิงชรากล่าวด้วยเสียงแหบพร่า ดวงตาเป็นประกายมากขึ้น

“สิ่งที่พวกเราให้มิได้ มีแค่พลังความตายที่รวมจากเคล็ดวิชาหมานเฉพาะของ

ผู่เชียง……..” หญิงชราเงียบไปชั่วครู่ กล่าวพึมพำด้วยความลังเลใจเล็กน้อย

เทียบกับความฉงนสงสัยของบูรพาสงบและเหยียนฉือแล้ว ฝ่ายที่ตกตะลึงและสงสัยมากกว่าคือเผ่าผู่เชียง แทบจะเป็นช่วงที่ซูหมิงเลือกโซ่ยอดเขาผู่เชียง ชายชราเหมือนโครงกระดูกที่กำลังนั่งขัดสมาธิอยู่บนยอดเขา

นัยน์ตาเขาฉายแววประหลาดใจ ด้านหลังเขามีคนนั่งอยู่ราวเจ็ดแปดคน กระทั่งด้านล่างยังมีเงาคนกำลังวิ่งมาอย่างเร่งรีบ

“จ้าวหมาน…” ข้างชายชราเหมือนโครงกระดูก มีคนกล่าวเสียงเบาอย่างลังเล

“ช่วยไม่ได้ ข้าเองก็อยากรู้เหมือนกันว่าเขาจะทำสำเร็จหรือไม่” จ้าวหมานเผ่าผู่เชียงกล่าวอย่างสงบนิ่ง คลำตุ้มหูห่วงกระดูกบนมือขวา ดวงตาขยับประกายพลางจ้องเมืองเขาหานที่อยู่ไกลๆ

แทบจะเป็นช่วงที่ซูหมิงยกเท้าขวาเหยียบบนโซ่ผู่เชียงซึ่งขยับไหวท่ามกลางลมพายุฝน พลันมีเสียงระเบิดโครมครามดังกังวานฟ้าดิน กลบเสียงสนทนาของชาวเมืองเขาหานราวกับเสียงฟ้าร้องคำราม แผ่นดินสั่นสะเทือน มีเสายักษ์หนาสิบจั้งแปดต้นพุ่งขึ้นมาจากเหวลึกหมื่นจั้งบนผืนดินที่สั่นไหว

เสาหินยักษ์ทั้งแปดต้น ด้านบนมีรอยร้าวเล็กน้อย ทั้งยังมีพืชสีเขียวปกคลุมจำนวนมาก ในช่วงที่มันพุ่งขึ้นมาจากเหวลึก ทำให้โซ่เหล็กที่แกว่งไกวอยู่ถูกยันเอาไว้ แบ่งออกเป็นเก้าส่วน!

หลังจากนั้น มีหมอกฝุ่นลอยตลบมาจากเหวลึก ทว่าถูกพายุฝนกลบหายไปแทบจะในชั่วพริบตา สายฟ้าผ่าลงมาจากท้องนภา เหมือนกับมีเสียงคำรามทรงอานุภาพ

โซ่เหล็กเก้าส่วน ทุกส่วนห่างกันไกลโข แต่ละส่วนเชื่อมเข้าด้วยกัน กลายเป็นเส้นทางโซ่เหล็กประดุจสะพานเชื่อมระหว่างภูเขาหานกับภูเขาผู่เชียง!

สายฝนชะล้างยังคงตกต่อเนื่อง ทำให้โซ่เหล็กดูลื่นยิ่งนัก หากเป็นคนธรรมดา เกรงว่าคงไม่กล้าเหยียบแม้แต่ก้าวเดียว และต่อให้พวกเขากล้าเหยียบลงไปก็คงร่วงหล่นและตายตกอย่างแน่นอน

โดยเฉพาะโซ่เหล็กที่โคลงเคลงเช่นนี้ ไม่เพียงมอบความรู้สึกอันตรายต่อร่างกาย ที่สำคัญกว่าคือการโจมตีทางจิตใจ ยกตัวอย่างเช่นตรงหน้าเป็นเหวลึก ผู้คนย่อมเลือกออกห่างโดยจิตใต้สำนึก ต่อให้มีคนคอยผลักอยู่ด้านหลัง พวกเขาก็จะพยามถอยออกมา

การโจมตีทางจิตใจเช่นนี้ หากเป็นคนจิตใจเข้มแข็งแน่วแน่ก็ยากจะได้รับผลกระทบดังกล่าว

ซูหมิงเหยียบไปบนโซ่เหล็ก ทว่าโซ่เหล็กไม่หยุดแกว่งไกวเพราะเท้าของเขา แต่ยังคงแกว่งท่ามกลางสายลม ทำให้ขาขวาของเขาสั่นไหว

เขามีสีหน้าจริงจังยิ่งนัก เขาไม่เคยดูแคลนโซ่เขาหานมาก่อน ยามนี้เท้าเหยียบด้านบน ความรู้สึกเปียกลื่นเด่นชัดยิ่งนัก ทำให้ยากจะยืนได้อย่างมั่นคง

‘มิน่าตอนนั้นเหอเฟิงถึงได้เดินรวดเดียวหลายก้าว พอจะหยุดก็ต้องให้ตัวเองยืนอย่างมั่นคงก่อนถึงใจกล้า…’

คนที่จริงจังมิใช่แค่ซูหมิง ยามนี้ชาวเมืองเขาหานเบื้องล่างแทบทุกคนล้วนเป็นเช่นนี้ พวกเขามองเงาคนในม่านฝน มองโซ่เหล็กแกว่งไกวใต้ฝ่าเท้า อดรู้สึกตึงเครียดแทนมิได้

“คนที่เคาะระฆังได้ยี่สิบกว่าครั้ง เขา…จะเดินไปได้กี่ส่วน!”

“เขาเลือกวันผิดแล้ว โซ่เขาหานในวันฝนตก ระดับความยากจะเพิ่มมากขึ้นไม่น้อย”

“ปัญหาไม่ได้อยู่ที่เวลา ฤดูนี้ฝนตกติดต่อกัน ไม่ว่าวันไหนก็เป็นอย่างนี้”

เสียงสนทนามาพร้อมกับลมหายใจกระชั้นถี่ ยิ่งดังมากขึ้นเรื่อยๆ ทุกอย่างนี้ซูหมิงไม่ได้ยิน แทบจะเป็นช่วงที่ยืนเท้าขวาอย่างมั่นคงแล้ว เขาพลันยกเท้าซ้ายแล้วเดินไปหนึ่งก้าว

ก้าวนี้ดูสั้นมาก ทว่ามันกลับเป็นตัวแทนสองเท้าของซูหมิง ออกห่างจากผืนดิน ออกห่างจากภูเขาหาน ยามนี้พูดได้เต็มปากว่ายืนอยู่บนโซ่เขาหาน!

ลมหุบเขารุนแรงพัดผ่านตัวซูหมิงราวกับอยากผลักเขาให้ตกลงไป ชายเสื้อเขาสะบัดพึ่บพั่บ ยังผลให้โซ่เหล็กสั่นไหวมากขึ้น แกว่งไปมาไม่หยุด

ท่ามกลางลมพายุคลั่ง การหายใจเป็นเรื่องลำบาก ซูหมิงเงยหน้ามองเผ่าผู่เชียงที่ห่างไปไกลขณะยืนอยู่บนโซ่เขาหาน สายตาราวกับสั่นไหว

‘หากมีแค่นี้ก็คงไม่ยากเท่าไร’ ดวงตาซูหมิงเป็นประกาย ยืนตัวตรงก่อนก้าวเดินไปทีละก้าว ทุกฝีก้าวของเขาล้วนเหยียบบนโซ่เหล็กแกว่งไกวอย่างแม่นยำยิ่ง ไม่ว่าโซ่เหล็กจะแกว่งอย่างไร กลับเหมือนถูกส่งเข้ามาอยู่ใต้เท้าเขาด้วยตนเอง

เขาเดินอย่างมั่นคงยิ่งนัก ค่อยๆ เดินไปทีละก้าวจนผ่านโซ่เหล็กส่วนแรกไปได้มากกว่าครึ่ง เบื้องหน้าเขาอีกสองร้อยจั้ง เป็นเสาสูงสิบจั้งตรงปลายทางของโซ่ส่วนนี้

ชาวเมืองเขาหานทุกคนแทบไม่กะพริบตา จ้องเงาร่างซูหมิงกลางอากาศ มองเขาเดินผ่านโซ่ส่วนแรกไปมากกว่าครึ่งและกำลังเดินไปทางเสาต้นแรก

“แม้มองไม่เห็นสีหน้าของเขา ทว่าจังหวะก้าวมั่นคงยิ่งนัก สำหรับเขาในส่วนแรกคงไม่ยาก”

“ไม่ผิด ทว่าโซ่เก้าส่วนของเขาหาน ยิ่งไกลเท่าไหร่จะยิ่งพิลึกขึ้นเท่านั้น มิเช่นนั้นแล้วคงไม่มีชื่อเสียงเช่นนี้ ทั้งยังเป็นการทดสอบคุณสมบัติเข้าสำนักเหมันต์สวรรค์”

“ไม่รู้ว่าเขาจะเดินไปได้กี่ส่วนกันแน่…..”

เสียงสนทนาค่อยๆ เบาลง สายตาหลายคู่จับจ้องซูหมิงบนอากาศ นอกจากชาวเมืองเขาหานแล้ว ยังมีชาวเผ่าและผู้นำสามชนเผ่า ในวันฝนตกเพิ่งผ่านยามเช้าตรู่ การปรากฏตัวของซูหมิงทำให้วันนี้ต่างออกไป

โซ่เหล็กส่วนแรก ซูหมิงเดินผ่านไปได้อย่างสบายๆ ในช่วงที่เขายืนอยู่ตรงปลายโซ่ส่วนแรก ขณะกำลังจะก้าวไปบนเสาต้นแรก ตัวเขาพลันสั่นสะท้านจนเกิดความรู้สึกโคลงเคลงเหมือนจะตกลงไป ภาพเหตุการณ์ดังกล่าวทำให้ผู้คนด้านล่างต่างร้องออกมาด้วยความตกใจ

“นี่…นี่แค่ส่วนแรกเท่านั้น หรือว่าเขาจะทนไม่ไหวแล้วรึ?”

“ไม่มีทาง เขาเคาะระฆังได้ยี่สิบกว่าครั้ง จะไปพลาดท่ากับโซ่ส่วนแรกได้อย่างไร!”

“จะเป็นไปได้อย่างไร หรือว่า…”

เสียงร้องตกใจเกิดขึ้นไม่หยุดหย่อน พริบตาเดียวกลายเป็นเสียงดังเกรียวกราว

กระทั่งชาวเผ่าบูรพาสงบและเหยียนฉือ ยามเห็นเหตุการณ์ดังกล่าวพลันเกิดความสนใจทันที

“ต่ำทราม!” แววตาเหยียนหลวนเป็นประกาย ยิ้มเยาะกล่าว

หญิงชราข้างกายไม่กล่าวสิ่งใด แต่มองยอดเขาผู่เชียงแวบหนึ่ง

ณ ยอดเขาบูรพาสงบ จ้าวหมานมองยอดเขาผู่เชียงอย่างมีความหมายลึกซึ้งเช่นกัน เขาเผยรอยยิ้มบาง ไม่กล่าวอันใด ทว่าฟางเซินจ้าวเผ่าด้านหลังเขากลับมีแววตาเฉียบคม

“ผู่เชียงใจแคบเช่นนี้ตั้งแต่เมื่อไรกัน”

บนยอดเขาผู่เชียงมีคนนั่งขัดสมาธิอยู่ราวสิบกว่าคน มีจ้าวหมานนำหน้า แต่ละคนล้วนเงียบขรึม

“ขอคำอธิบาย” จ้าวหมานผู่เชียงกล่าวเรียบๆ

ซูหมิงพลันเงยหน้า ในช่วงที่เขาเหยียบเท้าลงเมื่อครู่ พลันมีระลอกคลื่นทรงพลังส่งมาจากโซ่เหล็ก ผ่านเท้าขวาแล่นเข้าสู่ร่างกายเขาโดยไร้สัญญาณ พลังดังกล่าวเต็มไปด้วยกลิ่นอายความตาย ดุจทำให้พลังโลหิตในร่างกายเขาแข็งตัว ทว่าเส้นเลือดของซูหมิงในยามนี้มากถึงเก้าร้อยเจ็ดสิบเก้าเส้น ต่อให้เป็นผู้แข็งแกร่งขั้นชำระล้างธรรมดา ก็ไม่มีทางแช่แข็งพลังโลหิตของเขาได้!

เขาแค่นเสียงหึอย่างเย็นชา ไม่เพียงไม่ชักเท้าขวากลับ แต่กลับก้าวเท้าซ้ายต่อไปบนโซ่เหล็ก ขณะเดียวกัน พลังโลหิตจากเส้นเลือดเก้าร้อยเจ็ดสิบเก้าเส้นในร่างกายเขาพลันแผ่กระจายไปตามเท้าทั้งสองข้าง หลอมรวมบนโซ่เหล็ก ก่อนปะทะกับลูกคลื่นที่อยู่ห่างจากตรงหน้าเขาหลายสิบจั้ง

พลังสองชนิดปะทะกันตรงกลางเสาหินต้นแรก เสาหินสั่นสะเทือน เศษหินจำนวนมากร่วงหล่น ทว่ายังคงตั้งตระหง่านไม่ล้มลง

ก่อนหน้านี้ซูหมิงมีความรู้สึกว่าในเสาหินต้นนี้มีพลังแข็งแกร่งอย่างน่าประหลาด พลังนี้ทำให้เขาเกิดความรู้สึกคุ้นเคยเล็กน้อย เป็นกลิ่นอายพลังของบรรพบุรุษเขาหาน

แม้ว่ากลิ่นอายพลังจะอ่อนยิ่งนัก แม้ว่าบรรพบุรุษเขาหานสิ้นลงแล้ว ทว่ากลิ่นอายพลังในเสาหินต้นนี้ยังคงอยู่

สองพลังปะทะเข้าใส่กัน กลายเป็นเสียงระเบิดที่ถูกเสียงฟ้าร้องกลบไป ทำให้ผู้คนไม่ค่อยได้ยินสักเท่าไร

ขณะเดียวกันบนยอดเขาผู่เชียง ในกลุ่มคนสิบกว่าคนที่นั่งขัดสมาธิ มีชายวัยกลางคนผู้หนึ่งตัวสั่นเทา โลหิตไหลมาจากมุมปาก ก่อนมองจ้าวหมานผู่เชียง

“เขาแตะสมบัติของท่านซือหม่า แม้ท่านซือหม่าไม่แยแส ทว่าความผิดของเขาต้องถูกลงโทษ!”

“ไม่รู้จักประมาณตน…..” จ้าวหมานผู่เชียงกล่าวอย่างสงบนิ่ง

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version