ตอนที่ 201 ลวดลายหมาน
“ลายหมานของข้า…” ภายในถ้ำภูเขาลึก ซูหมิงกำลังหลับตากล่าวพึมพำเบาๆ พลังโลหิตในร่างกายโคจรอย่างช้าๆ อบอวลไปทั่วทั้งตัว
ผิวหนังใต้เสื้อผ้าของเขาเป็นสีแดงหนึ่งชั้น มันมิใช่สีแดงสดแต่ค่อนข้างมัวหมอง เหมือนกับหมอกจางอัดแน่นบริเวณหน้าอก แผ่นหลัง แขนขาทั้งสี่ รวมถึงบนใบหน้าของเขา
สีแดงที่ปกคลุมร่างกายเหล่านี้ดูไม่เสถียรอย่างยิ่ง บ้างพลันขยับแสงวูบวาบ บ้างมัวหมองอีกครั้ง ราวกับเป็นตัวแทนสภาพจิตใจของซูหมิง เป็นความกระวนกระวายท่ามกลางความสงบ
ช่วงที่เขาสงบนิ่งลงโดยสมบูรณ์ ก็เป็นช่วงเวลาที่เขาต้องวาดลายหมาน
ซูหมิงไม่รู้ถึงการเปลี่ยนแปลงของร่างกาย ขณะตกอยู่ในภวังค์ ตรงหน้าปรากฏภาพมายาเลือนราง มันดูพิลึกยิ่งนัก เป็นทะเลสาบไม่มีระลอกคลื่นที่ถูกหมอกปกคลุมแห่งหนึ่ง จึงมองเห็นไม่ค่อยชัดนัก
เห็นเพียงว่าในทะเลสาบมีเงาสะท้อนของจันทร์เต็มดวง เปล่งแสงที่หลอมรวมกันออกมา ทำให้แยกไม่ออกว่านั่นคือแสงจันทร์หรือว่าสีของน้ำกันแน่
ซูหมิงมองดวงจันทร์ในทะเลสาบ คล้ายมีเสียงพึมพำร้องเรียกดังแว่วข้างหูเขา
เสียงนั้นเบาบางยิ่งนักจนได้ยินไม่ชัด ทว่าก็เกิดความรู้สึกอยากจะฟังให้ชัดเจน เพียงแต่ทุกอย่างกลับว่างเปล่า
“นี่…คือที่ไหน….” ซูหมิงมองดวงจันทร์ในทะเลสาบ เขารู้สึกว่าตนยังมีสติครบถ้วน กระทั่งเคยคิดว่าลายหมานของเขาอาจเกี่ยวข้องกับจันทร์แห่งหมานเพลิง
“ที่นี่คือจิตใจของเจ้า…” เสียงเรียกพึมพำนั้นราวกับตอบคำถามของเขา น้ำเสียงล่องลอยชวนให้รู้สึกเหมือนอยู่ข้างหู บ้างก็เหมือนดังแว่วจากไกลๆ
“เจ้าเป็นใคร? เป็นเจ้าที่พาข้ามาที่นี่รึ?” ซูหมิงสงบอารมณ์ กวาดสายตามองไปรอบๆ
“เป็นจิตใจของเจ้าที่พามา….รับลายหมานของเจ้าไป เอาดวงจันทร์จากที่นี่ไป จากนั้น….เจ้าจะเป็นหมานเพลิงที่แข็งแกร่งที่สุดในโลก….”
“หมานเพลิงคือดวงจันทร์อย่างนั้นหรือ…” ซูหมิงพึมพำเบาๆ ตั้งแต่วัยเยาว์จนเติบใหญ่ ท่านปู่เคยเล่าให้ฟังเกี่ยวกับผู้แข็งแกร่งขั้นชำระล้าง และเขาเองก็เคยเห็นนักรบขั้นชำระล้างด้วยตาตัวเองมาบ้าง ทราบเพียงว่าเมื่อข้ามผ่านต้องวาดลวดลายหมานที่จะเป็นของตัวเองไปชั่วนิรันดร์
สำหรับชาวเผ่าหมานคนหนึ่งแล้ว ลวดลายนี้มีความหมายอย่างมาก เกี่ยวพันไปชั่วชีวิต
มันเป็นตัวแทนการแสวงหาและตัวตนที่อยู่ภายนอก ลายหมานเป็นสิ่งที่ผู้อื่นมองเห็น ชั่วชีวิตจะมีโอกาสเพียงครั้งเดียวที่จะมีลายหมานเพียงหนึ่งเดียว
ซูหมิงได้ยินเสียงพึมพำข้างหู มองทะเลสาบภายในหมอก เวลานี้หมอกรอบตัวคล้ายเบาบางลงไม่น้อย ทำให้เขามองเห็นเงาสะท้อนจันทร์เต็มดวงบนผิวน้ำ
เขามองดวงจันทร์ เสียงเรียกเด่นชัดมากขึ้น มันมาจากดวงจันทร์บนผิวน้ำ เสมือนรอซูหมิงมานานแสนนาน รอให้เขามาที่นี่เพื่อนำมันกลับไปมาโดยตลอด
“นำดวงจันทร์กลับไป…นำพาเจตนารมณ์ของเพลิง ความแข็งแกร่งของหมาน ใช้เพลิงแผดเผาสวรรค์สั่นสะท้านฟ้าดิน รวมขึ้นเป็นกายหมานแห่งเพลิง!” เสียงพึมพำราวกับร้อนใจ ในช่วงที่ดังกึกก้อง ทะเลสาบสงบนิ่งพลันลุกไหม้แผดเผาด้วยเปลวเพลิง กลายเป็นทะเลเพลิงในชั่วพริบตา
ภายในทะเลเพลิง หมอกทั้งหมดหายไป ขณะโดยรอบบิดเบี้ยว มีเพียงดวงจันทร์ในทะเลเพลิงเท่านั้นที่ยังคงเปล่งแสงนุ่มนวล เพียงแต่เมื่อแสงของมันกระทบนัยน์ตาของซูหมิงกลับมีเหตุน่าอัศจรรย์
มันกำลังเปลี่ยนสีอย่างช้าๆ
“ลายหมานข้าคือดวงจันทร์อย่างนั้นหรือ….” ซูหมิงรู้สึกว่าจิตสำนึกของเขาอยากเดินไปด้านหน้า อยากไปสัมผัสกับดวงจันทร์ท่ามกลางทะเลเพลิงที่กำลังร้องเรียกเขา
ทะเลเพลิงตรงหน้าเขาพากันกระจัดกระจายพร้อมกัน เผยเป็นเส้นทางสายหนึ่ง ท่ามกลางเสียงที่ราวกับคารวะมาทางตน
สีดวงจันทร์ยามนี้แดงถึงขีดสุด ขณะที่ซูหมิงรู้สึกว่าเขากำลังจะสัมผัสกับดวงจันทร์ ทันใดนั้นภาพตรงหน้าเขาขมุกขมัว โลกเลือนรางผืนนี้พลันเปลี่ยน
สิ่งที่อยู่ในแววตาของเขาคือท้องฟ้าสีแดงเพลิง ทั่วท้องฟ้ากำลังถูกทะเลเพลิงแผดเผา ข้างใต้ไฟลุกโหม แผ่นดินใหญ่แตกระแหง ด้านบนมีโครงกระดูกถูกแผดเผาจำนวนมาก และกลายเป็นขี้เถ้าลอยหายไปท่ามกลางเสียงร้องโหยหวน
กลางท้องฟ้าสีแดงเพลิงมีคนลอยอยู่คนหนึ่ง เขาสวมเสื้อคลุมแดง แม้แต่เส้นผมยังเป็นสีแดงยาวถึงเอว มือไพล่หลังมองท้องฟ้า ตัวเขาราวกับหลอมรวมกับทะเลเพลิงโดยรอบ สิ่งที่เขามองอยู่ ซูหมิงเห็น…
เขาเห็นตรงปลายขอบฟ้าบิดเบี้ยวขมุกขมัว ภายในคล้ายมีหม้อสามขาใบใหญ่ หม้อใบนี้เปล่งแสงสีเหลืองอร่าม เหมือนกับทะลวงผ่านกาลเวลามาจากยุคบรรพกาล
“ไสหัวไป!” น้ำเสียงเย็นชาพลันดังมาจากคนเสื้อคลุมแดงกลางทะเลเพลิง เขายกมือขวาสะบัดไปบนท้องฟ้า เกิดเสียงระเบิดดังขึ้น ท้องฟ้าบิดเบี้ยวขมุกขมัวแตกกระจายราวเศษกระจกทันใด ภายในมีเสียงดังแกรกๆ หม้อใหญ่ใบนั้นพลันแตกเป็นเสี่ยงๆ เหมือนบาดเจ็บสาหัส
“มา มารับจันทร์โลหิตและเป็นชาวเผ่าหมานเพลิง สืบทอดลวดลายดวงจันทร์…..” ชายเสื้อคลุมแดงกล่าวด้วยเสียงแหบพร่า เขาค่อยๆ หมุนตัวกลับมามองซูหมิง
วินาทีที่ซูหมิงเห็นบุคคลนี้ก็พลันตกตะลึง ลักษณะหน้าตาของอีกฝ่ายเหมือนกับเขาทุกระเบียดนิ้ว กระทั่งรอยแผลเป็นบนใบหน้ายังมีเหมือนกัน
ดวงตาเขาหยั่งลึก ขณะกล่าวก็ยื่นมือออกมาราวกับเรียกหาซูหมิง
ซูหมิงสูดลมหายใจเข้าลึก มองตัวเองอีกคนตรงหน้าอย่างเหม่อลอย เขาพอเดาได้ว่านี่มิน่าใช่ร่างแยกหรือภาพมายาอะไร แต่เป็นสัญลักษณ์ของลายหมาน เมื่อรับลายดวงจันทร์แล้วก็หมายความว่าในภาคหน้าเขาอาจมีลักษณะเป็นอย่างที่เห็น
ซูหมิงเงียบไปชั่วครู่ นัยน์ตาฉายแววเด็ดขาด
“ดวงจันทร์เป็นสัญลักษณ์ของหมานเพลิง….แต่ข้ามิใช่ชาวเผ่าหมานเพลิง ลายดวงจันทร์นี้ต่อให้ข้าต้องการก็เป็นได้แค่อันดับรอง…ตอนนี้ลายหมานยังไม่เสถียร ข้าไม่ต้องการลายนี้!” ซูหมิงกล่าวจบ ฟ้าดินสีแดงเพลิงตรงหน้าพลันแตกกระจาย ชายเสื้อคลุมแดงสลายเป็นหมอกหายไป จากนั้นกลับมาเป็นทะเลสาบตรงหน้าซูหมิงอีกครั้ง เกิดเสียงโครมครามดังสนั่น พริบตาเดียวราวกับฟ้าดินถล่ม ทะเลสาบตรงหน้าเขาพลันเลือนหาย รวมถึงดวงจันทร์ก็หายไปในชั่วพริบตาด้วย
ขณะเดียวกัน ชายชราที่นั่งขัดสมาธิบนท้องฟ้ากล่าวด้วยความตกใจ
“ไม่อยากเชื่อว่าจะละทิ้ง!” ชายชรามีสีหน้าเคร่งขรึมยามมองแผ่นดินใหญ่ เขาใช้เคล็ดวิชาพันบรรพกาลสร้างหนึ่งมองเห็นลายหมานของซูหมิงว่ามีลักษณะอย่างไร จนรู้สึกได้ว่ามันคือดวงจันทร์
‘ลายหมานแบ่งเป็นฟ้า ดิน โลกสามชนิด แต่ละชนิดจะมีการเปลี่ยนแปลงเก้าระดับ ไม่ว่าลายหมานชนิดใดบรรลุถึงระดับเก้า จะทำให้ขั้นชำระล้างมีความพร้อมในการทะลวงสู่ขั้นเซ่นไหว้กระดูก…ดวงตะวัน ดวงจันทร์ และดาราเป็นลายฟ้า….เขาสัมผัสได้ถึงลวดลายฟ้านั่นก็ถือว่าไม่ธรรมดาแล้ว…ทว่าเขากลับละทิ้งมัน!’
ชายชรามองผืนแผ่นดิน พลันสะบัดมือขวาไปด้านหน้า ทะเลโลหิตเดือดด้านหลังเขาสาดซัด ถาโถมราวกับคลื่นยักษ์แผดเสียงคำราม
‘นักรบชำระล้างทุกคนมีลายหมานต่างกัน ทว่าส่วนใหญ่จะมีแค่ทางเลือกเดียว ใช่ว่าอยากจะละทิ้งก็ละทิ้งได้ เมื่อความหมายของลายหมานปรากฏก็จะรวมกันอยู่ในตัว….หืม?” ชายชราพลันชะงัก
ขณะที่เขากล่าว ซูหมิงภายในถ้ำภูเขาลึกเบื้องล่างกำลังนั่งฌาน ทั้งตัวเขาปกคลุมด้วยหมอกโลหิตอ่อนๆ บนผิวหนังเขาค่อยๆ ปรากฏลักษณะดวงจันทร์เต็มดวงตรงหน้าอก แม้บอกว่าเลือนรางทว่าก็ยังเห็นเป็นเค้าโครงชัดเจน
ขณะเดียวกันความร้อนแผดเผาอบอวลทั้งถ้ำ กระทั่งแผ่กระจายโอบล้อมทั้งในและนอกภูเขา
ทว่ายามที่เค้าโครงดวงจันทร์กำลังก่อรูปสมบูรณ์ ซูหมิงตัวสั่นเทา จากการสั่นของเขา เค้าโครงดวงจันทร์ตรงหน้าอกกลายเป็นหมอกอย่างรวดเร็ว ผ่านไปครู่หนึ่งมันก็ราวกับหมุนทวนเข็ม สลายกลับมาเป็นหมอกไม่เสถียรรอบตัวเขาอีกครั้ง
ความร้อนแผดเผาในถ้ำดุจมีคนใช้มือใหญ่ไล่ให้กระจายหายไปในชั่วพริบตา แม้แต่ความร้อนที่แผ่กระจายออกไปนอกถ้ำยังหายไปประหนึ่งกองเพลิงมอดดับ
‘ไม่อยากเชื่อว่าเขาจะละทิ้งจริงๆ !? เหตุใดทำเช่นนี้ ก่อเรื่องแท้ๆ !’ ชายชราบนท้องฟ้ามีสีหน้าประหลาดใจทว่ากลับขมวดคิ้วแล้วขยับตัววูบไหว ขณะกำลังจะเผยตัวเพื่อหยุดสิ่งที่ตนคิดว่าเป็นเรื่องวุ่นวายนี้โดยไม่นึกเสียดาย เขากลับหยุดชะงัก
เกล็ดหิมะสีขาวปลิวผ่านหน้าเขา มันทำให้ชายชราสีหน้าเปลี่ยน กระทั่งลมหายใจยังกระชั้นถี่
‘หิมะ….แดนอรุณใต้โดยเฉพาะในแถบภูเขาหานไม่มีหิมะ….’ ชายชราสูดลมหายใจเข้าลึก พลันเงยหน้า เขามองเห็นหิมะโปรยปรายบนท้องฟ้า ความร้อนโดยรอบกลายเป็นไอหนาวเยือกในชั่วพริบตา
‘หรือว่า…’ ชายชราค่อยๆ ก้มหน้าลงมองภูเขาลึก สีหน้าเป็นประกายเด่นชัดยิ่ง
‘หรือว่าเขา…จะสัมผัสลายหมานที่สองได้!’
ภายในถ้ำภูเขาลึกที่ซูหมิงปิดด่านฝึกพลัง ในช่วงที่ไอความร้อนก่อนหน้านี้หายไป มีน้ำแข็งค้างเกาะบนตัวเขา พริบตาเดียวมันแผ่ขยายไปทั้งตัว ทำให้เขาเหมือนถูกปกคลุมด้วยหิมะ แม้แต่ตรงระหว่างคิ้วและเส้นผมยังกลายเป็นสีขาว
หิมะสีขาวแผ่ไอหนาวตรงข้ามกับความร้อนก่อนหน้านี้ ขณะไอหนาวแผ่กระจาย ภายในถ้ำเกิดความหนาวเยือก ไม่นานบนผนังหินโดยรอบก็มีน้ำค้างรวมตัวก่อนกลายเป็นน้ำแข็ง
เสียงกึกๆ ดังสะท้อน ผ่านไปครู่หนึ่ง ภายในถ้ำเหมือนกับกลายเป็นโลกน้ำแข็ง บนพื้นก็เป็นชั้นน้ำแข็งเช่นกัน ทั้งในและนอกภูเขาลึกล้วนเป็นเช่นนี้ ต้นไม้ใบหญ้าบนภูเขาราวกับกลายเป็นประติมากรรมน้ำแข็งในชั่วพริบตา ภูเขาทั้งลูกเหมือนกลายเป็นภูเขาน้ำแข็งไปแล้ว
บนท้องฟ้าโลกภายนอก เวลานี้ไอหนาวแผ่กระจายมาตามแผ่นดิน ระหว่างฟ้าดินค่อยๆ มีเกล็ดหิมะโปรยปราย เกิดเป็นปรากฏการณ์พิลึกที่หาได้ยากในแดนอรุณใต้
เกล็ดหิมะโปรยปรายทว่ากลับไม่ปกคลุมแผ่นดินใหญ่ เพียงแต่รวมตัวกันอยู่ตรงภูเขานอกถ้ำของซูหมิง ค่อยๆ กลายเป็นหิมะหนา
ท่ามกลางหิมะเหมือนเห็นภาพเลือนราง ภายในนั้นราวกับมีเงาร่างชายหญิงสองคนกำลังจูงมือกันเดินอยู่บนพื้นหิมะ เดินต่อไป…..เดินต่อไป…
เหมือนอยากจะเดินไปจนถึงวันที่เส้นผมขาวพร้อมกัน