Skip to content

สู่วิถีอสุรา 212

ตอนที่ 212 ท่านแม่ทัพเทพ

หญิงสาวจากสำนักเหมันต์สวรรค์สีหน้าเปลี่ยน

หลังจากนางมาถึงเมืองเขาหานก็เคยได้ยินชื่อของโม่ซู ทราบว่าในเมืองเขาหานมีนักรบขั้นชำระล้างหกคน ในหกคนนี้นอกจากเสวียนหลุนที่ตายตกกับอวิ๋นจั้งที่ได้ข่าวว่าออกไปปิดด่านฝึกพลังแล้ว นางเคยพบหนานเทียน เหลิ่งอิ้น และเคอจิ่วซือ ทั้งสามคนไม่อยู่ในสายตาของนางแม้แต่น้อย ส่วนเสวียนหลุนที่ตายไปก็ยิ่งไม่ต้องกล่าวถึง

ตอนแรกที่นางได้ยินเรื่องนักรบขั้นชำระล้างผู้ยิ่งใหญ่ทั้งหก มีคนเดียวที่น่าสนใจคือโม่ซู บุคคลนี้ลึกลับยากจะคาดเดา สวมหน้ากากสีดำ ขั้นพลังสูงส่ง เป็นเหมือนผู้นำของนักรบชำระล้างทั้งหก และเป็นแขกพิเศษของเผ่าบูรพาสงบ อีกทั้งหลังจากเปิดแดนลับภูเขาหาน ช่วงที่แขกพิเศษทั้งหมดของสามชนเผ่าถูกยกเลิก มีเพียงเขาคนเดียวที่ยังอยู่

เรื่องราวเป็นเช่นนี้ ยิ่งลึกลับมากเท่าไรก็ยิ่งดึงดูดความอยากรู้อยากเห็นมากขึ้นเท่านั้น หญิงสาวก็เช่นกัน ทว่าความอยากรู้อยากเห็นคงอยู่ไม่นานนักก็หายไป สำหรับนางแล้ว โม่ซูจะลึกลับหรือไม่อย่างไรก็ไม่เกี่ยวกับนางแม้แต่น้อย เหมือนอยู่คนละโลกกัน

เดิมทีนางไม่คิดเลยว่าโม่ซูที่เคยทำให้นางสนอกสนใจจะมาปรากฏตัวต่อหน้านางด้วยวิธีการเช่นนี้ นางได้ยินเสียงดังเกรียวกราวคึกคักมาจากเมืองเขาหาน คลื่นเสียงเด่นชัดมากขึ้นเรื่อยๆ จนท้ายที่สุดก็ม้วนตัวแผ่กระจายโดยรอบราวกับเสียงระเบิดโครมคราม

ภายในเมืองเขาหาน ทุกคนที่ดื่มสุรากับซูหมิงก่อนหน้านี้ล้วนตะลึงตาโตอ้าปากค้าง ตอนแรกซูหมิงก็สร้างความประหลาดใจให้พวกเขามากแล้ว ทว่ายามนี้พอได้ทราบว่าอีกฝ่ายคือโม่ซู ความประหลาดใจที่ว่าทำให้พวกเขาตื่นตะลึงจนไม่อาจจินตนาการ

“ที่แท้เขาคือโม่ซู มิน่าถึงมีขั้นพลังเช่นนี้ ข้ายังคิดว่าเป็น…”

ชายร่างกำยำแซ่อวิ๋นมองยอดเขาเหยียนฉือเงียบๆ สีหน้าไม่แน่ใจ ก่อนส่ายศีรษะ

“เขาคือโม่ซู!” บนยอดเขาผู่เชียง จ้าวหมานผู่เชียงสูดลมหายใจเข้าลึก เขาคุ้นชินกับชื่อของโม่ซู แม้ก่อนหน้านี้ไม่เคยพบกัน ทว่ายอดเขาผู่เชียงกลับสืบค้นเรื่องอีกฝ่าย

เพียงแต่การสืบค้นมิได้คำตอบอะไรมากนัก ทราบเพียงว่าเขาเป็นแขกพิเศษบูรพาสงบอย่างกะทันหัน แล้วหายตัวไปอย่างลึกลับในแดนลับภูเขาหาน สาเหตุที่เขามีนามเลื่องลือเช่นนี้เป็นเพราะเผ่าบูรพาสงบและเผ่าเหยียนฉือตั้งใจสร้างขึ้น แต่เรื่องนี้เขาเคยถามเสวียนหลุนจนได้คำตอบมา

โม่ซูน่าจะเป็นนักรบขั้นชำระล้างคนหนึ่ง ทว่าเพราะอาการบาดเจ็บ ขั้นพลังจึงร่วงมาอยู่รวมโลหิต ถึงแม้จะเป็นเช่นนั้น เสวียนหลุนกลับไม่มั่นใจเต็มสิบว่าจะเอาชนะเขาได้

เทียบกับเสียงดังอื้ออึงภายนอกแล้ว ยอดเขาบูรพาสงบยังคงเงียบสงัด ทว่าไม่นานก็มีเสียงแก่ชราดังแว่วมาจากยอดเขา

“เผ่าบูรพาสงบขอแสดงความยินดีกับท่านโม่ซูที่ได้คุณสมบัติเข้าสำนักเหมันต์สวรรค์…” ขณะที่โดยรอบคึกคัก ยอดเขาเผ่าเหยียนฉือกลับเงียบสงบ หานเฟยจื่อมองซูหมิงอย่างสับสน มองหน้ากากบนใบหน้าเขา นี่เป็นครั้งแรกที่นางเห็นใบหน้าแท้จริงของซูหมิง หลังจากเสวียนหลุนตาย นางเป็นคนเดียวที่รู้ว่าในตัวซูหมิงมีสมบัติล้ำค่า

“ข้าควรจะเรียกเจ้าว่าซูหมิงหรือว่าโม่ซู…” หานเฟยจื่อกล่าวเบาๆ

คนที่สับสนยิ่งกว่าคือเหยียนหลวน นางเหม่อมองซูหมิง นึกถึงภาพที่พบกันครั้งแรกในแดนปิดด่านฝึกพลังของบรรพบุรุษเขาหาน นึกถึงตัวเองตอนคิดจะรับเขามาเป็นชายบำเรอสวาท ทั้งยังนึกถึงคำพูดเบาๆ ของอีกฝ่ายเมื่อครู่ รวมถึงความรู้สึกประหลาดที่ทำให้นางใจสั่น

ใบหน้าเหยียนหลวนพลันขึ้นสีแดงเรื่อ

ได้ยินคำพูดของหานเฟยจื่อ ซูหมิงไม่กล่าวตอบ แต่มองหญิงจากสำนักเหมันต์สวรรค์ด้วยความเฉยชา

หญิงสาวคนนั้นเงียบไปชั่วครู่ ทำเสียงหึเย็นชา

“ที่แท้เจ้าก็คือโม่ซู การทดสอบแรกเจ้าผ่าน ทว่าการทดสอบที่สองคือการพิชิตโซ่เขาหานก่อนอาคมเคลื่อนย้ายจะเปิดสมบูรณ์ มิเช่นนั้นเจ้าก็แพ้” นางยิ้มเยาะกล่าว

ซูหมิงสวมหน้ากากจึงมองไม่เห็นสีหน้า ต่อให้เป็นดวงตายามนี้ก็ยังคงสงบนิ่ง ดุจคำพูดของหญิงสาวมิได้สร้างความเปลี่ยนแปลงต่อเขาแม้แต่น้อย

“ยังมีการทดสอบครั้งที่สาม ครั้งที่สี่ และครั้งที่ห้าอีกหรือไม่” ซูหมิงกล่าวเรียบๆ

ท่าทางสงบนิ่งของเขาทำให้หญิงสาวรู้สึกไม่ยินดียิ่งนัก นางเป็นตัวแทนสำนักเหมันต์สวรรค์มารับศิษย์ในครั้งนี้ แม้จะกำหนดไว้แล้วว่ารับเพียงคนเดียว

อย่างไรก็ตาม สำนักเหมันต์สวรรค์ของนางไม่ว่าเป็นใครก็ต้องให้ความเคารพ กระทั่งเกิดความรู้สึกหวาดกลัว มีเพียงซูหมิงตรงหน้าที่ตั้งแต่แรกจนถึงตอนนี้ไม่เห็นนางอยู่ในสายตา ต่อให้เจอกับการกลั่นแกล้งอย่างเปิดเผยของนางก็ยังไม่สะทกสะท้าน เพียงหยิบหน้ากากขึ้นมาใส่ ก็ทำให้การทดสอบแรกของนางกลายเป็นเรื่องน่าขบขันไปแล้ว

ยามนี้ได้ยินดังนั้น รอยยิ้มนางเย็นชามากขึ้น ไม่ปิดบังอีกต่อไป กล่าวอย่างเฉยชาว่า

“สำนักเหมันต์สวรรค์มิใช่ว่าใครก็เข้าได้ ต่อให้เจ้าพิชิตโซ่เขาหาน ผ่านการทดสอบที่สอง ก็ยังมีการทดสอบที่สาม การทดสอบนี้เป็นการตรวจสอบ ตอนเจ้าไปถึงขั้นชำระล้างจะต้องมีเส้นเลือดอยู่ในขั้นรวมโลหิตสมบูรณ์ ทว่าเจ้าทะลวงขั้นชำระล้างแล้ว ดังนั้นจึงตรวจสอบเจ้ามิได้!”

ซูหมิงนิ่งเงียบ

เห็นซูหมิงไม่กล่าว หญิงสาวจึงยิ้มเยาะ

“หากเจ้ามีความสามารถจริงๆ ก็หาวิธียืนยันเส้นเลือดตอนทะลวงขั้นชำระล้างของเจ้าเสีย นอกจากนี้ยังมีการทดสอบที่สี่ การทดสอบนี้ง่ายมาก นั่นคือการเคาะระฆังเขาหาน แต่น่าเสียดายที่ระฆังไม่อยู่แล้ว แม่ทัพเทพชำระล้างท่านหนึ่งเอาไป เจ้าก็ไปตามเอากลับมาเถอะ สี่การทดสอบนี้ หากเจ้าทำสำเร็จก่อนอาคมเคลื่อนย้ายเปิดสมบูรณ์ เจ้าจะได้เข้าสำนักเหมันต์สวรรค์! หากเจ้าทำไม่ได้ก็ออกไปซะ อย่ามารบกวนที่นี่อีก โทสะของสำนักเหมันต์สวรรค์เจ้าไม่มีทางรับไหว”

หญิงสาวเพิ่งกล่าวจบ ยอดเขาเหยียนฉือพลันสั่นสะท้าน ลำแสงเด่นชัดหลายเส้นพุ่งทะลุออกมาจากในยอดเขา ก่อนรวมเป็นแสงสว่างจ้าตาบนยอดเขาราวกับจะเกิดเป็นอาคมขนาดยักษ์

“ดูท่าเจ้าคงไม่มีโอกาส อาคมเคลื่อนย้ายเปิดแล้ว สิบลมหายใจหลังจากนี้ก็จะเปิดอย่างสมบูรณ์” หญิงสาวหัวเราะ ไม่มองซูหมิงอีก แต่มองอาคมเคลื่อนย้ายที่กำลังรวมตัวอย่างรวดเร็ว

“รวมกับฐานะนี้ด้วย เพียงพอหรือไม่” ซูหมิงกล่าวเรียบๆ กล่าวจบหญิงสาวพลันตะลึงงัน ช่วงที่หันกลับมามองซูหมิง นางตัวสั่นเทาสีหน้าเหลือเชื่อ ถอยหลังต่อเนื่องหลายก้าวทั้งใบหน้าถอดสี

“เจ้า…เจ้า…”

แม้แต่ชายหนุ่มที่เงียบขรึมอยู่ข้างนางแต่ในใจกลับยิ้มเยาะ ยามนี้สีหน้าเปลี่ยน สูดลมหายใจด้วยความตะลึง ทั้งตัวราวกับถูกสายฟ้ากลืนกิน ความคิดขาวโพลน

มิใช่เพียงแค่พวกเขาสองคน ทุกคนบนยอดเขาเหยียนฉือล้วนตะลึงงัน ถูกความตื่นกลัวเข้ามาแทนที่ในชั่วพริบตา!

ฟ้าผ่าส่งเสียงดังสนั่น สายฟ้าลักษณะโค้งไหลเวียนรอบตัวซูหมิง แสงสายฟ้าสีครามแฝงไว้ด้วยความน่าอัศจรรย์ ขณะเดียวกันมันยังอธิบายเรื่องราวอย่างหนึ่ง!

ซูหมิงยกมือขวา ในฝ่ามือของเขามีเสียงระฆังดังกึกก้อง ภายในนั้นมีระฆังที่ชวนให้เกิดความรู้สึกเก่าแก่ มันลอยขึ้นก่อนขยายใหญ่กลางอากาศ การปรากฏตัวของมันก็เป็นการอธิบายเรื่องราวได้อีกเช่นกัน!

“ทะ…ท่านแม่ทัพเทพ!” ภายในเมืองเขาหานเกิดเสียงดังกึกก้องมากที่สุดอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อนจนถึงตอนนี้!

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version