Skip to content

สู่วิถีอสุรา 273

ตอนที่ 273 เงื่อนไขหนึ่งข้อ

สำหรับทุกคนบนยอดเขาลำดับเก้าในสำนักเหมันต์สวรรค์แล้ว เวลาผ่านไปห้าวันเหมือนแต่ก่อน ในห้าวันนี้ไม่มีเหตุการณ์พิเศษอะไรเกิดขึ้น ยังคงเหมือนปกติ

ดวงตะวันยังคงทอแสงและลาลับ ยามค่ำคืนก็มีดวงจันทร์สว่าง ลมหนาวเหมือนดังแต่ก่อน ไม่มีอะไรต่างหรือแปรเปลี่ยน

ในด้านการฝึกฝน ต่อให้นั่งฌานห้าวันก็พัฒนาไม่มากนัก ห้าวันนี้สำหรับทุกคนแทบไม่ต่างอะไรกับช่วงเวลาอื่นๆ ในหนึ่งปี

เทียนหลันเมิ่งแห่งยอดขอดเขาลำดับเจ็ด นั่งฌานอยู่บนหินนูนใกล้กับยอดเขา สายลมพัดผ่านเส้นผมปลิวไสว สำหรับนางแล้วห้าวันนี้เป็นเพียงการนั่งฌานครั้งหนึ่งเท่านั้น

จื่อเยียนและหานชางจื่อต่างมีธุระของตน ห้าวันนี้จึงผ่านไปอย่างรวดเร็วนัก

หานเฟยจื่อแห่งยอดเขาลำดับสี่ตกอยู่ในห้วงการปิดด่านฝึกฝน นั่งฌานสมาธิเพื่อเตรียมตัวครั้งสุดท้ายสำหรับสงครามล่าเชมันอย่างเงียบๆ โดยเฉพาะด้วยการช่วยเหลือจากอาจารย์ ทำให้นางเฉียดขั้นชำระล้าง บางทีอีกไม่กี่วันคงทะลวงขั้นพลัง

ซือหม่าซิ่นแห่งยอดเขาลำดับหนึ่ง ในห้าวันนี้ยังคงเหมือนเดิม นั่งอยู่ในถ้ำของเขา บ้างก็ออกจากฌาน แววตาจะเย็นชา ไม่มีอะไรต่างจากเดิม

ทุกคนส่วนใหญ่เป็นเช่นนี้ ยอดเขาลำดับเก้าก็เป็นเช่นนี้ ในห้าวัน หู่จื่อยังคงเมาสุราและหลับฝันเหมือนเดิม ดื่มสุรา ฝันและกรนเหมือนเสียงกลอง ตื่นและนอนอย่างมีความสุข

ศิษย์พี่รองยังคงปลูกพืชดอกยามกลางวัน ยามค่ำคืนก็ล่องลอยเหมือนวิญญาณ สำหรับเขาแล้วห้าวันนี้รวดเร็วยิ่งนัก

ส่วนศิษย์พี่ใหญ่ ห้าวันนี้ราวกับกะพริบตา เขาปิดด่านอย่างเงียบๆ และผ่านไปห้าวันโดยไม่รู้ตัว

ทว่ายังมีคนส่วนน้อยที่ในห้าวันนี้เหมือนหนึ่งปี จื่อเชอคือหนึ่งในนั้น ในวันแรกเขาสงบนิ่งยิ่งนัก แต่ผ่านไปสามวันก็เริ่มลังเลใจ เขาไม่พบซูหมิงมาสามวันแล้ว

สำคัญที่สุดคือความรู้สึกเขา ข้างในถ้ำเหมือนไม่มีกลิ่นอายพลังใดๆ ราวกับซูหมิงไม่อยู่

เมื่อวันที่สี่มาถึง ความรู้สึกเขาเด่นชัดขึ้น เขารู้สึกว่าคล้ายมีบางอย่างแปลกไป ปกติซูหมิงจะปิดด่านฝึกพลังน้อยมาก ต่อให้นั่งฌานก็จะออกมาบ้าง และยืนอยู่บนแท่นราบพลางมองเส้นขอบฟ้า ทว่าผ่านมาสี่วันแล้วซูหมิงยังไม่ปรากฏตัว เรื่องนี้ทำให้จื่อเชอรู้สึกผิดปกติเล็กน้อย

โดยเฉพาะในห้าวันนี้ คนที่รอซูหมิงอยู่นอกถ้ำตลอด นอกจากจื่อเชอแล้วยังมี…ไป๋ซู่!

นางรอตรงนี้มาหลายวันแล้ว ยังคงไม่ยอมจากไป หากจื่อเชอไม่ขวางเอาไว้ นางคงบุกเข้าไปในถ้ำของซูหมิงแล้ว

ในค่ำคืนวันที่ห้า จื่อเชอขมวดคิ้ว นั่งขัดสมาธิลง บ้างก็มองถ้ำของซูหมิงด้วยความฉงนนัก ทว่ากลับไม่กล้าเข้าไปโดยไร้สาเหตุ

“เจ้าจะขวางข้าไปจนถึงเมื่อไร ข้าอยากพบซูหมิง!” ขณะจื่อเชอกำลังฉงน มีเสียงที่ทำให้เขาจำใจดังเข้ามา

นั่นคือไป๋ซู่ นางในอาภรณ์สีม่วงนั่งอยู่ตรงข้ามจื่อเชอ ความงามแบบดื้อรั้นแฝงไว้ด้วยความยึดมั่นถือมั่น

“ซูหมิง ห้าวันแล้วเจ้ายังไม่ยอมพบข้า หรือแค่เห็นหน้าข้าก็เป็นเรื่องใหญ่มากสำหรับเจ้าอย่างนั้นรึ!”

“ต่อให้เจ้าไม่พบ แต่เจ้าจะไม่ออกมาจากถ้ำอีกเลยหรือไร”

“เว้นแต่ข้าจะตาย มิเช่นนั้นข้าจะไม่ยอมแพ้เด็ดขาด!”

ภายในถ้ำมืดทึบยังคงเงียบสงัดเหมือนเดิม ไม่มีเสียงใดลอดออกมา ความเงียบเช่นนี้ทำให้ความยืดมั่นของไป๋ซู่เหมือนจะแน่วแน่ยิ่งขึ้น

จื่อเชอขี้เกียจจะสนใจคำพูดของไป๋ซู่อีก เขาคิดว่าเด็กสาวคนนี้ไร้เหตุผล ตามตอแยไปเรื่อยๆ เช่นนี้ ช่างน่ารำคาญนัก

ในใจไป๋ซู่ขมขื่น นางมองสีหน้าจื่อเชอออก และก็รู้ดีว่าตนมากวนใจเช่นนี้ต้องเป็นที่น่ารังเกียจแน่นอน ทว่า….นางต้องทำเช่นนี้

ยามนี้สายลมหนาวพัดเข้ามา ม้วนเกล็ดหิมะบนพื้นกระทบใบหน้า ช่วงที่สายลมผ่านไป โดยรอบยังคงเงียบสงัด ทว่าจื่อเชอไม่รู้ตัว ไป๋ซู่ก็เช่นกัน ในสายลมนั้นมีเงาคนผู้หนึ่งเดินเข้าไปในถ้ำแล้วนั่งขัดสมาธิลง

บนยอดเขาลำดับเก้า เทียนเสียจื่อสาวเท้าเดินกลับ และเลือกปิดด่านฝึกพลังอีกครั้ง ชุดคลุมบนตัวเขาค่อยๆ เปลี่ยนสี

การกลับมาของซูหมิงกับเทียนเสียจื่อ หู่จื่อมิได้สังเกตเห็น ยังคงนอนกรนเสียงดัง เงาร่างของศิษย์พี่รองล่องลอยเหมือนวิญญาณ เงยหน้าขึ้นมองแวบหนึ่ง ก่อนหาตัวเองอีกคนที่ทำลายพืชดอกต่อไป

ในชั้นน้ำแข็งตรงจุดที่ศิษย์พี่ใหญ่ปิดด่านฝึกพลัง มีสายตาอ่อนโยนคู่หนึ่งเป็นประกายเล็กน้อย ก่อนหลับตาลงอีกครั้ง หายไปโดยไร้เงา

ซูหมิงนั่งขัดสมาธิอยู่ภายในถ้ำ ถ้ำมืดทึบในยามค่ำคืน ทำให้เขารู้สึกคุ้นเคยเหมือนอยู่บ้าน เขาสูดลมหายใจเข้าลึก มองไปรอบๆ สำหรับคนอื่นอาจผ่านไปเร็วยิ่งนัก ทว่าห้าวันธรรมดาๆ นี้ สำหรับซูหมิงกลับเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ และประสบการณ์ที่คนทั่วไปยากจะได้สัมผัสในชีวิต ซ้ำยังเป็นภยันอันตรายถึงความเป็นตาย

ห้าวัน ซูหมิงรู้สึกเหมือนผ่านไปห้าปี กระทั่งนานกว่านั้น… ในห้าวันนี้ เขาเห็นศิษย์น้องของอาจารย์ เห็นการต่อสู้อันน่าทึ่งของทั้งคู่ ภาพการต่อสู้ในสมองเขากลับเลือนราง จำได้ไม่ค่อยชัดเจน

ในห้าวันนี้เขาเห็นชายชราสร้างซวิน ได้บรรเลงบทเพลงซวิน จิตจึงได้ตระหนักรู้ครั้งหนึ่งและเข้าใจเรื่องจิตใจเปลี่ยน ทั้งยังได้ตัดสินใจอย่างเด็ดขาดด้วยตัวเอง

ในห้าวันนี้เขาไปแผ่นดินเผ่าเชมัน เห็นพลังที่แข็งแกร่งของอาจารย์ เห็นผู้สื่อวิญญาณ เห็นคู่ดาราพิลึก ทั้งยังเห็นสัตว์ศักดิ์สิทธิ์นกทองคำยักษ์ขนาดหนึ่งพันจั้ง!

ในห้าวันนี้เขาสังหารหนึ่งในคู่ดารา ทว่าก็ต้องเจอกับการล่าสังหารเอาชีวิต

ในห้าวันนี้เขาสร้างภาพวาดรูปแบบแรกได้อย่างสมบูรณ์ ได้ยินบทเพลงเทพหมานของตัวเอง

ในห้าวันนี้…เขาได้ทำการผลัดเปลี่ยนจากในสู่นอก!

“ต่อสู้ สังหาร ลืม…” ซูหมิงอยู่ในเงามืด เงยหน้าขึ้นมองไปนอกถ้ำ ในแสงจันทร์อ่อนโยนเหมือนมีเงาของสตรีผู้หนึ่ง

“วิธีจัดการกับจิตใจเปลี่ยนสามแบบ…ง่ายที่สุดคือการสังหาร! สังหารหญิงคนนี้เสีย ทุกอย่างก็จบ ยากที่สุดคือการลืม ลืมไป๋หลิงแล้ว ไป๋ซู่ก็ไม่อาจเหนี่ยวนำจิตใจข้า ส่วนการต่อสู้คงจะแก้ปัญหานี้ไม่ได้” มีเสียงของไป๋ซู่ดังมาจากข้างนอก ในค่ำคืนเงียบสงบแห่งนี้ เสียงนั้นช่างชัดเจนยิ่งนัก

“นี่คือวิธีของอาจารย์ มิใช่ของข้า…” แววตาซูหมิงสงบนิ่ง มองแสงจันทร์นอกถ้ำ

“จิตใจเปลี่ยน เพราะคนหรือเรื่องราวเหนี่ยวนำ สังหาร ต่อสู้ ลืม…สามวิธีนี้ล้วนคือการหนี…ในเมื่อเดิมทีมีอยู่แล้ว เช่นนั้นก็ปล่อยให้มันอยู่ต่อไป…ให้ข้าเผชิญหน้ากับมัน” ซูหมิงกล่าวพึมพำเบาๆ

“จิตใจเปลี่ยนจากความยึดมั่น เหตุใดจะสงบเพราะความยึดมั่นมิได้” ซูหมิงหลับตาลง ผ่านไปครู่หนึ่งจึงค่อยๆ ลืมตา หยิบกระดานภาพขึ้นมาแล้วพลิกเป็นด้านหน้า ตั้งแต่เขาวาดภาพนั้นก็ไม่เคยมองอีก ยามนี้มองไปด้านบนว่างเปล่า ทว่าในสายตาเขา บนกระดานภาพปรากฏเงาของตัวเองกำลังยกเท้าขึ้นจากหญ้าสีเขียวที่พันอยู่

ใบหน้าเขามีรอยยิ้มบาง มองหญ้าสีเขียว ก่อนค่อยๆ เงยหน้าขึ้น

“จื่อเชอ ให้นางเข้ามา”

ด้านนอกถ้ำ จื่อเชอกำลังลังเลใจ เขารู้สึกว่าหลายวันมานี้ถ้ำของซูหมิงแปลกไป ช่วงที่เสียงของไป๋ซู่ยังคงดังก้องกวนใจ พลันมีเสียงของซูหมิงลอยมาตามลมจากด้านใน

ตอนที่เสียงนี้ดังกังวาน จิตใจจื่อเชอสั่นไหว ความคิดฟุ้งซ่านทุกอย่างพลันหายไป ยืนขึ้นคารวะไปทางถ้ำพร้อมกล่าวขานรับ

นัยน์ตาไป๋ซู่เป็นประกาย เคลื่อนตัวผ่านจื่อเชอตรงเข้าไปในถ้ำ จื่อเชอตามอยู่ด้านหลัง เข้าไปในถ้ำของซูหมิงพร้อมกัน

เพราะความมืดด้านนอก ทำให้ในถ้ำมืดทึบยิ่งกว่าเดิม เมื่อเข้าไปแล้วเห็นเพียงเงาคนรางๆ โดยเฉพาะตำแหน่งที่นั่งของซูหมิงค่อนข้างติดด้านหลัง จึงยิ่งทำให้มองเห็นชัดได้ยาก

แม้จะเป็นเช่นนั้น ทว่าช่วงที่จื่อเชอเข้ามาในถ้ำแล้วพบซูหมิง จิตใจเขายังคงสั่นไหว เขาเห็นแววตาของซูหมิง แววตาคู่นั้นเหมือนเมื่อห้าวันก่อน แต่จื่อเชอกลับรู้สึกถึงแรงกดดันหนักหน่วงอย่างชัดเจน ในความรู้สึกเขา ซูหมิงตรงหน้ากับเมื่อห้าวันก่อนต่างกันโดยสิ้นเชิง!

บอกไม่ถูกว่าต่างอย่างไร ความรู้สึกถึงแรงกดดันกลับทำให้จื่อเชอรู้สึกเหมือนเผชิญหน้ากับศิษย์พี่รองของซูหมิง หรือกระทั่งอาจารย์ของเขา

หากเป็นซูหมิงเมื่อห้าวันก่อน ก็ยังรู้สึกว่าอ่อนหัดเล็กน้อย ทว่าตอนนี้ซูหมิงกลับไม่มีความอ่อนหัดอีก เหมือนกับผ่านลมพายุฝนและเดินออกจากดวงตาของสัตว์ร้ายท่ามกลางความตาย

จื่อเชอจิตใจสะท้าน รีบก้มหน้าลงคารวะด้วยความนอบน้อม

“จื่อเชอ…คารวะนายท่าน” จื่อเชอหายใจกระชั้นถี่เล็กน้อย หัวใจเต้นแรง ความรู้สึกกดดันรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ

‘ห้าวันมานี้ เกิดอะไรขึ้นกับตัวเขากันแน่…..’ จื่อเชอไม่กล้าเงยหน้า ขณะในใจตื่นตะลึงก็ยังมีความสับสน

ไม่เพียงแค่จื่อเชอที่รู้สึกเช่นนี้ ไป๋ซู่รู้สึกหนักยิ่งกว่า ชั่วขณะที่มองแววตาของซูหมิง นางจิตใจสั่นสะท้าน จังหวะก้าวเร่งรีบช้าลงเองจนหยุดชะงักในที่สุด

“ไป๋ซู่…..คะ….คารวะอาจารย์อาซู…” ไป๋ซู่หัวใจเต้นแรง

แววตาสงบนิ่งของซูหมิงทำให้นางเกิดความลังเลชั่วขณะ ราวกับว่าผู้ที่นั่งขัดสมาธิตรงนั้นมิใช่ซูหมิง แต่เป็นซือหม่าซิ่น เป็นเทียนหลันเมิ่ง กระทั่งมิใช่ทั้งสองคน แต่เป็นผู้แข็งแกร่งรุ่นเดียวกับบิดาของนาง

แววตาคู่นั้นประหนึ่งพอจะทำให้คนที่กำลังโมโหถึงขีดสุด ถูกจิตใจของอีกฝ่ายสูบจนต้องสงบลง

ซูหมิงมองไป๋ซู่ มองใบหน้าที่เหมือนไป๋หลิงทุกประการ ก่อนพยักหน้าให้

“จากพรุ่งนี้เป็นต้นไป เจ้ามาหาข้าได้ทุกเมื่อ ข้าจะถ่ายทอดวิชาวาดภาพให้เจ้า…จื่อเชอจะไม่ขวางเจ้าอีก”

ไป๋ซู่เกิดความสับสน นางเงยหน้าเหม่อมองซูหมิง ไม่เข้าใจว่าเหตุใดอีกฝ่ายถึงเปลี่ยนความคิดกะทันหันเช่นนี้

“ทว่า ข้ามีเงื่อนไขหนึ่งข้อ” ซูหมิงกล่าวเรียบๆ

ไป๋ซูหยุดหายใจ สีหน้าตื่นตัว ซูหมิงในความทรงจำของนางเลวร้ายยิ่งนัก หากมิใช่เพื่อซือหม่าซิ่น นางคงไม่มีทางเข้าใกล้อีกฝ่ายเช่นนี้

ยามนี้เห็นซูหมิงยอมรับ ไป๋ซู่จึงเกิดความลังเลอยู่แล้ว พอได้ยินอีกฝ่ายบอกว่ามีเงื่อนไขหนึ่งข้อ แววตานางค่อยๆ เย็นชา

“เจ้าพูดมา หากข้าทำได้ก็ลจะทำ”

“ตอนมาพบข้า สวมชุดสีขาวมา ไม่ต้องปล่อยผม ใช้เชือกฟางสีแดงมัดเอาไว้ แล้วถักเป็นเปียเล็กๆ ตรงสองข้างหู ผมที่เหลือให้ปล่อยไว้ด้านหลัง ตรงหน้าผากต้องประดับผลึกเล็กๆ พร่างพราว เมื่อสะท้อนแสงจากหิมะจะสว่างไสว ตอนยิ้ม เจ้าต้องเผยฟันเขี้ยวเล็กๆ ของเจ้า”

ไป๋ซู่ขมวดคิ้ว

“ในเมื่ออยากเป็นเงาคนในความทรงจำของข้า ก็ต้องแต่งแบบนั้น” ซูหมิงกล่าวเนิบช้า หลับตาลง

ไป๋ซู่เงียบไปครู่หนึ่ง แค่นเสียงหึแล้วหมุนตัวจากไป

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version