Skip to content

สู่วิถีอสุรา 304

ตอนที่ 304 งานประมูล

เสียงของเทียนเสียจื่อ คนนอกไม่มีใครได้ยิน มันคือเสียงจิตสื่อสาร มีเพียงผู้ครอบครองขั้นพลังมากพอควรถึงจะสัมผัสได้ อย่างเช่นในชนเผ่าแห่งนี้ คนที่ได้ยินมันมีน้อยนิดนัก

เมื่อชายชราคนนั้นถูกลงโทษเกือบตายเหตุเพราะคิดทำร้ายซูหมิงแล้ว ภายในเรือสิบกว่าลำไม่มีจิตสื่อสารดังขึ้นอีก ทุกอย่างเงียบสงัด

ในชนเผ่า ภายในกระโจมธรรมดาที่มีคนชุดดำคุ้มกันอยู่ นัยน์ตาชายหนุ่มสวมเสื้อปักลายมังกรดำฉายแววประหลาดใจ ลมหายใจกระชั้นครู่หนึ่ง

“เทียนเสียจื่อ?”

“เป็นเขา…” ชายชราตรงข้ามชายหนุ่มฝืนยิ้ม พยักหน้า

“หากผู้แข็งแกร่งระดับนี้ทำงานให้ข้า…” ชายหนุ่มกล่าวถึงตรงนี้ก็พลันส่ายศีรษะ แล้วหยิบแก้วสุราขึ้นมาดื่มอึกใหญ่

“ท่านชายรองไม่ต้องคิดเรื่องนี้หรอก มันเป็นไปไม่ได้…เขาเป็นหนึ่งในสามยอดฝีมือแห่งแดนอรุณใต้ ไม่มีทางเข้าร่วมสงครามของเผ่าใหญ่แน่

สามยอดฝีมือ นอกจากผู้อาวุโสหลีหลงแห่งสำนักทะเลตะวันออกที่เป็นที่รู้จักของทุกคนแล้ว อีกสองคนที่เหลือมีน้อยคนนักที่จะรู้ อีกทั้งต่อให้รู้ก็ไม่มีทางแพร่งพราย

เพราะผู้แข็งแกร่งระดับนี้ พวกเขามีอำนาจตัดสินความเป็นตาย อย่างเช่นผู้อาวุโสเทียนเสียจื่อ มีนิสัยแปลก บ้างก็เสียสติ คนที่รู้ฐานะเขาในสำนักเหมันต์สวรรค์มีไม่เกินสิบคน ต่อให้เป็นเผ่าใหญ่เหมันต์สวรรค์ก็มีเพียงสายเลือดจ้าวหมานอย่างท่าน เมื่อเติบใหญ่แล้วเท่านั้นถึงจะมีสิทธิ์รู้ความลับนี้

ถึงขั้นทำให้ศิษย์จำนวนไม่น้อยกับคนนอกคาดเดาไปต่างๆ นานา ทว่าส่วนใหญ่จะเป็นด้านลบเสียมากกว่า…พวกเราไม่กล้าเผยฐานะของเขา มิเช่นนั้นแล้วหากเขาออกจากสำนักเหมันต์สวรรค์ ก็คงยากจะกลับมาอีก” ชายชราฝืนยิ้มกล่าว

“ศิษย์ของเขาก็ไม่รู้หรือ?” ชายหนุ่มประหลาดใจ

“นอกจากเขา…แห่งเผ่าเก้าอรุณแล้ว ศิษย์พวกนั้นไม่น่าจะรู้เรื่องนี้” ชายชราลังเลครู่หนึ่ง ถึงกล่าวเสียงเบา

นัยน์ตาชายหนุ่มขยับประกาย ขบคิดอยู่ชั่วครู่แล้วมองชายชรา

“หลังจากจบงานประมูลแล้ว ให้เชิญซูหมิงมาร่วมงานประมูลลับของสำนักทะเลตะวันออกด้วย…ไม่ว่าเขาอยากได้อะไร ข้าจะจ่ายเอง”

“เอ่อ…หากพี่ชายท่านรู้เรื่องนี้…”

“ก็แค่ผูกมิตรเท่านั้น ข้าจะใช้ความจริงใจผูกมิตรกับซูหมิง มิได้ขอร้องให้เขาช่วยอะไร หรือว่าเรื่องส่วนตัวของข้ายังมีใครกล้ามาขวางรึ?” ชายหนุ่มยิ้มเล็กน้อย ทว่ามองชายชราด้วยแววตาเย็นชา

ชายชราเงียบไปครู่หนึ่ง แล้วพยักหน้า

“ตอนข้าเยาว์วัย ข้าเคยได้ยินมาว่าหลายพันปีก่อนสามยอดฝีมือต่อสู้กับ

มหาจ้าวเชมัน การต่อสู้ในครั้งนั้น…..” ชายหนุ่มพึมพำเบาๆ แววตาฉายแววคะนึงคิด

ยามนี้บนที่ราบหิมะ พายุหิมะยังคงกระหน่ำ อีกทั้งยังใหญ่มากขึ้นเรื่อยๆ ซูหมิงตรงใจกลางรู้สึกว่าพลังของตนแข็งแกร่งขึ้นทุกทีอย่างชัดเจน

“สายลมหิมะ…” ซูหมิงพึมพำ เมื่อกล่าวจบ โดยรอบภูเขาทมิฬ ชนเผ่า และจันทร์โลหิตมีหิมะไร้ที่สิ้นสุดปรากฏ!

หิมะเหล่านั้นกับหิมะธรรมชาติราวกับรวมเข้าด้วยกันจนแยกไม่ออก เมื่อรวมกันอย่างสมบูรณ์แล้ว จึงปรากฏภาพสายลมหิมะและภูเขาทมิฬจันทร์โลหิตบนท้องฟ้า!

ทันทีที่ภาพปรากฏขึ้น ซูหมิงเงยหน้าคำรามขึ้นฟ้า พลังของเขาพุ่งทะยานขึ้น โลหิตในตัวโคจรอย่างรวดเร็ว พลังชำระล้างพลันเพิ่มพรวดขึ้นด้วยวิธีน่าทึ่งอย่างหนึ่ง

ขณะพลังทะยานขึ้น มีเสียงกึกๆ มาจากในตัวซูหมิง เหมือนเลือดเนื้อบีบตัว คล้ายกระดูกกระทบกัน จนกระทั่งพลังชำระล้างเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ท้ายที่สุดมีเสียงระเบิดอย่างรุนแรงในความคิด

ตอนที่เสียงระเบิดดังกึกก้องในความคิด ขั้นพลังของซูหมิงพลันทะลวงจากชำระล้างตอนกลางสู่ชำระล้างตอนปลาย!

แทบจะเป็นช่วงที่เขาทะลวงชำระล้างตอนปลาย ภาพพายุหิมะและภูเขาทมิฬจันทร์โลหิตบนท้องฟ้าตรงเข้ามาหาซูหมิง ประดุจภาพวาดม้วนเข้ามาในพายุคลั่ง ขณะบิดเบี้ยวก็ตรงเข้าหาซูหมิงพร้อมกับพายุรุนแรง!

ลายภูเขาอยู่บนใบหน้า จันทร์โลหิตอยู่บนดวงตา ชนเผ่าอยู่ตรงหน้าอก ร่องรอยหิมะฟุ้งตลบอยู่ทั้งตัว!

ยามนี้ขั้นพลังของซูหมิงทะยานขึ้นอีกครั้ง กระดูกเซ่นไหว้ที่ได้มาจากบรรพบุรุษเขาหานในตอนนั้น เวลานี้ละลายอย่างรวดเร็ว พลังของเผ่าหมานที่แผ่ออกกลายเป็นพลังชำระล้างของซูหมิง หลอมรวมกับพลังโลหิต ก่อนแผ่กระจายไปทุกส่วนของร่างกายหลังซูหมิงหัวใจเต้นรัวแรง

เมื่อรวมกับลายหมานทุกส่วนแล้ว ร่างกายซูหมิงเปลี่ยนไปราวกับพลิกฟ้าพลิกแผ่นดิน แข็งแกร่งขึ้นเรื่อยๆ ขณะเดียวกันกลับยังคงรักษาสภาพร่างเดิมเอาไว้ ขั้นพลังทะยานขึ้นอย่างต่อเนื่อง จากชำระล้างตอนปลายทะลวงสู่จุดสูงสุดของชำระล้างตอนปลาย ห่างจากชำระล้างสมบูรณ์อีกไม่ไกล!

ซูหมิงมีความรู้สึกเด่นชัดมากกว่า หากเดินอีกก้าวเดียวจะทะลวงสู่ชำระล้างสมบูรณ์ เช่นนั้นเขาก็จะทะลวงไปอีกขั้น สู่ระดับพลังของผู้แข็งแกร่ง ขั้นเซ่นไหว้กระดูก!

นำกระดูกสันหลังของตนหนึ่งชิ้นหลอมเป็นกระดูกหมานแท้จริง

นั่นคือกระดูกหมานที่เป็นของยุคสมัยบรรพบุรุษหมาน! เมื่อหลอมกระดูกหนึ่งชิ้นแล้ว ถึงจะเรียกว่าขั้นเซ่นไหว้กระดูก!

หากวันหนึ่งเขาเปลี่ยนกระดูกทั้งหมดเป็นกระดูกของบรรพบุรุษหมานได้ เช่นนั้นพละกำลังของเขา ไม่ขอบอกว่าไม่เคยปรากฏขึ้นในประวัติศาสตร์ ไม่ขอบอกว่าสามารถเด็ดสุริยันจันทราและดารา แต่มันก็เพียงพอจะทำให้เขามีอิทธิพลมาก!

หากก้าวข้ามจุดนั้นอีก ทะลวงขั้นเซ่นไหว้กระดูกมหาสมบูรณ์และบรรลุถึงขั้นวิญญาณหมานที่ยากยิ่ง เขาก็จะได้รับขนานนามว่า หนึ่งในผู้แข็งแกร่งแท้จริงของเผ่าหมาน

เส้นทางยังอีกยาวไกล ทว่าซูหมิงก็เฝ้าปรารถนา!

ซูหมิงพลันลืมตา ลายหมานทั้งตัวขยับวิบวับ ทว่าแววตาเขากลับสงบนิ่ง ปิดซ่อนความเสียดายเล็กน้อยเอาไว้ เขาลองแล้ว ทว่าหนึ่งก้าวสู่ชำระล้างสมบูรณ์ยังขาดอีกเล็กน้อย จำต้องสะสมอย่างไร้ขอบเขตในขั้นชำระล้างตอนปลายก่อน

“ข้ารู้แล้วว่าขาดอะไร…” ซูหมิงยืนขึ้นอย่างเงียบๆ ตอนที่เขายืนขึ้น พายุคลั่งโดยรอบหายไปแล้ว ฟ้าดินกลับคืนสภาพเดิม เกล็ดหิมะโปรยปรายต่อไป

นี่เป็นครั้งแรกที่ซูหมิงยืนขึ้นจริงๆ มิได้พึ่งสัตว์หุ่นเชิด แต่ใช้ขาสองข้าง จากการที่ขั้นพลังเขาเพิ่มขึ้น ร่างกายก็แข็งแกร่งขึ้นตามไปอีกไม่น้อย กำไลน้ำแข็งสิบหกวงไม่อาจจำกัดเขาได้อีก

‘ในลายหมานของข้ายังขาดชีวิต…ในชนเผ่าว่างเปล่า ข้าไม่อาจวาดคนที่เคยมีอยู่ ข้าต้องให้บทเพลงซวินในความทรงจำโอบล้อมลายหมานเอาไว้ แล้วพาข้า…หาเส้นทางกลับบ้าน…’ ซูหมิงหลับตา ในความคิดผุดภาพเทียนเสียจื่อพาเขาไปชนเผ่าเงียบสงบแห่งหนึ่ง และยังมีชายชราสร้างซวินในชนเผ่า ชายตาบอดที่มองไม่เห็นแสงสว่างคนนั้น

“ต้องหาเวลาไปรับ…ซวินของข้าแล้ว” ซูหมิงพึมพำเบาๆ ตบหิมะบนตัว แล้วเดินไปทางชนเผ่าสำนักทะเลตะวันออกไกลๆ

จื่อเชอวิ่งเข้ามาจากระยะหลายร้อยจั้ง เมื่อเห็นซูหมิงแล้ว สีหน้ากังวลจึงผ่อนคลายลง ครั้นเห็นซูหมิงอมยิ้มพยักหน้าให้ เขาจึงเดินตามหลังซูหมิงแล้วกลับไปพร้อมกัน

จนกระทั่งมาถึงข้างชนเผ่าแล้วเดินเข้าไปภายใน แทบทุกคนที่ยืนอยู่หน้ากระโจมของตนมองซูหมิงเป็นตาเดียว

ไม่มีใครกล่าว ไม่มีใครทำอะไร เพียงมองซูหมิงแล้วก็พากันก้มหน้าลง ซูหมิงเดินผ่านไปอย่างสงบนิ่ง จนมาถึงหน้ากระโจมของเขา โค้งตัวแล้วเดินเข้าไป

หนึ่งคืนผ่านไป บางทีอาจเป็นเรื่องบังเอิญ แต่ช่วงที่ซูหมิงเข้ามาในกระโจม ตะวันขึ้นตรงเส้นขอบฟ้าพอดี…

วันใหม่มาเยือน มีสายลมพัดผ่านแผ่นดิน ม้วนเกล็ดหิมะลอยขึ้น ลอยผ่านในชนเผ่า วันนี้คือวันแรกของงานประมูลที่สำนักทะเลตะวันออกจัดขึ้น!

พักอยู่ในกระโจมหนึ่งชั่วยามแล้ว ฉางอี้ก็มากระโจมซูหมิงด้วยความเกรงใจและความซับซ้อนที่ปกปิดเอาไว้ ก่อนนำทางซูหมิงไปยังลานจัดประมูลด้วยตัวเอง

“ขอแสดงยินดีกับสหายซูด้วยที่ทะลวงขั้นพลัง แม้ข้ามีขั้นพลังเซ่นไหว้กระดูกตอนต้น ทว่าเมื่อเผชิญหน้ากับสหายซู ก็ยังรู้สึกกดดันเล็กน้อย” ฉางอี้เดินอยู่ข้างซูหมิง ประสานมือคารวะเขา

ซูหมิงยิ้มบางๆ ประสานมือคารวะกลับ มิได้อธิบายอะไรมากนัก

จื่อเชอตามอยู่ด้านหลัง เขาเงียบมาตลอดทาง เพียงแต่กวาดสายตามองไปรอบๆ เป็นบางครั้ง แอบแฝงไว้ด้วยความตื่นตัว

ทั้งสามคนมาถึงทิศตะวันออกของชนเผ่าอย่างรวดเร็ว ตรงนั้นมีสิ่งก่อสร้างขนาดใหญ่ มันโอบล้อมเป็นลักษณะวงแหวน ดูโออ่ายิ่งนัก จุคนได้หลายพันคน

ตรงกลางเป็นแท่นกลม ซึ่งเป็นจุดที่นำของออกมาประมูล แท่นวงแหวนโดยรอบ นอกจากวงกลมตรงยอดจะถูกแบ่งเป็นห้องเดี่ยวแล้ว ด้านล่างล้วนเป็นโต๊ะยาวตั้งล้อมรอบ ยามนี้มีคนไม่น้อยนั่งอยู่ตรงนั้น กำลังรองานประมูลเริ่มขึ้น

เสียงเอะอะดังระงม มีคนเข้ามาตลอดเวลา และมีคนย้ายที่ตลอดเพื่อหาคนสนทนาผูกมิตรเช่นกัน นอกจากคนเหล่านี้แล้ว ยังมีศิษย์สำนักทะเลตะวันออกอีกไม่น้อยที่เดินลาดตระเวนอยู่รอบๆ มองผู้มาเยือนทุกคนด้วยความเย็นชา

“งานประมูลใกล้จะเริ่มแล้ว สหายซู เชิญห้องหมายเลขเก้าชั้นบนสุด ผู้อาวุโสสำนักทะเลตะวันออกเตรียมไว้ให้ท่านโดยเฉพาะ” ฉางอี้กล่าวด้วยความเคารพนบนอบ ความเคารพของเขา นอกจากขั้นพลังของซูหมิงก้าวหน้ากับแรงกดดันจากอีกฝ่ายแล้ว สิ่งที่สำคัญกว่าคือข่าวที่เขาเพิ่งได้รับเมื่อเช้า

ผู้อาวุโสไห่บอกให้เตรียมห้องสำหรับซูหมิงไว้ชั้นบนสุด เป็นที่รู้กันดีว่าห้องชั้นบนสุดมีไม่เยอะ และเตรียมไว้สำหรับผู้แข็งแกร่งขั้นวิญญาณหมาน คนธรรมดาไม่มีสิทธิ์ได้เหยียบ! อีกทั้งห้องชั้นบนสุดยังจัดไว้เต็มแล้ว ห้องหมายเลขเก้านี้ก็เพิ่งขยายใหม่เมื่อเช้านี้

เพื่อคนๆ เดียวถึงกับขยายห้องเพิ่ม เรื่องแบบนี้ทำให้ฉางอี้ยากจะจินตนาการ แม้บอกว่าซูหมิงมิใช่ศิษย์ในสำนัก แต่เขากลับเคารพและเกรงใจยิ่งกว่า

นัยน์ตาซูหมิงขยับประกาย เขาพยักหน้า มิได้กล่าวปฏิเสธ จากนั้นตามฉางอี้เดินขึ้นชั้นบนสุด เข้าไปในห้องหมายเลขเก้า

เมื่อเข้ามาแล้ว ซูหมิงพบว่าในห้องมีสตรีใบหน้างดงามอย่างยิ่งผู้หนึ่ง นางมีรูปทรงองค์เอวน่าหลงใหล ส่วนเว้าโค้งได้รูป ยามนี้ยืนขึ้นจากเก้าอี้ด้านข้างแล้วส่งยิ้มให้เขา รอยยิ้มนั้นชวนหลงใหล เต็มไปด้วยเสน่ห์พิเศษบางอย่าง

“ข้าจื่อซาน อาจารย์ไห่อวิ๋นไหลให้ข้ามาแนะนำของประมูลให้สหายซู”

ซูหมิงแอบขมวดคิ้ว เขาไม่รู้เรื่องเมื่อคืนวาน ทว่าก็มองออกว่าคนแซ่ไห่นี้ดูแปลกๆ เตรียมห้องไว้ให้ตนโดยเฉพาะ ทั้งยังให้ศิษย์มาคอยบริการแนะนำให้อีก เรื่องแบบนี้ ด้วยฐานะของผู้อาวุโสสำนักทะเลตะวันออก คงทำให้คนอื่นสับสน หากไม่มีเป้าหมายก็ต้องมีคำร้องขออย่างแน่นอน

“แค่นี้หรือ” นัยน์ตาซูหมิงขยับประกาย กล่าวขึ้นเรียบๆ

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version