ตอนที่ 336 เข้าใกล้เมืองหมอกนภา
คำตอบของซูหมิงทำให้เด็กชายใบหน้าซีดขาวพลันมีเลือดฝาด ก่อนเปล่งเสียงตะโกนด้วยความโกรธแค้น เสียงตะโกนแหลมเสียดแก้วหู นั่นหมายความว่าในใจเด็กชายหวาดกลัวถึงขีดสุดแล้ว
อูตัวอยู่ไกลออกสูดลมหายใจเข้าลึก เหม่อมองซูหมิงผู้มีสีหน้าไม่สนใจเสียงเรียกร้องและดิ้นรนของเด็กชาย เอาแต่ปักสมุนไพรเข้าไปในบาดแผลไม่หยุด
เวลาผ่านไป ซูหมิงทำอย่างรวดเร็วยิ่งนัก ครึ่งก้านธูปต่อมา หลังจากปักสมุนไพรต้นสุดท้ายลงไปแล้ว ก็ใช้มือขวาตบอากาศไปทางเด็กชาย ตรงท้องน้อยของเด็กชายพองบวมขึ้นหลายจุด
“ข้าจะไม่มีวันปล่อยเจ้าไป ต่อให้ตาย ข้าก็จะกลายเป็นผีร้ายตามเอาชีวิตเจ้า!” เด็กชายมีใบหน้าบิดบี้ยว แฝงไว้ด้วยความเคียดแค้น จ้องซูหมิงพลางกรีดร้องเสียงแหลม
“เจ้าจะไม่เป็นผีร้าย เพราะหลังจากข้าหลอมเสร็จ หากวิญญาณเจ้ายังอยู่ก็ต้องอยู่ในยาของข้า” ซูหมิงกล่าวด้วยความเย็นชา ยกมือขวาขึ้นชี้ท้องฟ้า ในมือมีสายฟ้าไหลเวียน
ยามนี้พืชในตัวเด็กชายเติบโตขึ้น พลังความตายจำนวนมากแผ่ขยายมาจากในร่างกาย อบอวลอยู่โดยรอบ เพียงแต่ว่าพลังความตายยังไม่เพียงพอจะเหนี่ยวนำสายฟ้าผ่า
ก่อนหน้านี้ การจะหลอมโอสถชิงวิญญาณต้องรวมพลังความตาย ต่อให้เป็นเมื่อหลายวันก่อน เขายังต้องยืมพลังความตายจากศิษย์พี่รองมาช่วย ทว่าหลังจากหลอมโอสถชิงวิญญาณหลายครั้ง สายฟ้าประจำตัวของซูหมิงก็พัฒนาขึ้น
ตอนนี้เขาสามารถเหนี่ยวนำฟ้าผ่าโดยไม่ต้องใช้พลังความตายแล้ว รวมสายฟ้าจากแผ่นดินของตนไว้จำนวนมาก จากนั้นมันจะเหนี่ยวนำสายฟ้าจากอากาศเข้ามาเองโดยธรรมชาติ เมื่อกระทบกันก็จะกลายเป็นฟ้าผ่าลงมา
“หาก…หากหลอมล้มเหลว?” ช่วงที่ซูหมิงจะเหนี่ยวนำสายฟ้า อูตัวลังเลครู่หนึ่งก่อนกล่าวถาม
“หากล้มเหลว…” ซูหมิงยกมือซ้าย กดตรงศีรษะของเด็กชายที่กำลังมองมาด้วยความเคียดแค้น เด็กชายกรีดร้องเสียงแหลม อาการตัวสั่นเทากลับไม่อาจปกปิดความกลัวที่บรรยายไม่ได้ในใจ
ตอนที่ซูหมิงกดเด็กชายและใช้อีกฝ่ายเป็นศูนย์กลาง ทันใดนั้น สายฟ้าจากแผ่นดินที่ไร้รูปหลั่งทะลักเข้ามาจากทุกสารทิศ รวมกันอยู่ตรงเด็กชาย
“ต่อให้เขาเป็นผู้ดูดวิญญาณแห่งเผ่าเชมันก็ไม่มีทางกลายเป็นผีร้าย ขณะเดียวกันหากล้มเหลว วิญญาณเขาจะหายไป ทุกอย่างจะถูกลบ มันจะดีกว่าถ้าถูกหลอมเป็นยา” น้ำเสียงซูหมิงกึกก้อง พลันมีเสียงอึกทึกสนั่นหูดังมาจากท้องฟ้า
ท้องฟ้าแจ่มใสยามนี้มีเมฆดำปกคลุม สายฟ้ากลายเป็นมังกรแสงหลายตัวระหว่างเมฆปรากฏตัวอย่างชัดเจน ทั้งยังมีสายฟ้าผ่าลงมาทางซูหมิง จะให้กล่าวจริงๆ คือผ่าลงมาใส่เด็กชายข้างซูหมิง!
เสียงระเบิดดังสนั่น เสียงนั้นปานระเบิดในใจอูตัว ทำให้เขาเกิดความรู้สึกหวาดกลัว เขาเห็นกับตาว่าหลังจากเด็กชายถูกสายฟ้าผ่าแล้วก็ตัวสั่นอย่างรุนแรง ใบหน้าพลันแห้งเหี่ยว กรีดร้องเสียงแหลม แววตาไม่มีความแค้นอีก แต่กลายเป็นหวาดกลัวสุดขีด กระทั่งยังอ้อนวอนขอชีวิต
อูตัวกลืนน้ำลายโดยไม่รู้ตัวแล้วมองซูหมิง เห็นยามนี้ซูหมิงยังคงสงบนิ่ง ก็พลันเกิดความหนาวในจิตใจ
‘บุคคลนี้ลงมือเหี้ยมโหดและเด็ดขาด….ขั้นพลังไม่ธรรมดา ในตัวมีของวิเศษลึกลับยากจะคาดเดา วิชาก็ไม่เคยเห็นมาก่อน คนแบบนี้หากไม่จำเป็นจริงๆ ข้าจะไม่ล่วงเกินเป็นอันขาด! ต่อให้จำเป็นจริงๆ ก็ต้องหลีกอย่างเต็มที่ จะเผชิญหน้าตรงๆ ไม่ได้’ สภาพจิตใจอูตัวแปรเปลี่ยนหลายครั้งตลอดการเดินทางกับซูหมิง จนถึงตอนนี้ก็มั่นใจแล้ว
เสียงระเบิดดังก้องอย่างต่อเนื่อง สายฟ้าประหนึ่งถูกแผ่นดินเหนี่ยวนำ ผ่าลงมาหลายเส้น ตรงเข้าใส่เด็กชายข้างซูหมิง เสียงระเบิดดังติดต่อกันมากกว่าครึ่งชั่วยามและรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ จนสุดท้ายสายฟ้าทุกเส้นที่มีขนาดหนาราวถังน้ำผ่าลงมาประดุจสวรรค์ลงโทษ
จนกระทั่งช่วงที่สายฟ้าอีกหนึ่งเส้นผ่าลงมา อูตัวตะลึงมากขึ้น เขาถอยหลังไปหลายร้อยจั้งอย่างไม่ลังเล เพราะสายฟ้าที่ผ่าลงมาในครั้งนี้เป็นสีม่วง!
สายฟ้าสีม่วงแฝงไว้ด้วยพลังทำลายล้างตรงเข้าใส่เด็กชาย
ซูหมิงยังคงเงยหน้ามองท้องฟ้า ยามนี้ขมวดคิ้ว แอบถอนหายใจ เขารู้ว่าการหลอมในครั้งนี้คงจะไม่สำเร็จแล้ว การใช้วิธีแบบนี้ในการหลอมโอสถชิงวิญญาณยากกว่าปกติมากนัก
ช่วงที่ซูหมิงถอนหายใจ สายฟ้าสีม่วงเข้ามาใกล้เด็กชาย เด็กชายพลันตัวสั่น ก่อนถูกสายฟ้าผ่าลงตรงกลางหน้าอก ตัวเขาปริแตก ตรงหน้าอกพลันกลายเป็นควันสีเทาลอยขึ้น เหนือหน้าอกขึ้นไปแตกออกเป็นเสี่ยงๆ ช่วงที่รอยแตกลุกลามไปจนถึงคอ ซูหมิงส่ายศีรษะ ใช้มือซ้ายจับศีรษะเด็กชายที่ยังเหลืออยู่ แล้วส่งสายฟ้าในร่างกายเข้าไป เมื่อปะทะกับสายฟ้าที่ลุกลามมาจึงกลายเป็นเสียงระเบิด
ผ่านไปครู่หนึ่ง เมื่อเมฆดำบนท้องฟ้าหายไป ซูหมิงยืนอยู่กลางอากาศ มือซ้ายหิ้วศีรษะเด็กชาย ตรงคอเป็นรอยไหม้เกรียม
ขณะเดียวกันในมือซูหมิงยังมีถุงสานหนึ่งใบ
นี่เป็นถุงของเด็กชายที่ซูหมิงเก็บเอาไว้ก่อนถูกทำลาย เขาไม่ได้เปิดถุงสาน แต่ใส่มันไว้ในอกเสื้อ แล้วหมุนตัวกลับไปโยนศีรษะให้วานรเพลิง ก่อนจะมองอูตัว
“น่าเสียดาย ล้มเหลวแล้ว”
อูตัวยิ้มแห้งๆ มองอกเสื้อซูหมิงแวบหนึ่งเหมือนอยากกล่าวอะไรบางอย่าง ทว่าสุดท้ายก็เงียบ ยามนี้ในใจเขาสับสนและสงสัยเล็กน้อย ก่อนหน้านี้ที่เขาใช้วิชาเชมัน เดิมทีคิดว่าซูหมิงต้องตายแน่ ฉะนั้นถึงได้ยอมเผยฐานะตัวเอง และใช้วิชาเชมันเพื่อสกัดกั้นพลังแห่งเงามืดจู๋จิ่ว
เขาไม่รู้ว่าซูหมิงสังเกตเห็นหรือไม่ อีกทั้งการลงมืออันเหี้ยมโหดกับพลังในการต่อสู้ลึกลับของซูหมิงทำให้อูตัวหวาดกลัวยิ่งนัก
วานรเพลิงนำศีรษะเด็กชายผูกไว้ตรงเอว เมื่อครู่นี้แม้มันมีใบหน้าแห้งเหี่ยวเล็กน้อย ทว่ากลับไม่ลืมไปตรงจุดที่ซูหมิงต่อสู้กับชายร่างกำยำ มันหาศีรษะเจอครึ่งหนึ่งแล้วนำมาผูกไว้ตรงเอว ขณะกำลังหมุนตัวกลับ ศีรษะห้าคนกระแทกเข้าใส่กัน แลดูน่าสะพรึงเล็กน้อย
“สหายอู เผ่าเชมันกลุ่มต่อไปอยู่ที่ใด?” ซูหมิงเก็บโอสถชิงวิญญาณ ตรงระหว่างคิ้วขยับแสงดำ กระบี่เล็กบินกลับมา ก่อนกล่าวกับอูตัวอย่างสงบนิ่ง
อูตัวเงียบไปครู่หนึ่ง เดิมทีเขามีนิสัยไร้ความปรานีอยู่แล้ว ยามนี้มีสีหน้าเด็ดขาด ไม่ปิดบังอะไรอีก ชี้ไกลออกไป
“ราวสองพันลี้ยังมีเผ่าเชมันอยู่อีก ตามข้อมูลของข้ามีอยู่สองคน ทว่าก็อาจเกิดเหตุการณ์ไม่คาดคิดได้”
“เช่นนั้นพวกเราไปกันเลยดีรึไม่?” ซูหมิงยิ้ม
อูตัวพยักหน้า ก่อนประสานมือคารวะซูหมิงแล้วห้อเหยียดนำไป ซูหมิงยังคงตามหลังอยู่เหมือนเดิม ส่วนวานรเพลิงแบกขวานสงครามขึ้นหลังแล้วตามไป
เพียงแต่ว่าขวานของมันละลายไปมากกว่าครึ่งแล้วตอนรับมือกับสัตว์ประหลาดหน้าคนตัวเป็นงู ยามนี้เสียหาย มีเพียงด้ามขวานธรรมดาๆ ที่ยังสภาพดี ไม่รู้ว่ามันสร้างจากสิ่งใดถึงทนทานเช่นนี้
วานรเพลิงตามหลังซูหมิง ขณะห้อเหยียดบางครั้งก็หยิบขวานมาสะกิดขนศีรษะเบาๆ ไม่รู้ว่าคิดอะไรอยู่ มันจับคมขวานชำรุดมากัด เหมือนถูกคมขวานบาดฟันเล็กน้อย หลังจากปล่อยแล้วใช้มือดึงคมขวานออกจากด้าม แล้วโยนลงพื้น ก่อนสะบัดด้ามขวานที่ไม่มีคมขวานอยู่
ดีที่ว่าด้ามขวานยาวเหมือนไม้พลอง ขณะวานรเพลิงแกว่งในมือก็เกิดเป็นเสียงหวืดๆ มันดูยิ้มแย้มดีใจ แบกด้านขวานไว้บนบ่าแล้วบินตามซูหมิงไป
สองคนหนึ่งวานรห้อเหยียดอยู่บนท้องฟ้า
เมื่อเข้าสู่ยามโพล้เพล้ก็มาไกลหลายพันลี้ หลังจากหลุดชั่วคราวแล้ว มีเสียงระเบิดและกรีดร้องดังแว่วมาจากตรงนั้น ตอนที่ซูหมิงกับอูตัวจากไป ตรงเอววานรเพลิงด้านหลังพวกเขามีศีรษะชุ่มโลหิตเพิ่มมาสองหัว
เป็นเช่นนี้ไปตลอดทาง ซูหมิงกับอูตัวต่างมีสิ่งที่ต้องการ ทั้งสองคนรู้กันมากขึ้น บวกกับมีวานรเพลิงกับเหอเฟิงช่วยลงมือเป็นบางครั้ง สิบวันต่อมา ศีรษะตรงเอววานรเพลิงมีมากกว่ายี่สิบหัว และก็ไม่รู้ว่ามันแขวนอย่างไรถึงไม่มีหล่นสักหัว ตอนนี้มันจึงดูเหมือนสวมชุดศีรษะคน
เดิมทีอูตัวเองก็ไม่ธรรมดา ซูหมิงก็มีทักษะการต่อสู้สูงกว่าขั้นพลัง การร่วมมือกันของทั้งสองคน กล่าวได้ว่าประดุจสร้างฝนโลหิตในขอบเขตเมืองหมอกนภา
จนท้ายที่สุด ทั้งสองคนประสานงานกันเป็นอย่างดี อูตัวออกตามหาแล้วล่อความสนใจเผ่าเชมัน ส่วนซูหมิงใช้ความเร็วน่าทึ่งลงมือพร้อมกับอูตัว ส่วนใหญ่แล้วจะเป็นกลุ่มชาวเผ่าเชมันสามคน การโจมตีแต่ละครั้งส่วนใหญ่ต้องตายหนึ่งบาดเจ็บสอง มีตายสองบาดเจ็บหนึ่งบ้าง ส่วนคนที่เหลือย่อมมิใช่คู่ต่อสู้ของซูหมิงกับอูตัว
การเข่นฆ่าดำเนินต่อไปจนกระทั่งผ่านไปครึ่งเดือนถึงหยุดลง เพราะเมืองหมอกนภาอยู่ไม่ไกลแล้ว
ซูหมิงยืนอยู่บนยอดเขาเตี้ยลูกหนึ่ง มองจากตรงนั้นจะเห็นไกลๆ ว่าเป็นกำแพงเชื่อมฟ้าดินโออ่าสง่างาม นอกจากนี้แล้ว สิ่งแรกที่ทำให้ผู้พบเห็นทุกคนต้องหายใจกระชั้นถี่คือ…เมืองยิ่งใหญ่แห่งหนึ่ง!
“สหายโม่ ข้าดีใจมากที่ได้ร่วมมือกับเจ้าในช่วงหลายวันมานี้ ตอนแรกที่เสียมารยาทไป หวังว่าสหายโม่จะไม่ถือสา” อูตัวยืนอยู่ข้างๆ บนตัวมีโลหิตแห้งกรังไม่น้อย สีหน้าเหนื่อยล้าเล็กน้อย ทว่านัยน์ตากลับเปล่งประกาย
“ตอนนี้ถึงเมืองหมอกนภาแล้ว ด้วยความเร็วของสหายโม่ ไม่นานก็คงถึง แซ่อูยังมีธุระอื่นอีก เช่นนั้น…” อูตัวกำลังกล่าว
พลันมีเสียงอูอูดังแว่วมาจากเมืองหมอกนภา เสียงนั้นดูผ่านเวลามาอย่างโชกโชน ทำให้คนหัวใจเต้นแรง ราวกับแฝงไว้ด้วยพลังพิลึก
เสียงนั้นซูหมิงค่อนข้างคุ้นหู….
ส่วนอูตัวหน้าเปลี่ยนสี