ตอนที่ 335 สิบสองเงามืดแห่งบรรพบุรุษเชมัน
ซูหมิงใกล้จะลืมเสียงนั้นไปแล้ว ในความทรงจำเขา
เสียงนั้นราวกับหายไปนานแสนนาน ทว่ายามนี้เมื่อเสียงนั้นดังขึ้น สิ่งที่สั่นสะทานมิใช่เพียงร่างกาย ยังมีจิตใจเขาด้วย
เสียงนั้นเดี๋ยวใกล้เดี๋ยวไกล เหมือนกับเสียงที่เขาได้ยินในตอนนั้น ทว่าที่ต่างกันคือเสียงนี้ดูร้อนรน คลับคล้ายจะร้องไห้
“พี่…ใกล้จะไม่ทันแล้ว…พี่ชาย…”
“พี่ชาย ตื่นๆ…..ตื่นๆ…..”
“พี่ชาย….เขากำลังขัดขวาง….”
“พี่ชาย….”
ซูหมิงพลันลืมตาขึ้น เหงื่อชุ่มไปทั้งตัว ช่วงที่เขาลืมตา เสียงทุกอย่างกลับมาเป็นเหมือนเดิม เสียงร้องของวานรเพลิง เสียงของอูตัว และยังมีเสียงหัวเราะเย็นชาของเด็กชาย
โลกซึ่งแตกเป็นเสี่ยงๆ ตรงหน้าฟื้นฟูกลับมาอย่างรวดเร็ว ภาพแรกที่เขาเห็นหลังจากลืมตาคือวานรเพลิงอยู่ตรงหน้าเขา กำลังถอยอย่างเร็ว ตรงหน้าวานรเพลิงถือขวานคือ….
สิ่งที่หน้าเป็นคนตัวเป็นงู ศีรษะเป็นสีแดงฉาน ขนาดใหญ่สิบจั้ง อ้าปากกว้าง ภายในปากมีเปลวเพลิงกำลังแผดเผา ลำตัวเป็นภาพมายา ทว่ากลับทำให้วานรเพลิงร้องพร้อมกับล่าถอยไม่หยุด
ขนสีแดงของวานรเพลิง ยามนี้ทึบลงด้วยความเร็วระดับสายตา ทั้งยังมีที่หลุดร่วงไม่น้อย เหมือนว่ามันยืนหยัดต่อไปอีกไม่ไหวแล้ว ส่วนขวานสงครามที่มันใช้ขวางสัตว์หน้าคนตัวเป็นงู ยามนี้ตรงคมขวานละลายอย่างรวดเร็ว
อูตัวอยู่ตรงนั้น ตอนนี้กำลังรับมือกับสิ่งที่มีหน้าคนตัวงูเช่นกัน อูตัวมีสีหน้าจริงจัง รอบตัวมีน้ำแข็งนับไม่ถ้วน หมุนวนเป็นพายุ เขาอยู่กลางพายุน้ำแข็ง ยกมือขวาขึ้นและทำสัญลักษณ์มือประหลาดๆ ทันใดนั้น ขนแขนขวาทั้งหมดหลุดร่วงพร้อมกัน
“คืนสู่แผ่นดิน!” อูตัวตะโกนเสียงต่ำ ทั้งแผ่นดินสั่นสะเทือน ต้นหญ้าสีเขียวถูกสายลมพัดผ่าน บนพื้นปรากฏวงแหวนยักษ์ขยับแสงสีฟ้าวิบวับ พลังไร้รูปปะทุมาจากแผ่นดิน ตอนพลังเพิ่งปะทุมีพื้นที่กว้างใหญ่ยิ่งนัก ทว่าตอนที่ลอยขึ้นกลับหดเล็กลง จนในที่สุดก็มีขนาดเพียงสิบจั้ง ทุกส่วนเป็นแสงสีฟ้า หากมองไกลๆ จะเหมือนแสงสีฟ้าพุ่งมาจากแผ่นดิน ทะลวงผ่านสัตว์ประหลาดตัวเป็นงูหน้าเป็นคน
ทันทีที่สัตว์ประหลาดถูกทำลาย ศีรษะเด็กร้องอย่างน่าเวทนาและแห้งเหี่ยวลงอย่างรวดเร็ว ทุกอย่างเกิดขึ้นในชั่วพริบตา หลังจากซูหมิงลืมตาก็เห็นสิ่งนี้อยู่ในภาพแรกด้วย
เห็นวานรเพลิงทนไม่ไหวแล้ว ซูหมิงรู้ว่าศิษย์พี่ใหญ่มอบทาสที่แปลงเป็นกำไลให้ เพียงแต่ว่าจะปกป้องตนเท่านั้น ไม่ปกป้องวานร ส่วนเหอเฟิงก็ยิ่งไม่ถูกกับวานรเพลิง บวกกับซูหมิงยังไม่เป็นอันตราย เขาจึงมีเหตุผลที่ไม่ลงมือ
ซูหมิงเดินหน้าหนึ่งก้าวโดยไม่ต้องคิด เมื่อเหยียบเท้าลง เขามาปรากฏตัวอยู่หน้าวานรเพลิง จากนั้นออกแรงไปด้านหลัง ใช้พลังอ่อนนุ่มผลักวานรเพลิงให้ถอยไป ทันใดนั้นศีรษะสัตว์ประหลาดคำรามเสียงดังแล้วตรงเข้าใส่ซูหมิง
นัยน์ตาซูหมิงเผยจิตสังหาร เขาได้สัมผัสถึงความพิลึกของวิชาเผ่าเชมันมากขึ้นอีกครั้งแล้ว แทบจะเป็นช่วงที่สัตว์ประหลาดตรงหน้าทะยานมา ซูหมิงยกมือขวาวาดหนึ่งลายเส้นออกไป
หนึ่งลายเส้นนี้คือหนึ่งลายเส้นแห่งการสร้าง มันมีชื่อไพเราะอยู่ เขาเรียกมันว่าหมานสังหาร!
เมื่อใช้หมานสังหาร ศีรษะหน้าคนตัวงูกลายเป็นภาพบนกระดาษ ซูหมิงลากเส้นยาวประหนึ่งจะแยกตัวสัตว์ประหลาดบนกระดาษ
เมื่อหนึ่งเส้นลากผ่าน ฟ้าดินเปลี่ยนสี เมฆลมม้วนตัว สัตว์ประหลาดตรงหน้าซูหมิงสั่นไหวอย่างรุนแรง ร้องคำรามแหลม ขณะเดียวกับที่มันสัมผัสซูหมิงก็แยกออกเป็นสองส่วน ก่อนลอยผ่านทั้งสองด้านของซูหมิง กลายเป็นควันสีแดงหายไป
แทบจะพอดีกับตอนสัตว์ประหลาดถูกทำลาย ซูหมิงหรี่ม่านตาลง เขาพบว่าแม้สัตว์ประหลาดจะหายไป แต่กลับยังมีควันสีแดงอยู่ มันทะลวงเข้าสู่ร่างกายเขาด้วยความเร็ว แล้วมุดเข้าไปในระฆังเขาหาน หนอนไม้พลองพิลึกในระฆังพลันสูบมันไปในอึกเดียวแล้วเผยสีหน้ามีความสุข
ซูหมิงใจสั่นไหว ทว่ายามนี้มิใช่เวลาจะมาคิด ขณะเดียวกับที่สัตว์ประหลาดตายลง ศีรษะเด็กบนท้องฟ้าร้องโหยหวนอีกครั้งและแห้งเหี่ยวเร็วขึ้น โดยเฉพาะดวงตาที่มีโลหิตสีดำไหล ดวงตานั้นถูกซูหมิงกับอูตัวใช้วิธีที่ต่างกันทำลาย
ศีรษะเด็กร้องโหยหวนพร้อมกับถอยอย่างรวดเร็ว เวลาเดียวกัน ร่างที่ตกลงสู่พื้นยามนี้ลุกยืนแล้วลอยขึ้นมา เหมือนอยากจะรวมเข้ากับศีรษะอีกครั้ง
“สิบสองเงามืดแห่งบรรพบุรุษเชมันผู้เป็นอมตะ พลังแห่งจู๋จิ่ว กาลเวลาหนึ่งร้อยแปดสิบปี ปลดปล่อย!” เมื่อศีรษะเด็กชายถอยไปรวมกับตัวเรียบร้อยก็กล่าวเช่นนี้ออกมา
“กาลเวลาหนึ่งร้อยแปดสิบปี ข้าว่าอยู่เหตุใดเจ้าถึงแข็งแกร่งเช่นนี้ ที่แท้ก็เป็นขีดสูงสุดของเชมันระดับต้น ยับยั้งอายุหนึ่งร้อยแปดสิบปีไว้เพื่อทะลวงสู่ผู้ดูดวิญญาณเชมันระดับกลาง!
แถมยังหลอมตัวเองเป็นหุ่นเชิด มีวิชาอมตะ เป็นวิชาต้องห้ามในหมู่ผู้ดูดวิญญาณแห่งเผ่าเชมัน!” อูตัววูบไหวตัวอยู่ข้างๆ ยกมือขวาขึ้น พลันมีไอหนาวกระจายมาจากฝ่ามือเขา และกลายเป็นชั้นน้ำแข็งปกคลุมตัวหลายชั้น ทั้งยังมีเสียงกึกๆ ก้องกังวาน ชั้นน้ำแข็งแผ่ขยายอย่างรวดเร็ว ก่อนตรงเข้าใส่ศีรษะเด็กชาย
ขณะชั้นน้ำแข็งแผ่ขยาย อูตัวเงยหน้าตะโกนขึ้นฟ้า ขนบนตัวเขายามนี้หลุดร่วงพร้อมกัน แม้แต่ขนคิ้วยังบางลงไม่น้อย ชั้นน้ำแข็งที่ตรงเข้าใส่เด็กชายพลันขยายตัวขึ้นสิบเท่าและรวดเร็วยิ่งขึ้น ยามศีรษะเด็กชายรวมกับตัว ขยับแสงทึบวิบวับปานเย็บเข้าด้วยกันแล้ว ก็มีเสียงระเบิดสะท้านฟ้าดังมาจากในชั้นน้ำแข็ง ตัวเด็กชายพลันถูกน้ำแข็งปกคลุมจนกลายเป็นรูปปั้นน้ำแข็งลอยอยู่กลางอากาศ
“สหายโม่ วิชาน้ำแข็งของข้าผนึกเขาได้เพียงครึ่งเค่อ (ราว 7 นาที) เมื่อเขารวมร่างเสร็จก็จะปลดปล่อยกาลเวลาหนึ่งร้อยแปดสิบปีโดยไม่สนใจเรื่องทะลวงเชมันระดับกลางอีก หลังรวมกับร่างอมตะแล้ว พวกเราแทบจะสังหารเขาไม่ได้เลย! หากพลาดแม้แต่นิดเดียวจะต้องบาดเจ็บสาหัส ต่อให้สังหารเขาก็ได้ไม่คุ้มเสีย
ข้าว่าพวกเราถอยกันดีกว่า ไปตามล่าพวกเชมันคนอื่นๆ จะต้องมีอีกไม่น้อยแน่ และยังได้ผลที่เร็วกว่า!” อูตัวคิดถอย เขารู้ว่าการจะสังหารผู้ดูดวิญญาณเผ่าเชมัน หากไม่ยอมจ่ายสักเล็กน้อยก็ยากจะสังหาร สำหรับเขาแล้วไม่ค่อยคุ้มนัก
ขณะอูตัวกล่าวมีเสียงกึกๆ ดังขึ้น น้ำแข็งที่ผนึกเด็กชายพลันเกิดรอยร้าว เด็กชายข้างในค่อยๆ เงยหน้า ดวงตาประหลาดเปล่งแสงสีเทาจ้องซูหมิงกับอูตัวด้วยความชั่วร้าย ราวกับจะจดจำพวกเขาทั้งสองเอาไว้ให้แม่น
“ไป!” อูตัวขมวดคิ้ว ขยับตัวเตรียมจะถอย ทว่าซูหมิงกลับนิ่ง เขาจ้องเด็กชายในน้ำแข็ง นัยน์ตามีจิตสังหาร
วานรเพลิงอยู่ด้านหลังซูหมิง ขนเป็นสีดำทึบ มีสีหน้าห่อเหี่ยวเล็กน้อย นี่เป็นสิ่งที่ซูหมิงยอมรับไม่ได้
“รอเดี๋ยว!” ซูหมิงกล่าวเรียบๆ เขานึกถึงภาพที่ชายร่างกำยำตายตกด้วยโอสถชิงวิญญาณ จึงใช้มือขวาหยิบโอสถชิงวิญญาณสามเม็ดมาจากอกเสื้ออย่างเร็ว แล้วพลันโยนไปด้านหน้า โอสถชิงวิญญาณทั้งสามตรงไปทางน้ำแข็งที่ผนึกเด็กหนุ่มอย่างรวดเร็ว
ขณะโอสถทั้งสามเม็ดตรงเข้าไปก็เกิดเสียงฉีกแยกมวลอากาศจนมาอยู่รอบก้อนน้ำแข็ง ก่อนกระแทกเข้าใส่รูปปั้นผนึกเด็กชาย
ช่วงที่โอสถชิงวิญญาณปรากฏ อูตัวที่อยู่ไกลออกไปพลันหรี่ตาลง ลมหายใจกระชั้นเล็กน้อย เขาจ้องโอสถชิงวิญญาณสามเม็ดเขม็ง ท่าทางดูเหลือเชื่อ
เด็กชายสีหน้าเปลี่ยนเช่นกัน อ้าปากหลุดเสียง ทว่าไม่มีเสียงใดออกมา แต่ถึงกระนั้นก็เห็นถึงความกลัวจากสีหน้าและแววตา เดาได้ว่าเขาจะต้องรู้จักโอสถชนิดนี้ อีกทั้งยังหวาดกลัวมันด้วย
ในจุดนี้ ซูหมิงคาดการณ์ได้จากการที่โอสถชิงวิญญาณสังหารชายร่างกำยำได้ ยามนี้จึงลองหยั่งเชิงดู เขายกมือขวาขึ้นชี้นิ้ว โอสถชิงวิญญาณสามเม็ดพลันเปล่งแสงทึบเด่นชัด ทะลุผ่านชั้นน้ำแข็งตรงเข้าสู่เด็กชาย
เด็กชายพยายามดิ้นรน สีหน้าดูตื่นกลัว ชั้นน้ำแข็งเกิดรอยร้าวมากขึ้นจากการดิ้นรน เสียงอึกทึกก้องกังวาน รอยร้าวหลายเส้นเชื่อมเข้าด้วยกันจนแตกกระจายในที่สุด
เด็กชายดิ้นรนอย่างรุนแรง ทว่าหมอกดำจากโอสถชิงวิญญาญลุกลามไปจนถึงชั้นน้ำแข็งอย่างเร็วรี่ เมื่อสัมผัสกับตัวเด็กชายแล้วก็ทะลวงเข้าไปในร่างกาย เด็กชายใบหน้าบิดเบี้ยวเหมือนร้องอย่างน่าเวทนา ตัวเขาสั่นเทิ้ม ควันสีเทาจำนวนมากหลั่งทะลักมาจากทุกส่วนของร่างกาย และตรงเข้าสู่โอสถชิงวิญญาณทั้งสามเม็ด
เด็กชายดูเจ็บปวดยิ่งนัก เขาพลันตัวสั่นอย่างรุนแรง ชั้นน้ำแข็งรอบตัวทนไม่ไหว ระเบิดกระจายมากกว่าครึ่ง ทำให้ด้านหน้าเด็กชายที่อยู่ในชั้นน้ำแข็งเกือบครึ่งตัวไม่มีน้ำแข็งอีก ทว่าโอสถชิงวิญญาณลอยนิ่งอยู่ตรงนั้น ทำให้เด็กชายร้องโหยหวน พยายามดิ้นรนอย่างรุนแรง ดูจากท่าทางแล้วเหมือนเด็กชายจะถูกพันธนาการเอาไว้ สีหน้าสิ้นหวังทั้งยังเหลือเชื่อและไม่เคยคาดคิด ประหนึ่งว่าเรื่องที่ซูหมิงใช้โอสถชิงวิญญาณทำให้เขาตื่นตะลึงอย่างยิ่ง
“ไข่มุกดูดวิญญาณ! มีเพียงเชมันระดับสูงสุดเท่านั้นถึงจะหลอมมันได้!” ช่วงที่เด็กชายกล่าวด้วยเสียงแหบแห้ง ซูหมิงเดินหน้ามาหนึ่งก้าว
แววตาเขาเย็นชา ตอนที่เข้าใกล้เด็กชาย แสงดำขยับวิบวับในมือ กระบี่เล็กสีดำพลันลากผ่านหน้าอกเด็กชาย เปิดแผลตรงหน้าอกออก
ขณะเดียวกัน อูตัวที่อยู่ไกลออกไปมีใบหน้าซีดขาวและยังไม่เข้าใจ เหตุการณ์นี้ทำให้เขาไม่มีวันลืมไปชั่วชีวิต และไม่มีความคิดชั่วร้ายกับซูหมิงอีก
เขาเห็นว่าคนแซ่โม่ผู้นี้มีใบหน้าเย็นชา หลังจากฟันเปิดหน้าอกเด็กชายที่พยายามดิ้นรนแต่ขยับตัวไม่ได้ โม่ซูก็หยิบสมุนไพรกองใหญ่มาจากอกเสื้อ เลือกมาหลายต้นแล้วปักเข้าไปในบาดแผลเด็กชาย ท่าทางดูชำนาญเหมือนเคยทำมาหลายครั้ง…
‘เขา…เขากำลังทำอะไร…’ อูตัวหัวใจเต้นแรง มองซูหมิงปักสมุนไพรเข้าไปในบาดแผลของเด็กชายหลายต่อหลายต้น ทุกต้นที่ปักเข้าไปจะเติบโตขึ้นอย่างน่าอัศจรรย์ กระทั่งเพียงครู่เดียว โม่ซูก็หยิบกระดูกที่มีสมุนไพรเติบโตอยู่ออกมาอีกหลายชิ้น แล้วเก็บเกี่ยวสมุนไพรก่อนปักลงไป
เด็กชายก็ตื่นกลัวเช่นกัน เขาเห็นทุกอย่างที่ซูหมิงผู้มีใบหน้าเรียบเฉยทำกับตาตัวเอง สีหน้าจึงสิ้นหวังถึงขีดสุด
“เจ้า….เจ้ากำลังทำอะไร!” เด็กชายเสียงสั่น
“หลอมยา!” ซูหมิงตอบด้วยน้ำเสียงเย็นชา