Skip to content

หนึ่งกระบี่นิจนิรันดร์ 245


บทที่ 245 กองทัพมังกร! (ต้น)

ขณะที่ทัวป้าเหยียนประกาศก้อง ทหารองครักษ์เกราะเหล็กที่สวมหน้ากากปีศาจนับสิบนายต่างกรูกันเข้ามาเต็มท้องพระโรง ในมือแต่ละคนถือกระบี่ขนาดใหญ่ ลักษณะใบมีดคมกริบปรากฎรังสีอำมหิตฉายชัด

เบื้องหน้าของทัวป้าเหยียน ชายสวมผ้าคลุมสีดำยืนกอดอกนิ่ง ท่าทางไม่สะดุ้งสะเทือนทั้งเสียงกล่าวยังใจเย็น “ฮ่องเต้ทัวป้า แน่ใจนะว่าพระองค์ทรงไตร่ตรองดีแล้วพ่ะย่ะค่ะ?”

ฮ่องเต้สตรีเอนหลังพิงพนักพระราชอาสน์มังกร รับสั่งเสียงเฉียบขาด “ไสหัวไปเสีย!” ชายสวมชุดดำผงกศรีษะช้าๆ “ทรงคอยดูผลที่จะตามมาก็แล้วกัน!” จากนั้นคนพูดหันหลัง พลันร่างเลือนหายไปอย่างรวดเร็ว

ต่อมาไม่นานปรากฏร่างหนึ่งชายชราและหนึ่งหญิงชราขึ้นเงียบๆ เบื้องหลังพระราชอาสน์ของฮ่องเต้ทัวป้าเหยียน ชายชราเอ่ยขึ้นก่อนสุ้มเสียงมีแววกังวลอย่างไม่ปกปิด “ฝ่าบาท ทรงทำเช่นนี้ยิ่งจะสร้างความขุ่นเคืองให้แก่สถานศึกษาฉางมู่แห่งต้าอวิ๋นนะพ่ะย่ะค่ะ!”

อีกฝ่ายพึมพำแผ่วเบาทว่าแจ่มชัด “ถ้าข้าทำอย่างที่พวกเขาต้องการโดยส่งกองทหารเข้าไปแคว้นเจียง อะไรจะเกิดขึ้นกับทหารและประชาชนของเรา? เรื่องที่มีต้นเหตุจากชีวิตของศิษย์ฉางมู่ แต่พลเมืองและทหารของเรารู้เห็นอะไรด้วย? พวกมันคิดสั่งให้ข้าส่งคนของเราไปตายอย่างนั้นหรือ? ฝันไปเถอะ!”

เสียงชายชรากล่าวสืบไป น้ำเสียงยังคงเคร่งเครียด “ข้าเกรงว่าพวกเขาจะไม่เลิกราน่ะสิ ฝ่าบาท!” ทัวป้าเหยียนหลับตาลงพลางกล่าวช้าๆ “ส่งคนไปแจ้งอดีตฮ่องเต้ คนไร้ยางอายพวกนี้ต้องให้คนที่มันยำเกรงมากำราบ!”

ทัวป้าฝู่! ทันทีที่ได้ยินชื่อนั้น ชายชราตะลึงไปชั่วขณะพลันพยักหน้ารับ “พ่ะย่ะค่ะ!” จากนั้นจึงกลับออกไป

ทัวป้าฝู่ บุรุษผู้เป็นตำนานแห่งแคว้นหนิง!

พลันสตรีสูงวัยก้าวออกมาเบื้องหน้าฮ่องเต้สตรีทัวป้าเหยียน เสียงทูลรายงานราบเรียบ “ฝ่าบาท การปกครองภายในแห่งอาณาจักรต้าอวิ๋นเวลานี้เสื่อมทรามลงมาก อีกอย่างฮ่องเต้เกาซานก็ทรงรวบอำนาจการปกครองไว้เพียงคนเดียว……เกรงว่าแผ่นดินชิงจะสงบสุขได้อีกไม่นาน อย่างไรเสียทรงเตรียมแผนรับมือไว้เสียแต่เนิ่นๆ เถิดเพคะ!”

หญิงสาวพยักหน้า “แผนน่ะมีแล้ว พวกเราพร้อมที่จะเผชิญหน้ากับทุกอย่างได้ทุกที่ทุกเวลา” กล่าวจบก็ผุดลุกขึ้นและเดินไปหยุดยืนที่ปากประตูทางเข้าท้องพระโรง สายตาทอดมองไกลออกไปที่สุดขอบฟ้า ปรากฏแววตาเศร้าสลดลึกล้ำเจือจาง “กองกำลังทั้งหลายที่อยู่ภายนอกนั่น เห็นเราเป็นตัวประกอบของความขัดแย้งเท่านั้น……ชีวิตของประชาชนธรรมดามีค่าเพียงมดปลวกในสายตาของพวกมัน!”

สตรีชราไม่กล่าวว่ากระไร ได้แต่ค้อมศีรษะลงต่ำนิ่งเงียบไป เสียงของผู้เป็นฮ่องเต้สั่งการทันควัน “ส่งคนไปคอยเฝ้าดูความเคลื่อนไหวของแคว้นเจียงด้วย” อีกฝ่ายผงกศีรษะก่อนถอยไป

ณ แคว้นเจียง

เมื่อได้ข่าวว่ามีกองกำลังต่างแดนกำลังบุกมา ทั่วทั้งแคว้นเจียงต่างตื่นตัวยกใหญ่ บัดนี้มีสามแคว้นกำลังมุ่งหน้ามา! ในอีกไม่ช้าไม่นาน แคว้นเจียงจะถูกล้อมรอบไว้ด้วยกองกำลังของแคว้นศัตรู! เวลาเช่นนี้หากใครจะบอกว่าไม่ตระหนกตกใจ คนผู้นั้นเท่ากับกำลังโป้ปดมดเท็จ!

ภายในวังหลวงแคว้นเจียง เหล่าขุนนางที่ในท้องพระโรงต่างกำลังวิพากษ์วิจารณ์ต่อเหตุการณ์จนเสียงเอะอะอื้ออึง ต่างฝ่ายโอภาปราศรัยกันปากต่อปาก สภาพของโถงท้องพระโรงเวลานี้จึงคึกคักไม่ต่างอะไรกับตลาดสดดีๆ นี่เอง

บนพระราชอาสน์มังกร ฮ่องเต้เจียงหยวน นิ่งงัน สีหน้าบ่งว่าทรงกำลังใช้ความคิดอย่างหนักหน่วง ไม่แน่ชัดว่าเวลาผ่านไปเท่าใดกว่าเสียงอื้ออึงจึงสงบเงียบลง พลันบุรุษสูงวัยลุกขึ้นยืนพลางค้อมกายลงต่ำแสดงคารวะต่อเจียงหยวน “ฝ่าบาท แคว้นชูและแคว้นอื่นต่างมุ่งหมายมาที่แคว้นเจียงของเราพ่ะย่ะค่ะ”

ฮ่องเต้เจียงหยวน เงยหน้าขึ้นมองตรงมายังคนพูด สีหน้าแสดงความสนใจ “ขุนนางลี่ ท่านกำลังจะแนะนำให้ข้าจับตัวผู้เยี่ยมยุทธ์แห่งแคว้นเยี่ยฉวน ส่งให้กับแคว้นชูเพื่อเป็นการไถ่โทษอย่างนั้นหรือ?” ชายชรามีทีท่าลังเลเล็กน้อย ก่อนกล่าวสืบไป “ฝ่าบาท เราต้องคำนึงถึงแคว้นมากกว่าคนเพียงคนเดียวพ่ะย่ะค่ะ!”

เจียงหยวน เสียงตอบแผ่วเบาทว่าหนักแน่นมั่นคง “แคว้นสำคัญก็จริง แต่ถ้าปราศจากผู้คน แคว้นก็ไม่อาจดำรงอยู่ ยิ่งกว่านั้นเยี่ยฉวนยังเป็นผู้เยี่ยมยุทธ์แห่งแคว้นของข้า ถ้าข้าส่งเขาเพื่อหวังจะแก้ต่างต่อแคว้นชู การนี้ยิ่งจะสร้างความอัปยศอดสูให้แคว้นเรามากขึ้นน่ะสิ!”

เมื่อพูดถึงตอนนี้ ฮ่องเต้กวาดสายตาไปที่ขุนนางที่นั่งอยู่รอบๆ “ใครมีความคิดเห็นอย่างอื่นบ้าง?” พลันชายชรามีผมสีขาวโพลนลุกขึ้นยืน ร่างที่ปรากฏออกนั้นดูแผ่วบางเลือนลาง แม้ว่าเขาจะมีเส้นผมสีขาวไปทั้งศีรษะแล้ว ทว่าดวงตากลับทอประกายวาววับทั้งคมกริบดุจมีดโกน

บุรุษผู้นี้เป็นแม่ทัพผู้มีกิตติศัพท์เลื่องลือที่สุดคนหนึ่งแห่งแคว้นเจียง หลินเซียว ทั้งยังเป็นคนที่ฝึกการรบให้แก่เจียงจิ่วด้วย!

แม่ทัพหลินเซียวเอ่ยด้วยน้ำเสียงเย็นเยียบ “ข้าไม่รู้ว่าคนอื่นจะคิดเห็นอย่างไร สำหรับข้ารู้เพียงว่าเด็กหนุ่มที่ชื่อเยี่ยฉวน คือคนคนเดียวที่ออกไปประจันหน้ากับกองทหารม้าเกราะดำแห่งแคว้นถังที่เมืองชายแดนในครั้งโน้น เขาจึงถือว่าเป็นผู้รักชาติคนหนึ่ง ถ้าจะส่งเขาไปสังเวยแลกกับอิสรภาพของแคว้น ต่อไปใครจะกล้าแสดงความรักชาติต่อแคว้นเจียงได้อีก? หรือจะมีใครลุกขึ้นสู้เพื่อแคว้นเจียงอีกเล่า?”

เขายกมือขึ้นขณะพูดต่อไปอีกว่า “ข้ามีคำพูดประโยคเดียว ถ้าจำเป็นต้องสู้ จงสู้!”

สงคราม! สิ้นเสียงคำพูดประโยคนั้น พลันบรรยากาศภายในท้องพระโรงเงียบกริบลงทันที! วาทกรรมของบุรุษคนสำคัญ ใครไหนเลยจะกล้าปฎิเสธ เขาคือคนที่แม้แต่ฮ่องเต้เจียงหยวนยังให้ความเกรงใจ มีคนเคยได้ยินว่าองค์ฮ่องเต้เองยังเคยถูกเขาตำหนิมาแล้ว! แม่ทัพหลินเซียวและฮ่องเต้เจียงหยวน เป็นประหนึ่งพี่น้องร่วมเป็นร่วมตาย!!

คนที่นั่งบนพระราชอาสน์มังกรเงียบงันไปชั่วขณะ พลันตรัสออกได้ว่า “ถ้าเราเข้าสู่สงคราม ความพร้อมของกองทหารของเรามีแค่ไหน?”

แม่ทัพหลินเซียวหยุดคิดก่อนทูลตอบว่า “ทางเรามีกองทหารที่พร้อมรบ 250,000 นาย ในจำนวนนี้ต้องสำรองไว้ห้าหมื่นสำหรับตรึงกำลังอยู่ในที่มั่นให้เป็นที่ยำเกรงของข้าศึก ยามที่แคว้นมีภัยใหญ่หลวง อาจมีการปลุกเร้าให้เกิดผู้คิดคดทรยศ ส่วนกำลังพลอีกสองแสนที่เหลือ ครึ่งหนึ่งประจำการอยู่ที่เมืองชายแดน ดังนั้นเหลือกำลังพลในการสู้รบหนึ่งแสน ข้าจะนำกำลังส่วนที่เหลือนี้ออกสู้รบต้านกองกำลังจากแคว้นชูและแคว้นเยว่เองพ่ะย่ะค่ะ!”

ฮ่องเต้เจียงหยวนฟังจนจบ พลันส่ายหน้า “ไม่เพียงพอหรอก!” แคว้นชูและแคว้นเยว่รวมกันมีกำลังพลอย่างน้อยสองแสน แล้วกำลังพลแสนเดียวจะต่อสู้กับสองแสนได้อย่างไร ไม่มีทางสู้ได้หรอก!

หลินเซียวหยุดคิดก่อนทูลตอบ “ไม่มีปัญหา แคว้นชูอยู่ไกลจากเรามาก กว่าจะเดินทางมาจากระยะทางไกลขนาดนั้น กำลังพลจะสูญเสียพลังในการสู้รบลงไปไม่น้อย แคว้นเยว่ก็เช่นเดียวกัน แต่ก็อย่าได้ประมาทกำลังทหารของพวกเขาเป็นดี ทว่าถึงกระนั้นทหารของเราก็ใช่ว่าจะไร้ฝีมือ!”

“ทางแคว้นหนิงเป็นอย่างไร?” ทันใดนั้นเสียงใครบางคนร้องถามขึ้นทันที “ท่านแม่ทัพหลิน ถ้าแคว้นหนิงเข้าสงครามรบต้านทานฝ่ายเรา จะเป็นอย่างไร?”

แคว้นหนิง! ทั่วทั้งหอโถงท้องพระโรงเงียบงันลงอีกครั้ง แคว้นมหาอำนาจที่มีอาณาเขตล้อมรอบ หากยังไม่แสดงท่าทีที่ชัดเจนเช่นนี้……นับว่าอันตรายยิ่ง! ด้วยถ้าแคว้นที่ว่าส่งกองกำลังมาปะทะที่ชายแดน ยามนั้นแคว้นเจียงคงกล่าวได้ว่าประสบหายนะครั้งยิ่งใหญ่แท้จริง!

ต่อให้มีแคว้นหนิงแคว้นเดียวทำสงครามกับแคว้นเจียง นั่นก็เท่ากับชี้ชะตาต่อแคว้นเจียงแล้ว ไม่ต้องคิดว่าจะมีกองกำลังผสมสองฝ่ายระหว่างแคว้นเยว่และแคว้นชูด้วยซ้ำไป หลังจากที่ต่างฝ่ายต่างนิ่งอั้นไปครู่ใหญ่ ฮ่องเต้เจียงหยวน ตรัสขึ้นว่า “ข้าจะส่งสารไปยังแคว้นหนิง……”

“กระหม่อมขออาสาพ่ะย่ะค่ะ!” ทันใดนั้นเสียงของคนผู้หนึ่งดังขึ้นไม่ไกลนัก ทำให้ทุกสายตาต่างหันไปมองเจ้าของเสียงนั้น เยี่ยฉวน!

— จบตอน —

ACAC

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version