Skip to content

หนึ่งกระบี่นิจนิรันดร์ 246


บทที่ 246 กองทัพมังกร! (ปลาย)

เป็นเยี่ยฉวน! ด้วยเป็นธรรมดาที่เขาย่อมรับรู้ต่อเรื่องใหญ่ที่กำลังเกิดกับแคว้นเจียง ซึ่งเหตุที่เยี่ยฉวนออกมาแสดงความรับผิดชอบกับสถานการณ์ที่เป็นอยู่ เพราะเขารู้มาจากสำนักอัปสรเมรัย ว่าผู้ที่อยู่เบื้องหลังเหตุการณ์ครั้งนี้น่าจะเป็นสถานศึกษาฉางมู่แห่งต้าอวิ๋นที่ร่วมมือกับดินแดนอันธกาล!!

ชายหนุ่มก้าวเดินตรงมาหยุดที่กลางท้องพระโรง “ข้าขออาสาไปแคว้นหนิงเองพ่ะย่ะค่ะ!” ภัยคุกคามยิ่งใหญ่ที่สุดของแคว้นเจียงในเวลานี้คือแคว้นหนิง และเขายังเป็นผู้เยี่ยมยุทธ์แห่งแคว้นหนิงด้วย ซึ่งน่าจะช่วยได้มากกว่าการส่งคนอื่นไป!

ผู้เป็นองค์ฮ่องเต้ได้ฟังดังนั้น ทรงมีทีท่าลังเลก่อนตรัสว่า “จนถึงขณะนี้แคว้นหนิงยังไม่ปรากฏท่าทีชัดเจน หากให้เจ้าไป ข้าเกรงว่า……”

ชายหนุ่มเหยียดยิ้มมุมปาก “ฝ่าบาท ขอให้ทรงเชื่อมั่นว่ากระหม่อมสามารถดูแลตัวเองได้ ยิ่งกว่านั้นแคว้นหนิงคงไม่โง่พอที่จะสังหารกระหม่อม เพราะหากเป็นเช่นนั้นเท่ากับทำลายตัวเองพ่ะย่ะค่ะ!”

เจียงหยวนนิ่งคิดนิดหนึ่ง จึงตอบกลับว่า “ได้!” เยี่ยฉวนค้อมศีรษะน้อมรับคำสั่ง จากนั้นจึงหันหลังกลับออกไปทันที ฮ่องเต้จึงหันมาตรัสกับข้าราชบริพารที่อยู่ในที่นั้น “พวกเจ้ากลับไปได้!” และทรงหันหลังกลับออกไป

เสียงวิพากษ์เอ็ดอึงในโถงท้องพระโรงยังคงดังแว่วมา ขณะที่ฮ่องเต้เจียงหยวน เสด็จเข้าสู่บริเวณตำหนักบำเพ็ญเพียร ภายในหอโถง ชายชราอดีตฮ่องเต้เจียงเยว่เทียนนั่งขัดสมาธิอยู่บนพื้น ท่าทางกำลังเล่นกับสุนัขตัวเล็กสีดำอย่างเพลิดเพลิน

ฮ่องเต้องค์ปัจจุบันพลันเอ่ยตรัสเสียงแหบแห้ง “พวกต่างแคว้นยกทัพบุกมา……แคว้นเจียงกำลังเข้าสู่สถานการณ์คับขันยิ่งนัก!”

ฝ่ายผู้ชราตอบเสียงแผ่วเบา “แคว้นเราและแคว้นถังมีเรื่องค้างคาใจที่สั่งสมมานาน สงครามครั้งนี้จึงไม่อาจหลีกเลี่ยง! ส่วนแคว้นเยว่และแคว้นชู ทั้งสองเป็นเพียงหมากตัวหนึ่งบนกระดานของสถานศึกษาฉางมู่แห่งต้าอวิ๋น แต่พวกเราก็จะประมาทพวกมันไม่ได้เช่นกัน”

เจียงหยวนพูดยอมรับเสียงเร็ว “พวกมันมีสถานศึกษาฉางมู่แห่งต้าอวิ๋นอยู่เบื้องหลัง นี่เป็นเรื่องที่ข้ากังวลใจ!” อีกฝ่ายนิ่งเงียบไปเนิ่นนาน ก่อนจะมีเสียงตอบมาว่า “ไม่มีอะไรหรอก พวกมันไม่กล้าส่งคนที่มีขั้นพลังเหนือกว่าผนึกยุทธ์มาแน่ อาจารย์ของเยี่ยฉวนเป็นคนหนึ่งที่พวกเขายำเกรง ถ้าไม่นับผู้พิทักษ์แห่งเต๋า”

ขณะนั้นผู้พูดผุดลุกขึ้นและเดินจากที่ตรงไปทางประตูหน้า ใบหน้ามองเหม่อไปที่สุดขอบฟ้า เสียงพูดราวรำพึงกับตนเอง “ข้ายอมรับว่าครั้งนี้เป็นวิกฤตครั้งใหญ่ของแคว้นเรา แน่นอนมีวิกฤตย่อมมีโอกาส……ถึงเวลาที่พวกเราจะได้รู้เสียทีว่าแคว้นหนิงคิดอย่างไร!”

แคว้นหนิง! หนึ่งในต่างแคว้นใกล้เคียง! พวกเขาไม่เกรงกลัวแคว้นอื่น! ที่สำคัญไม่มีใครรู้ว่าแคว้นหนิงมีความแข็งแกร่งเพียงใด!

ณ สถานศึกษาฉางหลาน

ก่อนเดินทางไปแคว้นหนิง เยี่ยฉวนจัดการมอบหมายหน้าที่ในความรับผิดชอบให้กับคนอื่นๆ ด้วยในการไปครั้งนี้เขาต้องการไปเพียงลำพังและไม่คิดพาคนอื่นไปด้วย เพราะการไปครั้งนี้เพื่อเจรจา ไม่ใช่ท้าตี! บัดนี้การดำเนินการของฉางหลานเริ่มเข้าที่เข้าทางแล้ว จึงสบโอกาสเหมาะที่จะวางมือให้โม่อวิ๋นฉีและพวกดูแลแทน

บนเรือเหาะ

เยี่ยฉวนหยิบแผ่นตราสัญลักษณ์ ซึ่งได้รับจากทัวป้าฝู่ขึ้นมานั่งดู! ผู้เยี่ยมยุทธ์แห่งแคว้นหนิง! ความจริงเยี่ยฉวนอึดอัดอยู่บ้างตอนที่รับแผ่นป้ายแสดงตนอันนี้ ไม่ว่าอย่างไรเขาก็ยังเป็นคนของแคว้นเจียง ทั้งไม่เคยมีอะไรเกี่ยวข้องกับแคว้นหนิงแม้แต่น้อย……

ถึงกระนั้นก็อดยอมรับไม่ได้ว่ามีแผ่นป้ายอันนี้ยังดีกว่า อย่างน้อยเขาน่าจะคุยกับแคว้นหนิงได้อย่างสันติ! พลันเยี่ยฉวนฉุกคิดขึ้นมาได้บางอย่าง เขาจึงผลักดันพลังชี่ตนเข้าสู้แผ่นตราสัญลักษณ์ ทันใดนั้นเองเกิดการสั่นน้อยๆ ที่แผ่นป้าย ฉับพลันนั้นบังเกิดพลังประหลาดไหลหลั่งเข้าสู่ท่อนแขน ไม่นานแขนข้างนั้นบวมเป่งออกมาเรื่อยๆ ขณะนั้นเองเยี่ยฉวนพลันรู้สึกว่าแขนถูกประจุด้วยพลังมหาศาล เปรียบประหนึ่งพลังที่ได้จากพืนปฐพีทีเดียว!

อย่างไรก็ตาม เขากลับรู้สึกว่าพลังชี่ภายในถูกถ่ายเทออกจนเกือบหมดสิ้น! ทันใดนั้นกระบี่หลิงซิ่วสั่นสะท้าน ความรู้สึกของเขาบอกกับตนว่ากระบี่ไม่ชอบใจนัก! เยี่ยฉวนหยุดถ่ายเทพลังในฉับพลัน ทันทีที่เขาหยุดชะงักลง พลังในแขนข้างนั้นกลับวูบหายเช่นกัน!

ชายหนุ่มออกจะประหลาดใจไม่น้อย ด้วยตนไม่คาดคิดว่าแผ่นป้ายจะมีอำนาจมากขนาดนี้! ซึ่งเขาไม่เคยใส่ใจมาก่อนด้วยซ้ำ!……ของชิ้นนี้เป็นสิ่งล้ำค่า!

เขารู้สึกตื่นเต้นขึ้นมาเล็กน้อย หากเกิดการต่อสู้ในภายหน้าคาดว่าสิ่งล้ำค่านี่จะช่วยได้ ครั้งต่อไปเขาจะเรียนรู้ให้ละเอียดถี่ถ้วนกว่านี้! น่าเสียดายที่ต้องใช้พลังชี่ไปไม่น้อยเลย!

ไม่รู้ว่าการใช้งานในแต่ละครั้ง ต้องสูญเสียศิลาจิตวิญญาณอีกมากน้อยขนาดไหน! ต้องใช้อย่างระมัดระวัง! ตั้งแต่รับตำแหน่งเป็นอาจารย์ใหญ่ เขามีค่าใช้จ่ายที่ทำให้ต้องใช้จ่ายเงินทั้งมากและง่าย!

ดังนั้นบนเรือเหาะ เยี่ยฉวนจึงเข้าสู่หอคอยแห่งเรือนจำ เพื่อฝึกฝนพลังต่อไป……ตราบใดเท่าที่ยังพอมีเวลา เยี่ยฉวนจะไม่ยอมเสียแม้สักเสี้ยววินาทีเดียว! และดำเนินไปเช่นนี้ตลอดการเดินทาง จนเวลาผ่านพ้นไป……

สองวันถัดมา เรือเหาะนำเยี่ยฉวนเดินทางมาถึงแคว้นหนิง ทันทีที่เรือเหาะเข้าเทียบท่า เยี่ยฉวนกระโดดผลุงมามาที่พื้นและเดินลิ่วเข้าสู่เมืองหลวงในพลัน

ในครั้งนี้เขามาในฐานะผู้แทนของแคว้นเจียง ดังนั้นเมื่อเขาเข้าสู่เมืองหลวง ขุนนางฑูตของแคว้นเจียงจึงเป็นคนมาคอยต้อนรับด้วยตนเอง

ชายสูงอายุผิวคล้ำผู้หนึ่งก้าวออกมาหยุดที่เบื้องหน้าเยี่ยฉวน พลันแสดงคารวะทักทาย “ยินดีที่ได้พบกัน ผู้เยี่ยมยุทธ์แห่งแคว้นท่านเยี่ย ข้าให้คนเตรียมอาหารเลี้ยงต้อนรับ ท่านโปรด……”

เยี่ยฉวนสายหน้า เขารีบพูดขัดขึ้นเป็นเชิงปฏิเสธต่อชายชราร่างผอมทันควัน “ช่วยนำข้าไปที่วังหลวง……จัดการธุระก่อนเถิดขอรับ!”

เมื่ออีกฝ่ายพูดเช่นนี้ไหนเลยคนชราร่างผอมบางจะกล้าทัดทาน เขาได้แต่พยักหน้าอย่างเข้าใจและนำเยี่ยฉวนเดินทางต่อตรงไปยังวังหลวงแห่งแคว้นหนิงทันที

คนทั้งสองมาหยุดที่หน้าประตูวังหลวง ซ้ำรอนานกว่าครึ่งชั่วยามแล้วแต่ยังไม่มีใครออกมาต้อนรับแม้แต่คนเดียว

จนกระทั่งชายหนุ่มเริ่มรู้สึกว่ามีบางอย่างที่ไม่ปกติ เขาหันไปทางชายชราที่ยืนข้างซึ่งบัดนี้เหงื่อไหลย้อยจากหน้าผากลงมาที่ใบหน้าจนชุ่มโชก “ขะ ข้าไม่รู้ว่าทำไม……”

เยี่ยฉวนนิ่งเงียบอย่างใช้ความคิด และทำท่าควักแผ่นป้ายตราสัญลักษณ์ขึ้นมาถือขณะก้าวเท้าออกไป ตอนนั้นเอง ร่างของสตรีนางหนึ่งปรากฏกายไม่ห่างออกไป นางสวมชุดยาวกรอมเท้าสีเหลืองสดใส เส้นผมยาวดำขลับทิ้งตัวสยายคลุมไหล่ รูปร่างอันมีเสน่ห์ตราตรึง น่าดึงดูดใจต่อผู้พบเห็นยิ่งนัก

ทันทีที่สายตาปะทะเข้ากับร่างคน สีหน้าของเยี่ยฉวนแปรเปลี่ยนฉับพลัน “จะ เจ้า……ไฉนจึงเป็นเจ้าได้!” ด้วยสตรีที่ยืนอยู่เบื้องหน้า นางคือสตรีชุดดำคนเดียวกับที่เขาพบในป่าและบังเอิญมีสัมพันธ์ลึกซึ้งต่อกัน

ทัวป้าเหยียนมองตรงแน่วที่เยี่ยฉวน สีหน้าปราศจากความรู้สึก ขณะที่เยี่ยฉวนพยายามข่มความรู้สึกตกใจและรีบปรับสีหน้าให้จริงจัง “ที่นี่เป็นวังหลวงแห่งแคว้นหนิง ข้าเป็นมิตรสนิทของฮ่องเต้ ขอเตือนไว้ก่อนว่าไม่ใช่ที่ที่เจ้าจะมาวุ่นวาย ไม่งั้นนะฮึ่ม! เข้าใจที่ข้าพูดไหม?!”

— จบตอน —

ACAC

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version