บทที่ 249 เซียนกระบี่งั้นหรือ? เซียนไร้ยางอายกระมัง? (ต้น)
ร่างของทัวป้าเหยียนหายวับจากสถานที่
ปัง! สิ้นเสียงดังสนั่น ร่างของคนผู้หนึ่งพลันละลิ่วลอยออกไปไกลกว่า 16 จั้ง! เยี่ยฉวน
เขาถูกพลังผลักปะทะรุนแรงจนร่างกระเด็นไปไกล 16 จั้งจึงหล่นกระแทกพื้นดังสนั่น ความหนักหน่วงของน้ำหนักที่ตกกระแทกพื้นดิน ก่อให้เกิดเป็นหลุมบ่อลึกลงไปในดิน
หญิงสาวยามนี้โกรธจนหน้าเขียว นางทำท่าจะเข้าจู่โจมซ้ำอย่างไรก็ตามเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายรีบตะลีตะลานผุดลุกขึ้นและวิ่งหนีไป ไม่ทันไรก็ลับหายไปจากสายตาเสียแล้ว นางจึงเปลี่ยนใจไม่ติดตาม
ดวงตาจับภาพเบื้องหลังของเยี่ยฉวนที่วิ่งหนีไม่คิดชีวิต ทัวป้าเหยียนอดอมยิ้มไม่ได้ รอยยิ้มที่เกิดจากความโกรธ! ตั้งท้องงั้นหรือ?! เมื่อก่อนหญิงสาวเคยนึกกังวลอยู่บ้าง แต่นางก็ไม่ได้ตั้งท้อง!
ทันใดนั้นปรากฏว่าเยี่ยฉวนวิ่งย้อนกลับมา สีหน้ากำลังยิ้มแย้มพลันแปรเปลี่ยนมึนตึงทันที ชายหนุ่มไม่ได้เข้ามาใกล้ แต่หยุดที่ห่างออกไปพอสมควรพลางยกมือขึ้นตบที่หน้าอกดังปึ้ก ขณะพูดว่า “อีกไม่นานข้าก็จะเป็นเซียนกระบี่!”
อีกฝ่ายจับตามอง ความงุนงงแวบขึ้นในแววตา “มาบอกข้าทำไม?” เยี่ยฉวนสีหน้าเคร่งขรึม สุ้มเสียงจริงจัง “ถ้าข้าเป็นเซียนกระบี่ เจ้าก็จะเป็นผู้หญิงที่เคยมีความสัมพันธ์กับเซียนกระบี่ ใช่ไหมล่ะ?”
ยามนี้แววตาของทัวป้าเหยียนบอกชัดว่าถ้าขยี้คนตรงหน้าให้แหลกคามือได้ นางจะทำ “อยากตายหรือไง?”
ชายหนุ่มหน้าตาขึงขัง “หรือว่าไม่จริง?”
หญิงสาวเขม้นมองพลางถามว่า “เซียนกระบี่งั้นหรือ? ข้าไม่รู้หรอกว่าเจ้าจะได้เป็นเซียนกระบี่ รู้แค่ว่าเจ้าน่าจะเป็นเซียนไร้ยางอายเท่านั้น!”
เยี่ยฉวน “…”
หากทว่าทัวป้าเหยียนกล่าวจบแค่นั้นและไม่ได้พูดอะไรอีก จากนั้นคนจึงหันหลังเดินหนีไปทันที แต่แล้วก็ต้องชะงักฝีเท้า “เจ้าจะเป็นหรือไม่เป็นเซียนกระบี่ ไม่สำคัญหรอก คนที่กล้าหาญและจิตใจมั่นคงหนักแน่นถึงจะไม่ได้เป็นเซียนกระบี่ ข้าก็ยอมรับนับถือในตัวคนผู้นั้น” ว่าแล้วก็หันกลับผละจากไปอย่างรวดเร็ว
เยี่ยฉวนยืนนิ่งอยู่กับที่เพียงลำพังครู่หนึ่ง ก่อนหันหลังออกไปอีกทาง ภายหลังจากได้ฟังคำตอบตามที่หวังจากทัวป้าเหยียน เขาค่อยรู้สึกเบาใจเมื่อแน่ชัดว่าแคว้นหนิงจะไม่เข้ามายุ่งเกี่ยวกับสงคราม ด้วยถ้าเช่นนั้นแคว้นเจียงคงไม่ถึงกับตกที่นั่งลำบากเท่าใดนัก!
ที่หน้าประตูเมือง เยี่ยฉวนยืนมองออกไปที่ไกล ด้วยเวลานี้พวกต่างแคว้นหาได้หมายมุ่งเพียงแคว้นเจียง ทว่ายังหมายในตัวเขาและสถานศึกษาฉางหลาน! เขามั่นใจแล้วว่าทั้งสถานศึกษาฉางมู่และดินแดนอันธกาล ล้วนไม่ประสงค์จะให้เขาก้าวไกลในยุทธภพอย่างเด็ดขาด!
นับว่าเขายังโชคดี ที่บรรดาแคว้นเหล่านั้นไม่กล้าส่งยอดยุทธ์ฝีมือเหนือกว่าระดับผนึกยุทธ์เข้ามา ถึงกระนั้นก็เถอะจะประมาทไม่ได้! การประมือกับทัวป้าเหยียนครั้งล่าสุด ทำให้เยี่ยฉวนชัดแจ้งในใจว่ายังมียอดยุทธ์ขั้นผสานเทพอีกมากมาย เขาเองยังเก็บกักพลังบางส่วนไว้ ซึ่งทัวป้าเหยียนก็เช่นกัน ถ้าเขาแสดงฝีมือจนสุดกำลัง ยังไม่แน่เหมือนกันว่าจะสามารถสยบนางได้!
เรื่องหวาดเกรงไม่ต้องพูดถึง เขาไม่เคยนึกกลัวใคร! เยี่ยฉวนเลิกความคิดดังกล่าวไว้ก่อนชั่วครู่ ขณะทำท่าจะเดินออกจากสถานที่ จังหวะนั้นมีชายชราหลังโก่งค่อมกำลังเดินสวนทางผ่านเข้ามาในระยะประชิดตนผิดสังเกต ทันใดนั้นโดยไม่คาดคิด ชายหลังค่อมพลันเสือกมีดสั้นในมือซึ่งซุกไว้ในแขนเสื้อ พรวดเข้าที่บริเวณท้องของชายหนุ่ม!
รวดเร็ว! ประดุจอสรพิษร้ายพุ่งฉกเป้าหมาย จนยากที่เยี่ยฉวนจะหลบหลีกได้ทัน! ดังนั้นเขาจึงมิได้หลีกหลบ อีกทั้งไม่ปัดป้องอย่างสิ้นเชิง เมื่อมีดสั้นเกือบถึงตัวคน เยี่ยฉวนจึงผลักออกหมัดตรงทั้งสองข้างเข้าที่ศีรษะของชายชราหลังงุ้มอย่างรุนแรง
เปรี้ยง! ศีรษะของชายชราผู้เคราะห์ร้าย สะบัดหลุดออกจากบ่าของเจ้าตัวทันที ขณะนั้นเยี่ยฉวนผงะถอยหลังไปสองสามก้าว บริเวณลำตัวเป็นรอยบาดลึกพร้อมกับโลหิตที่ไหลซึมออกมาเป็นวงใหญ่
ชั่วขณะหนึ่งชายหนุ่มสัมผัสได้ถึงลำแสงลึกลับพุ่งวาบตรงมายังคอหอย ด้านหลังต้นคอและต้นขาในเวลาไล่เลี่ยกัน… ทิศทางของลำแสงสู่หลายส่วนของร่างกายโดยมีเป้าหมายเด็ดชีพ!
ไม่มีทางที่คนอย่างเยี่ยฉวนจะล่าถอย! การถอยหนีไม่เคยมีในความคิด เขาจึงแบมือทั้งสองยื่นออกไปเบื้องหน้า พลันกระบี่หลิงซิ่วปรากฏออกบนฝ่ามือจากนั้นจึงฉวยกระบี่และตวัดอย่างรุนแรง
เสียงกระบี่อันน่าเกรงขามดังแหวกอากาศ! เปรี้ยง! ลำแสงเยือกเย็นแตกกระจายออกไป เบื้องหน้าที่อยู่ไม่ไกลเกิน 16 จั้งจากเยี่ยฉวน เงาคนกลุ่มหนึ่งเผยโฉมหน้าทว่าพร่าเลือน
เงาเหล่านั้นไม่ได้มีทีท่าจะเข้าจู่โจมต่อไป แต่พวกมันพากันหันกลับและเลือนหายไปทั้งหมดอย่างรวดเร็ว เมื่อจู่โจมเพียงหนึ่งครั้งกระทำการสังหารไม่สำเร็จ พวกมันจึงต้องหลบหนีไปในทันที!
เยี่ยฉวนไม่ออกไล่ติดตามเพราะคนพวกนี้มีความเร็วเป็นเลิศ อีกทั้งพวกมันยังปกปิดไอรังสีไว้อย่างมิดชิด จึงยากที่เยี่ยฉวนจะตามทัน
มือสังหาร! ชายหนุ่มหน้าหมอง ถึงไม่มีใครบอกเขาย่อมรู้ดีว่าพวกมันคือเหล่ามือสังหารจากดินแดนอันธกาล!! พวกมือสังหารเหล่านี้ถือเป็นนักฆ่ามืออาชีพ ซึ่งขึ้นชื่อในความเหี้ยมโหดและไร้ปรานี พวกเขาจะหลีกเร้นกายหายไปทันทีหากการลอบสังหารเกิดความผิดพลาด!
หากมือสังหารเหล่านี้ลอบสังหารชาวบ้านธรรมดาหรือกองทหารของแคว้นเจียง หรือแม้แต่ศิษย์ฉางหลาน บอกได้เลยว่าหายนะมาเยือนอย่างแน่นอน!
ภายหลังจากนิ่งคิดอยู่ครู่ใหญ่ เยี่ยฉวนพลันหันกลับและเดินเข้าสู่ประตูเมือง ราวหนึ่งก้านธูปถัดมา ชายหนุ่มกำลังมุ่งหน้าออกนอกตัวเมือง
เยี่ยฉวนกำลังเร่งฝีเท้าวิ่งสุดชีวิตฝ่าผ่านช่องเขาหลายต่อหลายลูก ในที่สุดเท้าก็พาเยี่ยฉวนมาถึงกระท่อมหลังหนึ่ง ด้านหน้ามีบุรุษนอนเอกเขนกไขว้ขาไขว่ห้าง ในมือกลิ้งลูกเหล็กสีดำสองลูกไปมาอย่างสบายอารมณ์
ชายหนุ่มชะลอฝีเท้าและตรงเข้าไปทางกระท่อม คนที่นอนอยู่เหลือบตามองมา “คนตาบอดงั้นหรือ?” ทันใดนั้นพลังแห่งปณิธานกระบี่และแรงผลักดันกระบี่เข้าหุ้มห่อคนถามไว้ทั้งร่าง ส่วนของกระท่อมแตกกระจัดกระจาย เขาหรี่ตามองคนที่เพิ่งเข้ามา เสียงพึมพำงึมงำ “ปรมาจารย์กระบี่!”
หากเยี่ยฉวนเดินเข้าไปนั่งลงที่ไม่ไกลนัก และเอ่ยขึ้นว่า “ข้ามีงานมาเสนอ!” อีกฝ่ายถามเสียงกร้าว “เจ้ารู้หรือว่าเรามีกฎอย่างไร?” เยี่ยฉวนพยักหน้า “ข้ารู้!” จากนั้นเขาจัดการดึงแผ่นป้ายสีดำออกมาชูเบื้องหน้า
ทันทีที่เห็นแผ่นป้าย สายตาของคนตรงหน้าเยี่ยฉวนตวัดมองตรงใบหน้าชายหนุ่ม ด้วยแผ่นป้ายนี้เป็นวัตถุแสดงถึงตำแหน่งสูงที่สุดแห่งสำนักอัปสรเมรัย อีกนัยหนึ่งสิ่งนี้เป็นสัญลักษณ์แสดงสถานะนั่นเอง
หลังจากนิ่งเงียบไปเป็นครู่ เขาจึงขยับลุกขึ้นและหันมาพูดกับเยี่ยฉวน “ตามมา!” ดังนั้นเยี่ยฉวนจึงออกเดินตามหลังไปเงียบๆ โดยทอดระยะให้ห่างเล็กน้อย
— จบตอน —
